“อย่ามีข้ออ้าง - ตั้งเป้าหมายให้สูง” เปิดใจ “หลิว - ลลิตา” แม่ค้าดาว TikTok กำเงินห้าพันสุดท้าย ทำทุนขายผลไม้เมืองหนาวจนชีวิตเปลี่ยน พร้อมเผยเบื้องหลังชีวิตสาวนักสู้ จากเคยต้องนอนกระต๊อบไม้ไผ่ สู่บ้านหลังใหม่หลักสิบล้าน!!
ไวรัล “กินอะโวคาโด” จนดังเปรี้ยง
ถ้าจะพูดถึงแม่ค้าผลไม้ดาวดังบนโลกออนไลน์ เชื่อเลยว่าหลายๆ คนน่าจะนึกถึง “หลิว - ลลิตา สถิตธรรมพนา” สาวชาวม้ง-ลีซอ เจ้าของช่อง TikTok @liewliewfarm และแฟนเพจ“ผลไม้เมืองหนาวสดจากดอย” อย่างแน่นอน
เพราะหากเห็นหน้าเธอเมื่อไร ก็เป็นอันต้องนึกถึงการกินอะโวคาโด การรีวิวและขายผลไม้เมืองหนาว ไปจนถึงบรรยากาศอันเขียวขจีของสวนผลไม้บนดอยขึ้นมาทันที บวกกันใบหน้าของแม่ค้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอ ส่งให้ช่อง TikTok นี้มีผู้ติดตามถึง 1.3 ล้านบัญชี ส่วนแฟนเพจก็ไม่น้อยหน้า มีผู้ติดตามแล้วกว่า 3.3 แสนคนเลยทีเดียว
แต่กว่าที่ชีวิตของแม่ค้าวัย 25 ปีจะมีวันนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปอกผลไม้เข้าปาก โดยจุดเริ่มต้นมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เธอตกงานและต้องกลับมาตั้งหลักบนดอย เพื่อมองหาลู่ทางในการหาเงินเลี้ยงชีพต่อ จนมาเจอเข้ากับสิ่งที่มองข้ามมาตลอดก็คือ “อะโวคาโด” และนั่นก็กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่พาให้เธอมาถึงวันนี้
“สวนอยู่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ครอบครัวเป็นเกษตรกรค่ะ จริงๆ หลิวเรียนจบแค่ ม.6 นะคะ พอจบก็เริ่มไปทำงานเลย หลิวทำงานตั้งแต่เด็กเสิร์ฟ ตอนที่ทำงานได้เก็บเงินอยู่ประมาณปีกว่าๆ แล้วก็เอาเงินตรงนั้นมาร่วมลงทุนกับเพื่อนอีกคนนึง เป็นร้านหมูกระทะเล็กๆ มีประมาณ 5 โต๊ะได้ค่ะ กลับไปเปิดบนดอย
เปิดสักพักนึงก็ไม่ค่อยรุ่งก็เลยหันไปขายของตลาดนัดแทน พอขายก็ไม่รุ่งเหมือนกันเพราะว่าเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีเนอะ หลิวก็กลับมาทำเด็กเสิร์ฟอีกรอบนึง พอกลับมาทำก็เริ่มดีขึ้นนะคะ แต่ว่าพอหลังจากนี้มันเกิดสถานการณ์โควิดพอดี ช่วงนั้นร้านอาหารหรือว่าเกือบทุกอย่างก็คือโดนปิดตัวหมด หลิวก็เลยได้กลับมาอยู่บ้านอีกครั้งนึงค่ะ
หลังจากที่เกิดโควิดหลิวก็ได้กลับมาอยู่บ้านบนดอย ช่วงนั้นที่บ้านทำการเกษตรอยู่ค่ะ ปลูกหลักๆ เลยก็จะเป็นกาแฟอาราบิก้าค่ะ ตัวนี้จะมีโรงงานรับซื้อ รองลงมาก็จะมีปลูกอะโวคาโด เชอร์รี่ ลูกไหน เป็นผลไม้ที่กินตามฤดูกาล ทำเกษตรอย่างอื่นก็จะมีปลูกขิง ปลูกกะหล่ำปลี ปลูกมะเขือเทศ เราก็จะปลูกไว้กินในช่วงที่ยังไม่ถึงฤดูกาลกาแฟค่ะ ปลูกไปเรื่อยๆ
หลิวกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านประมาณ 6 เดือนได้ เงินที่เราทำงานมามันก็เริ่มหมดไปเรื่อยๆ ตอนนั้นหลิวก็อายุประมาณน่าจะ 20 หรือ 21 ก็คือไม่ได้ขอเงินพ่อแม่แล้ว ตอนนั้นเราจะขายของนี่แหละแต่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี มองไว้ 2 แบบก็คือ 1.เราอาจจะพรีออเดอร์สินค้าจากจีนมาขาย 2.ช่วงที่กำลังคิดเผอิญว่าหลิวอยู่ในสวน เราเห็นว่าบ้านเรามีอะโวคาโด
หลิวก็เริ่มเลยค่ะ ช่วงแรกๆ หลิวไม่ได้เอามาขายเอง เราจะเก็บแล้วเอาไปส่งให้กับพ่อค้าคนกลางในเมืองข้างล่าง แต่พอมันมีโควิดช่วงนั้นคือปิดหมู่บ้าน คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า เพื่อไม่ให้โรคระบาดเข้ามา หลิวก็เริ่มหาวิธีอื่นที่จะขาย”
ยิ่งนานวัน เงินเก็บที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ แต่แล้วชีวิตของหลิวก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเงิน 5,000 บาทก้อนสุดท้ายและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
“หลิวมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นเหลือเงินอยู่จริงๆ ประมาณ 5,000 เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เราคิดแล้วว่าจะรอให้ร้านเปิด กลับไปทำงานไม่ได้แล้ว หลิวก็เอาไปลงทุนซื้อกล่องพัสดุที่เราจะแพ็กอะโวคาโดประมาณ 2,000 กว่าบาท
ตอนนั้นจะเป็นกล่องรุ่นธรรมดาไม่ใช่กล่องผลไม้ มันจะถูกกว่านิดนึง เด็ดผลไม้มาหลิวก็เอามาคัดอีกรอบนึง กันกระแทกที่เราใช้รุ่นแรกๆ เป็นใบไม้ (หัวเราะ) เพราะว่าเราไม่มีเงินเหลือแล้ว ถ้าเราลงทุนหมดแล้วเราขายไม่ได้ก็คือไม่มีเงินเลย
ช่วงที่ขายแรกๆ เมื่อประมาณน่าจะ 3 - 4 ปีที่แล้วจะเน้นหนักไปทางการขายของในกลุ่มคนรักกินคลีน กลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มคีโค ตอนนั้นหลิวยังไม่ได้ทำเพจ ยุคนั้นจะเป็นยุคที่ค่อนข้างบูมในเรื่องการขายกลุ่มค่ะ หลิวจะเป็นโพสต์รูปก่อน
แต่มันเป็นจังหวะ หลิวค่อนข้างโชคดีที่หลิวเจาะกลุ่มลูกค้าถูก พอได้ยอดโอนมาหลิวก็เลยมีมาต่อยอดเรื่อยๆ มี 5,000 กับมือถือเครื่องเดียวจริงๆ ไฟไลฟ์สดหลิวก็ไม่มีเพราะว่ารุ่นแรกหลิวไม่ได้เน้นไปทางไลฟ์สด แต่ว่าอาจจะโชคดีอย่างนึงก็คือเราเป็นคนที่ถ่ายรูปค่อนข้างเก่ง สมัยตอนเรียนหลิวก็ค่อนข้างพรีเซนต์งานเก่ง อาจจะตรงนี้ด้วย
พอหลิวเริ่มโพสต์รูปสินค้าไป รอบแรกออเดอร์มาเกือบ 200 กิโลกรัมซึ่งเยอะมากเลยค่ะ แต่ว่าพอเราขายไปเรื่อยๆ ก็มีพ่อค้าแม่ค้าเขาเห็นว่าเราขายดีเขาก็เริ่มมาขายในกลุ่ม พอคนเริ่มขายเยอะๆ ยอดเริ่มตกเพราะมีการแข่งขันสูงขึ้น ราคาสินค้ามันก็ต้องถูกลงใช่มั้ยคะ หลิวรู้สึกว่าหลิวอยู่ไม่ได้แล้วในเรื่องของราคาประมาณนี้ หลิวก็เลยเปลี่ยนค่ะ”
เมื่อการแข่งขันในตลาดเริ่มมากขึ้น หลิวจึงหาพื้นที่ใหม่ในการขายผลไม้ TikTok คือช่องทางที่กำลังมาแรงในตอนนั้น ซึ่งคลิปไวรัลแรกของเธอเกิดจากความโก๊ะที่ไม่รู้วิธีอัดคลิปให้ยาวกว่า 15 วินาที คลิปที่ว่าจึงเป็นการรีวิวอะโวคาโดที่เป็นไปด้วยความทุลักทุเล แต่นั่นก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวเน็ต และทำให้ “หลิวหลิวฟาร์ม” กลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา
“หลังจากนั้นก็เริ่มหันไปทำเพจก่อน ทำเพจได้ประมาณก็เกือบปีอยู่นะคะ แต่หลิวรู้สึกว่าเราเองไม่ได้เก่งเรื่องเพจ เราทำแล้วมันไม่รุ่ง มาขายของออนไลน์ก็คือเราไม่มีความรู้เลย การยิง Ads การทำคลิป การไลฟ์สดก็คือไม่รู้เลย
แต่ทีนี้เราเห็นได้ว่าช่วงนั้นจะเป็นแพลตฟอร์ม TikTok มาแรงค่ะ เราคิดอยู่ เราพยายามเล่น TikTok แล้วว่าแต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันยังไม่มีตัวตนของเรา เล่นยังไงก็ไม่ได้ ขายของก็ไม่ได้ หลิวก็เลยรู้สึกว่าเราต้องออกหน้าของตัวเอง
[ ไวรัลกินอะโวคาโด จุดเริ่มต้นแม่ค้าดาว TikTok ]
วันนั้นเป็นความบังเอิญที่หลิวกำลังกินอะโวคาโดอยู่ คลิปนั้นจะเป็นคลิปไวรัลเลย หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นก็คือตั้งคลิปในห้องครัวแล้วหลิวก็อัด เราก็กินอะโวคาโด แล้วคลิปมันก็ตัดไปแค่ 15 วิ หลิวก็ลงไปเลย 3 คลิป
พอลงไปปุ๊บ หลังจากนั้นคนก็ดูคลิปเยอะมาก คลิปนั้นแตะไปประมาณล้านวิวได้ภายใน 1 คืนค่ะ หลังจากนั้นทุกคนก็คือเข้ามารุม อยากได้อะโวคาโดจังเลย ทุกคนก็เลยตามลิงค์ในเพจมาค่ะ (ยิ้ม)
หลิวตั้งใจจะบุกตลาดออนไลน์ตั้งแต่ที่เรามองว่ากลับไปทำงานเดิมไม่ได้แล้วค่ะ แต่ว่าเรายังไม่คลิกตรงที่ว่าเราจะทำยังไงให้คนรู้จักเรามากขึ้น ทำยังไงให้เราขายดีมากขึ้น ช่วงนั้นหลิวก็มีขายของบ้างแต่ว่าส่วนใหญ่สไตล์คลิปที่หลิวลงก็จะมีลงหนัง ลงเพลง ลงบรรยากาศที่บ้าน แล้วก็จะมีลงพวกสินค้าที่เราขายเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าไม่ได้เจาะจงไปในทางการขายมากค่ะ
หลิวสมัคร TikTok ไว้ก่อนหน้านั้น 1 ปี แต่ว่าระยะเวลาที่เล่นจริงๆ ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือนค่ะ มีหน้าหลิวออกกล้องใน TikTok น่าจะมีแค่ประมาณ 4 คลิปรวมคลิปที่เป็นไวรัลด้วย เพราะว่าเราเป็นคนขี้อายมาก ไม่กล้าออกกล้อง (หัวเราะ)
หลิวรู้สึกว่าพอเราไม่ออกกล้อง เราขายสินค้าได้ก็จริงแต่ลูกค้าไม่มีความเชื่อมั่นเพราะเขาไม่รู้ว่าซื้อจากใคร จะโดนโกงหรือเปล่า หลิวก็เลยต้องขายตัวเอง หลังจากนั้นก็เลยเริ่มตั้งกล้อง อยากให้คนรู้ว่ามันมาจากเรา เป็นตัวตนของเราค่ะ”
คอนเทนต์ตอบโจทย์ทุกวัย ย่อยง่าย-ได้ความรู้
คอนเทนต์บนช่อง TikTok “หลิวหลิวฟาร์ม” ไม่ได้มีเพียงแค่การขายผลไม้ แต่เราจะได้เห็นการการพรีเซนต์ที่ชวนให้ติดตาม โดยเฉพาะการโชว์กินอะโวคาโด ที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของช่อง เห็นแล้วทำเอาน้ำลายไหลไม่รู้ตัว
“ส่วนใหญ่คอนเทนต์ของหลิวจะไม่ได้หนักไปทางขายของอย่างเดียว ถ้าขายของอย่างเดียวเราจะเป็นช่องที่น่าเบื่อมากๆ เราจะไม่มีคนติดตามใหม่ๆ เพิ่ม หลิวก็จะมีคอนเทนต์ขายของสลับกับรีวิวชีวิตประจำวัน คลิปเที่ยว แล้วก็คลิปให้ความรู้
ให้ความรู้ในที่นี้ก็จะมีอย่างเช่น ฤดูกาลนี้หลิวขายอะโวคาโด หลิวก็จะให้ความรู้เกี่ยวกับอะโวคาโดว่ากินได้อะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง วัยไหนที่จะสามารถกินได้ พยายามแทรกซึมความรู้ไปด้วยค่ะ แล้วก็ทำให้คลิปมีความสนุกสนาน ขายด้วย ให้ความรู้ด้วย รีวิวสวนตัวเองด้วย แล้วก็เป็นคลิปเล่นๆ สนุกสนาน อาจจะมีคลิปเต้นบ้างเพื่อให้คนไม่เบื่อค่ะ
ในเรื่องคอนเทนต์ ส่วนใหญ่หลิวก็จะมีการวางแผนก่อนว่าอาทิตย์นี้เราจะลงเป็นประมาณไหน เราจะขายสินค้าตัวไหน หลิวก็จะมีการวางคอนเทนต์แล้วก็เขียนสคริปต์ไว้ก่อนค่ะ
แต่ว่าเรื่องไลฟ์สไตล์การถ่ายหลิวก็จะมาดูหน้างานอีกที ถ้าฝนตกคอนเทนต์เราอาจจะปรับเปลี่ยนไปนิดนึงค่ะ แต่ว่าทุกอย่าง คอนเทนต์ ตัดต่อ ของเพจหลิวและ TikTok หลิวทำคนเดียวนะคะไม่ได้มีทีมงานช่วย ถึงตอนนี้ก็ทำคนเดียวอยู่”
และด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ที่ย่อยง่าย เข้ากับคนทุกเพศทุกวัย จึงทำให้ฟีดแบกจากผู้ชมในช่องในไปทิศทางที่ดี
“หลิวรู้สึกว่าฟีดแบกของหลิวค่อนข้างดีนะคะ ทำให้หลิวมีฐานคนติดตามที่ค่อนข้างเจาะได้ทุกกลุ่ม อย่างกลุ่มน้องๆ วัยรุ่นตั้งแต่ 15-18 ปี หลิวก็สามารถเจาะกลุ่มนี้ได้ หรือว่าตั้งแต่ 18-24 ปี ก็จะเป็นฐานลูกค้าที่ต้องการความรู้ หลิวก็สามารถเจาะตรงนี้ได้ด้วย
อย่างเวลาหลิวลงคลิปไปใน TikTok หรือว่าในเพจ มันก็จะสามารถดูได้ว่าคลิปนี้ผู้ชมวัยประมาณไหนที่จะดูคลิปของเรามาก คลิปนี้อาจจะเป็นคลิปขายของ เราอาจจะได้ยอดวิวน้อยแต่ว่ายอดการสั่งมาจากกลุ่มคนอายุเท่าไหร่ มันสามารถดูได้ค่ะ มันก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทำให้เรารู้ว่าต้องทำคลิปไปสไตล์ไหน แล้วต้องขายของในช่วงเวลาไหนค่ะ
หลิวรู้สึกว่าคนจะชอบในเรื่องของการรีวิวไลฟ์สไตล์การอยู่บนดอย ซึ่งถ้าทำคลิปแนวประมาณนี้คลิปจะแตกเกือบทุกคลิปเลยค่ะ แต่ว่าถ้าทำแต่อย่างนี้หลิวรู้สึกว่ามันน่าเบื่อไปนิดนึง หลิวก็จะมีแบบอื่นมาปนๆ ด้วย”
[ เช็กส้มจากสวนที่จีนด้วยตัวเอง ]
และจากที่เราได้เห็นกันว่าร้านผลไม้ออนไลน์มีมากมายจนเลือกซื้อไม่ถูก ถามถึงทางหลิวหลิวฟาร์ม มองว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร ที่ทำให้ผู้คนแวะเข้ามาซื้อผลไม้จากร้านนี้ เจ้าของร้านก็ให้คำตอบว่า คุณภาพสินค้าและการดูแลหลังการขาย ที่มีทีมงานสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง
“ตอนนี้คู่แข่งทางการตลาดเยอะใช่มั้ยคะ หลิวคิดว่าจุดแข็งของหลิวก็ยังเป็นจุดเดิมค่ะ มันเป็น Branding ของหลิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลิวขายและลูกค้าเชื่อมั่น ด้วยความที่เราขายมาหลายปี ยอดติดตามเพจ ยอดติดตาม followers ใน TikTok ของเราเยอะ เรามีความน่าเชื่อถือตรงนี้ค่ะ ทำให้ถึงแม้จะมีร้านใหม่ๆ ผุดขึ้นมา ลูกค้าก็ยังนึกถึงเรา
อีกอย่างนึงก็คือหลิวรู้สึกว่าระบบหลังบ้านของหลิวค่อนข้างแข็ง เพจอื่นๆ ที่ขายผลไม้เหมือนกันอาจจะมีระบบหลังบ้านที่แตกต่างกันไป แต่ของหลิวมีทีมงานแอดมินอยู่ 24 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้หลายๆ เพจอาจจะมองข้ามไป เพราะว่าส่วนใหญ่เลิกงานอาจจะเป็นเที่ยงคืนดึกสุด หลิวคือไม่ค่ะ เราเคยเจอปัญหานี้มาแล้ว เรามีทีมแอดมินที่คอยดูแลลูกค้า 24 ชั่วโมง
เวลาสินค้ามีปัญหา บางทีหลิวซื้อของก็จะมี ‘ถ่ายวิดีโอมานะคะ ไม่มีวิดีโอไม่เคลม’ ของหลิวก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นขอเป็นแค่รูปถ่ายชัดเจน อย่างคุณลูกค้าสั่งอะโวคาโดไป ขอหลักฐานชัดเจนลูกนี้เสีย 1 ลูกถ่ายมา หลิวก็จะไปหารกับราคาที่ซื้อ ก็จะเคลมให้เต็มๆ อันนี้อาจจะเป็นอีกอย่างที่ทำให้ลูกค้าค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเรา เพราะเราเริ่มรับเคลมตั้งแต่ชิ้นแรก”
[ Top 5 ผลไม้ขายดี ]
ผลไม้ส่วนใหญ่ที่เราได้เห็นจากร้านนี้ ไม่เพียงแค่ผลไม้ตามฤดูกาล แต่ยังมีผลไม้เมืองหนาวที่คนภาคอื่นๆ อาจจะไม่คุ้นตาอีกด้วย
“มันจะมีทั้งปลูกแบบอินทรีย์แล้วก็แบบที่ไม่ออร์แกนิกค่ะ เพราะว่าบางตัวถ้าเราไม่ให้สารเคมีเขาจะไม่เติบโต อันนี้พูดจริงๆ ลูกค้าของหลิวจะมีหลายแบบมาก บางท่านอยู่กับเรามานาน เขากินแบบออร์แกนิกเลย หลิวก็จะแนะนำเป็นผลไม้ชนิดนี้ แต่ถ้าเราจำเป็นต้องใส่ปุ๋ย หลิวก็จะมีการแจ้งเลยว่าตัวนี้ไม่ได้แล้ว เพราะลูกค้าก็จะมีบางส่วนที่แพ้ในสารตรงนี้ด้วยค่ะ
ถ้าเป็นหลิวทุกคนจะต้องนึกถึงอะโวคาโด ถ้านิยมจริงๆ เลย 1.อะโวคาโด 2.แมคคาเดเมีย 3.ส้มสายน้ำผึ้ง 4.บัวหิมะ 5.เชอร์รี่ดอย หลิวขายผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาหลิวก็จะเน้นขายผลิตภัณฑ์แถวบ้านเราหรือแถวหมู่บ้านรอบๆ แต่ว่าในปีนี้หลิวมีการติดต่อนำเข้า-ส่งออกมากขึ้น ในปีถัดไปเราอาจจะได้เห็นผลไม้มากขึ้นค่ะ
บางตัวจะเป็นสินค้าที่คนไม่รู้จักเลย สินค้าที่อยู่บนบ้านเราเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่พอหลิวเอามาขายปุ๊บ บางคนก็จะแปลกตาแปลกใจ อย่างบัวหิมะ พอหลิวเริ่มลงผ่าน TikTok ในช่วงปีแรกๆ คนไม่รู้จัก แต่เดี๋ยวนี้ก็คือเต็มเลย (หัวเราะ)
ล่าสุดหลิวก็เพิ่งไปดีลส้มจากประเทศจีนมาโดยตรงค่ะ เราค่อนข้างจะซีเรียสในตรงนี้ อย่างที่บอกว่าลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์เหมือนกัน แต่ที่ลูกค้าเลือกเราเพราะว่ามันเป็นตัวเรา มันเป็น Branding จากหลิวหลิวฟาร์ม เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่หลิวจะเอามาขาย หลิวต้องได้ไปเห็นต้นกำเนิดว่ามันมาจากไหน โรงงานเป็นยังไง หลิวถึงไว้วางใจเอามาให้ลูกค้าค่ะ”
รายรับ 7 หลักไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
หลิวเล่าต่อว่า ก่อนหน้าที่จะมาขายผลไม้ ตัวเธอเองก็มีผูกพันและคลุกคลีอยู่กับสวนผลไม้มาตั้งแต่จำความได้
“จริงๆ หลิวทำตั้งแต่เด็กเลยนะคะ หลายๆ คนอาจจะมองเห็นว่าที่หลิวมาถึงตรงนี้ได้เป็นเพราะว่าต้นทุนเราดีใช่มั้ยคะ เพราะว่าหลิวเห็นหลายคอมเมนต์มากที่บอกว่า ‘ทำได้อยู่แล้วสิก็บ้านมีสวน ก็ตัวเองต้นทุนดีกว่าคนอื่น’
หลิวเป็นคนไม่มีต้นทุนเลยนะคะ บ้านหลิวเป็นครอบครัวที่ยากจนมากๆ สวนที่ทุกคนเห็นเป็นต้นอะโวคาโด ต้นกาแฟ เราเริ่มปลูกไปพร้อมกับพ่อแม่เลยนะคะ ขอพูดว่าครอบครัวบนดอยแล้วกันเนอะ เขาจะไม่ได้แบบว่า… เด็กห้ามทำงานนะ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด หลิวก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่ยังเด็ก จำความได้เลย ตอนเด็กๆ ไม่กี่ขวบก็เริ่มแบกกะหล่ำแล้ว
เราจะเริ่มทำการเกษตร คลุกคลีอยู่กับสวนกับไร่มาตั้งแต่เกิดเลยค่ะ (ต้นไม้) มันโตมาพร้อมกับหลิวเลย (หัวเราะ) ไม่ใช่ว่าพ่อแม่เราปูทางมาให้ก่อนนะคะ ไม่มีค่ะ ของหลิวทุกคนในครอบครัวก็คือเริ่มทำด้วยกันเลยค่ะ”
และสินค้าของหลิวหลิวฟาร์ม ก็มีการรับซื้อจากชาวบ้านชุมชนใกล้เคียง ซึ่งนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่รับซื้อผลผลิตมาดีขึ้นอีกด้วย
“ในช่วงแรกหลิวจะทำจากครอบครัวตัวเอง แล้วก็จะเป็นครอบครัวญาติพี่น้องที่เขาปลูกสินค้าเหมือนเราค่ะ บนดอยมันจะเป็นอย่างนี้ แต่ตอนนี้ความต้องการทางการตลาดมันมากขึ้น หลิวก็จะรับซื้อชาวบ้านละแวกใกล้ๆ ด้วยค่ะ
หลิวก็รู้สึกว่าหลิวได้ช่วยเขาเยอะเหมือนกันนะคะ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในบางครอบครัวที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับเราก็ดีขึ้นทุกปี เพราะว่าสินค้าบางอย่างเขาไม่สามารถจะไปขายให้คนอื่นได้ มันจะมีสินค้าตัวนึงก็คือลูกบ๊วย คนที่ปลูกลูกบ๊วยในสมัยก่อนช่วงก่อนที่เราจะทำออนไลน์ หลายบ้านเขาจะโค่นทิ้งไปหมดเลยเพราะมันไม่มีตลาดรองรับค่ะ
แต่ว่า ณ ตอนนี้บ้านที่ยังมีต้นบ๊วยอยู่ เขาสามารถดูแลผลผลิตให้มันดีขึ้น เพื่อที่เขาจะเก็บแล้วก็มาส่งขายให้กับเราค่ะ เขาก็จะมีรายได้ตรงนี้ด้วยเพราะหน้าร้อนชาวเกษตรกรเราก็ไม่ค่อยมีผลไม้อื่นมาขาย ก็จะมีตัวนี้ที่จุนเจือครอบครัวได้ค่ะ
คำแนะนำสำหรับเกษตรกร หลิวอยากจะให้มองวางแผนในระยะยาวค่ะ เพราะการที่เราตั้งใจจะลงกับผลผลิตชนิดใดชนิดหนึ่ง มันต้องมีการวางแผนทางการตลาดก่อน เพื่อที่ว่าผลผลิตของเราจะได้ไม่ต้องล้นตลาดจนเกินไปค่ะ อย่าเป็นเหมือนครอบครัวหลิว เราไม่ได้วางแผน เราเห็นคนอื่นปลูกได้ราคาดีเราก็ปลูกตาม พอมาถึงรุ่นเรา ราคาไม่ดี จะขาดทุนกับตรงนี้เยอะ”
[ ทีมงานหลังบ้านคุณภาพ ]
การทำการตลาดบนโซเชียลฯ จนประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแค่ทำให้หญิงสาวคนนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังพาครอบครัวตัวเองและทุกคนที่มาทำงานด้วยกันดีขึ้นไปด้วยตามลำดับ
“ตอนนี้หลิวเริ่มมีรายได้ต่อเดือน 7 หลักค่ะ รายได้ตรงนี้จะเป็นรายได้เข้าค่ะยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายนะคะ หลิวรู้สึกว่าชีวิตของหลิวมันพลิกมาจากหน้ามือ-หลังมือขนาดนี้เลย เมื่อก่อนเราเป็นครอบครัวอย่างที่บอก หลิวยากจนมาก
ถึงตอนนี้หลายๆ คนเห็นไลฟ์สไตล์ของหลิวอาจจะคิดว่ามันจะไปยากจนได้ยังไง คือหลิวเริ่มจะพาครอบครัว พาพี่น้องที่เขาที่เขาเรียกว่าลืมตาอ้าปากได้ ก็คือตอนที่หลิวเริ่มเล่นโซเชียลฯนี่แหละค่ะ
การเล่นโซเชียลฯของหลิวในตอนแรกๆ เราแค่วางแผนไว้ว่าอยากจะมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวใช่มั้ยคะ เพราะช่วงนั้นหลิวไม่มีรายได้เลย หลิวเริ่มต้นกับเงินแค่ไม่กี่บาทในมือ เริ่มต้นจนมาถึงทุกวันนี้ หลิวรู้สึกว่าค่อนข้างมาได้ไกลมากๆ
และในตอนนี้หลิวไม่ได้ดูแลแค่ครอบครัวของหลิว หลิวดูแลครอบครัวครัวคนอื่นที่มาทำงานกับหลิว รวมเป็นเกือบสิบยี่สิบชีวิตที่มาทำงานอยู่กับเรา หลิวรู้สึกว่ามันค่อนข้าง Complete มากๆ แล้วกับโลกออนไลน์”
เจ้าของร้านผลไม้คนเก่งยอมรับว่า แม้ทุกวันนี้จะเหนื่อย แต่ก็เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่า และเธอก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะในอนาคตยังมีอีกหลายโปรเจ็กต์ที่เตรียมไว้ให้กับลูกค้าทุกคน
“มันเป็นการเหนื่อยที่มีความสุขนะคะในตอนนี้ เป็นการทำงานที่แฮปปี้ทุกวัน เหมือนเราเข้าใกล้ความฝันของเราทุกวันๆๆ เพราะฉะนั้นหลิวจะไม่มีความเหนื่อย หลายๆ คนก็จะสงสัยว่าแล้วทำไมทุกวันนี้เรายังทำเองอยู่ ตัดต่อ ทำคลิป ไลฟ์สด เราก็ยังทำเองเป็นหลัก เป็นคำถามที่เจอเยอะมากว่าไม่เหนื่อยเหรอทำขนาดนี้ นอนน้อยมาก
หลิวรู้สึกว่ามันเป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่า เมื่อก่อนเราเคยเหนื่อยกว่านี้ ทำงานได้ 200 ต่อวัน 150 ต่อวัน แต่เดี๋ยวนี้เราเหนื่อยแค่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง เราสามารถทำรายได้ได้ค่อนข้างเยอะมาก เราก็เลยรู้สึกว่าเรามีความสุขกับตรงนี้มากเลยค่ะ
สำหรับหลิวเองถ้ามีประมาณระดับร้อย หลิวรู้สึกว่าหลิวประสบความสำเร็จอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วนะคะ ก็คือประสบความสำเร็จมาก แต่ว่าชีวิตของหลิว หลิวมีเป้าหมายที่สูงกว่านี้ไปอีก หลิวก็เลยรู้สึกว่าอาจจะยังไม่เต็มร้อยค่ะ
ในอนาคตที่หลิวแผนไว้ให้บริษัทเติบโตขึ้น อย่างทุกวันนี้หลิวก็จะมีแต่ค้าขายผลไม้ใช่มั้ยคะ ในปีนี้เป็นต้นไปหลิวก็วางแผนให้มันโตขึ้น อาจจะเป็นในเรื่องของการนำเข้า-ส่งออกด้วย
แต่ว่าจุดนี้เราอาจจะต้องมองในปีถัดๆ ไปค่ะ เพราะว่าในปีนี้หลิวตั้งใจแล้วว่าเราอาจจะต้องไปในเรื่องความงามแล้วก็อาหารมากกว่า เดี๋ยวจะมีขายผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่เป็นงานแปรรูปจากผลไม้ เป็นสครับผิวอะโวคาโดแล้วก็กากกาแฟค่ะ”
จากเคยนอนกระต๊อบไม้ไผ่ สู่บ้านหลังใหม่หลักสิบล้าน
ในวัย 25 ปีของสาวชาวม้ง-ลีซอคนนี้ นอกจากจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์แล้ว เธอก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวดูแลสมาชิกอีกหลายชีวิต
“ณ ตอนนี้พูดได้ว่าเป็นเสาหลักแล้วก็เป็นหัวหน้าครอบครัวเลยค่ะ เพราะว่าหลิวดูแลทุกคน หลิวเป็นลูกครึ่งเป็นคนม้งแล้วก็คนลีซอค่ะ สมาชิกในครอบครัวของหลิวมีอยู่ทั้งหมด 6 คนค่ะ มีพ่อแม่ หลิวจะมีพี่สาวคนนึง แล้วก็น้องชาย น้องสาวค่ะ 4 พี่น้องเรามาช่วยกันทำงาน แต่ว่าจะเป็นคนละตำแหน่งค่ะ
ชีวิตวัยเด็กของหลิว หลิวรู้สึกว่าเป็นชีวิตที่ค่อนข้างขมขื่นนะคะ เพราะว่าเราเป็นครอบครัวที่ยากจน ตอนหลิวเด็กๆ หลิวไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ คนที่ดูแลหลิวจริงๆ จะเป็นคุณยาย เราอยู่แบบอดๆ อยากๆ เราถูกเลี้ยงดูกันมาโดยที่ว่ากินข้าวกับน้ำ แล้วก็เอาพริกจิ้มกับเกลือ กินข้าวกับปลาทูเค็ม เราจะโตมากับแบบนี้จริงๆ
พอเริ่มเป็นวัยประถมประมาณ ป.4 - ป.5 ก็ได้กลับมาอยู่กับแม่ได้ช่วงนึง แต่ก็มาอยู่กันแค่ไม่กี่สัปดาห์หลิวก็ไปโรงเรียนวัดแล้ว พอเรียนเสร็จปุ๊บมันเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าเราต้องการพ่อแม่มาก
เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาเราไม่มีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่เลย โอกาสที่จะอยู่กับพ่อแม่จริงๆ จะเป็นช่วงที่พ่อแม่เขากลับมาทำไร่ทำสวนกับเรา พ่อแม่ทำงานอยู่ในเมือง โรงงานน่ะค่ะ เขาจะมีวันที่ได้กลับมา เราก็จะมีโอกาสอยู่ด้วยกันคือทำไร่ทำสวน
หลิวรู้สึกว่าหลิวเป็นคนที่ค่อนข้างขาดโอกาสในเรื่องนี้เยอะเหมือนกันนะคะ หลิวเป็นคนที่ไม่ได้โอกาสจากใครเลย คือเราเป็นครอบครัวยากจน แล้วครอบครัวที่เป็นญาติพี่น้องเราทุกคนก็ยากจนเหมือนกัน มันไม่มีใครที่จะหยิบยื่นให้เราค่ะ”
แต่กว่าที่จะแข็งแกร่งได้อย่างทุกวันนี้ ชีวิตวัยเด็กของหลิวได้ผ่านความยากลำบากมามากมาย กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องสู้ เพื่อที่จะไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก
“ที่หลิวผ่านมาได้เพราะว่าหลิวลำบากตั้งแต่เด็ก มันอาจจะเป็นคำที่แปลกมากนะคะ หลิวเริ่มทำงานรับจ้างตั้งแต่หลิวอยู่อนุบาล ก็จะรับจ้างเก็บพริกเก็บอะไรให้ชาวบ้านเขา ไม่ได้ค่าแรงเยอะหรอกค่ะ ได้ 2 บาท 5 บาท สมัยนั้นก็โอเคแล้ว
สิ่งที่ทำให้เรามาถึงตรงนี้ พอกลับย้อนไปมอง หลิวมีความรู้สึกว่าเราเหนื่อยมามากแล้ว ลำบากมามากแล้ว เราไม่อยากจะเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เราไม่อยากจะต้องให้ลูกของเราในอนาคตที่เรามีครอบครัวต้องมาเผชิญชีวิตเหมือนเรา แล้วเราก็อยากจะมอบคุณภาพชีวิตตรงนี้ให้กับพี่น้องของเราด้วย เพราะว่าตัวหลิวเองเราโตมาได้ด้วยความอดๆ อยากๆ
คนในหมู่บ้านก็จะรู้ว่าหลิวเป็นคนที่ขยันมาก ปิดเสาร์-อาทิตย์หลิวไม่เคยอยู่เฉยๆ หลิวจะไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินมาตลอด เราไม่อยากให้น้องๆ ของเราต้องมาเหนื่อยและลำบาก เพราะฉะนั้นเราคิดเลยว่าเราจะทำยังไงก็ได้ให้เรารวยขึ้นมา
ถ้าย้อนกลับไปบอกตัวเองได้ก็อยากจะบอกว่าเก่งมากนะที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แล้วก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องกลัวแล้วนะเพราะตอนนี้เรามีทุกอย่างแล้ว เราไม่ต้องอดๆ อยากๆ แล้ว มันเหมือนเป็นปมในใจของหลิวเหมือนกันนะคะ พอเราได้มาถึงจุดนี้แล้วเรามองย้อนกลับไป เราก็เก่งเหมือนกันเนอะที่เราผ่านมาได้ (ยิ้ม)”
[ หลิวและคุณแม่ ]
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมากับการทำงาน หลิวลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล จากที่เคยต้องนอนเบียดกันในกระต๊อบไม้ไผ่หลังน้อย ปีนี้เธอกำลังจะได้นอนในบ้านหลักสิบล้าน ที่ถูกสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง
“ใน 4 ปีที่ผ่านมาหลิวรู้สึกว่ามันโตก้าวกระโดดมากๆ แต่หลิวรู้สึกว่าเราค่อนข้างเสียดายเวลาเหมือนกัน ตั้งแต่ที่หลิวจบมาใหม่ๆ ถ้าหลิวคิดได้ไวกว่านี้ ทำได้ไวกว่านี้ เราอาจจะโตกว่านี้ก็ได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เรามองข้ามตลอด
ชีวิตความเป็นอยู่ของหลิวก็เปลี่ยนไปมากๆ เลยค่ะ จากเมื่อก่อนบ้านของหลิวจะเป็นบ้านไม้ไผ่หลังเล็กๆ ก็คือเป็นกระต๊อบเล็กๆ ห้องนอนมีแค่ห้องของพ่อกับแม่ ส่วนหลิวก็จะเป็นกั้นผ้า กางมุ้งแล้วก็นอน
ไม่ว่าจะเป็นเตียง ตู้เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า ทุกอย่างเป็นสินค้าบริจาค หลิวใช้คำว่าบริจาคได้เลยเพราะว่าครอบครัวหลิวเป็นคนยากจน เขาเอ็นดูเราเขาก็บริจาคมาให้เราใช้เรื่อยๆ อย่างกระเบื้องที่บ้านก็เป็นกระเบื้องบริจาค ก็คือไปยืมเขาแล้วก็ทำงานแลกให้ ทุกอย่างจะเป็นการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากคนอื่นมาหมดเลย
จากที่หลิวต้องอยู่บ้านกระต๊อบเล็กๆ หนาวมาทีไรคือเรานอนไม่ได้ ฝนมาทีไรคือน้ำซึม ปีนี้หลิวก็กำลังทำบ้านมูลค่า 10 ล้านกว่าบาทค่ะ หลิวตั้งใจว่าเราจะอยู่ในเมืองเพราะว่าเรื่องความสะดวกสบายในเรื่องการแพ็กกิ้งสินค้าและความเติบโตในอนาคต ไกลจากดอยมากมั้ยก็ไม่ได้ไกลกันมาก แต่แค่ว่าเรามาลงกับจุดที่มันสะดวกกับเรามากยิ่งขึ้น”
[ ซื้อที่ดินเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ ]
และด้วยยังมีอีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลัง ทำให้สาวน้อยคนนี้ท้อไม่ได้แม้แต่วันเดียว
“ส่วนตัวหลิว หลิวไม่มีความรู้สึกว่าหลิวหมดไฟเลยนะคะ อันนี้คือพูดจริงๆ เวลาทำธุรกิจ หลายๆ คนพอมันชนเพดานปุ๊บเราก็จะเริ่มท้อใช่มั้ยคะ แต่หลิวแทบจะไม่มีการท้อเลย หลิวนึกเสมอเลยว่าเราท้อไม่ได้นะ
เมื่อก่อนเราทำงาน 1 วันเต็มๆ เราได้แค่ 150 ได้แค่ 200 บาท มันไม่พอในการจุนเจือชีวิตเรา แต่เดี๋ยวนี้เราทำงานแป๊บเดียวเราได้เงินขนาดนี้ ถ้าหลิวหยุดทุกคนต้องหยุด มันไม่มีใครสามารถมาทำแทนตรงนี้กับหลิวได้
เพราะฉะนั้นหลิวท้อไม่ได้ หยุดไม่ได้เลยค่ะ หลิวต้องทำทุกวัน มันจะเป็นเหมือนสิ่งที่บีบบังคับเราด้วยค่ะ เพราะว่าเราดูแลหลายครอบครัว มันไม่ใช่แค่ตัวเราที่เราจะเอาแต่ใจตัวเอง มันไม่ได้แล้ว
คนที่กำลังเจอสถานการณ์กำลังเหนื่อย กำลังท้อ ถ้าเรารู้สึกว่าเริ่มหมดไฟ อันนี้คือเทคนิคของหลิวนะคะ เมื่อไหร่ก็ตามที่หลิวรู้สึกว่าเหนื่อยว่ะ หลิวจะตั้งเป้าหมายเลยว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เราอยากได้มากๆ มันอยู่สูงขนาดนี้ใช่มั้ย เราอยู่ข้างล่าง เราต้องไปถึงตรงนี้สิ ถ้าเราท้อเราก็จะต่ำลงเรื่อยๆ
สำหรับคนไหนที่อยากจะมาทำออนไลน์เหมือนกับหลิว ใครที่กำลังเริ่มทำ อย่ามีข้ออ้างในตัวเอง เมื่อก่อนหลิวก็จะ… ไม่มีอันนู้น ไม่มีอันนี้ ไว้ก่อนค่อยทำ เอาไว้ก่อน อย่ามีข้ออ้างในตัวเองค่ะ ตั้งเป้าหมายให้สูงๆ เข้าไว้ แล้วก็พยายามอดทนทำทุกวันค่ะ ถ้าเราตั้งใจทำแล้วทำทุกวันหลิวคิดว่า 3 เดือนเต็มที่ ผลลัพธ์จะออกมาดีมากค่ะ”
สุดท้ายนี้ แม่ค้าผลไม้คนเก่งก็ได้ฝากคำขอบคุณไปยังผู้ติดตามที่คอย Support และทุกคนที่เคยอุดหนุน เพราะหากไม่มีพวกเขาแล้ว หลิวหลิวฟาร์มก็คงมาไม่ได้ไกลอย่างในทุกวันนี้แน่นอน
“หลิวจะมีช่องทาง TikTok ชื่อ @liewliewfarm ผู้ติดตาม 1.3 ล้านค่ะ ก็จะมีเพจนะคะ ผลไม้เมืองหนาวสดจากดอย เพจจริงผู้ติดตาม 3.3 แสนนะคะ เนื่องจากตอนนี้มีเพจปลอมระบาดเยอะมากๆ ก็ขอให้ระมัดระวังกันนิดนึง เพจจริงน้องหลิวจะมีการไลฟ์แทบทุกวันเลยค่ะ สามารถเช็กจากตรงนี้ก็ได้ค่ะ
อย่าลืมเข้ามาติดตามคอนเทนต์ใน TikTok ของหลิวด้วยนะคะ บอกเลยว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแล้วก็การทำงานของหลิวสนุกแน่นอนค่ะ คนที่ได้เข้ามาติดตามนอกจากจะได้ความรู้ ได้ความสนุกสนานแล้ว ยังได้สินค้าอร่อยๆ ไปทานด้วยค่ะ (ยิ้ม)
หลิวก็ต้องขอขอบคุณ FC ทุกคนมากๆ นะคะ ที่หลิวมาถึงจุดจุดนี้มันไม่ได้เป็นเพราะตัวหลิวเอง แต่เป็นเพราะพลังจาก FC แล้วก็พี่ๆ ที่เอ็นดูในตัวเราค่ะ เรามาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะผู้คนเหล่านั้น
ถ้าหลิวขายไปเฉยๆ ไม่รู้จะไปขายใคร ก็มีแต่ FC แล้วก็พี่ๆ นี่แหละค่ะที่คอยทำให้หลิวกระตือรือร้นทุกวัน ทำให้หลิวมาถึงจุดนี้ได้ ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีหลิวในวันนี้ค่ะ”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
...อย่ามีข้ออ้าง + ตั้งเป้าหมายให้สูง = สำเร็จเกินคาด...
>>> https://t.co/QhFgX5XEQX
.#ดาวtiktok #ผลไม้เมืองหนาวสดจากดอย #liewliewfarm #หลิวหลิวฟาร์ม #ผลไม้สด #ไร่ผลไม้ #ผลไม้เมืองหนาว #แฮส #อะโวคาโด #ราชาอะโวคาโด #ธุรกิจ #smeตีแตก #อายุน้อยร้อยล้าน #ชี้ช่องรวย #เถ้าแก่น้อย pic.twitter.com/1PfZNZSDWO— livestyle.official (@livestyletweet) February 18, 2024
@livestyle.official ...“อย่ามีข้ออ้าง + ตั้งเป้าหมายให้สูง = สำเร็จเกินคาด” เจาะกลยุทธ์บุกตลาดออนไลน์ “แม่ค้าดาว TikTok” ผู้กำเงิน 5,000 สุดท้าย ทำทุนขายผลไม้เมืองหนาวจนชีวิตเปลี่ยน จากเคยต้องนอนกระต๊อบไม้ไผ่ สู่บ้านหลังใหม่หลัก 10 ล้าน!! @liewliewfarm... #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #ดาวtiktok #tiktoker #contentcreator #ผลไม้เมืองหนาวสดจากดอย #liewliewfarm #หลิวหลิวฟาร์ม #ผลไม้สด #ไร่ผลไม้ #ผลไม้เมืองหนาว #แฮส #อะโวคาโด #อะโวคาโดแฮส #กินกับtiktok #ราชาอะโวคาโด #foodytuesday #ธุรกิจ #smeตีแตก #อายุน้อยร้อยล้าน #ชี้ช่องรวย #เถ้าแก่น้อย ♬ original sound - LIVE Style
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Liewliew Farm”, “ผลไม้เมืองหนาวสดจากดอย”, อินสตาแกรม @liewliewfarm_14, TikTok @liewliewfarm และยูทูบ "liewliewfarm"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **