xs
xsm
sm
md
lg

เกลียดอะไรได้อย่างนั้น? จาก "คนเกลียดแมวเข้าไส้" สู่ "กูรูทาสแมวไทยหาตัวจับยาก" [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “ลุงตุ๊ บ้านแมวไทยบางรัก” จากคนเกลียดแมว สู่ผู้อุทิศชีวิตหลังเกษียณ เป็นนักอนุรักษ์สายพันธุ์แมวไทยโบราณที่ยังหลงเหลือ พร้อมความหวัง พา “แมวศุภลักษณ์” ขึ้นทะเบียนโดยคนไทย ไปขยายฐานความนิยมระดับโลกอย่างเป็นทางการให้ได้



เกลียดแบบใด ถึงได้มาเป็นทาสแมว

ใครจะไปคิดว่าจากคนที่เกลียดแมวเข้าไส้ วันหนึ่งจะกลายมาเป็นนักเพาะพันธุ์และอนุรักษ์แมวไทยเบอร์ต้นๆ ของประเทศ โดยศึกษาสมุดข่อยที่จารึกเรื่องราวของแมวไทยโบราณ

และผลงานสำคัญของเขา ที่เรียกได้ว่าเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการแมวบ้านเราครั้งใหญ่ คือการฟื้นฟู “แมวศุภลักษณ์” หนึ่งในแมวสายพันธุ์ไทยโบราณที่เคยสูญหาย ให้กลับมาอีกครั้ง

เรากำลังพูดถึง “ปรีชา วัฒนา” หรือ “ลุงตุ๊” ทาสแมววัย 75 ปี แห่ง บ้านแมวไทยบางรัก ที่ซึ่งมีการอนุรักษ์แมวมงคลสายพันธุ์ไทย ที่ยังหลงอยู่ 5 ชนิด จากทั้งหมด 17 ชนิด ตามตำราแมวไทย

ถามถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่จะเดินทางมาถึงวันนี้ ก่อนหน้านั้นลุงตุ๊ได้ไปการเรียนรู้การทำเว็บไซต์และถ่ายภาพ ด้วยหวังว่าจะเป็นอาชีพใหม่หลังวัยเกษียณ โดยไม่คิดเลยว่าจากคนที่เกลียดแมวอย่างเขา จะกลายมาเป็นทาสแมวจนได้



“ก่อนหน้านี้ผมคือมนุษย์เงินเดือนเหมือนกับหลายๆ คน อาชีพที่ทำอยู่ยาวนานที่สุด ก่อนจะมาถึงวันที่ผมจะรู้จักแมวไทย ผมอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น

เราคิดถึงว่าเราจะทำอะไรที่มันเกิดรายได้ ตอนนั้นผม 56-57 ผมก็ไปเรียนรู้เกี่ยวกับกล้อง จากสถาบันสารพัดช่าง พอเขาเปิดเรื่องเกี่ยวกับการค้าบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งมันเป็นเรื่องของการทำเว็บไซต์ ตรงนั้นเกิดรายได้จากที่ผมไปเรียนหลายงานทีเดียว งานถ่ายรูปนักศึกษารับปริญญา ไปถึงงานแต่งงาน ในเรื่องของงานบวชต่างจังหวัดผมก็ไป

ถ้าจะว่าไป ผมนี่เป็นคนเกลียดแมวนะ
ก่อนที่จะเลี้ยงแมวเป็นเรื่องเป็นราว ผมเป็นคนเลี้ยงสัตว์มาต่อเนื่องตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เลี้ยงปลาก็เลี้ยงไก่ ไม่เลี้ยงไก่ก็เลี้ยงหมา สาเหตุของการเกลียดแมว เพราะว่าช่วงที่ผมเลี้ยงไก่แจ้ เกิดลูกเจี๊ยบ มันมีแมวมาขโมยลูกเจี๊ยบไป เห็นที่ไหนก็ไล่ เห็นที่ไหนก็ตี

ก่อนหน้านี้มันมีแมวจรเดินแคทวอล์กอยู่หลังบ้านผมเป็นเดือน เจอหน้าผมก็เอาน้ำสาด ไม่ชอบหน้ามัน มันมาเริ่มต้นตรงที่แมวตัวที่ผมไล่ วันดีคืนดีผมเดินออกจากห้องน้ำมา มันเดินมาซบ ล้มแผละลงบนหลังเท้าผม เคล้าเคลีย กลิ้งไปกลิ้งมา

ผมก็พูดกับมันลอยๆ ‘อยากจะอยู่ด้วยกันเหรอ ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกันก็ทำตัวดีๆ นะ’ นั่นแหละเป็นการเริ่มต้นที่ผมเริ่มสัมผัสตัวแมวจริงๆ จังๆ เราเกิดความรักโดยที่เราไม่รู้ตัวจากการสัมผัส จากอากัปกิริยาของแมวที่แสดงออก

ผมให้ชื่อว่า คลีโอพัตรา เลยนะ เพราะแมวตัวนี้ตาสวยมาก ผมนึกไปถึงพระนางคลีโอพัตรา ผมยังเรียกเขา ‘ยัยคลีโอๆ’ มาตลอด ไม่ถึงปี แล้วจู่ๆ ก็หายไป”



[ "ขาวมณี" มีทั้งสีตาฟ้าหรือเหลืองล้วน และ "ฟ้า-เหลือง" คนละข้าง ]
จากการเลี้ยงแมวจรในวันนั้น ลุงตุ๊ก็เกิดอาการ “แมวงอก” ตามมา เขาตัดสินใจที่จะเลี้ยงแมวอย่างจริงจัง หลังชั่งน้ำหนักระหว่าง แมวไทย กับ แมวฝรั่ง ก็ตกผลึกได้ว่าแมวตัวต่อไปที่จะพาเข้าบ้านคือ แมวไทย

“ในช่วงนั้น อะไรซักอย่างมันขาดไปจากชีวิตเรา แมวนี่เอง เริ่มคิดว่าถ้าเราจะเลี้ยงแมว เราจะเลี้ยงแมวอะไรดี สรุปไปว่าแมวไทยดีกว่า แล้วอีกอย่างนึงอาจจะเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนที่มีความคิดที่จะทำอะไรแบบไทยๆ มาตลอด

ทำอะไรแล้วผมคิดถึงว่านอกจากความรัก มันจะมีอะไรกลับมาได้บ้างมั้ย ไก่แจ้ผมก็เลี้ยงไก่แจ้ไทย ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมไปอยู่จันทบุรี ผมก็เลี้ยงหมาไทยหลังอาน ผมก็เพาะลูกหมาหลังอานขาย ตอนอพยพตัวเองกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ก็มาเลี้ยงพุดเดิ้ล ผมก็เพาะลูกพุดเดิ้ลขายอีกเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นก็เลี้ยงอยู่หลายปีครับ

เปรียบเทียบความเป็นอยู่ของแมว ในระหว่างแมวฝรั่งกับแมวไทย เราอยู่เมืองร้อน ถ้าเราเอาแมวฝรั่งมาเลี้ยง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือแมวจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเรา ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูแมวฝรั่งจะให้สวย สูงกว่าแมวไทย มันต้องอยู่ในที่เย็น เพราะฉะนั้นถ้าจะเลี้ยงแมว แมวไทยน่าจะมีปัญหาน้อยกว่าแมวฝรั่งเยอะทีเดียว”

จากทาสแมว สู่พ่อค้าออนไลน์ยุคแรก

สายพันธุ์ที่เขาเลือกนั้น หวยมาออกที่ แมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศ ลุงตุ๊ทาสแมวมือใหม่ในตอนนั้น ก็ศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง และตั้งใจเลือกเจ้าเหมียวพันธุ์แท้จากกูรูแมวที่มีประสบการณ์

“คราวนี้ผมก็เลยคิดว่าแมวอะไรที่เราจะเลี้ยง ตอนแรกที่ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงวิเชียรมาศ ผมก็ไปอ่านเรื่องราวของแมววิเชียรมาศในหนังสือ ก็ได้ความว่าในช่วงรัชกาลที่ ๕ กงสุลอังกฤษประจำอยู่ในประเทศไทยถึงวาระจบสิ้นแล้ว

รัชกาลที่ ๕ ได้มอบวิเชียรมาศคู่นึงให้กับ นายโอเวน กูลด์ (Owen Gould) กลับประเทศ แล้วแมวคู่นี้ไปชนะการประกวดที่ Crystal Palace ที่อังกฤษ เป็นที่ฮือฮามาก ทำให้คนรู้จักแมวตัวนี้ในนามของ Siamese cat

ประเทศไทยตอนนั้นไม่ใช่ไทยแลนด์ เราเรียกตัวเองว่าสยาม เพราะฉะนั้นฝรั่งเรียกตามแหล่งกำเนิดของแมวตัวนั้นเลย Siamese cat ก็คือ สยามแคท ปัจจุบันนี้ ฝรั่งก็ยังเรียกแมวลักษณะของวิเชียรมาศว่า Siamese cat

หลังจากที่ผมเรียนรู้เรื่องของแมววิเชียรมาศจากตำรับตำรา ผมก็มาเริ่มตัวแรกต้องไปหามาให้ได้ ของดีของแท้มันจะต้องถูกคัดเลือกกันในสนามประกวด ผมคิดอย่างนั้น ผมไปหาประธานชมรมคนรักแมวไทย เขาแนะนำว่าไปหาเลขาคนนี้ ให้ไปคุยกันเอง ผมก็ไปติดต่อ เขาเป็นคนที่ส่งแมวประกวด และเป็น Breeder ลูกแมววิเชียรมาศขายด้วย”



[ ตาฟ้า ลักษณะเด่น "วิเชียรมาศ" ฝรั่งเรียก "สยามแคท" ]
เมื่อถึงเวลาที่แมวพร้อมผสมพันธุ์ ต้องบอกว่าประสบการณ์ที่เคยผสมพันธุ์หมาไทยหลังอานในอดีตนั้น นำมาใช้ไม่ได้กับเลี้ยงแมว และกว่าจะได้ลูกแมววิเชียรมาศคอกแรก ก็ใช้เวลานานนับปีกันเลยทีเดียว

“พอมาตัวเดียว ถึงวันเวลาที่แมวพร้อมจะผสมพันธุ์ เราจะทำยังไง ผมไปสมุทรสงคราม บ้าน กำนันปรีชา พุคคะบุตร อุ้มแมวตัวเมียไปขอผสม เราก็เอาแมวเราไป ผสมแมวแบบนี้มันไม่ค่อยได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นแมวผสมไม่ติด

คอกแรกเลยผมไม่ได้วิเชียรมาศ มันไปผสมกับแมวดำบนหลังคาบ้านผม มันออกลูกมาเป็นดำทุกตัว วิเชียรมาศไม่ได้เลย แล้วผมก็เลี้ยงนะ Hurt so bad (หัวเราะ) ผิดหวังมาก

หลังจากคอกแรกที่เกิดขึ้นเป็นแมวดำ พอผ่านพ้นไปประมาณ 4-5 เดือน แม่แมวก็จะเริ่ม Heat อีกครั้งนึง ผมก็ไปบ้านกำนันครั้งที่ 2 ผมทิ้งไว้จนกระทั่งท้องมันใหญ่มาก และมีคนไปที่บ้านกำนันถามว่าแมวตัวนี้ขายมั้ย

ทางบ้านกำนันเขาโทร.มาบอกผม ‘คุณรีบมาเอานะ มีคนเขาจะขอซื้อแมวคุณแล้ว’ ผมก็ไปรับแมวกลับมา แล้วก็มาคลอดที่บางรัก เป็นคอกแรกที่ผมได้ลูกแมววิเชียรมาศเหมือนกันทุกตัว เพราะไปผสมกับพ่อแมวของกำนัน เรามั่นใจเลยว่าเป็นแมวพันธุ์แท้ เพราะเขาเป็นศูนย์อนุรักษ์แมวไทยของจังหวัดอยู่แล้ว

หมาที่พร้อมผสมพันธุ์ อวัยวะเพศของมันจะบวมและมีเลือดหยด เราก็จะรู้ว่าวันเวลาที่เหมาะกับการผสมพันธุ์เป็นยังไง แต่แมวไม่มีอาการอย่างที่เราเคยสังเกตได้ในสุนัขไทยหลังอานเลยนะ มันจะเกิดการผิดพลาดช่วงแรกๆ หลายเรื่องทีเดียว แล้วผมก็เรียนรู้จากการผิดพลาด จับสังเกตว่าทำไมมันถึงพลาด ครูอยู่กับตัวเราเองทั้งหมดเลย (หัวเราะ)”



จะเรียกคุณลุงท่านนี้เป็นพ่อค้าออนไลน์ยุคแรกๆ ก็ว่าได้ เพราะในสมัยนั้นการค้าขายบนโลกอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายนัก ซึ่งนอกจากการขายทรายแมวแล้ว ในเวลาต่อมาเขาเพาะพันธุ์ลูกแมวขายด้วย และกลายเป็นอาชีพหลักมาจนถึงทุกวันนี้

“เราอยู่กับบ้าน เราเปิดเว็บไซต์แล้วเราก็ขายของได้ 14 ปีที่แล้ว ในช่วงนั้นการสร้างเว็บไซต์ การค้าขายบนโลกอินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นเรื่องแปลกนะ สมัยก่อนเราจะค้าขายต้องไปเปิดร้านเปิดบูท ไปตลาด ไปตั้งเต็นท์ตั้งอะไรกัน ไปเช่าห้องแถวเพื่อจะมีหน้าร้านขายของกัน ใครจะคิดว่าอยู่บ้านแล้วขายของได้ แล้วเราค้าขายได้ 24 ชั่วโมง

เวลานั้นพูดง่ายๆ ผมไม่เชื่อว่าวิชานี้เรียนแล้วมันได้ผล แล้วผมทดลอง ตอนนั้นผมเลี้ยงแมวแล้วเราจะเอาอะไรขายดี ผมเอาทรายแมวขึ้นไปประกาศขาย ว่าผมขายทรายแมว มีบริการส่งถึงบ้าน ผมขายได้ในขณะที่ผมเรียนอยู่ในห้อง มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีความมั่นใจว่า ทรายแมวยังขายได้ แล้วทำไมลูกแมวจะขายไม่ได้

(โลกโซเชียลฯ) ยังไม่มีนิยม ยังไม่แพร่หลายเท่าปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้เด็กรุ่นหลังไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บไซต์เลย มันมีแพลตฟอร์มอะไรต่างๆ สามารถเข้าไปขายของกันได้ง่าย ตอนนี้เว็บไซต์ผมแทบจะไม่ได้ใช้เลย”

ปลุกสายพันธุ์แมวสาบสูญ กลับสู่วงการ

จากแมววิเชียรมาศตัวแรก ก็ทำให้ลุงตุ๊เกิดความสนใจอนุรักษ์แมวไทยโบราณสายพันธุ์อื่นๆ ที่ยังหลงเหลือ จนมาถึงการปรากฏตัวของ แมวศุภลักษณ์ ที่หลายคนคิดว่าหายสาบสูญไปแล้ว ซึ่งเขาเองก็รู้จักมันเพียงจากหน้าสมุดข่อยโบราณ

“พอเราเข้าไปอยู่ในวงการ เราเห็นว่าลูกแมวขายได้ ผมก็เริ่มเอาขาวมณีเข้ามา เอาแมวโคราชเข้ามา ตอนนั้นหยุดแค่ 3 สายพันธุ์นี้เท่านั้น แมวอื่นมันมี แต่ผมไม่รู้จัก แมวดำผมก็เห็นว่ามันมีอยู่ทั่วๆ ไป ผมก็คิดว่ามันคือโกนจา (หรือโกญจา) แต่มันไม่ใช่ ซึ่งแมวดำเป็นแมวแจกตามงานแมว ผมก็มองผ่านไปเลย แมวดำผมไม่สนใจ

อีกตัวนึงคือ แมวศุภลักษณ์ ผมรู้จักแต่ในหนังสือ ไม่เคยเห็นตัวจริง และแมวศุภลักษณ์มันสูญหายไปจากสังคมคนรักแมวไม่ต่ำกว่า 20 ปี ก่อนที่ผมจะเข้าวงการด้วยนะ ไม่มีใครเพาะพันธุ์แมวศุภลักษณ์ได้

มันเป็นเรื่องที่น่าแปลก มีนักศึกษาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นอเมริกันชื่อ โนแลนด์ เขาเอาแมวศุภลักษณ์ให้ผมดูในจอ Smart Phone ถามผมว่าผม Breed แมวอย่างนี้ได้มั้ย ผมบอกว่าตัวจริงผมไม่เคยเห็น แต่มันคือแมวในสมุดข่อยเลย


[ “อโยธยา” ผู้ทำให้สายพันธุ์แมวศุภลักษณ์กลับมาอีกครั้ง ]

วันนั้นเขามาหาผม แล้วจบกันด้วยว่า ถ้าแมวตัวนี้ อโยธยา มันมาถึงบ้านผมเมื่อไหร่ แล้วผมจะนับ 2 นับ 3 ต่อให้ก็แล้วกัน มันเป็นแมวตัวผู้ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าอโยธยามันอยู่ที่ไหน ผมมารู้เอาทีหลัง วันนั้นแมวอยู่อัมพวา ไปให้กำนันผสมพันธุ์ให้

เขามาหาผมหลังจากนั้น เขาอุ้มแมวชื่ออโยธยามาให้ผมที่นี่ 6 เดือนที่มันไม่อยู่กับผม มันไปสร้างปัญหา ไปผสมพันธุ์กับแมวศุภลักษณ์ของกำนัน แต่ลูกมันเกิดมาเป็นสีดำทุกตัว กำนันโกรธมากนะ เหมือนกับไปหลอก

เพราะว่าแมวสีช็อกโกแลตผสมกับสีช็อกโกแลต มันควรจะออกมาเป็นสีช็อกโกแลตถูกมั้ย เราคิดกันอย่างนั้น แต่ลูกมันเกิดมาเป็นสีดำทุกตัว กำนันบอกว่ามาเอาแมวคุณกลับไปเลยนะ เอาลูกมันกลับไปด้วย ผมมารู้เรื่องเอาทีหลัง”


[ ตำราแมวไทยโบราณ ]

และในเวลาต่อมา แมวศุภลักษณ์นามว่า อโยธยา ก็ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า เป็นแมวศุภลักษณ์แท้

“เป็นศุภลักษณ์แท้ เราเคยพิสูจน์ด้วยการเอาเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มส่งไปที่แล็บต่างประเทศ แล้วเขาจะแยกออกมาเลยว่ามีอะไรบ้างในเรื่องของยีนส์สีขน ตอนนั้นเรามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ในการที่จะส่งไปประมาณ 3,000+ บาทต่อตัว

ถ้าเราไม่รู้เลย เราก็จะผสมผิดๆ พลาดๆ แบบที่กำนันเคยผสมหรือผมเคยผสมมาในระยะแรก ถ้าเรารู้ เราสามารถแยกตัวนี้ผสมไม่ได้ ตัวนี้ผสมได้ โดยการเอาแมวทุกตัวส่งห้องแล็บ มันจะไม่เกิดแมวดำ

แล้วตอนหลัง ผมได้รับความร่วมมือจาก ดร.จันทร์จิรา (จันทร์จิรา ภวภูตานนท์) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ กำแพงแสน เขาพานักศึกษามาหาผมที่นี่ก่อน เกี่ยวกับเรื่องแมวไทย หารายละเอียดว่าแมวไทยเป็นยังไง

จนกระทั่งตอนหลัง ผมคุยกับเขาเรื่องเราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าแมวตัวนี้มียีนส์อะไรบ้าง ตอนแรกเขาบอกว่าเขาไม่มีงบประมาณ ผมบอกว่าถ้าทำได้ มันก็จะเป็นเรื่องที่ทำให้เราเดินทางได้สั้นขึ้น สำหรับการ Breed แมวศุภลักษณ์

จนกระทั่งเขาได้งบประมาณก้อนนึง เขาก็เลยบอกว่าเอามาสิคุณปรีชา เดี๋ยวจะดูให้ ไปได้นักวิทยาศาสตร์จากกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่งไปทำงานร่วมกัน”



และก็เรียกได้ว่าเดินมาถูกทาง เพราะจากการทำงานร่วมกันหลายภาคส่วน แมวศุภลักษณ์ที่มีลักษณะตรงตามสมุดข่อย ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ในตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นการจารึกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ของในวงการแมวไทยก็ว่าได้

“ผมใช้เวลา 1 ปีเต็มๆ ในการที่ Breed แมวศุภลักษณ์ จากต้นทางแมวที่ชื่ออโยธยา ต้องบอกว่ามันเป็นแมวที่เกือบสมบูรณ์ มันเป็นแมวที่มีตำหนิที่ปลายหางนิดเดียว อย่างอื่นดีหมด ปีที่ 2 ผมถึงได้ลูกแมวศุภลักษณ์แท้ๆ

ต้องบอกว่าที่บางรัก เป็นที่ให้กำเนิดแมวศุภลักษณ์ที่มีความสมบูรณ์เป็นที่แรก หลังจากที่หายไปจากวงการเพาะเลี้ยงแมวมานานมากนะครับ เกิน 20 ปี เป็นแหล่งฟื้นฟูให้ศุภลักษณ์ได้เกิดขึ้นมาครั้งนึง


ที่ผมพูดอย่างนั้น ผมเอาหนังสือเกี่ยวกับการประกวดแมว การเลี้ยงแมว เราดูจาก พ.ศ.เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่คนเลี้ยงแมวศุภลักษณ์ยังเข้าใจไม่ถูกต้อง แมวศุภลักษณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นแมวที่มีขนสีช็อกโกแลต แต่มันมีแต้มเหมือนวิเชียรมาศ

ซึ่งในตำราจะบอกไว้เลยว่า แมวศุภลักษณ์จะมีสีเดียวเสมอทั่วตัว ไม่มีสีอื่นปน ความเข้าใจของคนเลี้ยงแมวศุภลักษณ์ผิดพลาดมานานมาก เราไปดูใน Wikipedia ตอนนี้ เสิร์ชคำว่า ศุภลักษณ์ ก็ขึ้นแมวศุภลักษณ์ที่มีแต้ม มันเป็นความเชื่อในเรื่องของแมวศุภลักษณ์ที่ผิดพลาดมานาน ผมนี่แหละเป็นคนที่เอาแมวศุภลักษณ์กลับขึ้นมาใหม่”



จากความพยายามอย่างหนัก ในการฟื้นฟูแมวสายพันธุ์นี้ให้กลับมาอีกครั้ง ด้วยเพราะหวังว่า “แมวศุภลักษณ์” แมวไทยสายพันธุ์เดียวที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน จะได้รับการขึ้นทะเบียนในระดับสากลโดยคนไทย

“วันนี้เหลือแมวศุภลักษณ์ตัวเดียว ที่คนต่างชาติยังไม่ได้เอาแมวไทยเราไปจดทะเบียน วิเชียรมาศคนอังกฤษเอาไปจดแล้ว โคราชคนเอาไปจดแล้ว ขาวมณีคนอเมริกันเอาไปจด แมวดำโกนจา เราจดไม่ได้เพราะว่า Bombay cat มันจดไปก่อน ยังเหลือศุภลักษณ์ตัวเดียวที่ยังไม่มีใครเอาไปจดทะเบียนได้ ผมว่าสักวันนึงฝรั่งมันทำได้ก่อนเรา ไม่ต่างกับข้าวหอมมะลิ

ขั้นตอนของการทำแมวสายพันธุ์นึงเพื่อสังคมแมวโลกยอมรับ มันไม่ใช่แมวตัวนั้นจะเกิดเฉพาะในประเทศไทย อีกหลายๆ ประเทศต้องรู้จัก จำนวนตัวต้องเยอะพอ ต้องมีการเพาะพันธุ์มาแล้วอย่างน้อย 5 Generation ซึ่งมันจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว กว่าเราจะได้แมวที่สมบูรณ์ใช้เวลาพอสมควรนะ วันนี้เราทำได้ แต่จำนวนตัวมันยังไม่มากพอที่เราจะขอจดทะเบียน

เมื่อประมาณซัก 10 วันแล้ว มีสมาคมแมวโลกมาที่บ้านเรา 9 สมาคม มีอยู่สมาคมนึงคือ WCF (World Cat Federation) เขาติดตามเรื่องแมวศุภลักษณ์ในเมืองไทยมานาน ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการยอมรับในสังคมแมวโลกได้ว่า ศุภลักษณ์เป็นแมวไทย

ผมเคยเอาศุภลักษณ์ตัวแรก ขึ้นไปให้ทางสมาคม WCF ได้รู้จัก เมื่อประมาณซัก 6-7 ปีแล้ว แต่สมาคมอื่นๆ เขายังไม่รู้จัก ถ้ามันมีสมาคมใดสมาคมหนึ่งรับรองแล้ว เราสามารถ Transfer ไปถึงสมาคม เขาจะยอมรับด้วยกัน อย่างน้อยๆ ต้องมี 1 ใน 9 ยอมรับก่อน ถึงจะเป็นการเผยแพร่ไปสู่สมาคมอื่น คาดหวังอย่างนั้นนะครับ”



นักอนุรักษ์แมวไทยรายนี้กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาแมวไทยยังไม่ได้รับความสนใจมากพอจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่ล่าสุดข่าวดีแว่วว่า แมวไทย จะได้รับการผลักดันให้เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติพร้อมกับ การไหว้

“ไม่มีหน่วยงานของรัฐที่จะผลักดันหรือมีแนวโน้มว่าจะผลักดัน ให้แมวไทยขึ้นได้รับการจดทะเบียนเลย ผมเคยคุยกับทางกรมปศุสัตว์นะ กรมปศุสัตว์ก็เหมือนกับเขาไม่มี Power มากพอ

แมวที่แต่ละบ้านก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันนิด แตกต่างกันหน่อย เขาบอกว่าถ้ารวมกันเมื่อไหร่ ผู้ Breed แมวทะเลาะกัน เหมือนกับหมาไทยหลังอาน เหมือนกับไก่ชนที่เคยทะเลาะกันมาแล้ว เขาบอกอย่าให้มันเกิดอย่างนั้นเลย

แต่ปีนี้มันน่าแปลกนะ รัฐบาลนี้มีเรื่องราวของการจะผลักดันแมวไทย ขึ้นเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติพร้อมกับการไหว้ สำนักนายกฯ เชิญผมเข้าไปคุยกัน ผมว่าจะดีขึ้นในลักษณะของคนต่างชาติที่เข้าใจ ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องแมวเราได้ดีขึ้น เนื่องจากว่าทางภาครัฐได้ผลักดันให้ออกไปสู่ภายนอก คนไทยด้วยกันเอง ผมก็คิดไปในทางดีว่าเราคงจะกลับมาสนใจแมวไทยมากขึ้น”

ความรักที่ทำรายได้หลายหมื่นต่อเดือน

สำหรับราคาลูกแมวไทยที่ บ้านแมวไทยบางรัก จำหน่าย ก็อยู่ที่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่นต้นๆ แถมยังได้รับความนิยมจนเพาะพันธุ์ไม่ทันกับความต้องการ

“ปัจจุบันนี้ ผมขายแมวดำตัวละ 8,000 บาท ราคาลูกแมวไทยที่ซื้อ-ขายอยู่ปัจจุบันนี้อยู่ที่ 7000 - 12,000 บาท สายพันธุ์ที่สูงที่สุดคือศุภลักษณ์ ซึ่งเป็นของที่หายาก มีจำนวนน้อยที่สุดในกลุ่มแมวไทยด้วยกัน

แต่แปลกไหมคุยกันในโทรศัพท์กัน ตั้งใจเลยเดี๋ยววันนี้จะไปเลือกแมวศุภลักษณ์ แต่มาเปลี่ยนใจหน้ากรงแมว พอมาเห็นแล้วผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมคิดเอาเองนะ สี สีมันไม่สะดุดตา หลายคนเลยมาเปลี่ยนใจ

วิเชียรมาศ Blue point อย่างอื่นเหมือนกันหมด ตาก็เป็นสีฟ้า แต่ตำแหน่งแต้มเขาอมเทานวลๆ ในสังคมแมวฝรั่งรู้จักกันดีทีเดียว บ้านเรายัง conservative คิดอะไรไปในแนวทางเดียวตลอด แต่ผมจุดประเด็นให้คนได้รู้จัก ว่านี่เป็นแมววิเชียรมาศนะ สีมันไม่ตรงตามตำราบ้านเราเท่านั้นเอง แต่ในต่างประเทศเป็นที่นิยมมาก

[ แมววิเชียรมาศ Blue point ]

จากวิเชียรมาศตัวละ 7,000 ผมขายแมววิเชียรมาศ Blue 12,000 เลย ถามว่าคนบ้านเรานิยมไหม ผม Breed ไม่ทันขาย ลูกค้าผมที่มีอายุ 30 ลงมา พอมาเจอวิเชียรมาศ Blue เขาเปลี่ยนใจเลย เพราะเขาไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น

หลายคนตั้งใจจากบ้านมาเลือกวิเชียรมาศ แต่พอมาเห็นวิเชียรมาศ Blue point เขาเปลี่ยนใจหน้ากรงแมวนี่แหละ กลับกลายเป็นของที่ขายดี ขายง่าย เพราะความแปลกหรือเพราะความสวยของเขาก็ไม่รู้นะ บางคนเห็นเขาอาจจะถูกใจ”

ทาสแมววัย 75 ปีคนนี้ มีรายได้จากการเพาะพันธุ์ลูกแมวไทยและรายรับผสมพันธุ์ เป็นเงินหลายหมื่นบาทต่อเดือน

“ผมทำแทบจะครบวงจรเลยนะ รายได้ต่อเดือนตกเป็นเงินประมาณ 60,000-70,000 บาท การผสมพันธุ์มี 2 ช้อยส์ให้เลือก 1.จ่ายค่าผสมเป็นเงินสด 5,000 บาท 2.จ่ายค่าผสมเป็นลูกแมวก็ตัวนึง

ในกรณีแล้วมีลูก ขายไม่เป็น ไม่รู้จะไปขายใคร จำนวนมากเกินความจำเป็น ถ้าแมวที่ซื้อจากบ้านผม ผมรู้ต้นทางเป็นใครมาจากไหน สามารถย้อนกลับไปได้ ผมซื้อกลับทุกตัวนะ เราจะตกลงกันตั้งแต่วันที่มาผสม

กรณีที่ว่าเอาแมวตัวเมียไปเลี้ยง วันเวลาที่พร้อม ส่งแมวตัวเมียมาผสมพันธุ์ได้ แต่มีเงื่อนไขนะ คุณจะต้องตอบผมให้ได้ว่าพ่อแมวชื่ออะไร ถ้าตอบไม่ได้เอากลับไปเลย ผมไม่รับผสม มันจะมีประวัติไปว่าพ่อชื่ออะไร แม่ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ ในคู่มือการฉีดวัคซีนของแมว จะมีทุกตัวให้กับคนที่รับลูกแมวไปเลี้ยง บางทีเราหายจากกันไปนาน แล้วผมลืมข้อมูลต่างๆ เหล่านี้

ทำไมผมถึงต้องถามอย่างนั้น การผสมแมว Inbreed คือลูกสาวกลับมาผสมพ่อ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ผมระวังมากตอบผมไม่ได้แล้วผมจะอุ้มแมวตัวนี้ไปผสมกับใคร ถ้าผิดพลาดไป มันไปผสม Inbreed ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่คนที่จะเอาแมวกลับมาผสม จะต้องตอบผมให้ได้”


การเลี้ยงสิ่งมีชีวิตอย่างแมว แน่นอนว่าคู่กับค่าใช้จ่าย ซึ่งแมวกว่า 80 ชีวิตที่นี่ ได้รับการดูแลจัดการอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด ที่ไม่เคยทำให้คนที่อาศัยใกล้เคียงได้รับผลกระทบ

“ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ควรเกิน 30,000 (แมวที่มีทั้งหมด) ตอนนี้เกิน 80 พ่อแม่ลูก แมวทำหมัน แมวปลดระวาง เพราะว่าทุกตัวเขาจะอยู่กับผมจนตายกันไปข้างนึง ไม่ใช่ว่าหมดประโยชน์แล้วผมเอาเขาไปไว้ที่อื่น เปล่า ผมก็ยังต้องดูแลเขา แม่แมวทุกตัว 7 ปีปลดระวางแล้ว ก็คือทำหมัน จากนั้นจะมีส่วนหนึ่งที่เราเอาเขามาเลี้ยง มันมีค่าใช้จ่ายแน่นอน เพราะว่ามันต้องกิน

อย่างที่ผมบอกว่าเรื่องของการกิน แล้วเนี่ยมันจะมีเรื่องของการขับถ่ายเราจะทำยังไง เรื่องของการขับถ่ายแมวจำนวนมากๆ และคนรอบข้างเราไม่เดือดร้อน ต้องทำให้ได้นะถ้าคนข้างบ้านเราเดือดร้อนเขาร้องเรียนเขตผมก็อยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้นเรื่องของการรักษาความสะอาด เรื่องเสียง เรื่องกลิ่น เราต้องบริหารจัดการให้ได้ถ้าเราอยู่ในชุมชน ถ้าเราไม่ถูกร้องเรียน ไม่มีใครมาตรวจหรอกครับ ในช่วงเช้าทุกวัน จะมีเจ้าหน้าที่เขต ผมจ้างเขามาทำความสะอาดที่นี่ เขาจะมาเก็บกวาดเช็ดถู ให้อาหารแมว เก็บอะไรต่างๆ

ต้องทำทุกวัน เพราะไม่อย่างนั้นถ้าเกิดกลิ่น เกิดเสียงชาวบ้านเขาเดือดร้อน เขาร้องเรียนเขต ผมก็เสร็จ ต้องยอมรับนะครับ ผมทำอาชีพนี้มา 15 ปี ความเดือดร้อนมันไม่เกิดกับเขา เราก็อยู่ได้ เพราะการใช้ชีวิตในชุมชนในเมืองชั้นใน จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะ ทำยังไงเราไม่ทะเลาะกับข้างบ้าน”



[ รางวัลอันภาคภูมิใจ ]

นอกจากรายได้หล่อเลี้ยงชีพแล้ว สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมา ก็คือรางวัลที่ได้จากการส่งแมวเข้าประกวด และความภูมิใจที่สามารถสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนได้

“เราเข้ามาอยู่ในวงการแล้วมันจะมีการประกวด เราก็จะเลือกแมวที่มีลักษณะที่ดี ลักษณะที่สวย ลักษณะที่สมบูรณ์ลงสนาม เพื่อไปแข่งขันกับชาวบ้านเขา วันที่ได้รางวัลตื่นเต้น แมวเราก็อยู่ในอันดับต้นๆ กับเขาด้วยเหมือนกัน

ผมประกวดแมวมาหลายสนาม หลายปี จนกระทั่งผมหยุดการประกวด หลังจากที่ได้ถ้วยรางวัลที่พระปรมาภิไธยย่อ เขียนข้างถ้วยว่า ภ.ป.ร. แล้วผมหยุดการประกวดในสนามไทย ผมถือว่าเป็นจุดสุดยอดในการประกวดแมวแล้ว และหลังจากถ้วยใบนี้ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็สิ้น ก็ไม่มีถ้วยที่มีพระปรมาภิไธย ย่อว่า ภ.ป.ร.อีกแล้ว เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของผม

หลังจากนั้นผมก็ไปประกวดในสนามไปแข่งกับแมวต่างประเทศ ผมเอาแมวไทยเรานี่แหละ ไปแข่งกับแมวต่างประเทศ ตัดสินโดยกรรมการต่างประเทศ ผมได้ Best Of The Best ในงาน ก็ถือว่าโอเค พอแล้ว อะไรเราก็รู้ก็เห็นมาพอแล้ว ก็หยุดการประกวด ก็จะมีถ้วยรางวัลนุ่นนี่นั่นหลายๆ สนามมารวมกัน

แต่ใบนึงที่ได้รับการยกย่องจากเขต เป็นรางวัลที่ได้จากเขตบางรัก ให้รู้ว่าในเขตนี้มีภูมิปัญญาท้องถิ่นทางด้านเกษตรกรรม ซึ่งผมได้รับโล่เชิดชูเกียรติ จากผู้ว่าราชการ กทม. หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เมื่อปี 2555

เป็นเรื่องของอาชีพ คิดเอง ทำเอง เราจะไม่หวงวิชาให้เรามี เป็นอาชีพที่สามารถถ่ายทอดให้ชุมชนรับรู้ว่าวิธีการ 1-2-3-4-5 ทำอย่างไร เอาไปปฏิบัติได้จริง และเกิดรายได้จริง อันนี้ก็รู้สึกภูมิใจนะที่เขามองเห็นความสำคัญ เลี้ยงแมวเป็นอาชีพ”

วัยเกษียณ วัยที่สุขที่สุด

ตลอด 10 กว่าปีที่ชายผู้นี้ ได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณไปกับอนุรักษ์แมวไทยแล้ว เขายังทำกิจกรรมอื่นๆ เกี่ยวกับแมว ที่เป็นการตอบแทนสังคมอีกด้วย

“นอกจากผมเป็น Breeder แมวไทยแล้ว ผมยังมีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือแมวจรในหลายๆ สถานที่ ผมเคยไปช่วยเหลือแมวจรที่ทรัพย์สินของจุฬาฯ วันที่สัญญาการเช่าที่หมดลง คนต้องออก แมวเหลืออยู่ที่นั่นเป็นร้อยตัวเลยครับ

พอได้ข่าวมาผมก็ชวนคนรักแมวไปดูว่ามันอยู่กินกันยังไง แมวเยอะมากเลย เดินเข้าไป 3 วัน วันที่ 4 มันวิ่งมาหาผมเพราะรู้ว่าจะได้กิน ตรงนั้นก็เริ่มมีสื่อเข้ามาจับพฤติกรรมผม ที่เข้าไปทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องแมว

ผมมีโครงการทำหมันแมวจร ก่อนหน้านี้ผมทำมาทุกปีนะ ทำฟรี ผมทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยมหานคร จะมีอาจารย์กับนักศึกษาปีสุดท้ายออกทำงานตรงนี้กัน ต้องเป็นการรวมตัวกันของชุมชน แล้วผมจะเอาหมอไปทำให้ โดยที่ชาวบ้านไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ทั้งค่าเวชภัณฑ์ ค่าเดินทาง ค่าตัวหมอ ผมจัดการให้ทั้งหมด

พอเราเข้าไปทำเราจะรู้เลยว่า ความต้องการของการทำหมันแมวของชุมชนมีเยอะทีเดียว ครั้งนึง 50 ตัว 100 ตัว ตรงนี้มันจะมีส่วนให้หลายๆ คน รู้จักผมนอกจากการที่จะเป็น Breeder แมว อนุรักษ์แมวแล้ว ก็มีส่วนที่ผมมีโอกาสได้ให้กับสังคม”


[ ช่วยเหลือแมวตามโอกาสต่างๆ ]

ถามถึงเสน่ห์ของแมวจากที่ได้ใกล้ชิดมาเป็นเวลานาน ลุงตุ๊บอกว่าสำหรับเขาคือสัมผัสที่นุ่มละมุน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องตามอารมณ์แมวให้ทัน เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะแลกมาด้วยการถูกแจกยันต์เล็บและเขี้ยวแมว

“เสน่ห์ของแมวสำหรับผมนะ เกิดจากการสัมผัส เราจะรู้สึกเลยว่าเราสัมผัสกับของที่ Soft มาก เนียนละเอียดนุ่มนวล
เสียงร้องของแมว อากัปกิริยาของแมวเหมือนเด็ก เด็กไม่มีจริตจะก้าน

แมวให้ความรู้สึกที่ดีกับคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้นะ มีคนที่คนในบ้านเขาเป็นโรคซึมเศร้ามาเอาแมวไปเลี้ยง แล้วติดตามไปดูว่าผลของการเอาแมวไปเลี้ยงได้ไม่นาน อาการซึมเศร้าคนในบ้านหาย จากสัมผัสที่เขาได้รับจากแมว

เรื่องที่เราต้องเรียนรู้อารมณ์ของแมว อย่าจับแมวในขณะที่แมวกำลังทะเลาะกัน เราจะต้องคลุมเขาไว้ระยะหนึ่งให้ อารมณ์มัน calm down แล้วค่อยไปจับตัว ถ้ามีอาการอย่างนี้ เราจับตัวแล้วอันตรายมาก หันมาแว้งกัดเราได้ทุกที อย่าทำทีเดียวนะครับ ผมเสียเลือดมาแล้ว แผลที่ถูกแมวกัด ปวด เลี่ยงที่สุดคือการถูกแมวกัด

เขี้ยวแมวเวลาที่มันลงไปในเนื้อเราแล้วมันเป็นลิ่ม เมื่อแผลข้างบนปิด อย่าคิดว่าแผลหายนะครับ อีก 1-2 วันเท่านั้น มันจะอักเสบและบวม ข้างล่างจะเกิดหนองขึ้น ต้องหาหมอที่รักษาเขี้ยวแมวเป็น เนื้อจะประสานจากข้างล่างขึ้นมาหาข้างบน แผลข้างบนต้องเปิดอยู่เสมอ นี่เป็นเรื่องที่เจอมากับตัวเองทั้งนั้น (หัวเราะ) อันตราย”



สำหรับใครที่อยากเข้าวงการคนเลี้ยงแมว เขาก็ได้ให้คำแนะนำที่ต้องดอกจันทร์ตัวโตๆ ไว้ว่า ควรได้รับความยินยอมจากทุกคนในครอบครัวให้ได้ก่อน

“สิ่งแรกที่ผมอยากให้ทำ อย่าตัดสินใจเลี้ยงแมวแต่เพียงผู้เดียว การที่จะเอาแมวเข้าบ้านซักตัวหนึ่ง หันไปรอบๆ คนข้างตัวเรามีกี่คน ขอความเห็นทุกๆ คนก่อน เห็นด้วยไหมเราจะมีสมาชิกเข้ามานะเป็นแมว ขอให้ได้รับความเห็นชอบจากคนในบ้านทุกคนให้ได้ แล้วค่อยเอาแมวเข้าบ้าน อุปสรรคอะไรที่มันจะเกิดขึ้น ถ้าเขายอมรับเราตั้งแต่แรก ปัญหานั้นนิดเดียว แก้ได้

ถ้าตัดสินใจเอาเข้าโดยที่คนในบ้านไม่รู้ มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับลูกค้าผม บางคนแพ้ขน บางคนเกลียดแมว อย่าใช้คำว่าไม่รักนะ ถึงกับเกลียดเลยก็มี เพราะฉะนั้นอย่าให้มันเกิดปัญหานี้ สิ่งแรกที่อยากจะให้ทำคือขอความเห็นจากคนข้างๆ ตัวให้ได้ก่อน แล้วค่อยคิดจะเลี้ยงแมว เท่านั้นเอง ถ้าคิดจะเลี้ยงแมวนะ เรื่องแมวสายพันธุ์อะไรมาทีหลัง”



สุดท้าย ทาสแมววัย 75 กะรัต ได้ฝากแง่คิดถึงคนวัยไล่เลี่ยกันว่า การเกษียณไม่ใช่ฉากจบ หากแต่เป็นการการเดินทางในบทเรียนชีวิต ที่มีเรื่องราวใหม่ๆ คอยให้เรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

“การเกษียณอายุมันก็คือการจบสิ้นชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเราจะเคยเป็นมนุษย์เงินเดือน เขาถึงบอกว่าให้การเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ต้องคิดเลยว่าเราจะทำอะไร อย่าไปคิดเอาตอนที่เราออกจากงานประจำแล้ว ถ้าเราทำแล้วมันเกิดรายได้ เราอยู่ได้แน่นอนในวัยเกษียณ อยู่ที่ว่าเราเป็นคนชอบอะไร เริ่มต้นตรงนั้น แล้วทำในสิ่งที่รัก มันไม่ต้องฝืนใจทำ

แม้กระทั่งในเรื่องของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เราก็ต้องเรียนรู้กับมัน เพราะไม่อย่างนั้นเราอยู่ในสังคมนี้ไม่ได้แน่นอน เราจะกลายเป็นคนโบราณ ไม่ยอมรับรู้อะไรต่ออะไรต่างๆ ที่มันกำลังเกิดขึ้นและเกิดขึ้นในอนาคต ต้องเปิดใจกว้างนิดนึง

ผมว่าวัยเกษียณ ผมมีความสุขที่สุด หยุดการแข่งขัน ผมไม่ต้องแข่งขันกับใครอีกแล้ว ผมแข่งกับตัวเอง ถ้าอยู่ในวัยที่เป็นมนุษย์เงินเดือน เราทำงานอยู่ในกรอบที่เขาเป็นคนตีให้ แต่พอในวัยเกษียณมันเป็นกรอบที่เราตีเอง เอาแบบไหนก็ได้ เราจะกิน จะนอน จะตื่นเมื่อไหร่ อันนี้เรามากำหนดเอาเองได้ทั้งหมดเลย

ผมถึงบอกว่ามันเป็นวัยที่ผมมีความสุขที่สุดนะ ในวัยนี้มันเป็นวัยที่เรารู้เห็นอะไรมามาก แล้วมันเป็นวัยช่วงปลายชีวิตที่ค่อนข้างสงบกับอาชีพการเลี้ยงแมว เพราะว่ารายได้มันเลี้ยงตัวเองได้ มันแข่งขันกับตัวเองเท่านั้น ว่าเราจะทำอย่างไรให้แมวทุกตัวเรามีสุขภาพที่ดี”


เปิดกรุ "5 แมวมงคล" ตามตำรา "แมวไทยโบราณ" (ที่ยังหลงเหลือ)

“แมวไทยโบราณ คนโบราณเขาแยกออกเป็น 2 ลักษณะคือแมวมงคลและแมวอัปมงคล ที่เราจะดูกันวันนี้เป็นแมวมงคลทุกตัวที่ยังเหลืออยู่


"อันนี้คือ วิเชียรมาศ ลักษณะเด่นของเขาคือมีตาสีฟ้านะครับ จุดเข้ม 9 จุดในส่วนปลาย เท้า 4 หู 2 หน้าอีก 1 หางอีก 1 จุดที่ 9 ของเขาคือที่อวัยวะเพศ ถ้าในเพศเมียจะเห็นไม่ชัดเจน ถ้าเป็นเพศผู้จะเห็นชัดเจนคือที่อัณฑะ

เรื่องของความเป็นมงคลสำหรับสายมู ผมไม่ได้พูดเองนะ ตำราแมว คนโบราณที่เขาเขียนไว้ในสมุดข่อย เขาบอกว่าเรามีอาชีพอะไรควรจะเลือกเลี้ยงแมวให้ตรงกับอาชีพที่เรามี มันจะช่วยส่งเสริมทำให้อาชีพที่เราเป็นอยู่รุ่งเรืองใหญ่โต มีการค้าที่ดีขึ้นหรืออะไรที่ดีขึ้นกว่าไม่มีแมว คนโบราณระบุไว้เลยนะว่าอาชีพที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า เหมาะกับการเลี้ยงแมววิเชียรมาศ”


“ตัวต่อมาคือ ขาวมณี ถูกจัดเป็นแมวมงคลอีกชนิดหนึ่ง จะเป็นแมวที่มีขนขาวทุกเส้น มีตาได้ 3 ลักษณะคือ ฟ้า 2 ข้างก็ได้ เหลือง 2 ข้างก็ได้ ฟ้าข้างนึงเหลืองข้างนึงก็ได้ พอแมวขาวตาฟ้า มันจะเป็นทุกสายพันธุ์เลย ไม่ว่าจะเป็นแมวฝรั่งแมวขนยาว หรือแมวขนสั้นแบบไทย มักจะบกพร่องเรื่องการได้ยิน บางตัวถึงกับหนวก แต่ไม่ใช่เป็นทุกตัว

ตัวที่เราเห็นอยู่นี่คือขาวมณีที่มีตาข้างละสี ไม่ใช่ว่าจะมีพ่อ 2 สี แม่ 2 สีแล้วลูกเกิดมาจะเป็นแมวตา 2 สีทุกตัว จะมีแค่คอกละตัวเท่านั้นหรือไม่ได้เลย ค่อนข้างหายาก อย่างว่าของอะไรที่มันหายากคนมักอยากได้ ราคาก็จะขยับขึ้นไปสูงกว่า

เพิ่งมีการค้นพบกันว่า เรามีแมวขาวมณีในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะสมุดข่อยมันเป็นเรื่องของอยุธยาตอนกลางแล้ว ไม่ได้อยู่ใน 17 สายพันธุ์ที่จัดว่าเป็นแมวมงคล มีการบันทึกเอาไว้ว่า มีแมวขาวเลี้ยงกันในสมัยรัชกาลที่ ๓ เรื่องราวของวิถีชีวิตคนมักจะถูกบันทึกอยู่บนผนังโบสถ์ เราไปเจอว่ามีแมวขาวมณีอยู่ที่ผนังโบสถ์วัดทองนพคุณ

ถ้าถามผมว่าเลี้ยงแมวตัวนี้แล้วดีอย่างไรในสายมู เขาบอกว่าแมวตัวนี้มันเหมือนพลอยชนิดหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า กินบ่เซี่ยง เป็นภาษาเหนือเขาบอกว่ากินไม่หมด ความเป็นมงคลของเขาผมเอาไปพูดเล่นๆ ว่าเหมาะกับสายมูที่ชอบซื้อของพวกช้อปปิ้ง เงินมันจะหมดหมุนกลับมาหาคุณ โดยวิธีการใดผมบอกไม่ได้ แต่เงินจะออกจากกระเป๋าคุณไปได้ไม่นานหรอก”


“อันนี้คือ แมวโคราช หรือ แมวสีสวาด เป็นหนึ่งในแมวมงคลที่ยังเหลือให้เราได้รู้จักมักจี่กัน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับแมวตัวนี้หลากหลายเลยนะ ถ้าพูดถึงสีสวาด สะกดด้วย ด.เด็กนะ อย่าสะกดด้วย ท.ทหาร

แมวสีสวาดดวงตาจะเป็นสีเขียว ขนจะเป็นสีเทา ซึ่งฝรั่งเรียกขนสีนี้ว่า Blue ไม่เรียก Grey แต่บางคนเรียกว่า แมวดอกเลา จะมีปลายขนเป็นสีเงิน สีขาว ถ้าขนนั้นยาว 4 ส่วน ¼ จะเป็นสีขาว ถ้าทั่วตัวเราจะบอกว่าแมวตัวนี้สวย จะแยกความสวยของแมวโคราชได้ว่าสวยมาก สวยน้อย ยิ่งโตดอกเลายิ่งชัด

แมวสีสวาด เป็นแมวที่ถูกคัดเอาไปอยู่ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เขาบอกว่าสีขนเหมือนกับเมฆฝนที่ใกล้ตก อีกพิธีหนึ่งที่มักจะได้รับการยอมรับ ก็คือในพิธีขึ้นบ้านใหม่ของราชวงศ์ทุกๆ สมัย หลังจากพิธีราชาภิเษกแล้ว ก็จะมีพิธีเฉลิมราชมณเฑียร

แมวเหล่านี้จะถูกคัดขึ้นอยู่ในพิธีนั้นด้วย แต่ละรัชกาลจะเลือกแมวที่ไม่เหมือนกัน ผมเข้าใจว่าขึ้นอยู่กับโหรประจำปีนั้น ที่จะเขาจะเลือกแมวอะไรเข้าไปในพิธี

ในเรื่องของสายมู ความเชื่อ เขาบอกว่าเหมาะกับดารา นักร้องแสดง สจ. สส. พวกนี้ต้องการให้คนรัก ให้คนจำได้ คือเมตตามหานิยมสูงว่าอย่างนั้นเถอะ ใครที่เขาไม่รักเรา ให้เอาแมวสีสวาดไปเลี้ยง ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็ชื่นชมชื่นชอบ”


“มาถึงนางเอกตัวนี้คือ แมวศุภลักษณ์ นี่แหละเป็นตัวที่ผมคาดหวังว่าคงมีโอกาสได้จดทะเบียนในนามคนไทยซักตัวนึง เพราะทั้งหมดที่เราดูๆ กันมาแล้ว ที่เรารู้จักกันมาแล้ว ฝรั่งเอาไปจดหมด

เขาจะเป็นสีช็อกโกแลต ถ้าอยู่ในที่มืดอย่างนี้เราอาจจะมองดูว่าเหมือนกับสีดำนะครับ แต่ลักษณะของแมวศุภลักษณ์ จุดตายในการดูแมวศุภลักษณ์คือ 1.ตาเหลืองอำพันนะครับ 2.เนื้อที่อุ้งตีนของเขาจะเป็นสีน้ำตาลแดงอมส้ม

ถ้าพูดถึงแมวศุภลักษณ์ที่ผมเคยพูดว่าเขามีจุดเข้ม 9 จุดเหมือนกับวิเชียรมาศ เนื้อที่อุ้งตีนแมวตัวนั้นจะเป็นสีเปลือกมังคุดสุกงอมอมม่วงอมดำ ไม่ใช่สีนี้ ถึงบอกว่านี่คือการดูลักษณะของแมวศุภลักษณ์

แล้วขนเขาจะเป็นสีช็อกโกแลตทั่วตัว ไม่มีตรงไหนที่มันเข้มกว่าตรงไหนเลย หนวดก็จะเป็นสีเดียวกันนะครับ ศุภลักษณ์ต้องโดนแดดถึงจะเห็นว่าขนเขาเนี่ยสวย เป็นสีช็อกโกแลต เป็นน้ำตาลแดง

ในเรื่องของความเป็นมงคล เขาบอกว่าอาชีพที่เหมาะกับแมวศุภลักษณ์ ก็คือข้าราชการ ซึ่งในตำราเขียนไว้เลยว่า อยากเป็นอำมาตย์มนตรีให้เลี้ยงศุภลักษณ์ อำมาตย์คือใคร ก็พวกข้าราชการที่อยู่ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ใช่ไหม ก็คือข้าราชการทุกหน่วยงานดีหมด จะมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูง อันเป็นเรื่องของความเชื่อที่คนโบราณได้มีการบันทึกเอาไว้”


“ตัวต่อไป แมวดำ คนโบราณเรียกว่า โกนจา คือแมวดี แมวดำไม่ใช่เป็นแมวชั่วร้ายอะไรเลย ดำตรงนี้คือดำทั่วตัวนะครับ จริงๆ แล้วแมวดำตาจะต้องเป็นสีเขียว แต่ตัวนี้ตาข้างนึงเป็นเหลืองไปแล้ว

ในตำรา ในสมุดข่อยที่คนโบราณเคยเขียนเอาไว้ ถือว่าเป็นแมวที่นำมาซึ่งความโชคดี เลี้ยงแล้วจะนำมาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง แต่ผมกลับบอกว่าคนที่เหมาะกับการเลี้ยงแมวดำ คือคนที่มีอิทธิพล คนเป็นเจ้าพ่อ กลุ่มคนที่อาชีพสีเทา ถ้าเลี้ยงแมวดำแล้ว เขาจะมีบริวารที่ดี มีบริวารที่ซื่อสัตย์ จะดูแลเราได้อย่างดี

ในอดีตผมว่าวงการสื่อสาร วงการภาพยนตร์ เอาแมวดำมาทำให้หลายๆ คน มองภาพแมวดำไปในทางที่ติดลบ ไปดูเมื่อไหร่ก็ตาม แมวดำมักจะไปเกี่ยวเรื่องที่ไม่ดีทั้งนั้น อย่างเช่น แมวดำกระโดดข้ามโลงศพ ทำให้ศพลุกขึ้นมาได้ อะไรอย่างนี้

คนไม่เคยเลี้ยงแมวดำจะไม่รู้เลยว่าแมวดำดีอย่างไร แมวดำเป็นแมวที่อ้อนเจ้าของมากที่สุดในกลุ่มแมวไทยด้วยกัน เป็นแมวที่สุภาพ เป็นแมวที่เรียบร้อยมากๆ เลยนะครับ ถ้าเรามีโอกาสเลี้ยงแมวดำเราจะรู้เลย

ตัวนี้เกือบ 10 ปีแล้ว ประวัติของเขาเป็นแมวที่ให้เลือดมาแล้วหลายครั้ง วันที่แมวตัวอื่นเดือดร้อน ในวงการแพทย์ แมวไม่มี Blood Bank ไม่เหมือนสุนัข หมอยังเก็บเลือดสำรองไว้ คนยังมี Blood Bank แต่แมวไม่มี แมวต้องถ่ายจากตัวสู่ตัว”







ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





@livestyle.official ..."ผมเป็นคนเกลียดแมวนะ วันดีคืนดีมันเดินมาซบ ล้มแผละลงบนหลังเท้า นั่นแหละผมเริ่มสัมผัสตัวแมวจริงๆ จังๆ และเกิดความรักโดยที่เราไม่รู้ตัว" @maewthai ... . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #บ้านแมวไทยบางรัก #แมวไทย #แมวไทยโบราณ #ทาสแมว #คนรักแมว . #แมวศุภลักษณ์ #แมวขาวมณี #แมววิเชียรมาศ #แมวโคราช #แมวสีสวาด #แมวดำ #แมวโกนจา #contentcreator #ธุรกิจ #sme #อายุน้อยร้อยล้าน #ชี้ช่องรวย #เถ้าแก่น้อย ♬ original sound - LIVE Style


สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : นลธวัช กาญจนสุวรรณ์
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : แฟนเพจ “แมวไทย.com แมววิเชียรมาศ แมวโคราช แมวขาวมณี แมวศุภลักษณ์”
ขอบคุณสถานที่ : บ้านแมวไทยบางรัก



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น