xs
xsm
sm
md
lg

60 ล้านก็สน แต่อยากเป็นที่ 1 มากกว่า!! “แพงกี้” นักกอล์ฟดาวรุ่งแห่งยุค [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งในไม่กี่คน ที่วาดวงสวิงได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่เด็ก “แพงกี้-แอลล่า” นักกอล์ฟดาวรุ่ง กับเส้นทางที่ยอมเสียสละชีวิตวัยรุ่น เพื่อทุ่มเทให้กับกีฬาที่รัก ลบคำครหา ที่หลายคนมองว่ากอล์ฟไม่ใช่กีฬา พร้อมเดินตามรอยไอดอล “โปรจีน” เพื่อเขย่าวงการกอล์ฟหญิงของโลก



หวดลูกแรกก็โดนเลย

“ตอนนั้นก็แค่อยากลองค่ะ ตีลูกแรกแล้วมันโดน คนส่วนใหญ่ถ้าไม่เคยดู ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็จะคิดว่ามันยาก จะตีไม่โดน แต่หนูจับไม้หวดแล้วมันก็โดนเลย หนูก็ว่าน่าจะหนึ่งในไม่กี่คน”

“แพงกี้-แอลล่า แกลิทสกีย์” นักกอล์ฟดาวรุ่งวัย 17 ปี ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง เพราะเธอเคยคว้าแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023 ที่สิงคโปร์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟสาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก “โปรจีน-อาฒยา ฐิติกุล” นักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้เช่นกัน

และเธอกำลังมุ่งหน้าตามรอยนักกอล์ฟหญิงรุ่นพี่คนนี้ เพื่อก้าวขึ้นไปเขย่าวงการกอล์ฟหญิงของโลก และเชื่อว่าอีกไม่นาน เธอน่าจะสร้างชื่อเสียง ให้ได้เช่นเดียวกับไอดอลของเธออย่างแน่นอน

น้องแพงกี้เป็นลูกครึ่งไทย-แคนาดา เกิดและโตที่เชียงใหม่ จุดเริ่มต้นในการหลงรักในกีฬากอล์ฟ ของสาวน้อยดาวรุ่งคนนี้ เธอเล่าว่า เริ่มมาจากที่คุณแม่พาไปเล่นที่สนามกอล์ฟเมื่อตอน 8 ขวบ

เธอเล่าด้วยความภูมิใจว่า ครั้งแรกที่จับไม้กอล์ฟ เธอก็สามารถตีโดนลูกกอล์ฟได้ทันทีในครั้งแรก ซึ่งมันทำให้เธอชอบใจมาก เพราะเธอบอกว่า เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ตีโดนตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มเล่นในวัยนั้น

“ก็เริ่มเล่นจากที่แม่พาไป ตอนอายุ 8 ขวบ แม่พาไปสนามกอล์ฟ เพื่อนของแม่มีลูกที่เล่นกอล์ฟ แม่ก็เลยอยากให้ไปลอง พอไปถึงสนามกอล์ฟ ลูกแรกที่หนูตี ก็ตีโดน ก็เลยรู้สึกชอบตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็พอเริ่มมาซ้อม ก็รู้สึกว่าตัวเองก็ตีดี ก็เลยชอบค่ะ

ตอนนั้นเล่นตอน 8 ขวบครึ่ง ตอนนี้ก็ 9 ปี จะ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่ ก็คงไม่ได้อยากซ้อมอยากอะไรมาก ก็คงอยากเล่นเฉยๆ แต่ว่าพ่อแม่ก็พาไปซ้อม ทำให้หนูขยัน เพราะหนูว่าเด็กทุกคนก็ไม่ได้มีความขยันขนาดนั้น แต่ว่าพ่อแม่ช่วยหนูเรื่องจัดตารางซ้อม

แต่ตอนนี้หนูก็จัดตารางเองหมดเลย รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมีความรับผิดชอบขึ้น ไม่ค่อยให้พ่อแม่พาไปซ้อมเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าช่วงนั้นก็ให้เครดิตพ่อแม่หมดเลย”


นอกจากจากจุดเริ่มต้นที่คุณแม่พาไปสนามกอล์ฟแล้ว พรสวรรค์ด้านนี้ของเธอยังมาจากแรงสนับสนุนสำคัญของครอบครัว คือคุณพ่อกับคุณแม่ มักจะปลูกฝังให้เธอออกกำลังกาย มาตั้งแต่ 3 ขวบ ซึ่งเธอได้ลองเล่นกีฬาหลากหลายมาก จนในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเลือกกีฬากอล์ฟ

“หนูเป็นคนชอบเล่นกีฬา ตอนนี้ก็ไม่ได้เล่นแค่กอล์ฟด้วย แรกๆ หนูจะว่ายน้ำ ไปเล่นยิมนาสติก หนูชอบเล่นบาสมากๆ แล้วก็มีเล่นมวยไทยบ้างนิดนึง

ก่อนเล่นกอล์ฟหนูค่อนข้างซีเรียสเรื่องบาสค่ะ บาสมันเล่นเป็นทีม บางครั้งคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว แต่ว่าทีมอาจจะทำให้เราแพ้ หรือว่าอะไรพวกนี้ แต่หนูก็พูดแบบนั้นไม่ได้ พอมาเล่นกอล์ฟก็รู้สึกว่า ถ้าจะแพ้ก็ทำให้แพ้เอง ถ้าชนะก็ทำให้ชนะด้วยตัวเอง ก็รู้สึกว่าหนูเข้ากับกีฬาที่มันเป็นกีฬาเดี่ยวได้ดีกว่ากีฬาพวกทีม

กอล์ฟมันก็ไม่ได้เชิงว่าง่าย แต่ว่าหนูชอบ พอหนูชอบอะไรหนูก็อยากทำ แล้วก็ทำค่อนข้างดี ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ movement ของตัว แล้วหนูก็เป็นคนชอบการแข่งขัน ถ้าเพื่อนจะทำอะไร หนูก็จะพยายามทำให้ดีขึ้น พอเล่นกีฬาแล้วรู้สึกว่า เป็นที่ที่หนูควรอยู่ค่ะ”

เธอยังบอกอีกว่า นอกจากความชื่นชอบในการเล่นกีฬาแล้ว อีกจุดเริ่มต้นสำคัญคือ เป็นคนที่มีนิสัยรักการแข่งขันมาตั้งแต่เด็กด้วย จึงทำให้เธอมายืนอยู่ในเส้นทางนี้ได้

“ตอนที่หนูเด็กๆ หนูก็จะชอบแข่งวิ่งกับพ่อ แล้วพ่อก็ไม่เคยให้หนูชนะเลย หนูก็เลยต้องพยายามสุดๆ กว่าที่จะชนะได้ ก็เลยรู้สึกว่าการชอบการและการแข่งขันมาตั้งแต่ตอนนั้น คืออยากชนะพ่อ

ก็จะวิ่งแข่งกับพ่อ เล่นแบดแข่งกับพ่อ หนูก็จะแพ้ตลอด ตอนเด็กหนูก็เลยอยากชนะมากๆ อยากชนะพ่อให้ได้ เพราะพ่อเป็นผู้แข่งขันที่ใหญ่ที่สุด”


เก็บประสบการณ์ เพื่อ 60 ล้านในอนาคต

ส่วนอีกเหตุผล ที่เธอตัดสินใจ เลือกเล่นกีฬากอล์ฟแบบจริงจัง เพราะมองว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่น่าจะมีอนาคตที่ดีที่สุด ในบรรดากีฬาประเภทอื่นๆ

“ก็รู้สึกว่ากอล์ฟน่าจะมีอนาคตที่ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่า ประเทศไทยมันซัพพอร์ตกอล์ฟมากกว่ากีฬา เช่น บาส เพราะนักกีฬาไทย ที่ไปถึงระดับโลกที่เป็นนักบาสก็ไม่ค่อยมี แต่กอล์ฟก็มีหลายคน ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเล่นกอล์ฟมันน่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า

ตอนนั้นแม่ก็บอก หนูก็ทำตามแม่ แม่พาไปไหนหนูก็ไป เพราะตอนนั้นพ่อไปทำงาน ก็เลยอยู่กับแม่เยอะ แล้วแม่ชอบพาหนูไปเล่นกอล์ฟมากกว่าไปเล่นบาส เพราะว่าแม่กลัวหนูเจ็บ ก็เลยมาซีเรียสเรื่องกอล์ฟไปเลย

ที่หนูมองกอล์ฟ มันไม่ต้องมีอะไรเหมือนบาส คือคนแก่จะเล่นยังได้เลยค่ะ เด็กยังเล่นได้เลย สูง เตี้ย ผอม อ้วน มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นยังไงกับกอล์ฟค่ะ

อย่างแรกเลยส่วนสูงหนูไม่สูงพอที่จะเป็นนักบาส มันก็ไปให้เปรียบคนอื่นแทนแล้ว รู้สึกว่าบาสเนี่ยมันต้องเกิดมาให้เหมือนนักบาสก่อนเลย แต่ว่ากอล์ฟคนสูงเล่นได้ คนตัวเตี้ยเล่นได้ คนผอมเล่นได้ คนอ้วนเล่นได้ ทุกคนเล่นได้ แต่ว่าถ้าจะเป็นบาสต้องสูงอย่างแรกเลย สูง ผอม แข็งแรง ก็เลยรู้สึกว่าแค่ตรงนั้นหนูก็ไม่ได้แล้ว หนูสูง 173 ซม. ค่ะ บาสต้อง 180 ซม. ขึ้น”


ทำไมถึงมองว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่น่าจะมีอนาคตที่ดีที่สุด เพราะเธอมองว่า ในเรื่องของรายได้ ถ้าสามารถเดินสายนักกอล์ฟอาชีพได้ การแข่งขันแต่ละแมตช์ถ้าชนะ มีค่าตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยอย่างมาก แถมมีโอกาสทำเงินสูงสุดแมตช์ละ 60-70 ล้านบาทเลยทีเดียว

“หนูยังไม่ได้เป็นนักกอล์ฟอาชีพ ก็แข่งแมตช์อาชีพได้ แต่ว่ารับเงินไม่ได้เฉยๆ ยังไม่มีรายได้จากกอล์ฟ จะ 10 ปีแล้วค่ะ ก็จ่ายเอง ก็คิดว่าอนาคตตัวเองจะทำเป็นอาชีพ แล้วก็จะได้เงินเยอะกว่าที่จ่ายไป

หนูว่าตั้งแต่สมัยก่อน ทุกคนก็น่าจะรู้ว่ากอล์ฟเป็นกีฬาของคนรวย เพราะว่าไหนจะซื้อไม้ ซื้อลูกกอล์ฟ จ่ายค่าสนามถ้าอยากไปซ้อม จะบินไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายมันก็สูงค่ะ หนูก็เลยรู้สึกว่า ดีใจมากๆ ที่พ่อแม่มีฐานะที่จะซัพพอร์ตหนูได้ขนาดนี้ หนูก็หวังว่า พอหนูได้เป็นนักกอล์ฟอาชีพ ก็จะหาเงินมากกว่าที่จ่ายไป แล้วก็เอามาให้พ่อแม่

ถ้าไปถึงระดับโลกได้ แล้วก็เป็นนักกอล์ฟอาชีพ หนูว่าคุ้มมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าชนะทีนึงได้เป็นล้านนะคะ ถ้าเป็นรายการใหญ่สุดตอนนี้ ก็น่าจะเป็นยูเอส โอเพ่น ถ้าชนะยูเอส โอเพ่น ก็ได้ประมาณ มี 60-70 ล้านบาท

ก็ถ้าชนะได้เงินประมาณนี้ แต่ว่าถ้าได้ที่ 2 ก็จะตัดมาครึ่งนึง ที่ 3 ก็จะได้น้อยลง ถือว่าเงินเยอะอยู่ค่ะ ปีนึงก็จะมีแมตช์ประมาณ 30-40 แมตช์ ก็มีโอกาสทำเงินตั้งหลายแมตช์ได้อยู่

มองว่าตอนนี้กำลังลงทุน พอเป็นนักกอล์ฟอาชีพก็จะได้เงินกลับมา ตอนนี้จะไปเรียนต่อก่อน ถ้าเรียนจบ ก็จะกลายเป็นนักกอล์ฟอาชีพ น่าจะอายุประมาณ 22-23 ปี ถึงจะเริ่มหาเงินได้

แล้วก็ต้องไปสอบว่า รู้กฎทุกอย่างไหม ฝีมือถึงไหมที่จะเป็นโปร อย่างน้อยต้องอายุ 18 ปีก่อนค่ะ แล้วเขาก็จะมีสอบเป็นโปร แล้วพอผ่านทุกอย่างแล้วค่อยสอบเข้าทัวร์ว่าจะได้ทัวร์ไหน”


ไม่แข่งยิ่งแพ้ ลองสักตั้ง “มือ 1 โลก!!”

สาวน้อยมากความสามารถ เธอเล่าถึงความฝันบนเส้นทางอาชีพนี้ไว้ว่า เธอฝันอยากเป็นที่ 1 ของโลก และเธอจะทำให้ได้

“อยากเป็นที่ 1 เป็นความฝัน ที่จริงหนูไม่ได้อะไรมากเรื่องเงิน แต่ว่าหนูอยากเป็นที่ 1 มากกว่า เพราะว่าถ้าหนูเป็นที่ 1 เงินมันก็จะตามมาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหนูอยากแข่งกับคนอื่น อยากดีที่สุด อยากทำ อยากเก่งที่สุดในกีฬานี้ หนูว่าเป็นแรงบันดาลใจให้อยากไปต่อได้

หนูไม่ได้จำกัดเวลาค่ะ หนูอยากเป็นที่ 1 แต่ว่าถ้ามันมาเร็วก็ดี ถ้ามันมาตอนที่หนูอายุ 30 ปี ก็ดี ถ้ามาตอนที่หนูอายุ 20 ปี ก็ดี แต่ว่าหนูว่าตอนที่หนูพร้อมจริงๆ หนูก็จะขึ้นไปเป็นที่ 1 เอง ก็ต้องรอว่ามันพร้อมเมื่อไหร่”

จากความชอบตั้งแต่เด็ก ในการเริ่มต้นเล่นกอล์ฟตั้งแต่ 8 ขวบครึ่งที่เชียงใหม่ หลังจากตีได้ 3 เดือน เธอก็ไปแข่งรายการแรกในศึกพีจีเอ ภาคเหนือ และได้อันดับ 2 จากนั้นก็ฟอร์มดี จนมีโอกาสติดทีมชาติมาตั้งแต่อายุ 14 ปี

แถมผลงานที่ผ่านมา เธอยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งการคว้าแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023 ที่สิงคโปร์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟสาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก “โปรจีน-อาฒยา ฐิติกุล” นักกอล์ฟหญิงมือ 1 โลก ที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้เช่นกัน

สาวน้อยนักสวิงกอล์ฟวัย 17 ปีคนนี้ เธอยังเป็นที่พูดถึงจากการเป็นแชมป์โลว์ อเมเจอร์ ในเชฟรอน แชมเปี้ยนชิพ ที่สหรัฐอเมริกาอีกด้วย


“ปีที่แล้ว ได้แชมป์แมตช์เอเชีย-แปซิฟิก พี่จีนก็เคยได้แชมป์นี้เหมือนกัน คนก็พูดถึงกันเยอะ เพราะเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่เคยได้แชมป์เหมือนกัน

มันเป็นแมตช์ใหญ่ เพราะว่าพอหนูชนะ หนูได้เข้าไปเล่นแมตช์โปรระดับโลกหลายแมตช์ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าแมตช์นี้มันสำคัญตรงที่ ถ้าสมมติไม่ได้แชมป์ ก็จะไม่ได้เข้าไปเล่นกับพวกโปรๆ ก็เลยมันสำคัญตรงนี้

หนูคิดว่าตีไป เป้าหมายเราก็ใหญ่ขึ้น คือตอนหนูเป็นเด็ก เป้าหมายหนูก็คือแค่ชนะแมตช์ที่เชียงใหม่ พอชนะแมตช์ที่เชียงใหม่ ก็อยากชนะแมตช์ของประเทศไทย เพราะชนะแมตช์ของประเทศไทย ก็อยากติดทีมชาติ ถ้าติดทีมชาติก็อยากชนะแมตช์อินเตอร์

เพราะหนูรู้สึกว่ายิ่งโตขึ้น ยิ่งมีเป้าหมายมากขึ้น แต่ว่าถ้าถามว่าตั้งแต่หนูตีลูกกอล์ฟอันนั้น พอมาคิดว่าตอนนี้ตัวเองอายุ 17 ปี ประสบความสำเร็จมามากขนาดนี้แล้ว หนูก็ว่าตอนหนูอายุ 8 ขวบก็น่าจะตกใจค่ะ (หัวเราะ)

แต่ตอนนี้ที่หนูอายุ 17 หนูก็อยากเป็นเบอร์ 1 ของโลก ก็รู้สึกว่าเป้าหมายก็น่าจะประมาณยังไม่น่าถึงครึ่งที่หนูอยากให้ตัวเองเป็น ก็ใกล้ถึงครึ่งแล้วค่ะ”

[นักกอล์ฟคนที่ 2 ของไทย ที่สามารถคว้าแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023]


เธอบอกถึงจุดแข็งสำคัญ ในไต่เต้าเพื่อที่จะก้าวไปเป็นที่ 1 ของโลก ในการเอาชนะคู่แข่งได้ คือการที่เธอตีลูกกอล์ฟ ได้ไกลกว่าผู้หญิงหลายคน และนั่นก็เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก และกลายเป็นดาวรุ่งในวงการกอล์ฟ ที่น่าจับตามองในตอนนี้

แม้การพยายามมุ่งมั่นเดินตามฝันของเธอ เธอจะรู้สึกภูมิใจแล้ว แต่เธอก็บอกว่า รู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกเยอะ

“หนูว่าหนูตีลูกกอล์ฟได้ไกลกว่าผู้หญิงหลายคน เป็นจุดที่ทำให้หนูมีชื่อเสียง เพราะว่าทุกคนจะคิดว่าหนูตีไกล หนูว่าจุดแข็งของหนูก็คือที่ระยะที่หนูตีได้ไกลกว่าคนอื่น มันก็มีโมเมนต์ที่ภูมิใจ แต่มันก็มีโมเมนต์ที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีกว่านี้เยอะ”


แมตช์ท้าทาย แต่ไม่เกินความสามารถ

เธอมองว่ากอล์ฟ เป็นกีฬาแห่งความท้าทาย เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละแมตช์ก็ไม่เหมือนกัน ทั้งเรื่องภูมิกาศ รูปแบบสนาม แต่แมตช์ที่ท้าทายนั้น เธอก็สามารถทำผลงานกลับมาได้อย่างน่าพอใจ

“ท้าทาย เพราะว่าสภาพแวดล้อมแต่ละแมตช์มันไม่เหมือนกัน แต่ละสนาม แต่ละประเทศ อากาศก็ไม่เหมือนกัน บางที่ก็ร้อน บางที่ก็ลม บางที่ก็หนาว บางที่ก็ฝน สนามบางที่ก็ยาว ยิงก็เร็ว บางที่ก็สั้น ก็ยิงช้า บางสนามก็อยู่บนเขา บางสนามก็ติดทะเล
มันท้าทายตรงที่มันไม่เหมือนกันสักที่ แล้วรู้สึกว่ามันยากกว่ากีฬาอื่นตรงนี้ด้วยค่ะ เพราะว่าสมมติไปแข่งบาสไปต่างประเทศ สนามมันก็เหมือนกัน เซ็ตไว้เหมือนกันหมด

แมตช์ประมาณเดือนที่แล้วยาก ที่หนูไปแข่งที่อเมริกา เพราะว่าอยู่ไทยมัน 40 กว่าองศา แต่ว่าพอไปอเมริกาอยู่ดีๆ ก็ 5 องศา ก็รู้สึกว่าหนาว แล้วก็ลมเยอะด้วย ประเทศไทยเราก็ไม่ค่อยมีลม พอไปเจออะไรที่หนาวๆ แล้วก็ลมแรง ก็ไม่ค่อยถนัด ไม่ค่อยชิน ก็รู้สึกว่ามันท้าทายกว่าแข่งแมตช์อื่น แล้วก็สนามที่นู่นก็ยาวกว่าที่นี่ด้วยค่ะ

แมตช์นั้นเป็นครั้งที่ 2 ที่หนูไปแข่ง ไปปีที่แล้วไม่ผ่านตัดตัว แต่ปีนี้ก็จบที่ 8 จากประมาณ 80 กว่าคน ก็รู้สึกพึงพอใจมากๆ ที่พอตัวเองไม่ชินกับสภาพแวดล้อมแบบนั้น ก็ทำออกมาได้ขนาดนั้น ก็รู้สึกพอใจ

ด้วยสภาพอากาศที่มันหนาวมากๆ เราต้องใส่เสื้อผ้าที่มันอุ่นๆ 2-3 ชั้น รู้สึกมันหมุนไม่ค่อยถนัด อยู่ประเทศไทยหนูก็ใส่เสื้อปกติ ใส่เสื้อแค่ชั้นเดียว ใส่กางเกงขาสั้น ใส่เสื้อแขนสั้นออกไปตี รู้สึกสบาย

แต่พอไปอยู่ที่นู่นแล้วมันหนาว ต้องใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นมันก็อึดอัด แล้วมันก็หมุนไม่ถนัด แล้วก็ลมก็แรงด้วย พอลูกกอล์ฟมันอยู่ในอากาศ เราก็คำนวณเรื่องลม ต้องเผื่อระยะเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ามันท้าทายตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่ามันยาก ที่จะหมุน ที่จะตีลูก”


นอกจากความท้าทายแล้ว เธอยังบอกถึงแมตช์ที่เธอรู้สึกประทับให้ฟังอีกว่า เป็นแมตช์เดียวกับพี่โปรจีน ที่เคยชนะมาก่อน ซึ่งในโมเมนต์ตอนแข่งเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าจะชนะ เพราะแมตช์นั้น แค่อยากลองไปเก็บประสบการณ์ดูเฉยๆ

“น่าจะเป็นที่หนูชนะค่ะ เอเชีย-แปซิฟิก วีเมนส์ อเมเจอร์ ที่สิงคโปร์ ตอนนั้นหนูไปกับทีมชาติ ไปกัน 4 คน แล้วก็โค้ชคนนึง ก็รู้สึกว่ามันสนุกพอไปกับทีม ได้อยู่กับเพื่อนๆ หนูก็นอนกับเพื่อน ไม่ได้นอนกับพ่อแม่ ก็รู้สึกว่ามันสนุก แล้วตัวเองก็ไม่ได้เครียด จริงๆ หนูไปหนูไม่ได้คาดหวังเลยค่ะ แค่อยากไปเก็บประสบการณ์

แต่พอตีไป 3 วันอยู่ดีๆ หนูก็นำ สุดท้ายหนูก็ตื่นเต้นมากๆ เลย เพราะว่าเป็นวันที่หนูไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น นำ 3 แต้ม แล้วก็เหลืออีกวันนึงที่หนูจะแข่ง แล้วก็เห็นทุกคนมาเชียร์ หนูก็รู้สึกภูมิใจ ก็เล่นแบบผ่อนคลายมากเลย แล้วก็ได้แชมป์ขึ้นมาเลยแบบไม่ได้คาดหวัง ก็รู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์ที่ซ้อมมาทั้งหมด แล้วมันคุ้ม”


ไม่จำเป็นต้องพยายามแข่งกับใคร

นักกอล์ฟดาวรุ่งคนนี้ เธอยังบอกอีกว่า สิ่งสำคัญในการเอาชนะความกลัวของตัวเอง และวิธีทำให้ผลงานออกมาได้ดีที่สุด คือไม่จำเป็นต้องพยายามไปแข่งกับใคร นั่นจึงส่งผลให้แรงกิ้ง (ranking) ของน้องแพงกี้ตอนนี้ เป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นมือ 26 ของโลก

“ส่วนใหญ่หนูก็คือไม่ต้องพยายามไปแข่งกับคนอื่น ต้องพยายามอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น ถ้าผลงานเราออกมาดีก็ดีไป ถ้าผลงานออกมาไม่ดีก็กลับไปซ้อม ส่วนอันดับหนูไม่ค่อยดูเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าดูไปมันก็กดดันเพิ่มขึ้น ตอนนี้หนูอยู่ที่ 26”

แข่งกับตัวเอง คือวิธีเอาชนะในแบบฉบับของเธอแล้ว เธอยังบอกอีกว่า“สมาธิ” เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะกอล์ฟเป็นกีฬาที่จำเป็นต้องจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สายตาเพ่งไปที่หลุม และการคาดคะเนระยะระหว่างลูกกอล์ฟและหลุม รวมถึงการจัดระเบียบร่างกาย ซึ่งถ้าขาดสมาธิในตอนที่กำลังเล่นอยู่ อาจทำให้ตีลูกไปผิดทิศทางได้

“สำคัญมากเลย ถ้าไปเล่นแมตช์ใหญ่ๆ คนดูก็จะเยอะมากๆ เหมือนที่หนูไปเล่นออกัสตา ที่หนูจบที่ 8 ตอนหนูจะเริ่มมีคนดูประมาณ 4-5 หมื่นคน แล้วก็มาดูหนูคนเดียว เราก็ต้องอยู่กับลูกกอล์ฟ ต้องทำเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ เพราะว่ารู้สึกว่ากีฬานี้มีแค่หนูกับลูกกอล์ฟ ก็อยู่กับมัน ถ้าไปสนใจคนอื่น ไปสนใจสิ่งแวดล้อม มันก็สมาธิหลุดได้ง่ายมาก แต่ว่าทำออกมาได้ดีก็ดีใจ”


เธอมองว่าคู่แข่งทุกคนน่ากลัว เพราะแต่ละคนก็เก่งๆ กันทั้งนั้น แต่เธอก็มองว่า ฝีมือของเธอก็ดีพอที่จะเอาชนะคู่แข่งได้เช่นกัน

“หนูว่าทุกคนน่ากลัว มันแล้วแต่ละคนค่ะว่าอาทิตย์นี้ใครจะตี แต่หนูรู้สึกว่าฝีมือเราน่าจะพอๆ กัน แต่มันอยู่ที่ว่าวีคนี้จะเป็นของใคร ส่วนมากหนูไม่กลัวนะคะ เพราะหนูรู้สึกว่าฝีมือตัวเองก็เท่าๆ กับทุกคนค่ะ ไม่ก็ดีกว่า แต่มันก็แล้วแต่ว่าอาทิตย์นั้นหนูจะมาไม่มา”

ยอมรับว่าแต่ละแมตช์ในการแข่งขัน ก็มีความเครียด และกังวลบ้าง แต่เธอก็จะพยายามหาวิธีผ่อนคลาย ด้วยการไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆ

“ก็มีเครียดค่ะ หนูว่าเป็นปกติที่เราจะคาดหวังตัวเองว่าอยากแชมป์ ก็อยากจบผลงานดีๆ หนูว่านักกอล์ฟทุกคนเป็นแบบนี้กันหมดค่ะ แล้วแต่ว่าใครจะเอาภาวะเครียดปลดปล่อยได้ในสนาม เล่นแบบไม่เครียด แต่บางคนเครียดแล้วก็เล่นดีนะ แต่หนูไม่ใช่คนพวกนั้น เครียดแล้วเล่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ตอนนี้ก็พยายามหาวิธีผ่อนคลาย ก็ต้องเรียนรู้ไปค่ะสำหรับหนูก็คือการที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ การได้หัวเราะกับเพื่อน การได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ทำอะไรสนุกๆ กับเพื่อน”

สม่ำเสมอ ตามรอยไอดอล “โปรจีน”

น้องแพงกี้ มีไอดอลเป็น “โปรจีน-อาฒยา ฐิติกุล” เพราะเธอบอกว่า มีเส้นทางการเติบโตคล้ายๆ กัน ทั้งการติดทีมชาติ จนมาได้แข่งซีเกมส์ ไต่ระดับตามด้วยเอเชี่ยนเกมส์ และยังมาได้แชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023 ที่สิงคโปร์เหมือนกัน ซึ่งเธอชื่นชมในฝีมือของพี่โปรจีน ที่โชว์วงสวิงได้ดีมากๆ และอยากทำให้เก่งแบบไอดอลของเธอ

“ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากทั้งพี่ๆ ที่หนูซ้อมด้วย แล้วก็ทั้ง ‘โปรจีน’ โปรระดับโลก ‘ไทเกอร์ วูดส์’ หนูก็รู้สึกว่า ด้วยการแชมป์ที่นู่นด้วย เป็นแมตช์ใหญ่แล้วก็เป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้แชมป์ ก็ตามรอยพี่จีนมาได้

เพราะว่าพี่จีนก็ถือว่าเป็นนักกอล์ฟเก่งที่สุดของประเทศไทยที่ผลิตออกไป ก็เลยรู้สึกว่าที่หนูตามรอยพี่จีนมาได้ คนก็เลยคิดว่าหนูเป็นดาวรุ่งมั้งคะ แล้วก็อยากให้หนูไปเป็นเหมือนพี่จีนให้ได้ อะไรแบบนี้ค่ะ ก็อยากเป็นค่ะ อยากเข้าทัวร์เก่งๆ เหมือนพี่เขา

ตอนหนูแชมป์แมตช์นั้น หนูก็ให้สัมภาษณ์ไปว่าพี่เขาเป็นไอดอล พี่เขาก็ส่งวิดีโอมา congratulations หนู พี่เขารู้ว่าหนูเห็นพี่เขาเป็นไอดอล”

 [อยากขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก เหมือน “โปรจีน” ไอดอลคนเก่ง]
นอกจากนี้ น้องแพงกี้ ยังมีโอกาสได้เจอ และพูดคุยไอดอลของเธอแล้วด้วย ซึ่งเธอบอกว่า ตอนนั้นเป็นโมเมนต์สนุกมาก และเธอก็ได้หยิบจับวิธีการเล่นของโปรจีน มาปรับใช้ในแนวทางของตัวเองด้วย

“ก็ถามพี่เขาว่า ความคิดในสนามมีอะไรบ้าง พี่เขาเล่นยังไง ส่วนมากก็ไม่ได้คุยถึงเรื่องกอล์ฟ วันนั้นก็ไปกินข้าวกัน ก็อยู่กับเพื่อนๆ ด้วย ก็เลยมีโมเมนต์สนุกมากกว่าได้คุยกัน

หนูว่าการที่พี่เขาตีได้สม่ำเสมอมากๆ เอามาเป็นไอดอล เพราะพี่เขาคือเล่นหลายๆ แมตช์ติดกัน แต่ยังทำผลงานได้ดีหลายๆ แมตช์ติดกัน ซึ่งหนูว่าเป็นอะไรที่ยากที่สุดในกีฬานี้ เพราะว่าสนามแต่ละลักษณะมันไม่เหมือนกัน เราอาจจะไม่ได้ถนัดอะไรทางที่สนามให้ แต่พี่เขารู้สึกว่าทำได้ดีทุกแมตช์เลย ก็เลยเอามาเป็นแรงบันดาลใจ”


เคยโดนล้อ ว่ากอล์ฟไม่ใช่กีฬา

มีหลายคนเคยบอกกับเธอว่า กอล์ฟที่เธอเล่น ไม่ใช่กีฬา ซึ่งเธอบอกว่า เหตุผลที่หลายคนมองแบบนั้น เพราะคนเหล่านั้นมองว่า เป็นกีฬาที่ไม่ได้วิ่ง หรือใช้กำลังอะไรมากมาย

แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะกีฬากอล์ฟเป็นอะไรที่ยากมาก ต้องใช้ทักษะ ความอดทน และการฝึกซ้อมที่หนัก กว่าจะตีได้เก่ง

“ไม่มีใครล้อว่าเป็นกีฬาของคนรวย แต่ว่ามีคนล้อเยอะว่ากอล์ฟไม่ใช่กีฬา เพราะว่าเราไม่ต้องวิ่ง เราไม่ต้องใช้แรงเหมือนบาสที่ต้องวิ่งไปๆ มาๆ แต่ว่ากอล์ฟเราแค่ไปเดินสนาม แล้วก็ฝึกตีลูกกอล์ฟให้มันลง แล้วคนก็คิดว่า ไม่ใช่กีฬา แต่สำหรับหนู หนูคิดว่าเป็นกีฬาที่ยากที่สุดในบรรดากีฬา

หนูว่ามันต้องใช้ทักษะเยอะมากๆ เลยที่จะตีกอล์ฟได้ดี เพราะว่ากีฬาอื่น อย่างเช่น แบด บาส โยนลูกก็ยิงเข้าได้แล้ว แต่ว่ากอล์ฟนี่มันต้องใช้ ทักษะการหมุนตัว แขนอะไรพวกนี้ หนูว่ามันยากมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าต้องซ้อมนานกว่ากีฬาอื่น ซ้อมทั้งวันเลย แล้วก็ซ้อมหลายปีค่ะ กว่าจะตีให้เก่งได้

หนูฟิตเนสเกือบทั้งวันเลยค่ะ เมื่อกี้ก็เพิ่งกลับมาจากยิม ก็รู้สึกว่ามันต้องทำ เพราะว่าอย่างเช่นหนูต้องหมุน ต้องเดิน แล้วมันแข่งไม่ใช่วันเดียว ชั่วโมงเดียว มันแข่ง 4-5 วัน คือ 2 วันแรกก็ตีไป แล้วก็มีการตัดตัว อีก 2 วันก็ชิงแชมป์ ก็เลยต้องฟิตให้ร่างกายพร้อมทั้ง 4 วัน ไม่ใช่อีกวันนึงเป็นอะไร ก็เลยรู้สึกว่าฟิตเนสสำคัญมากๆ สำหรับกอล์ฟ”


เธอบอกอีกว่า ในแต่ละวันเธอต้องซ้อมหนักมาก และตอนเด็กๆ ก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ว่าทำไมต้องซ้อมหนักแทบจะไม่ค่อยมีเวลาพัก

“แต่ละวันถ้าหนูอยู่บ้าน อยู่เชียงใหม่ไม่ได้ออกไปแข่ง ก็จะมีตื่นมาฟิตเนส จาก 8 โมง ถึงประมาณ 11 โมง แล้วก็ไปกินข้าว กินข้าวเสร็จก็ไปซ้อมสักประมาณบ่ายโมง ถึงประมาณ 5-6 โมงเย็นค่ะ แล้วก็กลับบ้านกินข้าว แล้วก็อาจจะมีฟิตเนสต่อ

หนูชอบออกไปแข่ง เพราะว่าได้เจออะไรใหม่ๆ แล้วก็ไม่ได้ซ้อมหนักเท่าที่อยู่บ้าน เพราะทุกวันที่อยู่บ้านก็จะซ้อมค่อนข้างหนัก
ตอนเด็กหนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซ้อมหนัก ก็มีงอแงอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง แต่รู้สึกว่าตัวเองถึงระดับที่ต้องอยู่กับมันทั้งวัน ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากไปไหน ก็อยากทำให้ตัวเองเก่งที่สุดเท่าที่เป็นได้ ก็อยู่สนามทั้งวัน”

นอกจากที่จะใช้ความอดทนในการขยันฝึกซ้อม และออกกำลังกายเพื่อเพิ่มทักษะแล้ว นักกอล์ฟสาวดาวรุ่งคนนี้ เธอก็บอกว่า สิ่งสำคัญคือทุนซัพพอร์ต ซึ่งเธอโชคดีที่ครอบครัวมีทุนช่วยซัพพอร์ตเต็มที่

“หนูว่ามันต้องใช้ความอดทนมาก แล้วก็ต้องหาคนที่ยอมซัพพอร์ต เช่น หนูได้สิงห์ใช่ไหมคะ สิงห์ก็จ่ายค่าตั๋วอะไรพวกนี้ให้ หนูก็รู้สึกว่าช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ ก็เป็นสปอนเซอร์ ต้องหาสปอนเซอร์ดีๆ

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเงินเรา ถ้ายังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ไปแข่งก็จะได้เงิน แล้วก็เอาเงินมาต่อเป็นค่าใช้จ่ายอะไรพวกนี้ แต่ต้องทำผลงานให้ดีก่อน สปอนเซอร์ถึงอยากจะซัพพอร์ต”

[นอกจากกอล์ฟแล้ว บาสเกตบอลก็เป็นอีกกีฬาที่เธอชอบมาก]


ไม่มีครอบครัว ไม่มีวันนี้

หลายคนคงเคยอิจฉาคนที่มีพรสวรรค์ และมีความสามารถโดดเด่นตั้งแต่ยังเด็ก เช่นเดียวกับนักกอล์ฟมากความสามารถคนนี้
ซึ่งเธอก็ฝากบอกถึงคนที่กำลังพยายามค้นหาในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วอาจจะมองว่า ตัวเองไม่มีความสามารถที่โดดเด่น หรือโชคร้าย แต่เธอกลับบอกว่า มันคือความโชคดีต่างหาก เพราะมันคือโอกาสที่ทำให้ได้ลองอะไรหลายๆ อย่าง

“หนูว่าก็พยายามต่อไป ไม่ต้องรีบค้นพบตัวเอง หนูโชคดีที่หนูเจอว่าหนูชอบทำอะไรตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเราก็อยู่กันได้นานๆ ไม่ต้องรีบ อาจจะเจออะไรที่ชอบ แล้วอีก 10 ปี อาจจะไม่ชอบ แล้วก็ไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ

หนูก็รู้สึกว่ามันไม่ต้องรีบหาอะไรพวกนี้ ก็ต้องพยายามหาที่ตัวเองชอบจริงๆ แล้วก็อยากทำแบบนั้นจริงๆ ซึ่งหนูคิดว่ามันไม่ต้องรีบหา หนูว่าการค้นพบตัวเองมันเป็นอะไรที่สนุกกว่าที่เจอแล้ว ก็ต้องมาแบบหนูที่ต้องซ้อมหนักๆ อะไรพวกนี้ แต่ว่าค้นหาตัวเองก็น่าจะสนุกอยู่”

 [จุดเริ่มต้นในวัย 8 ขวบ ที่คุณแม่พาไปสนามกอล์ฟครั้งแรก]


การค้นพบความชอบ และความสามารถตัวเองตั้งแต่เด็ก เธอก็ยอมรับว่า ทำให้ยอมสละชีวิตวัยรุ่น เพื่อเดินตามฝัน แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อเธอรู้ว่าเป้าหมายคืออะไร

“ก็เห็นเพื่อนๆ ออกไปเที่ยว ออกไปทำอะไรที่วัยรุ่นเขาทำกัน ก็รู้สึกว่าอยากออกไปทำกับเพื่อนๆ นะ แต่หนูก็รู้ว่าหนูมีเป้าหมายว่าอยากเป็นอะไร แต่เพื่อนๆ เขาก็ยังหาตัวเองอยู่ หนูรู้สึกว่าถ้าหนูอยากสนุก ก็ต้องเล่นกอล์ฟให้จบก่อน มีเงินเยอะๆ ก็น่าจะสนุกกว่า”

และเธอก็ยอมรับว่าโชคดี ที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่เด็ก ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้ ก็คือคุณพ่อคุณแม่ ที่ช่วยแนะแนวทาง และเป็นแรงซัพพอร์ตที่ดีมาโดยตลอด

ซึ่งเธอบอกว่า วิธีการเลี้ยงดู สั่งสอนของครอบครัว เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญมาก เพราะทำให้เธอกลายมาเป็นดาวรุ่ง ที่คนรู้จักในตอนนี้ และกำลังมุ่งมั่น สู่เส้นทางอาชีพ พร้อมกับมือ 1 ของโลกอย่างที่ฝันไว้

“สิ่งที่ได้จากแม่ก็คือการ อ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนคนไทย คนไทยก็จะไหว้ คนไทยก็จะยิ้ม แล้วก็ที่ได้มาจากพ่อก็คือการ ที่มีอะไรก็พูดออกไป ไม่ต้องไปอายใคร ถ้าเราคิดว่าพูดออกไปแล้วมันเป็นอะไรที่ถูก หรือถ้าเราคิดว่า ทำแบบนี้แล้วมันคืออะไรที่ถูก เราก็ต้องทำไป พูดไป หนูว่าได้อันนี้มาจากพ่อ

แม่ก็เลี้ยงมาให้แคร์ความรู้สึกคนอื่นอะไรแบบนี้ค่ะ ก็แบบที่หนูบอก ความอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วก็พ่อก็ได้แบบพูดตรงๆ มา แม่หนูบอกภูมิใจทุกวัน แต่พ่อไม่ค่อยพูด แต่หนูก็รู้ในใจว่าเขาภูมิใจ”

[โชคดีที่ค้นพบพรสวรรค์ไว และพ่อแม่ช่วยผลักดัน]
[ครอบครัวแกลิทสกีย์]



ส่วนความคิดที่อยากผันตัวไปเป็นโค้ชนั้น เธอก็บอกว่า ไม่ค่อยอยากจะทำอาชีพนี้เท่าไหร่ เพราะมองว่า การเป็นโค้ช เป็นอะไรที่ยากมาก

“หนูรู้สึกว่าถ้าสอนเด็กๆ มันยาก บางทีหนูยังรู้สึกว่าการเป็นโค้ชยากกว่าการเป็นนักกีฬาอีก สำหรับตัวหนูเองหนูรู้ว่าต้องทำยังไง แต่หนูไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายให้คนเข้าใจยังไง เพราะว่าส่วนมากมันต้องเป็น feeling มากกว่า เพราะหนูไม่รู้ว่าต้องอธิบายความรู้สึกยังไง ให้คนเขาเข้าใจตอนตีกอล์ฟ ก็เลยรู้สึกว่าการเป็นโค้ชไม่ค่อยเข้ากับหนูเท่าไหร่”

และในอนาคตเธอแพลนไว้ว่า ถ้าเกษียณจากอาชีพนักกอล์ฟแล้ว เธออยากจะเปิดบริษัทเกี่ยวกับกอล์ฟ เพื่อที่จะต่อยอดความรู้ และต่อยอดเม็ดเงินในอนาคตด้วย

“ตอนนี้หนูเรียนอยู่นานาชาติเชียงใหม่ แต่หนูเรียนออนไลน์ก็คือไม่ต้องเข้าโรงเรียน ครูจะส่งงานทางออนไลน์ แล้วหนูก็ทำส่งครู แต่ปีหน้าหนูจะเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกา ชื่อมหา’ลัย ‘South Carolina’ ได้ทุนไป 5 ปี

มหา’ลัยนี้ เขาเป็นที่ 1 ของอเมริกา เรื่อง international business หนูก็ว่าจะไปเรียนเรื่อง international business ถ้าสมมติเกษียณกอล์ฟนะคะ หนูก็อยากทำงานบริษัท เพราะหนูเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย หนูรู้สึกว่าถ้าหนูเปิดบริษัทก็น่าจะทำได้ดี น่าจะเกี่ยวกับกอล์ฟ เพราะว่าทั้งชีวิตนี้หนูรู้จักแต่กอล์ฟ แล้วก็เอาเงินของตัวเองไปลงทุน จะได้เพิ่มขึ้นโดยที่หนูไม่ต้องตีกอล์ฟ”

ท้ายนี้ เธอยังฝากขอบคุณแฟนๆ ที่คอยตามเชียร์มาตลอด สัญญาว่า จะพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ให้ทุกคนได้ภูมิใจ

“ก็ขอบคุณที่ติดตามหนู ก็ขอให้เป็นแรงเชียร์หนูต่อๆ ไป หนูก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้เป็นแฟนๆ ภูมิใจ”





ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





@livestyle.official ...ลบคำครหา ที่หลายคนมองว่า "กอล์ฟไม่ใช่กีฬา" จากประสบการณ์ตรงของคนที่ลองมาแล้วหลายแบบ "มันต้องใช้ทักษะเยอะมากๆ หนูว่าเป็นกีฬาที่ยากที่สุดเลย" @eilagalitsky26... . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #eilagalitsky26 #กอล์ฟ #กอล์ฟหญิง #นักกอล์ฟ #นักกอล์ฟหญิง #นักกีฬา #ทีมชาติ #ทีมชาติไทย #golf #golftiktok #golfer #modelinggolf #thainationalteam . #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ ♬ เสียงต้นฉบับ LIVE Style


สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ขอบคุณภาพ : Facebook “Eila Galitsky”, Instagram @eilaaaa_galitsky, TikTok @eilagalitsky26



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น