แฮปปี้วันยังค่ำ เปิดใจ “แม่ภา” เกษตรกรอารมณ์ดีแห่ง “ไร่วันยังขำ” จากผู้เคยล้มเพราะสวนยางโดนพายุถล่ม เริ่มต้นใหม่กับ “จามาคารู” กระบองเพชรยักษ์กินได้ ขายดีจนโตไม่ทัน!!
เกือบหลับเพราะยาง แต่กลับมาได้เพราะกระบองเพชร
“ที่แม่ภาปลูกก่อนหน้านี้ก็จะเป็น มันสำปะหลัง ปลูกยางพารามันก็เรียบๆ ก็สนุกอยู่แต่มันก็ธรรมดาๆ แต่หลังจากที่เราปลูกกระบองเพชรก็รู้สึกว่ามันว้าว มันทำให้เราตื่นเต้น แล้วก็ได้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา วันนี้ดอกไหนจะบาน วันนี้ต้นจะติดผลมั้ย มองไปทางไหนก็ชื่นใจไปหมดเลย
เหมือนจามาคารูมันมีพลังงานส่งมา มันถ่ายทอดให้แม่ภา ทำให้เราสดชื่น มองดูแล้วทำไมมันสวย ตื่นมาก็อยากจะมาว้าว มากอด อยากมาชื่นชม วันนี้ต้นนี้ก็สวย มุมนี้ก็สวย (หัวเราะ)”
เจ้าของรอยยิ้มสดใสเคล้าเสียงหัวเราะคนนี้คือ “สุภาวดี นิยมวงศ์” หรือที่เหล่าแฟนคลับเรียกว่า “แม่ภา” เกษตรกรวัย 53 ปี แห่ง “ไร่วันยังขำ” ไร่กระบองเพชรหลากหลายสายพันธุ์ ใน ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
นอกจากจะเป็นเกษตรกรแล้ว แม่ภายังเป็นแม่ค้าขายกระบองเพชรออนไลน์ โดยจะมีการไลฟ์ผ่านแฟนเพจ “ไร่วันยังขำ One young kham farm” ที่ตอนนี้มีผู้ติดตามถึง 1.4 แสนคน
แต่กว่าที่มาเป็นอาณาจักรกระบองเพชรยักษ์อย่างทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดิมทีแม่ภามีความตั้งใจที่จะปลูกยางพาราเพื่อเป็นรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตไปจนถึงบั้นปลาย
ทว่า กลับเจอเข้ากับภัยธรรมชาติ ก็คือพายุลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำใส่สวนยางพารา พายุครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและกำลังใจจนหมดสิ้น ...
“ก่อนที่จะมาทำสวนกระบองเพชร แม่ภาก็เป็นเกษตรกรธรรมดานี่แหละค่ะ ทำสวนยางพาราก่อน ตั้งแต่เป็นเด็กๆ พ่อก็จะเริ่มปลูกยาง สวนยางพาราแม่ภาเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 46 แต่ว่าไม่ใช่แปลงนี้ แปลงนี้แม่ภาเริ่มปลูกปี 53 ค่ะ มันก็โอเคแล้ว มันก็ลงตัวแล้ว
ช่วงแรกที่เรากรีดจะยังไม่ได้ผล ได้ก็น้อยๆ พอ 3 - 4 ปีก็จะเริ่มได้ผลผลิตสูงขึ้น ก็กำลังดีเลย แม่ภากะว่าถ้าแก่มาก็จะเงินยางนี่แหละ เพราะยางพารามันก็กรีด 20-30 ปี ก็กะว่าจะตลอดชีพเลยแหละในการวางแผน
ประมาณ 3-4 ปีที่เริ่มได้กรีด ได้ผลผลิต ก็มาเจอพายุ เหมือนใจมันสลายไปเลย ไม่รู้จะพูดยังไง มันเป็นจริงใช่มั้ยนี่ เหมือนฝันไป ความตั้งใจเรามันล้ม ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แม่ภาใจหายไปเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันช่วงนึง
แปลงนี้คือสวยที่สุดแล้ว และเป็นแปลงที่ใหญ่ 38 ไร่ เสียหายทั้งหมด มันก็ไม่ได้ล้มทุกต้นแต่ว่าคนงานเราเข้าไปกรีดไม่ได้เลย วันดีคืนดีมันก็ล้มพรึ่บๆๆๆ เป็นตัวโดมิโน มันโก่งไปทั้งสวนเลย เสียรูปสวนจนไปต่อไม่ได้ ถ้าเข้าไปกรีดก็คือเสี่ยงชีวิต
