จากเหตุ “ฝรั่งเตะหมอ” สู่กระแสรุกฮือทวงคืนชายหาดจาก “นายทุน” ชวนกูรูหาคำตอบ “ปัญหาที่ดินในภูเก็ต เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าหน้าที่เปิดทาง
“ที่ดินแพง” ต้นเหตุของปัญหา
กลายเป็นเรื่องลุกลามจากเคส “ฝรั่งทำร้ายหมอ” ที่ภูเก็ต ตอนนี้กลายเป็นเรื่อง “ทวงคืนพื้นที่หาดสาธารณะ” ของชาวบ้านทั่วภูเก็ต และล่าสุดก็มีการรวมตัวกันเพื่อทวงคืน “หาดแหลมหงา” ต.รัษฎา จ.ภูเก็ต
หลังมีการออกมาแฉว่า มีเอกชนแห่งหนึ่ง ปิดกั้นทางถนนที่เป็นเส้นทางในการเดินลงไปยัง “หาดแหลมหงา” ซึ่งเป็นเส้นทางถนนชนบท ที่ชาวบ้านใช้ลงไปยังชายหาดมานานหลายชั่วอายุคน พร้อมทั้งติดป้าย “ห้ามคนบุกรุก”
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เป็นเรื่องที่ชาวภูเก็ตต่อสู้กันมาหลายปี ทางทีมข่าวจึงขอชวนคุยกับ“เพชร”เฉลิมชัย วัดจังฝ่ายวิชาการLand Watch thai (กลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน) เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ว่า ปัญหาที่ผ่านมาเกิดเพราะอะไร?
“การออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบจากเจ้าหน้ารัฐ”เพชรอธิบายว่า การรุกล้ำพื้นสาธารณะ หรือเอกสารสิทธิ์ถือครองที่ดิน ไม่ตรงความเป็นจริง สาเหตุหลักเกิดจากมีความต้องการใช้ที่ดินเพิ่มขึ้น ทั้งจาก “กลุ่มทุนและชาวต่างชาติ”
“ในภูเก็ตที่ที่ดินมีราคาแพง ก็มีปัญหาที่จะพยายามออกเอกสารสิทธิ์ หรือ ส.ป.ก.โดยมิชอบ”
หลายครั้งพบว่า “มีการออกเอกสารที่ดินในพื้นที่อื่น แต่กลับถูกนำนาสวมบนที่ดินอีกแปลงหนึ่ง” หรือ “มีการขยายที่ดิน จากขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงเอกสาร“ตัวแทนกลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน ช่วยยกตัวอย่างจากเคสฝรั่งทำร้ายหมอ
{“เพชร” จากLand Watch thai}
จากเดิม ที่ดินที่เป็นเอกสาร “ส.ค.1” ซี่งเป็นเอกสารแจ้งครอบครองที่ดิน แต่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ ใช้ก่อนมีกฎหมายที่ดิน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “น.ส.3ก”
“พบว่า ขนาดที่ดินพอถูกเปลี่ยนมาเป็น น.ส.3ก มันกลับถูกขยายขึ้น มีการพยายามทำให้ขนาดที่ดินใหญ่กว่าเดิม ไม่ตรงกับตอนแรกที่แจ้งไว้”
อีกปัญหาหนึ่ง “ขนาดของที่ดินจริงๆ ไม่ตรงกับเอกสาร” เช่นในเอกสารแจ้งไว้ 100 ไร่ แต่พอไปวัดพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์จริง กลับเป็น 102 ไร่ และส่วนที่เพิ่มมานี้เองที่มักไปรุกล้ำพื้นที่สาธารณะที่ชาวบ้านใช้
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจาก ความต้องการที่ดินที่สูงขึ้น เพื่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ บวกกับพื้นที่ของภูเก็ตเป็นเกาะ มีที่ดินน้อย ทำให้ “ราคาที่ดินพุ่งสูงเป็นอย่างมาก” ที่ดินบางแปลงแพงกว่าใน กรุงเทพฯ เสียอีก
“ผมว่าตรงนี้มันเอื้อให้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเองเนี่ย มีแนวโน้มที่จะเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน หรือคนที่ต้องการเข้ามาหาประโยชน์ในภูเก็ต”
“กลไกลรัฐ” ตั้งใจเอื้อประโยชน์?
ปัญหา “การบุกรุกพื้นสาธารณะ”ไม่ได้แค่ในภูเก็ตแน่ๆ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ช่วยวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ให้เห็นภาพชัดขึ้น
“เป็นปัญหาที่เกิดทั่วประเทศนะครับ ที่มีจำนวนมากๆ เลยเนี่ย คือการบุกรุกของเอกชน”
ซึ่งมีทั้งตามลำน้ำ ริมคลอง ทะเลสาบและพื้นที่เหนือเขื่อน “อันนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ”หรือจะเป็นอย่างที่เห็นในข่าวบ่อยๆ อย่าง การรุกพื้นป่าและอุทยาน
“วัตถุประสงค์ในการเข้าไป เพื่อการอยู่อาศัย การพาณิชย์ ตั้งโรงงานเหล่านี้เกิดขึ้นมากทั่วประเทศในปัจจุบัน”
แล้วช่องโหว่หรืออะไรที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้? ดร.มานะ มองว่า ปัญหาหนึ่งที่เห็นคือ การบังคับใช้กฎหมาย “ที่ไม่ทั่วถึง ไม่เท่าเทียม และเอื้อประโยชน์พวกพ้อง”
{“ดร.มานะ” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน}
ปัญหาหลักของเรื่อนี้คือ “กลไกของรัฐ” ที่ “ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง”อีกส่วนหนึ่งคือ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เองก็ “ขาดงบประมาณและกำลังพล”ที่จะเข้าไปจัดการปัญหาเหล่านี้
รวมทั้งยังมี “ความเกรงใจ”ต่อนักการเมื่อง ผู้อิทธิพล และราชการผู้ใหญ่ จะเห็นว่ากรณีที่การรุกล้ำในพื้นที่สำคัญ หรือที่ดินที่มีราคาสูง คดีเหล่านี้จะอยู่ที่ ป.ป.ช. และ DSI “แต่ความคืบหน้ามันเป็นไปอย่างช้าๆ”
อีกประเด็นหนึ่งคือ “นโยบายของรัฐขาดความจัดเจน”ดร.มานะเล่าว่า ท่าทีของรัฐ กับเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจารย์ยกตัวอย่างเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว เรามีสิ่งที่เรียกว่า ส.ป.ก.ทองคำ
ที่เปิดให้คนสามารถใช้ “ที่ดิน ส.ป.ก” ที่ดินรัฐจัดสรรให้ประชาชน เพื่อทำการเกษตรเท่านั้น หรือ “ที่ดินในพื้นที่ป่าเสื่อมสภาพ”สร้างรีสอร์ต บ้านพัก หรือตลาดได้ หากอยู่ใกล้ชุมชนขนาดใหญ่ สถานที่ราชการ หรือมหาวิทยาลัย
“ตรงนี้ทำให้เห็นว่า มีการเปิดช่องอยู่ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็จ้องจะไปฉวยโอกาสเข้าไปครอบครอง พื้นที่ไว้ก่อน”
ตรงนี้เองที่สร้างปัญหา เพราะยังมีการถกเถียงกันเรื่อง เส้นแบ่งระหว่างพื้นที่ ส.ป.ก. และเขตอุทยาน ซึ่งมีปัญหาทับซ้อนกันมาตลอด แต่ก็ยังมีการกำหนดพื้นที่ ส.ป.ก.ตามขอบอุทยาน ซึ่งมีแนวโน้มที่รุกล้ำเข้าในพื้นที่อุทยานได้ง่าย “สะท้อนให้เห็นถึงความจงใจ ตั้งใจเอื้อประโยชน์”
“ผลประโยชน์บังตาเจ้าหน้าที่ ทำให้ทุกคนพยายามใช้อำนาจ และดุลยพินิจของตัวเอง ไปตีความเรื่องราวต่างๆ กฎหมาย พ.ร.บ. แผนที่ ให้เกิดประโยชน์กับพวกตัวเอง”
การรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ถ้าเป็นการกระทำของฝั่งเอกชนอย่างเดียว จะไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรวมด้วย “การรุกบุกจะมีมากขึ้น และจะทำเลียนแบบกันมากขึ้น”
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Phuket Timesภูเก็ตไทม์” “Dhammatuch Jumpa”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **