เปิดอาชีพนางเงือกสาวสุดเซ็กซี่ ที่ใช่แค่สวย แต่ต้องฝึกหนัก เพราะเบื้องหน้าความสวยงาม ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง เคยจมน้ำ จนแพนิคเกือบตาย แต่มีความสุข ที่เห็นรอยยิ้มคนดู และคุ้มที่ได้ทำ
จุดเริ่มต้น อาชีพ “นางเงือก”
“อยากจะบอกว่าโลกใต้น้ำสะกดจิตมากเลยนะคะ เวลาว่าย เราได้ว่ายกับปลาจริงๆ ในอควาเรียม มันสวยงามมากเลยค่ะ มันเป็นอีกโลกนึง ที่รู้สึกว่าบนบกหาไม่ได้ มันต้องอยู่ในน้ำเท่านั้น แล้วคุณต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง ซึ่งมันดีมาก มันเงียบ มันสงบ แล้วมันก็เย็นสบาย
อยู่ในน้ำเรามีสมาธิมากเลยค่ะ ซึ่งมันดีมากต่อจิตใจ พอทำอาชีพเกี่ยวกับน้ำ เราต้องโฟกัสกับตัวเอง ก็รู้สึกว่ามันไม่ต้องคิดเยอะค่ะ ทุกอย่างมันสบายไปหมด มันนิ่ง เหมือนเราลอยอยู่ในอากาศเลย”
“โดนัท-ฟอริดา สุขสว่าง” นางเงือกสาวสุดเซ็กซี่ วัย 32 ปี ที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าหุ้นตาเธอมาบ้าง ในฐานะนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ ที่มีผลงานถ่ายแบบมาแล้วมากมาย
แต่อีกบทบาทหนึ่งของเธอก็คือ การทำอาชีพ“นางเงือก”โชว์ใต้น้ำในอควาเรียมต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งอาชีพที่น้อยคนมาก ที่จะเลือกทำ เพราะความสนุก ความสวยงามที่เราเห็นในเบื้องหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ เพราะเะอต้องฝึกอย่างหนัก
วันนี้ เธอจะมาเล่าถึงรายละเอียด ที่หลายๆ คนแห่ชื่นชมเธอในคลิปTikTok@forida.f จนกลายเป็นไวรัล ถึงอาชีพนี้ให้ฟัง
เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า เริ่มที่ตัวเองนั้นชื่นชอบการว่ายน้ำอยู่แล้ว จนเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เธอได้มาเจอคลิปว่ายน้ำท่านางเงือกจากต่างประเทศ ก็คิดอยากจะทำตาม จึงลองฝึกดูตามยูทูบ เธอพยายามฝึกฝน จนสามารถทำได้
“จุดเริ่มต้นมันเป็นอะไรที่ตลกมากค่ะ เพราะว่าเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาชีพตรงนี้มาก่อน จะทำงานด้านอื่นมาก่อน แต่ว่าเราเป็นคนชอบว่ายน้ำ ก็เลยไปดูคลิปต่างประเทศก็เลยเห็นคลิปนางเงือกเนี่ยแหละค่ะ เราก็เลยอยากลองว่ายท่านี้ดู ก็ไปดูยูทูบ แล้วก็ฝึกเอง
พอทำได้แล้ว ก็ถ่ายคลิปลงเฟซบุ๊ก กับ TikTok ก็ไปเตะตาหัวหน้าทีมปัจจุบันของเราเนี่ยแหละค่ะ เขาเห็นว่าเราว่ายได้ เขาก็เลยทักมาเพื่อเสนอให้เราลองมาใส่หางดูไหม เพราะเขาทำทีมนางเงือกอยู่ ก็เลยไปใส่หาง มันเป็นครั้งแรกค่ะ ที่ได้รู้ว่ามีอาชีพนี้อยู่ นั่นก็คือจุดเริ่มต้น ที่ได้เข้าสู่อาชีพนางเงือกค่ะ
คือชอบว่ายน้ำอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ชอบเป็นนางเงือกเพราะเราไม่ได้รู้ว่า เออมันว่ายไปทำอะไร ว่ายไปแล้วไปต่อยอดอาชีพอะไรไหม แค่เราอยากว่ายท่านี้เฉยๆ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของการได้เข้าสู่อาชีพนางเงือก ปัจจุบันเลยค่ะ”
นางเงือกสาว เธอเล่าถึงความยากของการว่ายท่านางเงือกให้ฟังอีกว่า เป็นอะไรที่ยากมาก และที่ยากไปกว่านั้นก็คือ หางนางเงือกที่ต้องสวมใส่ที่หนักถึง 5-10 กิโลกรัม เลยทีเดียว
“เป็นนางเงือกอยากจะบอกว่ามันแตกต่างจากการว่ายน้ำปกติแบบสิ้นเชิงเลยค่ะ เพราะว่าเป็นนางเงือก พอเราใส่หาง เปรียบเสมือนเรามีขาเดียวเท่านั้น ถ้ามองกันดีๆ คือคนทั่วไปเวลาเราว่ายน้ำเราตีขา 2 ข้างใช่ไหมคะ แต่พอเราใส่หางนางเงือกคิดซะว่าเหมือนมีเชือกเส้นนึงมัดขาไว้ และเราว่ายน้ำได้แค่ท่าเดียว ขาเดียวเท่านั้นค่ะ ความยากมันแตกต่างกันตรงนี้
ยากค่ะ เพราะว่ามันสับสน เหมือนคนเราเดิน 2 ขา อยู่ปกติ แต่เราต้องพยายามว่ายให้ได้ขาเดียว มันจะมีความสับสนเล็กน้อยค่ะ มันจะต้องฝึกแล้วก็จับจังหวะไปด้วย แล้วก็ถ้ามีทริกเราก็จะว่ายไว เป็นไว มันก็จะง่ายขึ้นค่ะ
จะบอกเลยว่าถ้าเป็นท่าว่ายไม่โหดค่ะ โหดคือชุด ก็คือจะเป็นหางผ้ากับหางซิลิโคน ที่นางเงือกทั่วโลกเขาจะใช้กัน ก็จะมีอยู่ 2 แบบ หางผ้ามันจะพลิ้วสบาย ได้ความบาง แต่ข้อเสียคือ ไม่จมน้ำ แต่มันได้ความสวยงาม มันใส่ง่าย ใส่สบาย
หางซิลิโคนคือใส่จริงในคลิปค่ะมาพร้อมกับน้ำหนัก 5-10 กิโลกรัม และ 15 กิโลกรัม แค่ตัวหางอย่างเดียวนะคะ เพราะหล่อมาจากซิลิโคนด้วย ก็เลยมีความยากตรงที่ เวลาลงน้ำกับขึ้นน้ำ อาจจะมีความหนัก แต่เราได้ความพลิ้ว ความสบายมากขึ้น แต่มันจะใส่ยากนิดนึงค่ะ มาพร้อมกับน้ำหนักที่เราจะต้องแบกเวลาลงน้ำ”
เน้นเอนเตอร์เทน โชว์เป่าฟอง-ตีลังกา-ม้วนตัว
สำหรับการโชว์ของนางเงือกสาวสุดเช็กซี่คนนี้ เธอบอกว่า จะเน้นโชว์แบบเอนเตอร์เทนคนดู ให้คนดูได้ตื่นตาตื่นใจ สนุก และพร้อมมอบรอยยิ้มส่งให้กับทุกโชว์ ซึ่งการที่ทำให้ผู้คนสนใจในแต่ละโชว์นั้น เธอบอกว่า eye contact สำคัญมาก
“โชว์ของเราจะไม่ได้เป็นเรื่องราวค่ะ โชว์ของเราจะเป็นโชว์เอนเตอร์เทน นั่นก็คือว่ายไปตรงไหน มีคน เราเอนเตอร์เทนเลย ไม่ว่าจะเป็นเป่าฟอง ตีลังกา หรือว่าท่าม้วนตัว เราทำโชว์เพื่อให้เขามีความสุขกับการถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอเรา เพราะอยู่ในน้ำเป็นเรื่องราวค่อนข้างยากค่ะ เป็นการแสดงแบบนั้นค่อนข้างยาก เราก็เลยเน้นเอนเตอร์เทนมากกว่า ลงไปหาพวกเขา ให้พวกเขาเห็น หรือถ่ายรูปเรา ประมาณนี้
จริงๆ eye contact สำคัญมาก เวลาเราเล่นกับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กโต หรือพ่อแม่ที่เขาพามา เขาจะแฮปปี้มากในการเจอเรา มันเป็นอะไรที่เด็กเด็กเขาอยากเป็น ซึ่งเขาป็นไม่ได้ มันเห็นแต่ในการ์ตูน แล้วเขามาเห็นของจริง เขาจะอยากถ่ายรูป มันจะเป็นอาชีพที่สร้างความสุขให้กับเด็กๆ มากๆ เติมเต็มความฝันเล็กๆ ให้กับเขา ว่าเขาได้เจอนางเงือกแล้วนะ”
นอกจากนี้ ถ้าให้เลือกเคสที่ประทับใจ เธอกลับบอกว่า ประทับใจทุกสถานที่ ที่ได้ไปแสดงโชว์ เพราะบางคนถึงกลับข้ามจังหวัด หรือมาจากต่างประเทศก็มี
“จริงๆ ประทับใจทุกเคส ทุกที่เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าเขาตั้งใจที่จะมาหาเรา มันมีความสุข ยืนรอแออัดกันเป็นร้อยคนหน้าตู้ ตู้เดียว เพื่อรอให้เราลงไปแหวกว่ายไปมา แต่เขามาเพื่อรอ บางคนมาตั้งแต่เช้า หรือข้ามจังหวัดมาเลย ถ้ารู้ว่าเรามาลงที่นี่นะ นั่นแหละค่ะคือความสุข แฮปปี้มาก
งานล่าสุดคือมาจาก สปป.ลาว เราตกใจมากเลย เพราะว่าเราอยู่หน้าตู้ แล้วเขาพิมพ์มือถือแล้วส่งให้เรา เขาเขียนว่า FC from สปป.ลาว อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วเขาขอถ่ายรูปเรา ก็เลยอยู่ตรงนั้นนานหน่อย แล้วก็จะเอนเตอร์เทนทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าเขาจะให้ทำอะไร เราก็ได้หมดเลย
คือก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ดังขนาดนั้น แต่จะเป็นเฉพาะที่ แต่ก่อนมันเคยดังรอบหนึ่งแล้วค่ะที่ระยอง คนที่ระยองเขาก็จะรอ เขาก็ไม่ได้ตามเราขนาดนั้น แต่เขาบอก ถ้ามาปีหน้ามาเจออีกนะ ฉันจะมาหาเธอที่นี่อะไร แต่พอคลิปล่าสุดที่นครพนมมันดังมาก แล้วเราบอกว่าเราได้รับการติดต่อจากอควาเรียมหนองคายนะ แล้วคนบอกว่าฉันพร้อมที่จะไปเจอคุณเลย เขาคอมเมนต์กันเยอะมากค่ะ เพิ่งได้ FC ที่ตามไปดูเราจริงๆ ค่ะ ก็คือตัดคลิปไวรัล จากนครพนม
คือตอนนี้ตกใจมาก มีทั้งเด็กวัยรุ่นผู้หญิง คู่แฟน แม้กระทั่งคุณแม่เอง เขาบอกว่า เขาชอบเรามากๆ เขาอยากพาลูกไปดู เป็นทุกเพศเลยค่ะ”
ส่วนเคสที่ยากที่สุด เธอยกให้เป็นที่จ.หนองคาย ซึ่งเป็นครั้งล่าสุด ที่ได้ไปแสดงโชว์ และต้องลงตู้ลึกถึง 8 เมตร เธอยอมรับว่า อยู่ในน้ำแบบค่อนข้างที่จะทรมานมาก
“ยากสุดขอยกให้หนองคายค่ะ เพราะว่าเป็นที่ล่าสุด ความยากนี่คือรู้สึกว่า แรงดันน้ำ กับความลึก 8 เมตร มันค่อนข้างทรมาน กว่าเราจะลงไปข้างล่างได้คือ มันเคลียร์หูยากมาก แล้วพอเราว่ายหลายรอบ ประมาณ 15 นาที นักแสดงจะเริ่มเหนื่อยแล้ว การเคลียร์หูจะลำบากมากขึ้น
สมมติลงไปแค่ 3 เมตร ทุกคนสามารถปวดหู หรือหูฉีกได้ ถ้าเราไม่มีการเคลียร์หูที่ดี แล้วยิ่ง 8 เมตร เราต้องเคลียร์เยอะมากๆ เพราะถ้าเคลียร์ไม่ได้อยู่ในน้ำไม่ได้ค่ะ แก้วหูแตก ระเบิด หรือว่าเลือดกำเดาไหล
มันกินพลังมากๆ เพราะว่าหนองคายเนี่ยเราลงตั้งแต่ 10 โมง ถึงเกือบ 5 โมงเย็น ต่อให้เราสลับกันลง ต่อให้เรามี 5 คน เราก็จะไม่ได้ลงตู้มเดียวนะคะ เพราะว่ามันก็ต้องมีใครสักคนหรือ 2 คน คอยเซฟตี้ให้เพื่อน โอเคเพื่อนรอบนี้เหนื่อย กลับมาก็ต้องสลับกันลง มันก็จะเป็นอย่างนั้น”
เคยจมน้ำ แพนิคจนเกือบตาย
กว่าจะว่ายน้ำได้เก่งขนาดนี้ เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ เคยจมน้ำ จนเป็นแพนิค และถึงขั้นเกือยตายถึง 2 ครั้ง นั่นจึงเป็นปมในใจของเธอ ที่เธอพยายามฝึกฝน
“เป็นลูกทะเลเหมือนกันค่ะ เป็นคนชลบุรี ชอบว่ายน้ำอยู่แล้ว เพราะว่าตอนเด็กๆ เคยจะจมน้ำ เกือบเสียชีวิตเพราะว่าการจมน้ำค่ะ เราก็เลยมีปมตรงนี้ เราก็เลยรู้สึกว่า เราทะเยอทะยานในการว่ายน้ำให้เป็นให้ได้ เพื่อให้ตัวเองเอาตัวรอดให้ได้ประมาณนั้น
อยากเอาชนะใจตัวเอง เราก็เลยฝึกว่ายน้ำเองมาตลอด เพราะว่าเคยเกือบเสียชีวิตกับการว่ายน้ำ ถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว ในตอนเด็ก
รู้สึกว่าเด็กมาก จะเป็นประถมกลางๆ ซึ่งเป็นธรรมดาของเด็กค่ะ เวลาเราเห็นคนอื่นเขาเล่นน้ำ มันสนุกค่ะ แต่ว่าในเมื่อเราไม่ได้ระวังตัว การที่เราลงไปเลย โดยการว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยทำให้เราเกือบจมน้ำ แล้วมีพี่มาช่วย แต่เราดันดึงเขาลงมาด้วย นั่นมันรู้สึกว่าเราใกล้ความตายมากๆ เราก็เลยพยามฝึกว่ายน้ำให้เป็น ให้คุณแม่พาไปที่สระเทศบาลประจำทุกอาทิตย์เลยค่ะ เพื่อให้ตัวเองไปฝึกว่ายน้ำให้เป็น ไปอยู่กับคุณครูสอน จนว่ายน้ำเป็น เอาตัวรอด ไม่จมน้ำแล้ว
อันนั้นครั้งแรกเลยที่คลองแถวบ้าน ตอนเด็กๆ มากแล้ว ครั้งที่ 2 ก็คือสระเทศบาลที่เราไปซ้อมเนี่ยแหละค่ะ มันจะมีพื้นได้ระดับใช่ไหมคะ เรารู้สึกว่าระดับเด็กเราแกร่งแล้ว เราอยากลองไประดับลึกที่แบบว่า พวกพี่ๆ โตๆ เขาเล่นกัน ก็เลยไปลอง คุณครูที่นั่นแหละค่ะ ช่วยขึ้นมา เกือบตายเหมือนกัน
มันเป็นปมฝังใจ เพราะว่าเราอยากไปทำให้มันได้ เราอยากไปอยู่ในน้ำ เราอยากไปดูโลกใต้น้ำ ประมาณนั้นค่ะ แต่ก่อนอยากไปทะเลมาก ซึ่งพ่อแม่ไม่ให้ไป เพราะว่าเราเด็ก เราก็ว่ายน้ำไม่เป็น เพราะเราเคยจมน้ำ 2 ครั้งนี่แหละค่ะมันทำให้เป็นปม ของพ่อแม่เหมือนกัน”
หลังจากนั้น เธอก็ฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ จนสามารถก้าวข้ามความกลัว และเอาชนะใจตัวเอง จนสามารถก้าวสู่อาชีพนางเงือกได้
“มันฝึกเรื่อยๆ เลยค่ะกว่าจะ มีโอกาสเราฝึก มีโอกาสเราฝึก แล้วก็เราซ้อมกับพวกโฟมกับห่วงยางอะไรอย่างนี้ค่ะ จนว่ายได้ แต่ก็ไม่เคยเกินความสูงของตัวเองนะคะ ก็จะอยู่ประมาณนี้
จนแบบว่าไม่กลัวน้ำ แล้วถ้าจมลงไป หรือว่าฝึกจนตัวเอง ลงไปนั่งอยู่ใต้น้ำนานๆ ก็พอแล้วค่ะ มันเหมือนก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง จนปลดล็อคสกิลอะไรประมาณนั้น
น่าจะเป็นมัธยมแล้วค่ะ เราใช้เวลาตอนเด็กคุ้มมากๆ เลยในการว่ายน้ำ เพราะว่าตะบี้ตะบันว่าย ตะบี้ตะบันเล่น เอาให้เป็น เพื่อนชวนไปไหนฉันต้องไปได้ ฉันต้องว่ายน้ำได้ เพราะว่าเด็กชลบุรีอย่างเราใกล้มากๆ เลย ก็คือบางแสน พัทยา มันคือแหล่งที่เที่ยวสุดๆ เลย แล้วเราก็ชอบว่ายน้ำเนี่ยแหละค่ะ ประมาณมัธยมก็คือแบบว่า ว่ายได้แล้ว ไม่กลัวแล้ว เป็นคนที่ชอบน้ำมากๆ รู้สึกว่าโลกใต้น้ำมันเป็นอะไรที่สวยงาม”
แม้จะชื่นชอบการว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็บอกว่า ไม่เคยลงแข่งขันเกี่ยวกับการว่ายน้ำเลยสักครั้งในชีวิต แต่จะเคยลงแข่งขันกีฬาประเภทอื่นมากกว่า
“ถ้าเป็นกีฬาว่ายน้ำนี่ตัดทิ้งเลย ไม่เคยแข่งเลย แต่กลับได้เหรียญทองวอลเลย์บอลอะไรอย่างนี้ค่ะ ลีลาศ กรีฑา กีฬาอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนว่ายน้ำเนี่ยเราไม่เคยเลย ซึ่งเพราะว่าตอนเด็กๆ เราอ้วนค่ะ คือมันไม่พลิ้ว คงไปแข่งกับเขาไม่ได้”
ความสวยงาม ที่แลกมาด้วยความเสี่ยง
ความสวยงามที่เราเห็น ที่ได้มาง่ายๆ เธอเล่าถึงความสวยงาม ที่ต้องแลกมาพร้อมกับความเสี่ยงชีวิตให้ฟังว่า ต้องฝึกกลั้นหายใจให้ได้นานที่สุด เพราะนางเงือกจะไม่มีถังออกซิเจนติดตัวระหว่างการโชว์ ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้กลั้นหายใจให้ได้นานที่สุด แล้วลงไปเติมอากาศจากถังออกซิเจนเป็นระยะ ซึ่งเธอฝึกกลั้นหายใจใต้น้ำได้นานกว่า 2 นาทีเลยทีเดียว
“คือก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่ได้มาทำอาชีพนี้ กลั้นหายใจเอง ฝึกตัวเองประมาณ 1 นาที 15 วิ แต่พอมาทำอาชีพตรงนี้แล้ว ฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ ตอนนี้กลั้นได้ 2 นาที 13 วิค่ะ หมายถึงตั้งแต่ลงน้ำไปกลั้นได้ถึง 2 นาทีโดยไม่ใช้ออกซิเจนค่ะ
อยู่เป็นครึ่งชั่วโมงนั่นคือเราใช้ออกซิเจน แต่ไม่ได้คาบตลอดนะคะ เหมือนเราโชว์ เราลงไปเอาสักครั้งนึง แล้วเราก็ขึ้น สมมติตู้ลึก 5 เมตร เราลงมาปุ๊บเราแสดงอยู่สัก 30-40 วินาที เราไปดูด 2 ครั้งแล้วเราก็มาอยู่ตรงที่เดิมใหม่ ซึ่งไม่เคยขึ้นบนผิวน้ำเลย นั่นค่ะคืออยู่ในน้ำตลอดเวลา 15 นาที โดยบริหารปอดกับการดูดออกซิเจนของเราให้อยู่ในน้ำตลอด เหมือนเราโชว์อยู่ในน้ำตลอด แต่เราแค่ผลัดกันลงไปเอาออกซิเจน แค่นั้นเอง”
นอกจากนี้ เธอยังเล่าถึงเล่าถึงความเสี่ยงนอกจากอุบัติใต้น้ำที่ต้องเจอแล้ว ในน้ำยังมีเชื้อโรคอีกหลายอย่างอีกด้วย
“จริงๆ การว่ายน้ำแบบนี้เสี่ยงชีวิตมากๆ เลย เคยมีอุบัติเหตุด้วยค่ะ ก็คือหางขาดนั่นเอง อยู่ระหว่างน้ำ อยู่กลางน้ำเลย หางมันขาด แล้วมันดันเราลงไป คือว่ายเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ปลายหางมันขาด มันอ้าออก พอว่ายขึ้นแต่แรงดันน้ำมันกลับไปตรงที่มันอ้า มันเลยกดเราลง ว่ายไม่ขึ้น นั่นก็คือตกใจเหมือนกันค่ะ แต่ก็มีสติค่ะ โดยที่เราใช้ตัวว่ายน้ำมา โดยที่ไม่ใช้ขา เพราะว่าหางมันขาดแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นแรงกดกลับลงไปอีก
ตอนนั้นเป็นที่ระยองค่ะ แต่ว่าเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ซึ่งเป็นรอบที่เราปิดจบแล้วแล้วนางเงือกทุกตัวกำลังขึ้นไปสู่ผิวน้ำ เป็นพอดีเลย ก็เลยรู้สึกว่าเออไม่ได้มีผลเสียกับงานวันนั้นพอดีค่ะ
เจ็บเยอะค่ะ ได้แผลมาเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ชุดที่หนักเกือบ 10 โล แล้วก็จะมีแผลตามขา ความเมื่อยล้า ความเจ็บตัว มีหมดเลยค่ะ”
เธอยังบอกอีกว่า ยังไม่อยากเรียกตัวเองว่าเป็นมืออาชีพ เพราะว่า เธอยังมองเห็นจุดบกพร่องของตัวเองอีกมากมาย
“ยังใช้คำว่ามืออาชีพไม่ได้ แต่เราดีได้ในระดับนึงแล้ว อยู่ในระดับที่ทำการแสดงได้ดี แต่ว่าไม่ใช่ชำนาญขนาดนั้น เรายังมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทุกวันนี้เราก็ยังเจอกับตัวเองอยู่ แล้วเราก็ยังรู้สึกว่ายังแก้ไม่ได้นะ
จุดที่ยังแก้ไม่ได้ ก็คือการแพนิค ดูเหมือนจะไม่แพนิคใช่ไหมคะ แต่ว่าลึกๆ แอบแพนิค เวลาลงน้ำลึก พอจะไปเอาออกซิเจน รู้สึกมีความรนเบาๆ
ถ้าใจเราไม่โล่งพอมันจะเสี่ยงเสียชีวิตได้ เพราะถ้าเราลงมาแล้วกว่าจะขึ้นไปนั่นแหละค่ะ เสี่ยงมาก ซึ่งเราแอบเป็นหน่อยๆ ค่ะ บางทีก็เป็น บางทีก็ไม่เป็นค่ะ ซึ่งก็ยังมีข้อผิดพลาดของตัวเองตรงนี้อยู่
มันบวกกับหลายอย่างด้วยค่ะ พอว่ายน้ำมากๆ โชว์ไปมากๆ พอมันมีความเหนื่อย มันเริ่มเคลียร์หูไม่ออก เลือดกำเดาไหลก็มีนะแต่ไม่รู้สึกเจ็บนะคะ แต่มันเป็นแบบว่าเหนื่อยแล้วเหมือนคนวิ่งมา 5-10 โลแล้ว แต่เราก็ต้องวิ่งต่อเพราะว่างานมันรันอยู่ตลอดเวลา”
เธอเล่าอีกว่า การโชว์แต่ละครั้ง ก็มีเกิดอุบัติเหตุบ้างเป็นบางครั้ง แต่ด้วยคำว่ามืออาชีพ เธอต้องพยายามโชว์ต่อแบบเนียนๆ เพื่อไม่ให้คนดูรู้สึกได้
นอกจากนี้ เธอยังบอกอีกว่า แม้จะทำอาชีพนี้มา 3 ปี จะเข้าปีที่ 4 แล้ว ทุกๆ ครั้งก็ยังตื่นเต้น และยังมีเรื่องให้ท้าท้ายอยู่เสมอ
“ถ้าเราทำเนียนที่สุดก็คือเราต้องไปต่อ เราต้องห้ามหยุดอย่างเช่น ไม่ว่าเราจะโชว์ หรือเราดูดออกซิเจนไม่ทัน หรือว่าเราต้องเผลอเคลียร์หู เราก็อย่าหยุด ต่อให้มันผิดพลาดไปแล้ว แต่เราก็ต้องทำต่อไป ทำต่อไปแบบอย่าหยุดอย่าชะงัก ทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
มีว่ายชนกันก็มีค่ะ เราไม่ทันมองกันอะไรอย่างนี้ค่ะ อุบัติเหตุชนกัน หางฟาดใครบ้าง มีเยอะมาก แต่เราก็ต้องแสดงต่อค่ะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจมัน แค่นั้นเอง
ตอนนี้ทำงานมาได้ 3 ปีค่ะ จะเข้าปีที่ 4 แล้ว ยังชอบอยู่ ยังเป็นอะไรที่ตื่นเต้น ก็ยังเป็นอะไรที่ท้าทายอยู่ มันท้าทายไปเรื่อยๆ เลยนะคะ จากตู้ 3 เมตร ตู้ 5 เมตร ตู้ล่าสุด 8 เมตร มันท้าทายไปเรื่อยๆ แล้วแต่ละงานบอกเลยว่า ความลึกของน้ำไม่เท่าไหร่ แต่อากาศ กลับแรงดันน้ำกับสภาพน้ำคือแบบ เป็นอุปสรรคมากเหมือนกันค่ะ”
แม้ความสวยงาม ที่แลกมาด้วยความเสี่ยง ขีดอันตรายใดๆ ก็ตามที่เธอเล่ามา แต่เธอก็มองว่าคุ้มมากๆ ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และมีความสุข
“ส่วนตัวรู้สึกว่า ถ้ามันเป็นสิ่งที่ชอบอะไรมันก็คุ้ม แม้ว่ามันจะพบกับความเหนื่อย หรือขีดอันตรายของชีวิต แต่ว่าถ้าเราช่วยเหลือตัวเองเป็น ทำในสิ่งที่รัก รู้สึกว่าทำแล้วมันแฮปปี้มากกว่าค่ะ มันมีความสุขมากกว่า มากกว่าความรู้สึกว่ากลัว เพราะว่ามันเป็นความสุขที่เราจะทำ”
รายได้ดี อยากผลักดันให้เป็นอาชีพหลัก
สำหรับเรื่องรายได้ หรือผลตอบแทนของอาชีพนี้ เธอก็เปิดเผยว่า จะได้รับครั้งละประมาณ 5 พันบาท แต่ถ้าเป็นงานพวกสแตนด์อินเบื้องหลังภาพยนตร์ หรือละคร เรทราคาก็จะคิดอยู่ที่ประมาณหลักหมื่น
“อย่างเรทค่าตัวนะคะ ถ้าเป็นของเอกชน ก็คืองานนอก ที่ไม่ได้เกี่ยวกับอควาเรียม ก็จะได้วันละ 5 พันค่ะ แล้วเราก็มีตู้ที่จะให้เช่าแยกอีกต่างหากนะคะ สำหรับตู้เคลื่อนที่ ทีมเรามีให้ทุกอย่างเลย 5 พันต่อวัน เราลงประมาณ 2-3 รอบ รอบละ 15 นาทีเองค่ะ
5 พัน ค่าตัวต่อ 1 คนค่ะ แต่ว่าแล้วแต่งานไปนะคะ ถ้าเป็นงาน เป็นสแตนด์อินเบื้องหลังภาพยนตร์ ละคร ก็จะเป็นเรทหลักหมื่นอยู่เหมือนกันค่ะ”
แม้จะมองดูว่า รายได้ดี แต่เธอก็บอกว่า ไม่ได้มีงานทุกวัน หรือทุกเดือนขนาดนั้น และตอนนี้ อาชีพนางเงือก ยังไม่สามารถทำเป็นอาชีพหลักได้ ถึงแม้เธออยากจะให้เป็นแล้วก็ตาม เพราะประเทศไทย ยังไม่ได้เปิดกว้างเหมือนกับต่างประเทศ แต่เธอก็เชื่อว่า การมีโชว์นางเงือก สามารถเรียกคนดู และเรียกรายได้ เข้าอควาเรียมได้
“เพราะว่ามันยังไม่ได้มีประจำขนาดนั้นค่ะ มันก็จะทำเป็นอีเวนต์ไป แต่ละวันสำคัญ ของแต่ละต่างจังหวัดอะไรอย่างนี้ค่ะ มันจะได้เป็นแบบอีเวนต์มากกว่าที่จะได้ประจำ
mermaid นี้เป็นงานอดิเรกมากๆ แต่ว่าอยากให้เป็นที่หนึ่ง แต่ว่ายังเป็นไม่ได้ คือตอนนี้ประกอบธุรกิจส่วนตัวค่ะ เป็นเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมกับถ่ายแบบ แต่ว่าถ่ายแบบจะไม่ค่อยได้รับแล้ว เพราะว่างานธุรกิจส่วนตัวค่อนข้างยุ่ง
คือตอนนี้อาชีพนางเงือก มันยังไม่ได้บูมขนาดนั้น แล้วหลายๆ ที่ เขาก็ยังไม่ได้เปิดใจกับอาชีพตรงนี้เท่าไหร่ ก็คืออย่างเช่นในบ้านเรา ถ้าเราสังเกตดีๆ อาชีพนางเงือก จริงๆ บูมมากในต่างประเทศ เขาจะมีเงินเดือน จะมีที่ประจำ เพราะว่าเขา world wide แล้ว แต่บางที่ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอาชีพนางเงือกอยู่ ซึ่งเราพยามตีแผ่อาชีพนี้ แล้วอยากจะเสนอทุกอควาเรียมในประเทศไทยเลยว่า
การมีโชว์นางเงือกมันเรียกคนดู แล้วก็สามารถสร้างรายได้ให้กับที่นั่นได้ ด้วยการมีเราไปโชว์ หรือว่าจะเป็นทีมไหนๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเราก็ได้ แต่ว่าอยากให้ประเทศไทยเปิดกว้าง เพราะว่าอาชีพนี้ มันน่าสนใจมาก แล้วมันก็เรียกเสียงฮือฮา เสียงชื่นชมจากเด็กๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ในวันหยุด วันสำคัญ ที่อยากจะพาเด็กๆ ไปเที่ยว มันดีมาก อยากให้ตรงนี้ เป็นอะไรที่เปิดกว้างในประเทศไทย แล้วก็อยากให้ลงได้ทุกที่ค่ะ เพราะว่าบางที่เขาก็ยังไม่ค่อยเปิดใจ บางที่ก็ยังไม่รู้ว่ามี มีแค่บางที่เท่านั้น
อย่างมากเราก็ลงแค่ปีละ 3-4 ครั้ง เราจะเวียนไปเรื่อยๆ อย่างจะมีระยอง หนองคาย นครพนม สุพรรณบุรี อะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ก็จะเป็นวันสำคัญของจังหวัดนั้นๆ เขาก็จะเชิญไปลงอะไรอย่างนี้ค่ะ ที่ประจำก็จะมีแค่ ระยอง กับนครพนม แน่นอนว่าเราจะได้ลงทุกปี แต่ว่าจะเป็นแค่ปีละครั้งเท่านั้นค่ะ”
นางเงือกสาว เธอช่วยแชร์ให้ฟังอีกว่า ถ้าเทียบกับต่างประเทศ สามารถทำเป็นอาชีพหลักได้เลย เพราะมีสถานที่ให้แสดงโชว์รองรับอยู่มากมาย เพราะอาชีพนางเงือกค่อนข้างที่จะบูมในต่างประเทศ
“จริงๆ ตั้งแต่เป็นนางเงือก ศึกษาเลยค่ะ ต่างประเทศนี่เขามีเลยว่า ลงประจำเป็นทั้งร้านอาหาร ในห้าง คือเขาจะมีประจำ เพราะว่าที่นั่นเขาเปิดกว้าง แล้วอาชีพนี้บูมสำหรับต่างประเทศมากค่ะ จะมีลงทุกวันเป็นแบบที่ประจำให้เขา แล้วก็แบบมีเป็นเงินเดือน ซึ่งเราก็อยากให้ไทยเป็นแบบนั้นมาก บางที่ก็อย่างที่แจ้งค่ะ ว่าเขายังไม่ค่อยรู้ว่ามีอาชีพนี้จริงๆ นะ
จริงๆ ก็อยากจะฝากไปถึงทุกๆ อควาเรียมเลยนะคะ ว่าถ้าเปิดใจ อยากจะมีนางเงือกไปโชว์ เราเต็มใจมากๆ แล้วเราก็รู้สึกว่า มันน่าจะสร้างรายได้ให้กับเขามากขึ้นในการมีผู้ชม แล้วก็มีคนเข้าไปสนใจ มีคนเข้าไปเยี่ยมเยียนอควาเรียมได้มากขึ้น”
จากพริตตี้-นางแบบ สู่อาชีพนางเงือกโชว์
อีกมุมของชีวิตของเธอ นอกจากอาชีพนางเงือกแล้ว ก่อนหน้านี้ เธอเคยเป็นพริตตี้ และนางแบบมาก่อน และปัจจุบัน เธอมีธุรกิจส่วนตัวเป็นแบรนด์อาหารเสริม
“ก่อนจะมาเป็นนางเงือกเนี่ยจริงๆ เป็นพริตตี้มาก่อน แต่ก่อนเป็นพริตตี้ MC เป็นอยู่ประมาณ 2 ปี ก็รู้สึกว่าเราเหนื่อย เราไม่ชอบแต่งตัวเยอะเยอะ เราก็เลยผันตัวเอง ทีนี้มาเป็นนางแบบ เป็นนางแบบหมดเลยค่ะทั้งเสื้อผ้า หรือไม่ก็จะเป็นนางแบบถ่ายในเพจ หรือว่าที่เขาส่งประกวดอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เป็นอยู่นานพอสมควร แต่ว่าไม่ได้แบบโป๊เปลือย ไม่มีนะคะ แค่แบบเซ็กซี่ เซ็กซี่ในที่นี้ก็คือ ชุดชั้นใน บิกีนี่เท่านั้น
ก็เพิ่งจะมาตัดสินใจทำธุรกิจส่วนตัว เพราะว่า อยากมีอะไรทำเป็นหลักเป็นแหล่ง แล้วเราก็อยากจะพักจจากงานนางแบบแล้ว เราค่อนข้างเหนื่อย ก็เลยมาเริ่มทำธุรกิจ เป็นแบรนด์อาหารเสริมเกี่ยวกับไฟเบอร์ เบิร์น เพราะเราชอบออกกำลังกาย เพราะเราอยากเทิร์นมาสายสปอร์ตแล้ว เราก็เลยมาทำตรงนี้ ก็เลยมาเป็นอาชีพปัจจุบันตอนนี้ค่ะ”
นอกจากนี้ เห็นดูเบื้องหน้าสวยงามแบบนี้ ชีวิตเธอไม่ได้ง่ายเลย เพราะเธอต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเอง เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัวมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เลยทีเดียว
“ทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี 15 ปุ๊บมีบัตรประชาชน ปิดเทอมเนี่ยก็คือเข้าเป็นพาร์ทไทม์ในโรงงาน ในห้างสรรพสินค้า MK, swensen’s, Hot Pot เข้ามาหมด ทำเวียนอย่างเนี่ยค่ะทำในห้างทำทุกร้านเลย ทำพาร์ทไทม์ตั้งแต่เด็กๆ ชอบทำงาน ใช่ค่ะ ส่งตัวเองเรียน
ที่บ้านอาจจะแบบว่าไม่ได้มีให้เรามากขนาดนั้นค่ะ แล้วเราอยากช่วยลดแรงคุณแม่ เพราะว่าคุณแม่ก็ทำงานหนัก แล้วก็ไม่ได้มีรายได้มากขนาดนั้นซึ่งเรารู้สึกว่าเราโตแล้ว พอที่จะทำงานได้แล้ว อะไรที่เป็นพาร์ทไทม์เล็กๆ น้อยๆ หรือ ของที่เราสามารถซื้อเองได้ เราก็รู้สึกว่าเราอยากทำเองมากกว่า ช่วยคุณพ่อคุณแม่ด้วย เคยมีพี่ชายค่ะ แต่ว่าเสียชีวิตแล้ว ก็เลยตอนนี้ก็เลยเหลือลูกคนเดียว เป็นลูกคนเดียว
คือเราดูแลพ่อแม่ทั้งคู่ค่ะ แต่ว่าพ่อกับแม่ก็คือไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเราก็รับผิดชอบชีวิตของทั้งสองคนนี้ตั้งแต่ เรียนจบมหาลัยเลย จริงๆก็ก่อนเรียนจบมหาลัยด้วยซ้ำเพราะว่าเราทำพาร์ทไทม์ เราไม่เคยหยุดทำพาร์ทไทม์เลย เพราะว่าเราทำงานอยู่ตลอดเวลาค่ะ ซึ่งไม่อยากให้ชีวิตวัยเด็กเราว่างเท่าไหร่
แต่ว่าชีวิตวัยเด็กเราก็เสียไปด้วย เพราะว่าเราเอาเวลาที่ปิดเทอมตลอดเวลา ไม่เคยได้เที่ยวเลย เราก็มักจะอยู่ในที่ทำงาน โรงงานอุตสาหกรรม ร้านอาหาร ในห้างสรรพสินค้า เราทำหมดเลย ซึ่งก็เลยดูแลพ่อแม่ได้ตั้งแต่ประมาณช่วงมหาลัยได้แล้วค่ะ จนเรียนจบ ปัจจุบันก็ดูแลมาตลอด”
กว่าจะมาเป็นนางเงือกสาว ที่ทำให้ทุกคนรู้จักได้ในวันนี้ เธอยังบอกอีกว่า เคยโดนดูถูกมานักต่อนัก จากญาติๆ ของคุณแม่ แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะเธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ที่สู้มาได้จนถึงทุกวันนี้
“คือทุกอาชีพถ้าคุณเห็นค่าตัวเอง ต่อให้ไม่มีใครบนโลกนี้เห็น ถ้าคุณรู้ว่าแค่วันนี้คุณทำอะไรอยู่ ไม่ได้ติดต่อใคร ไม่ได้ผิดต่อสังคม แล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน คุณทำไปเถอะ เพราะว่าต่อให้วันที่คุณล้มหรือว่าวันที่คุณขึ้นไปจุดสูงสุด เดี๋ยวคุณจะรู้เองว่าคนพวกนี้แม่งไม่มีค่าอะไรเลย แต่ตัวคุณเองนั่นแหละที่รู้ว่าตัวเองมีค่า ถ้ามันไปเถอะค่ะถ้ามันเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองรัก แค่ขี้ปากของคนมันไม่ทำให้เราตายหรอกค่ะ แบบชิลมาก
คือเดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างแล้วค่ะ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะคะ ย้อนกลับไปเกือบ 8 ปีหรือ 10 ปี ที่เขาเพิ่งเริ่มทำงาน เขาบอกเลยว่า โดนด่าแน่นอน คนชื่นชมมี 5 คนด่ามี 10 โป๊นิ เปลือยนิโชว์เนื้อหนังอะไรก็ตาม แต่ลองเป็นเดี๋ยวนี้สิคะ ทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้ แม้กระทั่งโลก LGBTQ+ อะไรอย่างนี้ค่ะ คือตอนนี้มันเปิดกว้างแล้ว คุณจะทำอะไรจะแต่งตัวแบบไหนคือมันเรื่องของคุณเลย
ตอนนี้การเหยียดเพศ การเหยียดการแต่งตัวหรือการเหยียดทัศนคติ หรือความเป็นของคนอื่นก็รู้สึกว่า คนที่เหยียดนั่นแหละค่ะจะโดนเองซะมากกว่า
คนไม่ชอบ ต่อให้เรา มีความสามารถแค่ไหนเขาก็มองข้ามได้ เขาจะไปหาจุดด้อยของเราให้ได้ ต่อให้เรามีดีให้เขาเห็น เขาก็ยังมองจุดด้อยของเราอยู่ เขาไม่มีทางชื่นชมเราหรอกค่ะถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็ยังไม่ชอบเราอยู่ดี สิ่งที่เราทำได้ ต่อให้เราจะมีความสามารถทำอะไรให้เขาเห็น เราก็แค่อยู่ในที่ของเรานี่แหละค่ะถ้าเราดีกว่าเขาแล้ว เราจงภูมิใจของเรา เราอย่าให้ค่าเขา เราอยากให้เขามาเปรียบเทียบกับเราได้อีก แค่นั้นพอแล้วค่ะ
จริงๆ ถามว่าตอนนี้ภูมิใจไหม มากกว่าการภูมิใจอีกค่ะ เพราะว่าเราไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว จากแต่ก่อนเนี่ยเขาตาหน้าเราเลยว่า หน้าอย่างเนี่ยเรียนไม่จบหรอก เพราะเราเกเรมาก ตอนเด็กเด็กเราเกเรมาก เราก็เลยทั้งจบ ทั้งมีงานดี ดูแลครอบครัว คือมันพิสูจน์ทุกอย่างแล้วที่เขาจะพูดได้ จนเขาไม่มีอะไรที่จะด่าแล้ว
ทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะด่าอะไรนอกจากการแต่งตัวของเรา ที่เขาจะว่าเราอยู่ดี แต่ว่าไม่เคยเป็นปัญหาค่ะเพราะว่าไม่เคยเอามาใส่ใจ ขอให้เขาได้ได้อยู่ในที่ของเขา เราอยู่ในที่ของเราเป็น เพียงพอไม่สร้างความเดือดร้อนให้กัน เราก็รู้สึกว่าไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรา ถ้าชีวิตเขาดีในการเหยียดเรา คุณก็เกลียดไปเถอะค่ะยินดี”
แนะทริก คนอยากทำอาชีพ “นางเงือก”
“ทุกคนสามารถเป็นนางเงือกได้ จะอ้วน จะผอม จะพลัสไซส์ จะดำ จะขาว เป็นได้ทุกคนเลยค่ะ แต่คีย์หลักเลยก็คือ ยังไงต้องมีใจรักในการว่ายน้ำ แล้วว่ายน้ำให้เป็น ส่วนท่า mermaid เราไปแตกแขนง แล้วเราฝึกได้ ไม่มีปัญหาเลย แค่ใจรักก็พอค่ะ
จริงๆ ทุกคนทำนางเงือกได้นะคะ แต่คนที่อยากทำมักว่ายน้ำไม่เป็น อันดับแรกต้องว่ายน้ำเป็น เพราะมันเป็นพื้นฐาน มันเป็นขั้นแรก ที่คุณต้องช่วยชีวิตตัวเอง เอาตัวเองรอด ถ้าเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย มันค่อนข้างทำงานตรงนี้ลำบากค่ะ เราจะมารอคนอื่นช่วยไม่ได้”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
...อีกมุมที่ “ไม่เคย” เผยที่ไหน กว่าจะเป็น “นางเงือกดาว TikTok” เธอฝ่ามาแล้วทุกคำดูถูก โดยเฉพาะช่วงรับงาน “นางแบบเซ็กซี่”...
>>> https://t.co/aZWWT5DCPf
.#ดาวtiktok #นางเงือก #อาชีพนางเงือก #ชุดนางเงือก #นางเงือกน้อย #แอเรียล #เจ้าหญิง #เจ้าหญิงดิสนีย์ #mermaid #littlemermaid pic.twitter.com/VQmlf1D1F2— livestyle.official (@livestyletweet) January 14, 2024
@livestyle.official ...อีกมุมที่ “ไม่เคย” เผยที่ไหนมาก่อน กว่าจะเป็น “นางเงือกดาว TikTok” เธอฝ่ามาแล้วทุกคำดูถูก โดยเฉพาะช่วงที่รับงาน “นางแบบเซ็กซี่” @forida.f ... #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #ดาวtiktok #tiktoker #contentcreator #นางเงือก #อาชีพนางเงือก #ชุดนางเงือก #นางเงือกน้อย #แอเรียล #เจ้าหญิง #เจ้าหญิงดิสนีย์ #นางแบบ #mermaid #mermaids #merman #littlemermaid ♬ เสียงต้นฉบับ LIVE Style
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “ฟอริดา สุขสว่าง”, อินสตาแกรม @xforidax และ TikTok @forida.f
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **