xs
xsm
sm
md
lg

“60 วินาทีก่อนนอน” TikToker ผู้วาดนิ้วดีด “Handpan” เยียวยาคนหลับยาก [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “บอส - พัสกร” แห่ง “60.sec.beforesleep” ช่อง TikTok ที่จะพาคนนอนไม่หลับ เข้าสู่ห้วงนิทราไปกับ “Handpan” เครื่องดนตรีที่มาพร้อมเสียงสุดมหัศจรรย์ ตั้งเป้าความฝันอันยิ่งใหญ่ เดินทางรอบโลกเพื่อขับกล่อมคนหลับยากให้ฝันดี




TikToker เพื่อนแท้คนนอนไม่หลับ

เวลาที่นอนไม่หลับ แต่ละคนมีตัวช่วยกัน? หลายคนเลือกการออกกำลังกายเบาๆ บ้างก็อาบน้ำอุ่นให้ร่างกายผ่อนคลาย การนั่งสมาธิก่อนนอนเพื่อให้จิตใจสงบ หรือจะเป็นการฟังเพลงหรือฟังเสียงธรรมชาติ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ผู้คนชอบใช้กัน

แต่สำหรับชาว TikTok ที่หลับยาก คงน่าจะเคยเห็นคลิปจากช่อง @60.sec.beforesleep ของ “บอส - พัสกร อุ่นเเสงจันทร์” เชี่ยวชาญด้านดนตรีผ่อนคลาย ที่มาพร้อมกับ Handpan เครื่องดนตรีหน้าตาคล้ายกระทะก็ไม่ใช่ UFO ก็ไม่เชิง แต่เสียงที่ออกมากลับนุ่มนวลไพเราะ ชวนเข้าสู่ภวังค์ จนอดไม่ได้ที่จะต้องกดเข้าไปฟังในคลิปต่อๆ ไป

บอส เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการมาเป็น 60.sec.beforesleep หรือ 60 วินาทีก่อนนอน ให้ฟังว่า เดิมทีนั้นตนเองก็เป็นคนที่หลับไม่สนิท และอยากที่จะแต่งเพลงเพื่อให้นอนหลับได้โดยใช้ Handpan บรรเลง ซึ่งเมื่อโพสต์คลิปการเล่นลง TikTok ก็กลายเป็นไวรัลขึ้นมา และทำให้คนที่ได้ยินเสียงอยากรู้จักเครื่องดนตรีชนิดนี้มากยิ่งขึ้น



“เราอินดนตรีนอนหลับมากเพราะเราเป็นคนที่นอนไม่หลับ ชีวิตเราหลับไม่เคยสนิทเลย ไม่ว่าเราจะเปิดเพลง ดนตรีนอนหลับแบบไหน ฟัง Ghost Radio หรืออะไร เราไม่หลับ เราอยากแต่งเพลงนอนหลับที่เราจะหลับ อยากแต่งเพลงที่มันใจดี อยากแต่งเพลงที่ทุกครั้งที่ใครได้ฟังจะรู้สึกเหมือนเรานั่งกอดเขาอยู่ข้างๆ

บอสก็เล่นดนตรีลง TikTok 5 คลิป คลิปที่ 6 บอสคิดในใจ ไม่ได้ลบหลู่อะไร ถ้าวันนี้จะเล่นดนตรีวันสุดท้าย เราอยากรู้ว่าความเมตตาของพระโพธิสัตว์เป็นยังไง ขอลองให้เราเล่นดนตรีออกมาแบบนั้น

เราได้เมโลดี้มาชุดหนึ่ง ในจินตนาการมันเป็นสวนดอกบัว เราบรรเลงเพลงนี้ลงไปใน TikTok วันรุ่งขึ้นปาฏิหาริย์ก็เกิด วิดีโอของเราคนดูล้านนึงพร้อมด้วยคอมเมนต์ว่า ‘ขอบคุณที่ทำให้เขานอนหลับ เครื่องดนตรีนี้วิเศษจัง’ วินาทีนั้นจากคนหลงทาง รู้ทันทีว่าเรามีอยู่เพื่ออะไร นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ เราจะมีอยู่เพื่อใครก็ตามที่นอนไม่หลับ เรารู้จุดหมายของชีวิตเราแล้ว

(คลิปแรกๆ) หลักสิบ หลักร้อย มีขึ้น 50,000 คลิปหนึ่ง บอสเข้าใจคำนึงเลยว่า ศิลปินสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนฟัง คนฟังทำให้เรามีใจที่จะสู้ต่อไป เขาไม่ได้มาโดเนทหรืออะไร แต่เขาทำให้บอสมีกำลังใจที่ไม่ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหน เราจะต้องทำใจให้เบาสบายเพื่อเล่นดนตรีให้เขาฟังแล้วนอนหลับ”

ก่อนที่คลิปบนช่องจะซ้ำไปมา จากที่เพียงแค่เล่นดนตรีอย่างเดียว บอสได้ลองหยิบเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ มาเล่าพร้อมกับเล่น Handpan ไปด้วย กลายเป็นว่าทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ของเขา และเสียงหวานกังวาลของเครื่องดนตรีนี้ ก็ออกมาเป็นคอนเทนต์ที่ถูกใจคนหลับยากมากขึ้นยิ่งว่าเดิม



“จนเราไปเห็นคลิปที่เราเคยพูด podcast คนก็ดูเยอะแล้วก็มาคอมเมนต์กัน ตอนนั้นไม่มี HandPan ด้วย เขาบอกว่าเสียงเราฟังสบายเหมือนเราเล่นดนตรีเลย คอมเมนต์เดียวเปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ ไหนลองเล่น Handpan แล้วพูดไปด้วย โชคดีมากค่ะ วันนั้นคลิปเสียงฝนก็เป็นไวรัลขึ้นมา เคยคิดว่าวันหนึ่งคงไม่ไม่มีทางกลับไปแตะล้านวิวแล้ว ขึ้นไปรัวๆ เลย

เราเริ่มเล่น Handpan กับพูดไปด้วย เรามีความคิดแค่ว่าคงเหมือนเล่นกีตาร์ร้องเพลง คงมีวิธีพูดที่เพราะและตรงกับคอร์ดพอดี มันคล้ายๆ ร้องเพลง เวลาที่เราตี Handpan มันเหมือนเรากำลังเล่นกีตาร์อยู่ อันไหนยอดขึ้นถูกทางไปทางนี้ต่อ ภายใน 3 เดือน บอสทำคลิปล้านวิวได้หลายคลิปมาก followers ก็ขึ้นมาแสน มันเหมือนใบเบิกทางชีวิตเราเลย

เราต้องทำยังไงถ้าจะมี podcast พูดกับคนเยอะๆ เราต้องอ่านหนังสือเยอะ ชั้นหนังสือที่ห้องจะมี 1 ชั้นเต็มๆ ที่เป็นหนังสือนอนหลับโดยเฉพาะทั้งแบบหมอ แบบนักวิชาการ แบบเข้าใจง่าย แล้วก็มีปรัชญาความผ่อนคลายทั้งเซ็นไปจนถึงฮุกกะ

เราก็จะศึกษาเรื่องพวกนี้ ลองทำกับตัวเอง ทำแล้วดีก็จดไว้ เดี๋ยวเอาอันนี้มาทำ podcast เป็นคนชอบสัตว์มาก ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องสัตว์เลยค่ะ เราตั้งใจจะพูดเรื่องเสียงผ่อนคลาย มันก็จะมีเสียงฝน เรื่องของคลื่นเสียงที่เราฟังแล้วมันสบายหู เราพูดเรื่องนกไนติงเกล เพราะว่าเพลง relax ชอบใช้เสียงนกไนติงเกลมาใส่ ซึ่งกลายเป็นไวรัล”

ล้มลุกคลุกคลาน เส้นทางสายศิลปิน

เมื่อย้อนไปถึงเส้นทางชีวิตก่อนที่จะมาถึงวันนี้ของบอส ใครจะคิดว่าคนที่แสนชิลและใจเย็นขนาดนี้ มีกราฟชีวิตที่ขึ้นลงยิ่งกว่าโน้ตดนตรีที่เขาบรรเลงเสียอีก

“เด็กๆ เราอยากเป็นนักดนตรี อยากเป็นศิลปิน แต่ที่บ้านกีดกันมากๆ สมมติว่าเราอยากเรียนศิลปะ ที่บ้านจะให้ไปเรียนเลขแทน อยากให้รับราชการ อยากให้ทำอะไรที่มั่นคง เพราะว่าที่บ้านเคยเป็นโรงงานปุ๋ยที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในประเทศแล้วล้มละลายตั้งแต่เรา 3 ขวบ ทำให้จากครอบครัวที่มีมากๆ กลายเป็นเราต้องใช้ชีวิตธรรมดาลงเรื่อยๆ

สุดท้ายเราก็ประท้วงจนได้เล่นดนตรี ตอนนั้นอายุประมาณ 13 เป็นร้องเพลง ที่บ้านไม่สนับสนุนให้เล่นดนตรีเลย แล้วก็ร้องเพี้ยนด้วยนะเพราะไม่ได้เรียน แต่ก็กล้ามาก กล้าขึ้นเวที เวทีแรกไม่ได้มีเสียงตบมือด้วย โดนโห่เสียงดังมาก โห่เพราะว่าตอนนั้นเราเป็นเด็กเนิร์ดที่ไม่ได้มีซีนอะไรมากสังคมของโรงเรียนเอกชนที่นึง

ตอนนั้นก็มานั่งคิดว่าไม่เป็นไร เราต้องสู้ เราก็ไม่ยอมแพ้นะ จนสุดท้ายได้กีตาร์ตัวแรกตอนประมาณ ม.5 ที่บ้านก็รู้สึกว่าเราเรียนไม่รอดแล้ว เพราะว่าเวลาที่บอสเรียนอะไรที่มันเป็นเลข สมองมันไม่เดินเลย

นั่นมันเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรากับพี่ๆ สนใจงานศิลปะ พี่ชายหรือพี่สาวเราทุกคนก็เลือกที่จะเป็น Artist หมดเลย พี่ชายเป็นช่างภาพปลากัดที่ถ่ายแสตมป์อยู่ทุกวันนี้ แล้วก็พี่สาวก็เป็นนักศิลปะบำบัด เป็นครูสอนการศึกษาพิเศษ มันก็เกิดจากสิ่งที่เราเจอในวัยเด็กที่ทำให้เรามาเป็นแบบนี้กัน”



วันหนึ่งพี่สาวของบอสได้แนะนำให้รู้จักกับ “อาชีพนักดนตรีบำบัด” และนั่นก็ทำให้เขามองเห็นเป้าหมายของการเล่นดนตรีของตนเองชัดเจนยิ่งขึ้น

“สาเหตุที่เราเล่นดนตรี อยากจะเป็นนักดนตรีที่ทำให้คนผ่อนคลาย มันมาจากช่วงมัธยมปลายบอสมีแฟน แล้วเรารู้สึกว่าโลกเรามีแค่เขา เขาก็เป็นซึมเศร้า เราเห็นสิ่งนี้ทุกวัน เรารู้สึกว่าเราอยากจะช่วยเขาแต่เราช่วยไม่ได้

ตอนนั้นที่โรงเรียนมี MOU กับมหาวิทยาลัยศิลปากร กับคณะดุริยางค์ฯ ก็เลยไปเข้าเรียนร้องเพลง แล้วก็เป็นจุดที่ทำให้เราเริ่มเล่นดนตรีจริงจัง ตอนเรียนใหม่ๆ ก็ทั้งร้องเพลงเพี้ยน ไม่เข้าใจทฤษฎีดนตรี ไม่เข้าใจอะไรเลย อยู่กับความงงแต่ก็ตั้งใจมาก ต้องขยันเพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราไม่มีสิ่งนี้เราจะไม่เหลืออะไรแล้ว

เริ่มแต่งเพลงคือช่วงอายุ 17 ปี ไม่มีใครสอนเลยนะ เรานั่งเอาคอร์ดมาเรียงเล่นๆ แล้วก็ใส่เมโลดี้ลงไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กดดันมากๆ เพราะครูสอนร้องเพลงเราก็เก่ง มาจากที่ศิลปากร มาสอนพวกวิชาที่ต้องใช้สอบเข้า ซึ่งตอนนั้นเราเลือกเรียนร้องเพลงแจ๊ส เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราร้องเพลงเหมือนเรารู้สึกว่าเราเล่าเรื่องราวของเขาไม่หมด เราเลยเริ่มแต่งเพลง

จนมีวันนึงพี่สาวบอกว่ามีอาชีพอาชีพนึงช่วยคนนะ เป็นอาชีพนักดนตรีบำบัด ตอนนั้นจากเด็กคนนึงที่แค่เล่นดนตรีเพราะไม่รู้ว่าชีวิตจะทำอะไรดี มันมีเป้าหมายในชีวิตเกิดขึ้น เราก็เลยเดินตามสิ่งนั้น จากเด็กไม่เรียนก็กลายเป็นตั้งใจเรียน จากเคยจะเข้าร้องเพลงแจ๊สก็เปลี่ยนมาเป็นนักแต่งเพลง เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับเรื่องของดนตรีทั้งหมด”



และชีวิตก็เดินมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ด้วยเพราะบอสในตอนนั้นก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยากรู้อยากลอง ประกอบกับสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง เขาก็ได้เจอเข้ากับเหตุการณ์ที่เกือบทำให้ไม่ได้มานั่งคุยกันตรงนี้แล้ว ...

“ดีใจนะสอบติดศิลปากร แต่ลืมคิดไปว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเหนื่อยที่สุด (หัวเราะ) เรามีความสุขแค่ตอนรับน้อง พอเริ่มเรียน เรากำลังทำอะไรอยู่ ถามตัวเองแทบทุกวัน แต่มันทำให้เราได้ลองอะไรหลายอย่างมากในชีวิตจากมหา’ลัยนี้

บอสชอบคบกับเพื่อนที่เป็นฮิปปี้มากๆ เขาเป็นนักลองกัน เราอยู่กับ culture แบบนั้น เราก็อยากสุดทาง ตอนนั้นเราค่อนข้างจะซึมเศร้า รู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่เป็น เราเป็นทุกข์มากถึงขั้นที่ว่าเราจะลาออกก็ออกไม่ได้ เรียนไม่ทันเพื่อน คุณแม่จ่ายค่าเทอมก็แพงเลยไม่มีตังค์ซื้อคอมพิวเตอร์ทำเพลงให้ พอเราไม่ได้ฝึกทำประจำเราก็จะไม่ได้ยินเสียงที่มันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

มีอยู่วันนึงเราได้ไปงานดนตรีงานนึง ไปเปิดโลก ด้วยความที่เราดูหนังพวกนักดนตรียุค 70 เขาบอกว่า Pink Floyd หรือ The Beatles ชีวิตเปลี่ยนเพราะ LSD (LSD : lysergic acid diethylamide สารเสพติดที่มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรง)



เราก็เลยไปลอง นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เราตื่นขึ้นมาจากฤทธิ์นั่นคือหัวใจหยุดเต้น ที่โรงพยาบาล วินาทีนั้นเราเห็นทุกอย่างตั้งแต่เด็ก เราเห็นความรักและเสียใจที่ความรักนี้มันจะต้องจบ เราเห็นคนรอบตัวที่รักเราแต่เรากลับไม่รักตัวเอง

มันเป็นความรู้สึกว่าเราเสียดายที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งเราฝันที่สุด เรายังไม่ได้เล่นดนตรีเพื่อเยียวยาโลกนี้เลย แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้ามันจะต้องเกิดมันก็ต้องเกิด ตอนนั้นคิดแค่นั้น แต่ถ้าตื่นขึ้นมาใหม่เราจะทำให้ทุกอย่างมันดี เราจะไม่ทำให้มันต้องจบแบบเดิมอีกแล้ว เนี่ยค่ะคือความรู้สึกวินาทีนั้น พอตื่นขึ้นมาเราก็ไม่ใช่คนเดิมอีกเลย


วิธีนี้ไม่แนะนำให้ลองเลยนะ มันเป็นความคะนองของวัยรุ่นมากกว่า แล้วก็ไม่ได้มีผลจะเปลี่ยนคนให้ดีทุกคน หลายๆ คนก็คือแย่ไปเลยเยอะมาก บอสแค่เป็นคนโชคดี ทุกวันนี้ที่มีอย่างนี้เพราะเราโชคดีจากวันนั้น มันเปลี่ยนชีวิตเราเฉยๆ”

ค้นพบเครื่องดนตรีของตัวเอง

หลังจากผ่านค่ำคืนเฉียดตายมาได้ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ต้องฝึกงาน พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของ วิชาละครเพื่อนบ้าน บอสไม่ลังเลที่จะลงเรียน และมุ่งหน้าสู่ กลุ่มละครมะขามป้อม ใน จ.เชียงใหม่ ที่ที่เปิดประสบการณ์ชีวิตให้กับนักดนตรีคนนี้มากมาย

“ประจวบเหมาะว่าตอนนั้นมีวิชานึงเกิดขึ้นคือ วิชาละครเพื่อนบ้าน เขาเลยให้เราไปฝึกงานที่นึงอยู่ที่เชียงดาว กลุ่มละครมะขามป้อม เปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเลย

วันที่เข้าไปมะขามป้อม ก็ต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่กลัวที่สุดในชีวิต ตอนนั้นจำได้บอสนั่งฟังเพลงเพื่อบิวท์ตัวเองว่าฉันจะต้องกล้าแบกกีตาร์เข้าไปตรงนั้น เราจะไม่ใช่เด็กในเมืองอีกแล้ว จะไปเผชิญความจริงของชีวิต วินาทีนั้นสู้มากแล้วก็เดินแบกกีตาร์ขึ้นเครื่องบิน ใจนึงก็กลัวมากแต่อีกใจนึงก็รู้สึกว่าถ้าเรามัวแต่กลัว ทุกสิ่งที่เราฝันจะไม่เป็นจริง

สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตคือแมลง (หัวเราะ) นอนๆ อยู่ก็เหมือนมีคนเอาก้อนหินมาเขวี้ยงหน้าห้องแต่เป็นด้วงตัวยักษ์ ห้องมันจะเป็นห้องแถว ประตูที่ห้องมันจะยกสูงกว่าพื้นประมาณ 1 นิ้ว เวลาเปิดไฟ แมลงจากทั่วทั้งป่าจะเข้ามาในรูนั้น แล้วก็ไม่ใช่แมลงที่เราเจอที่กรุงเทพฯ มันคือแมลงที่ extreme มากๆ ในหมอนก็มีด้วง เราสติแตกมากเลยนะ ตายแล้วจะรอดมั้ย

เวลาเดินกลับจากมะขามป้อมกลางคืน สิ่งที่เราเห็นตามพื้นคือแมลงทั้งแมงป่องทั้งด้วง เดินขบวนกันเป็นพาเหรด แต่ก็คิดว่าถ้ากลัวแบบนี้ไม่ได้ ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว สุดท้ายก็เป็นคนเลิกกลัวแมลงค่ะ เพราะเราเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นชีวิตชีวิตนึง”


[ เล่นดนตรีกับเด็กๆ ชนเผ่าดาราอั้ง ]
การมาฝึกงานในครั้งนี้ ทำให้บอสได้เรียนรู้ชีวิตที่มากกว่าแค่ในตำรา อีกทั้งยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ผู้ที่พาให้เขาก้าวผ่านความกลัวในใจมาได้

“พออยู่ตรงนั้นเราก็ได้ขึ้นไปเจอ ไปสอนหนังสือเด็กๆ ไปเจอเด็กๆ บนดอย โชคดีมากนะ มีนักศิลปะบำบัด นักเต้นบำบัดที่เดินทางรอบโลก เป็นเพื่อนสนิทมากชื่อ Kapila (Kapila Rasnayaka) เป็นคนศรีลังกา เขาเป็นคนสนุกมากเลยค่ะ

เขาพูดกับบอสว่า ถ้ายูอยากจะ Heal the World ยูไม่ต้องคิด ยูเดินเข้าไปแล้วแต่งเพลงเดี๋ยวนี้ เล่นดนตรีเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเล่นไม่ได้ เชื่อตัวเองแล้วทำ ทำซะ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องกลัว ไม่มีเวลาให้กลัวทั้งนั้น อยากทำทำเลยไม่ต้องตัดสินใจด้วยซ้ำ

ซึ่งตอนนั้นกลัวมาก กลัวที่จะต้องร้องเพลง แต่งเพลงให้เด็กๆ บนดอย ชนเผ่าดาราอั้ง แต่ถ้าวันนี้ไม่เริ่มคงไม่มีทางได้เริ่มแล้ว กลายเป็นว่ามันดี เรา enjoy music กับเด็กๆ เรา enjoy music กับทุกคนเลย เราเลยเริ่มเห็นความสำคัญว่าจริงๆ แล้วดนตรีคือภาษาสากล ต่อให้เขาพูดกันคนละภาษา ดนตรีคือสื่อที่เชื่อมโยงทุกอย่างไว้ด้วยกัน

เป็นครั้งแรกที่แต่งเพลงให้ทุกคนต่อหน้า เป็นครั้งแรกที่เราต้องกล้าหาญมาก จากคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง เรียนก็ไม่มั่นใจเพราะว่าเป็นเด็กท้ายแถว เป็นเด็กที่เหมือนกับทำอะไรก็ไม่ดี วินาทีที่อยู่ตรงนั้น enjoy life มาก”


[ บอสและ Kapila เพื่อนผู้พาให้รู้จัก Handpan ]
และเพื่อนใหม่คนนี้นี่เอง ก็พาให้ได้มารู้จักกับ “Handpan” เครื่องดนตรีที่บอสเองก็ไม่คาดคิดว่า วันหนึ่งมันจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

“จนเพื่อนคนนี้เปิดคลิปเครื่องดนตรีคือเจ้านี่ (Handpan) เขาบอกว่าวันนึงจะเป็นของยู ยูจะเล่นมันได้ดีมาก เสียงแรกที่บอสได้ยินจาก Handpan จำได้จนทุกวันนี้ เรารู้สึกว่าต้องมีเขาแล้วล่ะ

ตอนนั้นยังเล่นกลองไม่เป็นเลยค่ะ แต่รู้ว่าทำไมเราต้องเล่นสิ่งนี้ เรารู้สึกแบบนั้น เราก็มานั่งคิด Kapila คงบ้าเนอะ คงอยากให้เราปลดล็อคลิมิตตัวเองมั้ง แต่ใครจะเชื่อว่าวันนึงมันก็เปลี่ยนชีวิตจริงๆ

พอ Kapila พูดเสร็จเราก็ลืมเรื่องนี้ไป ช่วงนั้นเป็นปี 4 แล้วต้องทำ special project เป็นช่วงที่เอาองค์ความรู้ที่ไปเดินทางมาใช้เยอะที่สุดค่ะ จากนั้นก็เรียนจบก็ไปเป็นครูสอนดนตรีเด็กอนุบาลกับพี่สาว พี่สาวบอสทำงานเป็นนักเล่านิทาน

ก็ไปเล่นดนตรีประกอบ เอนเตอร์เทนเด็กๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าแต่งเพลงร้องเพลงกับเด็กๆ สนุก มีความสุข แล้วก็ได้ปัจจัยที่ดี แล้วก็กำลังศึกษาต่อดนตรีบำบัด ป.โท ก็ซื้อกลองมาฝึก รู้สึกว่ากลองมันพัฒนาจังหวะเด็กๆ ดี ก็เล่นพอได้

แต่สุดท้าย Handpan ก็กลับมา อยู่ดีๆ เรานึกถึง มันก็มาใน YouTube รู้สึกอยากได้มากๆ ทีนี้เข้าไปใน Facebook เห็นคนขายมือสอง ตอนนั้นไม่มีตังค์ แฟนก็ให้เงินมา 20,000 ซื้อมาเล่น อุปสรรคแรกในการเล่นคือตียังไงให้ดัง ได้มีโอกาสเข้าไปลองแบรนด์ มุทา MUTA ที่เป็นคนไทยทำ ได้ไปลองก่อน ตียากจัง แต่ทำไมพอได้ยินเสียงแล้วเรารู้สึกต้องสู้เราต้องสู้มากๆ"

จาก “บำบัดตัวเอง” สู่ “เยียวยาผู้คน”

แม้เจ้า Handpan เพื่อนใหม่ชิ้นนี้จะเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นยากเพียงใด แต่บอสก็ไม่ย่อท้อในการทำความรู้จัก และหาทางบรรเลงจนกลายเป็นเพลงที่ไพเราะจนได้

“Handpan เหมือนเราต้องค่อยๆ สะกิดเขาบางๆ ด้วยความที่เราตีกลองมาเราก็จะมือหนัก ซึ่งเราก็แบบ… ตายแล้ว ช่วงนั้นก็เลยบอสไปนั่งดูฮิปปี้ที่เล่น Handpan เก่งๆ เขาก็จะเล่นโยคะ ปฎิบัติธรรม กินวีแกน เอามั่ง (หัวเราะ) เราก็รู้สึกว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ตอนนั้นก็คืออายุ 23-24 มันต้องลอง

เราก็เล่น Handpan ไปถึงจุดหนึ่งก็เริ่มเล่นเป็น ยังไม่ได้มีอะไรหวือหวาแบบที่เห็นกัน ทุกอย่างเกิดจากการฝึกเองเรียนรู้เอง โน้ตตัวแรกมีอยู่ 7 ตัวไม่สามารถเล่นเป็นเมโลดี้เพราะๆ ได้เลย แต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายที่สุด เราจะเล่นโน้ต 7 ตัวนี้ยังไงให้เป็นเพลงที่เพราะ นี่แหละโจทย์แรก ซึ่งวันนี้นับถือ Handpan ตัวนั้นมาก เหมือนคุณครูใหญ่ที่เขาสอนเรา

Handpan เป็นเครื่องดนตรีที่ทุกคนต้องแต่งเพลงเองเพราะแต่ละตัวจะวางโน้ตไม่เหมือนกัน โน้ตเขาจะวาง standard โด เร มี ฟา ซอล มันก็จะมีครบสเกล แต่ว่าไปซ่อนอยู่ข้างล่างบ้าง ซ่อนอยู่ตรงซ้าย ตรงขวาอะไรอย่างนี้ รูปมือของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่เล่นจะไม่เหมือนเดิม มันคือ movement ของการสะบัดแขน วางมือจะไม่เหมือนกันสักครั้งเลย”



ชีวิตในตอนนั้น บอสได้ทำงานเกี่ยวกับศิลปะบำบัด ถือได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่กำลังไปได้สวย แต่หลังจากนั้นก็ถูกผลักลงเหว เพราะ Ego ของตัวเอง

“ตอนนั้นมันก็เป็นช่วงโควิด เราหยุดงานก็มีเวลาอยู่กับเขา (Handpan) พอเปิดจากโควิดมาเราก็ได้บังเอิญเจอนักศิลปะบำบัดเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังออทิสติกไทย เรามีโอกาสได้เล่นดนตรีให้คุณยายพิงค์ทำ Art Therapy กับเด็กออทิสติก เป็นจุดที่แทบจะสูงสุดที่ตอนนั้นได้ เก็บตังค์ซื้อ (Handpan) ตัวนี้ ซื้อมาราคา 60,000 แต่ตอนนี้คือขึ้นราคาอยู่ที่ 80,000 แล้วค่ะ

ตอนนั้นสอนอยู่โรงเรียนอนุบาล สอนอยู่ที่มูลนิธิออทิสติกไทย สอนเล่นดนตรีประกอบศิลปะบำบัด สอนเด็กตามบ้าน รายได้ก็ใช้ได้มากๆ ไม่เคยสอน Handpan เพราะตอนนั้นหาซื้อยากมากๆ ช่วงนั้นมีแค่ไม่กี่คนเองที่จับ Handpan จริงจัง

ตอนนั้นเรา Ego มาก คิดว่าเราเก่งที่สุดแล้ว พอซื้อเสร็จแล้วตกงาน (หัวเราะ) เรา Ego จนเราไม่มองความเป็นมนุษย์ Ego มันมาจากการที่เด็กๆ เราโดนกดทับแล้ววันนี้เรารู้สึกว่าเรามี power เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราเล่นดนตรีทำไม



จากนั้นชีวิตก็ดิ่งลงค่ะ สับสน จะฆ่าตัวตายบ่อยๆ เราทุกข์จนเราหาทางออกกับชีวิตไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่างจนมันอยู่ในจุดที่แย่ที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์รอบข้างพัง เราก็พัง ทุกอย่างมันพัง แล้วเราเหลือแค่เขา (Handpan)

นั่นเป็นจุดที่เรากำลังจะคิดสั้น แต่ความหวังก็เข้ามา สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนเราจากคนที่ไม่มีศาสนาเลย เราเริ่มสวดมนต์นั่งสมาธิ เราเริ่มหาที่พึ่งทางใจ จากนั้นทุกอย่างเปลี่ยน มันทำให้เราค่อยๆ ดีขึ้น ข้างในเราเริ่มถูกเยียวยาด้วยตัวของเราเอง

เรากราบพระแล้วอธิษฐานว่า ขอให้เรารู้จักดนตรีบำบัดจริงๆ ขอให้เรารู้จักดนตรีที่ช่วยคนจริงๆ ดนตรีที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้คนฟังเขาจะรู้สึกดีกับชีวิต ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ฟังสิ่งที่เราเล่น ขอให้สิ่งนี้เป็นที่พักพิงของเขา ขอให้สิ่งนี้ทำให้เขาเหล่านั้นมีความสุข เงินไม่ใช่เป้าหมายของเราแล้ว ถ้าวันนี้เรารอดไปได้ เราจะให้มากกว่าที่เราได้ 10 เท่า 100 เท่า”



ชีวิตของนักดนตรีผู้นี้ได้รับโอกาสอีกครั้ง ผลงานการแต่งเพลงของเขาเป็นที่ถูกใจลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ จนได้รับการว่าจ้างมากมาย แต่แล้วความรู้สึกอิ่มตัวในเส้นทางนี้ก็เกิดขึ้นในใจ จนอยากขาย Handpan

เขาหยิบ Handpan ออกมาเล่นเป็นวันสุดท้าย พร้อมถ่ายคลิปและโพสต์ลงช่อง TikTok ปรากฏว่าคลิปนั้นกลายเป็นไวรัล ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ขาย และตัดสินใจที่จะเล่นดนตรีเพื่อขับกล่อมคนนอนไม่หลับ อย่างที่ได้ฟังกันบนช่อง @60.sec.beforesleep ในทุกวันนี้นั่นเอง

พร้อมแล้ว สะพาย Handpan ออกท่องโลก

ถ้าได้ส่องคอมเมนต์ใต้คลิปของช่อง 60 วินาทีก่อนนอน ก็จะพบกับเหล่าคนนอนไม่หลับมากมายที่มารวมตัวกัน พร้อมข้อความขอบคุณเจ้าของช่องที่ทำให้พวกเขาได้หลับสนิทจากเสียงอันผ่อนคลายนี้ และก่อนหน้านี้ตัวบอสเองก็เป็นอีกคนที่ประสบปัญหาเรื่องการนอน กระทั่งในตอนนี้ปัญหาที่ว่าหายไปแล้ว

“อาการนอนไม่หลับตั้งแต่ทำ channel ดีขึ้น แต่ก็นอนไม่หลับกว่าเดิมเพราะต้องนั่งตอบคอมเมนต์ (หัวเราะ) ทุกครั้งที่หลับเราใส่ Garmin แล้วดูคุณภาพการนอน เราหลับลึก หลับแบบไม่พะวงค่ะ ถ้าการหลับครั้งนี้เราต้องกลับไป เรายินดีที่สุด บอสได้มีเพื่อนดีๆ บอสไม่ต้องแบกโลกไว้ทั้งใบคนเดียวอีกแล้ว เรามีเพื่อนที่เห็นเรื่องเดียวกับเราเป็นเรื่องสำคัญ คอยอยู่ข้างเรา


ก้าวต่อไปของ 60 วินาทีก่อนนอน มันคือการที่บอสเริ่มสะสมภูมิปัญญา แล้วสร้างขึ้นมาเป็นแบบที่ใช้งานง่ายบอสว่าสิ่งที่ทำให้บอสหลับง่ายไม่ใช่ดนตรีนอนหลับ แต่มันคือวันนี้บอสได้ทำเรื่องที่มีความหมายกับตัวเองและผู้อื่นหรือยัง บอสได้ inspire คนหรือยัง บอสได้ถ่อมตัวและพูดดีกับทุกคนหรือยัง บอสทันอารมณ์โกรธมั้ยเวลาหงุดหงิดแล้วจะไม่ด่าเขาในใจ


ดนตรีเปลี่ยนชีวิตจริงๆ บอสชอบสิ่งหนึ่งของดนตรีที่สุด เขาเป็นภาษาสากล บอสไปอยู่งาน Handpan Gathering ชาวต่างชาติเยอะมาก บางคนก็เป็นคนมาเลย์ เป็นคนฮ่องกง เป็นคนจีน เราคุยกันด้วย Handpan เราเล่นเสร็จ เราก็รักกันเหมือนเป็นพี่น้องกัน มันมหัศจรรย์มากๆ ชนิดที่ว่า เราเป็นคนที่เบื่อโลกจนวันนี้เราก็อยากจะพูดนะว่าเรารักโลกสุดหัวใจเลย

สุดท้ายแล้วเรายอมรับว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรา ต่อให้มันจะไม่มีความหวังแต่ขอมีความเชื่อนิดนึง อาการนอนไม่หลับก็เลยหายไปเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็คือถึงหมอนปั๊บ... ป๊อก เราคิดว่าวันนี้บอสมีความสุขแล้วนะ วันนี้บอสเต็มที่แล้ว

ไม่ว่าเราจะลงกี่ครั้งทุกครั้งที่เราลงนั่นคือวินาทีที่เราต้องปรับปรุงไปในสิ่งที่ดีขึ้น เราเห็นวัฏจักรนี้วนเวียนอยู่นับไม่ถ้วนในชีวิต มีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ขาลงเรา enjoy ความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วเดี๋ยวจะกลับไปฝึกตัวเองใหม่”


สำหรับก้าวต่อไปของศิลปินผู้นี้ เขามีความตั้งใจว่าอยากออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อส่งคนนอนไม่หลับให้เข้านอนอย่างฝันดี

“บอสชอบงานนึงมากที่พี่เขาหาให้ที่ออสเตรเลีย เป็นงานที่เราได้เข้าไปเล่นดนตรีอยู่ในบ้านผู้สูงอายุ แล้วทำให้เขานอนหลับ มันมีความหมายกับบอสมากเพราะว่าบอสเข้าใจที่สุดคือการนอนไม่หลับมันทรมานมากๆ เราเลยให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก ต่อไปนี้เราต้อง สร้างภูมิปัญญาเรื่องความผ่อนคลายขึ้นมา เรื่องสี เรื่องแสง เรื่องกลิ่น รวมปรัชญาเข้าด้วยกัน

วันนึงบอสเรียนจบ บอสจะมีใบประกอบโรคศิลป์ที่ถูกรับรองโดยนานาชาติ บอสก็คงจะนั่งเขียนภูมิปัญญาซักเรื่องหนึ่ง แล้วก็เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเอา Handpan ไปเล่นกับทุกเครื่องดนตรีประหลาดๆ หรือว่าในที่ที่มันอาจจะดีบ้าง ไม่ดีบ้าง อาจจะกำลังประสบภัยหรืออะไรอย่างนั้น

เราแค่ไปในฐานะคนที่กล่อมเขาเข้านอนในทุกที่ในโลก ในฐานะใครสักคนที่เรารักที่จะทำในสิ่งนี้ มันคงเป็นสารคดี หรือเป็น ASMR ที่ทำให้คนดูสารคดีเรื่องนี้แล้วนอนหลับ ดนตรีนอนหลับแต่ละประเทศก็ต่างกันอีก เราไปเราไม่ได้ไปในฐานะไปตีแผ่ความจริงอะไรเลยค่ะ เราไปในฐานะนักเรียนดนตรีที่อยากจะรู้ว่าดนตรีที่นี่มันเป็นยังไง

บอสชอบพี่วรรณสิงห์มากเลยนะ วันหนึ่งเราอยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนี้ แต่เราจะอยากเป็นอะไรที่เป็นแบบเรา เราอยากเดินเข้าไปอย่างนั้น เราอยากนำเครื่องดนตรีของเราไปเล่น เราดีใจที่สุดคือดนตรีเป็นภาษาที่ทุกคนพูดกันได้จริงๆ

Handpan สำหรับบอส นี่คือเครื่องมือที่บอสรักที่สุดที่โลกให้บอสมาใช้ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี จากเครื่องดนตรีที่รู้สึกอยากจะเอาเท้าเขี่ยให้ไปไกลๆ เพราะทุกข์มาก จนวันนี้กลายเป็นว่าเธอเต็มไปด้วยความสวยงามของชีวิตเรา”


เมื่อบทสนทนาเดินทางมาถึงตอนสุดท้าย เจ้าของช่อง 60 วินาทีก่อนนอน ก็ขอฝากกำลังใจและร่วมก้าวผ่านไปพร้อมกับทุกคนที่เผชิญทุกปัญหา

“จากประสบการณ์ของบอส ถ้าใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้ ก็อยากให้รู้ว่าต่อให้ไม่มีใคร บอสอยู่ตรงนี้ เข้า 60 วินาทีก่อนนอน DM มาเราตอบ อยากให้เขารู้ว่า สำหรับบอสวันนี้เขาสำคัญมากนะ เขาคือคนที่มีค่าที่จะมีอยู่

ต่อให้มันจะเจ็บปวดแค่ไหน มันอาจจะเป็นช่วงที่เราอยู่ในดักแด้ เจ็บปวดเพื่อให้เราเรียนรู้อะไรสักอย่าง แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณผ่านมันไปได้ คุณจะสวยงามที่สุดเพราะบาดแผลเหล่านั้น มันจะสร้างให้คุณเป็นคนที่ดีที่สุด

จากเราที่ผ่านเรื่องราวเหล่านี้มา จากที่เคยคิดว่าชีวิตของเราเป็นคำสาป วันนี้เรามองว่าทุกข์ทั้งมวลที่เราเจอ มันทำให้เราเห็นความสุขที่แท้จริงที่มันเรียบง่ายที่สุดเลย นี่คือสิ่งที่เราในวัย 27 อยากจะพูดกับทุกคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดนตรีของเรามีหน้าที่เป็นโซฟาให้ทุกคน ใครเหนื่อยนั่งกับเรา นอนไม่หลับใช่มั้ย นอนกับเรา เราจะเป็นโซฟาให้

ห้อง Bangkok Design Week 2024 ก็คือจัดอย่างนี้ เพราะแค่รู้สึกว่าเหนื่อยใช่ไหม ห้องนี้มีไว้นอนนะ ถ้าเหนื่อยก็เอนตัวแล้วก็นั่งดูก้อนเมฆ บอสก็จะทำเพลงให้ฟัง เปิดกลิ่นที่ทำให้คนผ่อนคลายที่สุด อาจจะมานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็นั่งคุย

นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของ 60 วินาทีก่อนนอน นี่คือสิ่งที่บอสตั้งใจและบอสจะเป็นมันตลอดชีวิต นี่คือเรื่องของเรา ทำไม channel นี้ถึงมีแต่คนมานอนหลับ เพราะเราเป็นคนแบบนี้แหละ เราขอเป็นโซฟาให้ทุกคนนะ เราขอเป็นเทียนเล่มเล็กๆ ในที่มืด อย่างน้อยก็จุดไฟให้เขาสว่างแล้วก็เดินต่อไปได้ นี่แหละค่ะตัวตนของบอส ขอบคุณนะคะ”




“บำบัด” ด้วยการ “สร้างบรรยากาศ” ให้หัวใจ

“คำว่าดนตรีบำบัดสำหรับบอส ตอนแรกมันคือความรู้สึกที่เราอยากใช้ดนตรีช่วยใครสักคน พี่สาวนำแสงสว่างเข้ามาในชีวิต เราไม่เคยรู้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ แต่พอเราได้ยินคำนี้ใจเราอยากมากๆ เราก็เดินตามมาเรื่อยๆ เราก็คิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่คงทำงานในโรงพยาบาล มีคุณหมอดูแลเคสเป็นรายๆ ไป เป็นอาชีพหนึ่งที่เราก็อยากเป็น

แต่พอวันนึงเราไม่เหลืออะไร ตอนนั้นทั้งโกรธทั้งเศร้า ทุกความรู้สึกมันผสมตีกันไปหมด จนสุดท้ายวินาทีคุณครูก็มาในรูปแบบของ Handpan ดนตรีอยู่กับเรา เขาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทุกอย่างของเรา แล้วไม่ได้เปลี่ยนในแบบที่มันแข็งกระด้าง เขาเปลี่ยนในแบบที่มันอ่อนโยน เขาทำให้เราค่อยๆ เห็นคุณค่าของทุกสิ่ง ทำให้เรารู้สึกถึงความเมตตาของเสียงเขา

มุมมองดนตรีบำบัดในวันนี้ของเรามันไม่มีทฤษฎีตายตัว วิจัย พวกเปเปอร์ดนตรีบำบัดเปลี่ยนทุกปีเลย เดี๋ยวเปลี่ยนเทรนด์ เดี๋ยวปีนี้มีเทรนด์นี้ขึ้นมา บอสว่าพอไปตามเทรนด์มันเหนื่อย

วันนี้บอสไม่ได้อยู่ในฐานะนักดนตรีบำบัด แต่บอสเป็นนักสร้างบรรยากาศ เป็นเหมือนกับนักออกแบบประสบการณ์เพื่อความผ่อนคลาย บอสก็ตั้งทีมกับเพื่อนๆ รับจัดห้องนอน แต่ไม่ได้ทำเพราะว่าเงินหรืออะไรเลยค่ะ ทำเพราะเราอยากให้คุณภาพชีวิตของคนอื่นดี เรามีความสุขกับการได้สิ่งนี้มาแล้วเราแค่อยากแบ่งปัน

ทุกวันนี้บอส accept เข้ามหา’ลัยที่ออสเตรเลียเป็น Music Therapy Composer แต่งเพลงให้นักดนตรีบำบัดใช้สำหรับผู้ป่วยนอนไม่หลับ เหมือนกับบอสเล่นดนตรีเสร็จก็จะมีคนไข้เข้า CT scan แล้วก็วัดกราฟว่าเพลงของเราทำให้เขาเป็นยังไง ก็ตีงานวิจัยออกมาว่าเพลงของบอสนอนหลับจริงนะ ดีสำหรับคนไข้

บอสเป็นคนที่แต่งเพลงไม่ค่อยใส่ดรามา บางทีฟังก่อนนอนแล้วดรามามันนอนไม่หลับ เพลงของเรามันจะต้องเบาที่สุด ฟังเราต้องสบายใจที่สุด ฟังแล้วต้อง calm ที่สุด นักดนตรีบำบัดก็มีการทำงานของเขา แต่วันนี้เราคงเป็นที่พักใจของทุกคนมั้ง มีเด็กๆ ทักมา ‘หนูเหนื่อยทีไรหนูเจอพี่บอสหนูมีความสุขทุกที หนูรู้สึกแย่จังแต่พอเจอพี่บอสหนูนอนหลับ’

วันนี้เราไม่รู้ว่าเราเรียกตัวเองว่าอะไร แต่เราชอบที่เราเป็นแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่บอสท่องจำไว้เสมอ เราเป็นคนของทุกคน สิ่งที่เราต้องมีคือความถ่อมตัว ความอ่อนโยนของเรา เป็นสิ่งที่เราเคยคิดเลยว่ามันเป็นจุดอ่อน แต่วันนี้มันกลายเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าแข็งมาก ถ้าไปดู TikTok บอสจะตอบคอมเมนต์ทุกคนเพราะบอสรู้สึกว่าเขาสำคัญกับบอสมาก ไม่มีเขาไม่มีเรา

เป็นความสุขบอสไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ใช้ชีวิตกับดนตรีที่เรารักและเขาก็จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนมีความสุข นี่คือสิ่งที่ดนตรีบำบัดของบอสเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าที่เราทำวันนี้เป็นดนตรีบำบัดหรือเปล่า แต่เราเล่นดนตรีเพื่อการแบ่งปัน เพื่อคนทุกคนนอนไม่หลับ”




“LGBTQ+ จำกัดความไม่พอ”

“เรื่องประเด็น Unisex เคยมองว่าเป็นปัญหาชีวิตมากเลยนะ รู้สึกเป็นปมด้อยจริงๆ แต่ขอบคุณศิลปากรมากๆ ที่ทำให้สิ่งนี้เรามองเป็นเรื่องสวยงาม บอสมองว่าทุกคนเป็นมนุษย์เท่ากัน มีคุณค่า มีทุกสิ่งเท่ากัน และมีสิทธิในการจะมีชีวิตเท่าๆ กัน เราอยู่ในจุดที่ใจเรามันรู้สึกว่าทุกคนเสมอภาคและทุกคนควรจะได้รับสิ่งดีๆ

เวลาบอสเจอใครบอสจะไม่ถามว่าเป็นเพศอะไร เพราะรู้สึกว่าคุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่หัวใจของเขา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นอะไร เวลาใครว่าบอสเป็นตุ๊ด คอมเมนต์ว่าพี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ได้โกรธเลยนะ เรามองว่ามันเป็นเสน่ห์ของเรา

มีปรัชญานึงของพระโพธิสัตว์ท่านบอกว่า ความกรุณาไม่มีเพศ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำให้เราภูมิใจกับสิ่งนี้นะ เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นอะไรยิ่งใหญ่อะไร แต่เราแค่รู้สึกดีใจที่เราได้เป็นแบบนี้ เพื่อวันนี้เราได้ตระหนักรู้ถึงการไม่ตัดสินใคร

เราต้องการสร้างความตระหนักรู้ว่า สุดท้ายแล้วคนเราหลากหลายมากเกินกว่าคำจำกัดความด้วยซ้ำ สำหรับบอส LGBTQ+ จำกัดความไม่พอสำหรับสิ่งที่โลกนี้เป็น ทฤษฎีจิตวิทยาจำกัดความไม่พอด้วยสำหรับหัวใจมนุษย์ในวันนี้ มันเปลี่ยนทุกวัน มันสวยงามขึ้นทุกวัน วันที่เด็กๆ เขาเติบโตและเลือกในทางที่ไม่ได้อยู่ในกฎเกณฑ์ ทางที่ดูจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็เป็นไปแล้ว

แม่เราถามเราว่าเราทำเพื่ออะไร จนวันนี้แม่ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น คนรู้จักแม่เปิดคลิปบอสให้ดู แล้วแม่ก็ดีใจว่าอ้าว... นี่ลูกชายฉัน แต่เขาไม่รู้นะว่าเป็นลูกชายของแม่ แม่ดีใจที่คนรู้จักบอส

บอสเป็นผู้ชายเลย เป็นผู้ชายจริงๆ ที่มีแฟนเป็นผู้หญิง เราเหมือนผู้หญิงแค่หน้ากับเสียงกับกิริยาที่มันดูจะนุ่มนิ่ม แต่เราก็จะชอบโดนตัดสินว่าเราเป็นไปแล้ว แฟนบอสทุกคนเป็นผู้หญิงแมนๆ อยู่ด้วยกันก็มีความสุข มันคือสมดุลในชีวิตค่ะ

เราไม่ได้ชอบผู้ชายเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราเปิดใจเพราะเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเราเป็นหรือเปล่า แต่พอคุยกันมันรู้สึกไม่ใช่โดยอัตโนมัติเลยค่ะ เราก็เลยว่าโอเค ไม่ใช่เวย์นี้

ตอนแรกเราเป็นทุกข์เวลายืนฉี่มากๆ เราจะโดนมอง surround จนมีวันนึงเราพูดขึ้นมาว่าจะเก็บตังค์ค่าดูแล้วนะ เราทนไม่ได้กับการที่โดนอย่างนี้ มันทรมานมากเลยค่ะ หนักที่สุดคือเข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วโดนแอบถ่าย ชวนไปมี something มีช่วงนึงไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ บางทีอย่าตั้งคำถามเลยเพราะคนโดนก็อึดอัด บางทีเขาอาจจะต้องการเวลาส่วนตัวจริงๆ

เราอยากปลูกฝังเรื่องความแตกต่าง เราพูดเรื่องนี้บ่อยเพราะเราอยากจะปลุกความ Self-awareness ว่าความแตกต่างเป็นเรื่องสวยงามและไม่ใช่เรื่องที่น่าจับผิด เมื่อเราเห็นว่าใครสวยงามในความแตกต่างก็ยินดีเถอะ นั่นคือคนที่รู้จักตัวเอง และขอให้สิ่งที่เขาเป็น influence คุณให้รู้จักตัวเองด้วยเช่นกัน เป็นคุณที่ดีที่สุด คุณที่มีความสุขที่สุด”







ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





@livestyle.official ...“แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิด วิดีโอคนดูล้านนึง พร้อมคอมเมนต์ว่า ‘ขอบคุณที่ทำให้เขานอนหลับ เครื่องดนตรีนี้วิเศษจัง’ วินาทีนั้นจากคนหลงทาง รู้ทันทีว่าเรามีอยู่เพื่ออะไร เรารู้จุดหมายของชีวิตเราแล้ว” @60.sec.beforesleep ... #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #ดาวtiktok #tiktoker #contentcreator #60วินาทีก่อนนอน #60secbeforesleep #handpan #นอนไม่หลับ #ฝันดี #asmr #นั่งสมาธิ #เสียงผ่อนคลาย #ดนตรีบําบัด #ดนตรีบําบัด_วิถีคนดนตรี ♬ original sound - LIVE Style


สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live

เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร

ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “Patsakorn Aunsangchun” และ “60secbeforesleep”
ขอบคุณสถานที่ : บ้าน When life give you a lemons ซอยจรัญสนิทวงศ์ 91



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น