เสียหายไปเท่าไหร่… ถ้าสมมติเราได้ผลผลิต ถ้ากรีดช่วงนั้นมันก็จะได้อยู่อาทิตย์ละ 20,000 ประมาณนี้ เริ่มปลูกยางพาราไร่นึงอยู่ที่ 80 ต้น เยอะอยู่นะ 38 ไร่ แปลงนี้ถ้าแม่ภาจำไม่ผิด 2,700 ต้น
ไม่เคยเสียหายไปทั้งแปลงแบบนี้ ก็จะมีเป็นหย่อมๆ ไม่ถึงกับเสียรูปสวนแบบนี้ ปีนั้นนอกจากเราแล้วก็ยังมีเพื่อนๆ หลายแปลงที่เสียหาย มันเป็นความเสียหายครั้งใหญ่เลยที่ไม่เคยมีมาก่อน”
แม้ต้นยางจะล้มไปจนมีความเสียหายมูลค่ามหาศาล แต่ชีวิตก็ต้องลุกขึ้นสู้และเดินหน้าต่อ โชคดีที่เธอได้กำลังใจจากลูกๆ ที่อยู่เคียงข้างให้ก้าวผ่านในทุกอุปสรรค
“ตอนนั้นลูกๆ ก็เรียนจบใหม่ๆ พอดี แม่ภาก็กะว่าจะสบาย เด็กๆ ก็บอกว่าจะทำยังไงน้อทีนี้ ก็ไม่เป็นไร ก็ตั้งใจขึ้นมาใหม่ เด็กๆ ก็ให้กำลังใจแม่ ลูกก็จบแล้ว เราจะสู้ไปด้วยกัน อย่างน้อยมันก็เหลือเป็นไร่เป็นสวน เราสามารถปลูกพืชระยะยาวหรือพืชระยะสั้นก็ได้ มันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีก็ได้
เราก็ฮึดสู้ขึ้นใหม่ เพราะว่าเสียใจยังไงเราก็เอาคืนไม่ได้ ต่อให้แม่ภานอนร้องไห้ทั้งคืน ต้นยางก็ล้มอยู่ดี มันก็ไม่สามารถกลับคืนมาให้แม่ภาได้กรีดอีก แล้วก็ถ้าคนงานเราฝืนเข้าไปกรีด มันก็เสี่ยงกับชีวิต ซึ่งชีวิตคนงานก็มีค่ากับชีวิตของเรา เราก็ไม่ควรจะเสี่ยง ชีวิตมีค่ากว่าต้นยาง เราก็เลยเปลี่ยนก็ได้ บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้ เราคิดให้กำลังใจตัวเอง”
หลงรัก “จามาคารู” กระบองเพชรยักษ์กินผลได้
หลังจากที่สวนยางพาราเสียหายไปแล้ว ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ เกษตรกรวัย 53 ปีคนนี้ก็หันมาเอาดีในการปลูกผลไม้แทน กระทั่งวันหนึ่งลูกๆ ได้เอากระบองเพชรหลายพันธุ์มาเลี้ยง ความสวยงามแปลกตาก็มันก็ทำให้แม่ภาผู้ไม่รู้จักพืชชนิดนี้เลย กลับกลายเป็นตกหลุมรักอย่างหมดหัวใจ
“ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ก็จะประมาณปี 63 ตอนนั้นเราก็ตัดยาง เด็กๆ ก็มาช่วยกัน คิดว่าจะปลูกอะไรดี ตอนนั้นที่เราตัดสินใจปลูกเป็นผลไม้เพราะว่าลูกๆ ก็ไปทำงานต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ถ้าสมมติว่าเรามีสวนผลไม้เป็นของตัวเอง เราจะได้กินอิ่มแล้วก็แบ่งขายบ้าง แบ่งแถม เพื่อนๆ ก็จะได้กินอิ่มด้วย
ก็เลยเอาสวนผลไม้นี่แหละตอนนั้น มีทุเรียน 675 ต้น แล้วก็มีเงาะ 50 ต้น ลำไย 50 ต้น มังคุด 50 ต้นค่ะ ช่วงที่เราลงปลูกผลไม้ เราก็มองหาจะปลูกอะไรดีน้าในร่องผลไม้ก่อนที่มันจะโตใช้เวลาน่าจะ 5 - 6 ปีถึงจะได้ผล เป้าหมายเราก็คือผลไม้ เราก็เลยหาอะไรเล่นก่อนระหว่าง หาความสุขไประหว่างทาง เด็กๆ ก็เอากระบองเพชรต้นเล็กๆ มาเลี้ยง
เริ่มทำสวนผลไม้กับกระบองเพชรมาพร้อมๆ กัน ก็เริ่มจากต้นเล็กๆ ที่เป็นกระถาง พวกยิมโน แอสโตรแบบนี้ แต่ว่าเราก็มองหาไม้เพิ่มด้วยว่าเราจะเอาอะไรมาปลูกดีน้า พอเราเกิดความสนใจ ก็ไปเห็นจามาคารูนี่แหละค่ะ เพราะว่าต้นอื่นมันจะเล็กๆ แต่ต้นนี้ทำไมมันใหญ่แล้วก็แปลก ลูกๆ ก็เข้าไปถามดูว่ามันคือต้นอะไรอยู่ในกลุ่มรักแคคตัส ก็ได้ขอซื้อเขามาปลูกต้นนึง
ทีนี้เราก็เอามาปลูกกับดินภูเขาไฟ ตอสีบลูๆ ตัดกับดินภูเขาไฟแดงๆ ซึ่งมันสวยมากเลย มันเป็นต้นเป็นแท่งๆ ทำไมมันสวยจัง จามาคารูหนามกุด แม่ภาผู้ไม่รู้จักกระบองเพชรเลยก็เกิดความหลงใหล ชอบ ก็เลยเริ่มขยายมาเรื่อยๆ
ปลูกเพราะว่าความชอบเฉยๆ แค่ได้ชื่นชมเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเราจะเอามาขายเลยตอนนั้น ไม่คิดว่าจะมาเป็นแม่ค้าขายกระบองเพชรเลย (หัวเราะ) แค่ปลูกชื่นชมแล้วก็มีความสุขแค่นั้นเอง”
และด้วยความที่ตนเองเป็นเกษตรกรอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากในการทำความรู้จักเจ้ากระบองเพชรยักษ์นี้ ที่สำคัญมันกลับดูแลง่ายกว่าพืชทั้งหมดที่เคยผ่านมือแม่ภามาอีกด้วย
“จริงๆ เราก็เริ่มจากพอเราปลูกเราก็ชอบไปดูของเพื่อนๆ คนโน้นเขาก็มีสวย คนนี้เขาก็มีสวย ซึ่งเราก็อยากได้ให้มันหลากหลายสายพันธุ์ ก็เอาเงินส่วนที่ขายมันสำปะหลัง ขายยางพาราอีกแปลงนึง เอาเงินจากส่วนอื่นไปซื้อ ถ้าเราได้กระบองเพชรไปแลกมันก็น่าจะดี เราก็เลยลองขายดูดีมั้ย ลองขายเพื่อจะได้เงินไปซื้อพันธุ์ใหม่เข้ามา ก็เลยเริ่มลองขายดู
จริงๆ แม่ภาก็ไม่ได้ศึกษาอะไรมาก เพียงแต่อยากทดลองเพราะว่าเรามีที่กว้างๆ อยู่แล้ว ในร่องผลไม้มันกว้างมาก ก็เสี่ยงๆ ดูได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง จริงๆ แม่ภาก็ทำตายไปหลายต้นเหมือนกัน (หัวเราะ)
แต่ว่าจามาคารูมันเลี้ยงง่าย แล้วก็หมดปัญหาเรื่องเพลี้ย ไม่มีปัญหาเรื่องเพลี้ยมากวนใจมันก็เลย รู้สึกว่ามันจะชอบดินภูเขาไฟมาก ขอให้ฝังลงแล้วมันก็จะโตเองได้ ส่วนมากแม่ภาก็จะชอบปลูกแดด 100 ฝน 100 เลย เพราะว่ามันไม่ต้องยุ่งยากทำโรงเรือน เอาสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายๆ แล้วก็โตไว
ถ้าแม่ภาเทียบกับที่ผ่านมา ปลูกพริก ปลูกมะเขือ ปลูกฟักทอง ปลูกมันสำปะหลัง กระบองเพชรนี่คือง่ายสุดแล้วเพราะว่าแค่ฝังๆ ลงมันก็เป็นแล้ว ไม่ต้องดูแลอะไรมากมายแค่ฝังลงดิน จะรดน้ำ ไม่รดน้ำมันก็อยู่ได้”
[ “ย่าวัน” ที่มาของชื่อไร่ ]
จากในตอนแรกที่กะจะปลูกกระบองเพชรเล่นๆ ก็มาสู่ “ไร่วันยังขำ” อาณาจักรกระบองเพชร กินพื้นที่เกือบ 20 ไร่
“ไร่วันยังขำก็คือเจ้าของไร่จริงๆ ชื่อย่า แม่ภาเป็นแค่ลูกสะใภ้มาทำสวน แม่ภาก็ว่าตั้งชื่ออะไรดีน้า วันนี่แหละ ย่าวันเป็นเจ้าของไร่ วันยังขำ วันยังหัวเราะ วันยังมีความสุขตอนที่เราทำสวนของย่า เราก็เลยได้วันยังขำนี่แหละ
ตอนนี้ถ้าแปลงนี้ทั้งหมด 38 ไร่ แต่ว่าพื้นที่ที่ปลูกกระบองเพชรก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 ไร่ในแปลงนี้ แต่อีกแปลงนึงแม่ภาปลูกปลูกกระบองเพชรอย่างเดียว 12 ไร่
ตอนนี้เราก็ยังมีจามาคารูเป็นหลัก แล้วก็เขากวางออสเตรเลีย พวกโอพันเทีย กินแพดและผลเป็นหลัก หลากหลายสายพันธุ์ค่ะ เราก็ไม่แน่ใจว่ามันแหล่งใหญ่ ถ้าแหล่งใหญ่ก็ใหญ่ที่สุดในคุ้มวัดภูดินแดงนี่แหละค่ะเพราะมีสวนเดียว (หัวเราะ) แต่ถ้าใหญ่ในไทย เราก็ยังไม่รู้ว่าที่ไหนมีบ้าง
สวนนี้ถามว่าลงทุนเยอะมั้ย ส่วนมากแม่ภาก็จะขายแล้วก็ต่อยอดมากกว่า ถ้าขายได้แม่ภาก็จะแบ่งส่วนนึงไปซื้อพันธุ์ใหม่ อีกส่วนนึงเราก็เอามาพัฒนาต่อยอดในต้นจามาคารูนี่แหละ เริ่มต้นจากต้นเดียวแล้วก็ขายไป แล้วค่อยต่อยอดไป”
[ “ดินภูเขาไฟ” เบื้องหลังผลผลิตงอกงาม ]
นอกจากความที่เป็นพืชที่เลี้ยงง่ายแล้ว ความลับอีกอย่างที่ทำให้กระบองเพชรของไร่วันยังขำโตวันโตคืน ก็มาจากพื้นที่ตรงนี้เป็น “ดินภูเขาไฟ” ที่อุดมไปด้วยธาตุอาหาร ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็งอกงามดีไปหมด
“กระบองเพชรมันเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายมากแล้วก็โตไว ปุ๋ยน้อย น้ำน้อยถ้าเทียบกับพืชอย่างอื่น ดูแลง่าย ไม่ต้องมีปัญหา โรคอะไรก็น้อยกว่าพืชอย่างอื่นถ้าเทียบกัน สำหรับจามาคารูแม่ภาว่าง่ายสุดแล้ว ประหยัดต้นทุนมาก ขอให้วางลง บางครั้งแม่ภาก็ตัดไว้ลืมปลูก มันก็แตกขึ้นมาเอง
ดินมีส่วนค่ะเพราะว่าที่นี่เป็นดินภูเขาไฟดิน ปลูกกล้วย ปลูกยางพารา ปลูกทุเรียน ปลูกมังคุด ปลูกเงาะ ปลูกอะไรก็งามไปหมดไม่ใช่แค่กระบองเพชร
สำหรับใครที่สนใจอยากปลูกจามาคารูเหมือนแม่ภา แม่ภาว่ามันไม่ต้องลงทุนมากนะคะ ซื้อไปทดลองก่อนซัก 1-2 ต้นก็ได้ ราคาหลักร้อย ไปทดลองปลูกดูก่อนเพราะว่ามันเลี้ยงง่าย โตไว เราเลี้ยงไปก่อนว่ามันโอเคมั้ย
ถ้าใครมีพื้นที่เยอะเราก็สามารถเริ่มต้นเยอะได้ แต่ถ้าใครมีพื้นที่น้อยก็สามารถทดลองปลูกได้ต้นนึงก็สามารถ เมตรนึงหรือกระถางเดียวก็ยังสามารถทดลองปลูกได้ แต่ว่าขอให้มีแดด น้องจะชอบแดด เราใช้ตอแก่ปลูกปีนี้ก็สามารถออกดอกออกผลปีนี้ได้เลย ไวมาก ถ้าเป็นที่สวนแม่ภา ปลูกปีนึงสามารถสูงได้ถึง 2 เมตรเลย”
|
น้องบองหลากพันธุ์ ขายดีจนโตไม่ทัน
ตลอด 1 ปีที่กระบองเพชรได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน ทั้งการปลูกและการซื้อมาขายไป แลกเปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่ๆ มาไว้ที่ไร่ จนมาสู่การมีแฟนเพจ “ไร่วันยังขำ One young kham farm” เพื่อบันทึกความทรงจำ และต่อมาก็ได้ใช้แฟนเพจนี้ในการไลฟ์พูดคุยและขายกระบองเพชรไปในตัว
“เริ่มปลูกแล้วก็ขยายพันธุ์ไปปีนึง แล้วก็เริ่มลองขายดูเพื่อจะได้มีสายพันธุ์ใหม่ๆ เข้ามาในสวน จริงๆ เจาะตลาดเราก็ลงขายในกลุ่มรักแคคตัสก่อน ก็ทั้ง F ทั้งซื้อ ส่วนมากก็จะ F ก่อน (หัวเราะ) ผลตอบรับดีค่ะ ดีมากเลย ส่วนมากแม่ภาก็จะเน้นไม่ได้ขายเป็นหลักเป็นธุรกิจมาก แม่ภาก็จะเน้นแบ่งปัน แบ่งความสุขกัน ไม่ได้ตั้งใจจะลงขายอย่างเดียว
ตอนแรกเลยเราโพสต์ขายค่ะ พอเราโพสต์ขายเราก็เจอปัญหาว่าต้นหนึ่งหลายมุม มุมนี้ มุมนั้น หลายมุมมันก็เกิดปัญหาจำไม่ได้บ้าง รูปไหน ตอไหนอะไรบ้าง มันก็สับสน
ก็เลยลองมาไลฟ์ดูมั้ย มันก็จะได้เห็นตำหนิตรงนี้ เราก็จะได้คุยกับเพื่อนๆ ด้วย แม่ภาก็เลยลองไลฟ์ดู จะไลฟ์เย็นวันอังคาร เย็นวันพฤหัสฯสองทุ่ม แล้วก็จะมีเสาร์-อาทิตย์ตอนช่วงกลางวัน อาทิตย์นึงก็มา 4 ครั้ง
เปิดเพจนี่ก็เริ่มทำช่วงที่เราเริ่มทำสวนแปลงนี้ เด็กๆ ก็เริ่มทำเพจให้แม่เลย เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำเพจเป็นธุรกิจเพื่อจะขาย จริงๆ เราอยากจะบันทึกมากกว่า บันทึกเรื่องราวของสวนเราว่ามันเป็นยังไงบ้าง ให้เราได้บันทึกไว้จดจำมากกว่า”
หลังจากตัดสินใจมาเอาดีด้านการขายกระบองเพชรก็เรียกได้ว่ามาถูกทาง เพราะมีลูกค้าให้ความสนใจอย่างล้มหลาม ชนิดที่ว่าขายดีจนกระบองเพชรโตไม่ทัน
[ เมนูจาก “ฟิคัสอินดิก้า” ที่ให้ความกรอบและรสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ ]
“ช่องทางการขายของแม่ภาเป็นหลักก็คืออยู่ในออนไลน์ อยู่ในเพจไร่ แล้วก็มาที่หน้าสวนก็อีกส่วนนึงตอนนี้ ที่ร้านเราตอนนี้ที่ขายเป็นหลักๆ ก็จะมี จามาคารู เขากวางออสเตรเลีย อากาเว คอนโซเล่ ยูโฟเบีย โอพันเทียฟิคัสอินดิกา โอลเม็กซิโก ฯลฯ เราก็มีหลายสายพันธุ์ พวกที่กินแพดและผล มีเยอะอยู่ค่ะ
ที่คนชอบกัน ขายดีที่สุดก็คือจามาคารู แล้วก็มีพวกโอพันเทีย กินแพดและผล แล้วก็เขากวางออสเตรเลียที่ขายดีมาก อากาเวก็ขายดีเหมือนกัน ขายดีมากจนโตไม่ทัน
ส่วนมากก็จะเป็นต้นสูงๆ เป็นหน่อสูง ที่ขายดีในสวนก็จะเป็นรุ่น 30-50 เซนต์ ขายดีมากเลย กลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาซื้อก็จะเอาไปตกแต่งสวน ตอนนี้คือทั้งจะเอาไปจัดสวน ทั้งทำผล มีหลายคนที่อยากทำสวนเหมือนแม่ภาก็จะมารับแบบจำนวนเยอะเพิ่มมากขึ้น บางทีก็มารับที่สวนเป็นคันรถเลยก็มีตอนนี้ ตลาดก็เริ่มกว้างขึ้นมาก
มีที่รับไม้ไปแล้วก็อยากได้ดินภูเขาไฟไปปลูกด้วย เพราะว่าจามาคารูเขาชอบดินภูเขาไฟมาก เลยจำเป็นต้องแบ่งขายให้เพื่อนๆ ด้วย ก็เป็นที่มาของการได้ส่งดินด้วย
ส่วนในการดูแลระบบหลังบ้านก็จะเป็นลูกๆ แม่ภาเองค่ะ ลูกสาว ลูกเขยก็ทำกันทั้งทีมเลย ทั้งหมดในครอบครัวเราดูแลช่วยกัน ส่วนหนึ่งก็จะมีจ้างคนงานมาช่วยในการแพ็ก ในการปลูก ช่วงนี้ก็จะอยู่ที่ 12 คน
แม่ภาไม่อยากให้โฟกัสตรงรายได้ แม่ภาอยากให้โฟกัสที่ว่าเราทำแล้วมันมีความสุขมากกว่า เพราะว่าถ้าเรามุ่งไปที่เราทำแล้วมันจะสร้างรายได้ มันก็จะมุ่งหวังจนเราไม่มีความสุข”
และอีกช่องทางการติดตามที่ทำให้แม่ภากลายเป็นที่รู้จักบนโลกโซเชียลฯมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ TikTok ช่อง @one_young_kham_farm ยิ่งคลิปไหนที่แม่ภารีวิวรสชาติของ “ผลจามาคารู” คลิปนั้นยอดวิวพุ่งกระฉูด!!
“TikTok เราเริ่มเดือนกุมภาฯปีที่แล้ว ตอนแรกเราก็ยังไม่ได้ทำ TikTok แต่พอเรามาทำใน Facebook ทำ reels ขึ้นมามันก็สนุก น่าสนใจ ก็เลยเพิ่มช่องทาง TikTok อีกดีมั้ย ใน Instagram ดีมั้ย YouTube ดีมั้ย ความสนุกก็น่าจะเพิ่มขึ้น
คลิปแม่ภาตัดจามามาคารูก็เริ่มคนรู้จัก มีคนสนใจอยากมาดู (ฟีดแบก) ส่วนมากเขาจะมีความสุขไปด้วยกัน ชื่นชม อยากปลูกจามาคารู อยากมาชิมผล อยากมาเยี่ยมแม่ภา อยากมีความสุขเหมือนแม่ภา อยากลองทำสวนเหมือนแม่ภาจัง น่าจะสนุก ส่วนมากก็จะเป็นแนวนี้
ก็จะลงประจำ แต่ก็ไม่ได้ทุกวันมาก คอนเทนท์ส่วนมากเราก็ไม่ได้คิดมาก พอมองไปวันนี้ดอกมันบานเราก็ทำคอนเทนท์ดอกบาน อยากให้เพื่อนๆ มาดู ส่วนมากก็จะคิดกันสดๆ ขึ้นมาเลย บางทีเดินไปต้นมันล้ม มันเน่า เราก็คอนเทนท์ตรงนี้เลย เดินไปเห็นอะไรน่าทำ ส่วนมากเราจะเอากันสดๆ หน้าสวนเลย
นอกจากจะดูในโทรศัพท์แล้ว ดูในออนไลน์ ก็ยังมีเพื่อนๆ ตามมาดูที่สวนก็มี แม่ภาให้เข้าชมได้ตามสบายเลยค่ะช่วงนี้ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ได้เก็บค่าเข้าชม มาเก็บความสุขไปด้วยกันได้เลย”
“อะไรที่เรามีความสุข อายุป่านนี้แล้วทำไปเถอะ”
การได้รู้จักกับกระบองเพชร ทำให้แม่ภาได้เรียนรู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน อนาคตเปลี่ยนได้ทุกวินาที ชีวิตหลังจากนี้ของเธอจึงขอเลือกเดินในทางที่มีแต่ความสุขและไม่เดือดร้อนใครก็เพียงพอแล้ว
“ความล้มเหลว ที่เราได้ทำยางพาราคือความหวังเราตอนนั้น เราคิดว่าเราสำเร็จแล้วล่ะเพราะยางก็ได้กรีด แต่แม่ภาว่าไม่มีอะไรแน่นอน บางทีเราคิดว่าเราจะสำเร็จมันก็ไม่ได้สำเร็จ
แต่ว่าบางทีอย่างกระบองเพชร แม่ภาก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาทำเป็นธุรกิจหรือว่าทำเป็นอาชีพ เราทำแค่สนุก ทำเล่นๆ มันก็สามารถเป็นหลักได้ แต่ว่าให้เราทำด้วยความรัก ทำด้วยความตั้งใจ ใส่รายละเอียดเข้าไป
ความสุขของเราเหมือนเป็นพลังงานดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา เพื่อนๆ ที่เข้ามาดู เข้ามาชมสวน หรือว่าเข้ามาเมนท์ เข้ามาซื้อ ส่วนมากเราก็จะพบแต่คนน่ารัก พบแต่คนใจดี มันเป็นพลังงานที่ดึงดูดกัน ถ้าเราทำให้มันมีความสุข มันก็จะเจอแต่คนที่มีความสุขไปด้วยกัน
บางทีความสำเร็จของแม่ภาก็คือเรายิ้มทุกวัน สมาชิกในครอบครัวมีความสุขไปด้วยกัน เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมสวนก็ได้เก็บรอยยิ้มกลับไป แม่ภาว่าแม่ภาก็สำเร็จแล้วสำหรับตัวแม่ภาค่ะ คือความสุขที่เราได้ได้แบ่งให้เพื่อนๆ ด้วย แม่ภาว่าอันนี้คือสุดยอดในหัวใจของแม่ภาแล้วนะคะ”
แม่ภาแชร์ประสบการณ์ในฐานะของผู้ที่บทชีวิตได้พลิกหน้ากระดาษใหม่ในวัย 50+ ว่า อย่าเอาอายุมาเป็นเกณฑ์ในการเริ่มต้นทำอะไรก็ตาม
“อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ที่อายุ 50+ เหมือนแม่ภา เราไม่ต้องท้อถอย ไม่ต้องเอาอายุเราเป็นเกณฑ์ว่าเราแก่แล้วทำไม่ได้ แก่แล้วจะไหวมั้ย เราทิ้งตรงนี้ไปได้เลย ทิ้งอายุเราไปเลย
ตราบใดที่หัวใจเรามันยังมีพลัง มือ 2 มือเรายังทำได้ ลงมือทำไปเลย อะไรที่เรามีความสุข อายุป่านนี้แล้วทำไปเถอะเอาความสุข แล้วก็ทำไปแล้วไม่เดือดร้อน เราสามารถมีแรงทำได้เราทำไปเลย
อย่างจามาคารูมันเลี้ยงง่าย มันโตไวก็เหมาะกับเรา เพราะถ้ามันโตช้าเราจะแก่ก่อน แล้วก็เลี้ยงที่มันเลี้ยงง่ายๆ ไม่ต้องทำโรงเรือน ไม่ต้องลงทุนมาก แล้วก็ปลูกไปได้เลย วันไหนเราตื่นสาย ลืมรดไป 2 วันมันก็ยังเข้มแข็งอยู่ได้ของมัน มันก็สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เป็นต้นไม้ที่แข็งแรงมาก แล้วก็เลือกต้นที่มันเหมาะกับเรา ชอบแบบไหนเอาให้มันตรงกับตัวเราด้วย
แม่ภาก็ได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แล้วก็ได้เจอเพื่อนๆ มันทำให้เราได้โลกกว้างขึ้น ได้เจอคนที่เราคิดว่าไม่จะมาสวนเรา แล้วก็ได้ทำให้เรารู้จักคนหลากหลายอาชีพ
ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทุกวัย รวบรวมกันเข้ามาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ไปด้วยกันได้ไม่มีข้อแม้เลย จริงๆ ชีวิตเราก็ไม่ได้มีข้อแม้อะไรมากมาย แม่ภาว่าความสุขนี่แหละทำให้มันได้ความสำเร็จ ขอให้เราทำด้วยความสุขจากใจของเราเอง
แม่ภาก็ยังธรรมดา ก็เป็นแม่ภาคนเดิม แต่ว่าก็ได้มีเพื่อนๆ ได้มีคนรู้จัก ได้ยิ้มแย้ม ได้คุยกับหลายๆ คน ได้ฟังคนโน้นพูด คนนี้พูด เราก็ได้เก็บความรู้ดีๆ จากเพื่อนๆ ด้วย มันก็เป็นโอกาสดีของแม่ภาด้วย”
แม้จะมีวันที่เจอเข้ากับอุปสรรคหนักหนาสาหัส แต่ด้วยความที่ตนเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีและไม่จมอยู่กับปัญหา จึงทำให้เกษตรกรอารมณ์ดีคนนี้ก้าวผ่านมาได้ในทุกปัญหา
“ปลูกกระบองเพชรมาเจอปัญหาอะไร ก็มีเจอปัญหาช่วงที่ขาย แต่ก่อนแม่ภาทำคนเดียว เราทำแค่เล่นๆ พอมีลูกค้าเพิ่มขึ้น เราดูลูกค้า ตอบลูกค้าไม่ทัน พอลูกๆ เห็นแม่ทำคนเดียวไม่ไหวก็ได้มาช่วย มันก็เป็นสายสัมพันธ์ ทีนี้ก็ทำกันเป็นทีม
หลังจากที่มาช่วย ลูกๆ ก็ได้แรงบันดาลใจในการทำเกษตร ตอนนี้เขาก็รักเกษตรกับแม่ภา มีเวลาให้กับงานในสวนมากขึ้น มันเป็นเหมือนโซ่ทองคล้องใจกิจกรรมครอบครัวเราขึ้นมา แม่ภาว่าถ้าใครยังไม่ได้ปลูกก็ทดลองปลูกดูได้ แม่ภาว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากเลย
มันมีท้อที่สุดก็ตอนที่ช่วงยางพาราล้ม เหมือนมันมืดมนไปหมด ทั้งทุนก็หมดเพราะว่าต้นยางมันหัก มันก็ขายไม่ได้ราคา ช่วงนั้นคือท้อสุดแล้ว ท้อจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
ตอนนั้นเราก็เสียใจเหมือนกัน ในหัวใจก็ห่อเหี่ยวเหลือเกิน ไม่รู้จะไปทางไหน จะเดินไปทางไหนมันก็ต้องลงทุนอีก คิดว่าเราจะจบแล้วมันก็ไม่จบ แม่ภาก็ลังเลใจอยู่เหมือนกันว่าจะปลูกอะไร คิดแล้วคิดอีก เหนื่อย ท้อแท้เหมือนกันช่วงนั้น
แต่ถึงเราจะท้อแท้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์ สู้ล้มแล้วเรารีบลุกดีกว่า อย่าไปเสียเวลากับสิ่งที่มันเสียไป เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ เราคิดอะไรก็ได้ให้เรามีพลังบวกขึ้นมา อะไรที่มันเป็นพลังงานลบเราไม่ต้องไปคิด ยางล้มแม่ภาก็ยังเหลือไร่ มันยังอยู่ ปลูกอะไรก็ได้ ก็ฮึดสู้
เราก็ไม่ได้หวังว่ามันจะเป็นสวนที่สวยแบบนี้ เราก็ค่อยๆ ทำไป ก็ค่อยๆ เห็นรูปร่างขึ้น แล้วไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ไตร่ตรอง อันนี้ดีมั้ย ใจเย็นๆ มันจะทำให้เราค่อยๆ เรียนรู้ เราก็จะไม่เจ็บปวดอีก ยังอยากจะทำไปเรื่อยๆ ค่ะ แม่ภายังไม่มีในหัวใจเลยว่าจะเกษียณ ยังมีโครงการอยากทำ ยังสนุกอยู่”
แม่ภายังได้ให้คำแนะนำถึงผู้ที่สนใจอยากปลูกจามาคารู ทุกคนสามารถทำได้แม้มีเวลาน้อยและพื้นที่จำกัด พร้อมทั้งฝากคำขอบคุณไปถึงทุกกำลังใจที่คอยติดตามและมาเก็บเกี่ยวความสุขจากไร่วันยังขำไปด้วยกัน
“สำหรับท่านที่เห็นจามาคารูแล้วอยากปลูก แม่ภาแนะนำให้เราอย่าพึ่งปลูกเป็นหลัก ให้ปลูกเป็นไม้เสริม เป็นงานอดิเรกก่อนเหมือนที่แม่ภาทำ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่เราก็ทำงานหลักเราไป แต่เราทำตัวนี้เสริมขึ้นมา ทำคู่กันไปก็ได้
เพราะว่ามันทำง่าย มันไม่ต้องใช้เวลานาน แค่เราปลูกลงไป เพื่อนๆ ที่อายุเยอะเหมือนแม่ภาก็สามารถทำได้ อันนี้ไม่ได้ลำบากอะไร น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน หรือว่าวัยเกษียณ ก็สามารถปลูกได้ จามาคารูมันเลี้ยงง่าย ไม่ต้องทำโรงเรือน ปลูกได้เลย
สำหรับท่านที่มีพื้นที่น้ำท่วมก็สามารถใส่กระถางได้ หรือว่าใครที่มีพื้นที่อยู่แล้ว ปลูกทิ้งๆ ไว้มันก็โต เราจะตัดขายเป็นรายได้ก็ดี หรือว่าจะเลี้ยงไว้ชื่นชมจัดสวนมันก็สวยงาม มันก็ต่อยอดได้ไปหมดเลย
ตัวอื่นอาจจะมีปัญหาเรื่องเพลี้ยบ้าง พอทำไปแล้วกำลังจะสวย เพลี้ยลง อันนี้มันหมดปัญหาเรื่องเพลี้ยเลย แล้วน้ำก็ให้น้อย มีเวลาน้อยก็ทำได้เลย ง่ายกว่าที่คิด แม่ภาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพืชอะไรที่เลี้ยงง่ายกว่าจามาคารูไปอีกแล้ว นอกจากจะเป็นลำสวยแล้ว ผลก็ยังอร่อยด้วย แม่ภาชิมแล้วมันต้องขยายเยอะๆ แล้วแบบนี้ (หัวเราะ)
แม่ภาเริ่มทำกระบองเพชรมา 3 ปีครึ่ง แม่ภาขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ติดตาม ขอบคุณมากๆ ที่มาเก็บรอยยิ้มด้วยกัน มามีความสุขไปด้วยกันแบบนี้ทุกๆ วัน ใครที่ผ่านมาผ่านไปไร่วันยังขำ ก็สามารถแวะเก็บความสุขไปด้วยกันได้เลยนะคะ แม่ภายินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจทุกคนเลย”
สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “สุภาวดี นิยมวงศ์” และ “ไร่วันยังขำ One young kham farm”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **