เปิดใจ “น้องกันต์” หนุ่มน้อยนักบิดฟันน้ำนม วัย 5 ขวบ ที่ดังจากไวรัลเพราะแม่ด่า กับลีลาความเก่ง โชว์ขับวิบากอย่างใจกล้า ที่ทำเอาถูกอกถูกใจชาวโซเชียลฯ พร้อมเล่าเส้นทางนักบิดที่ไม่ได้ง่าย ทั้งรอยยิ้ม และคราบน้ำตา ที่มีแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อ กับเป้าหมายว่าที่แชมป์โลกคนต่อไป
แม่ด่าจนเป็นไวรัล
กลายเป็นไวรัลดังไปทั่วโซเชียลฯ เลยทีเดียว สำหรับ “น้องกันต์-สิรภัทร สาครมณีแสงชัย” นัดบิดฟันน้ำนม วัยเพียง 5 ขวบ ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 เท่านั้น
กับคลิปไวรัลใน TikTok “@superkan69” ที่โพสต์ได้ไม่กี่วัน ก็มีคนดูถึง 9 ล้านวิว ซึ่งที่ได้รับความสนใจจากโซเชียลฯ เพราะนักบิดรุ่นจิ๋วคนนี้ โชว์ลีลาซึ่งบิดรถวิบากด้วยเครื่องยนต์ 50 ซีซี ซิ่งบิดมาด้วยความเร็ว ก่อนกระโดดขึ้นเนินอย่างชำนาญ แต่จังหวะลงมีเป๋เล็กน้อย ทำเอาแม่ที่ดูอยู่ถึงกับร้องด้วยความตกใจ จนเกิดเป็นเสียงตะโกนในคลิปว่า “ไอ้กันต์ มึงเอาอีกแล้ว”
แต่ถึงรถจะสะบัด และเป๋จนทำเอาคนเป็นแม่แทบหัวใจวาย แต่หนูน้อยนักบิดของเรา ก็ยังประคองกลับมาได้ และขี่ต่อไปได้อย่างใจกล้า
เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจชาวโซเชียลฯ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้หลายคนแห่เข้าไปชื่นชมความสามารถของน้องกันต์ ซึ่งหลายคนบอกว่า แม้จะตัวแค่นี้ แต่ลีลาและท่าทางการขับขี่มีแววไปได้ไกล อนาคตอาจจะเป็นแชมป์โมโตครอสคนใหม่ก็ได้
ไม่รอช้า วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับหนุ่มน้อยนัดบิดจิ๋วคนนี้ ที่หลายคนแห่ชื่นชม ซึ่งวันนี้น้องกันต์ ก็พร้อมควงแขวนคุณพ่ออย่าง “นัท-ปพนพัชร์ สาครมณีแสงชัย” มาเปิดใจถึงไวรัลดังกล่าว ซึ่งคุณพ่อเอง ก็ยอมรับว่า ไม่คิดว่าน้องจะดังเพราะคลิปนี้
“ไม่ได้คิดครับ ก็คือเอาน้องมาซ้อมรถปกติทั่วไปครับ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นไวรัลขนาดนั้นครับ ก็รู้สึกดีนะครับ อยากจะดันน้องให้เป็นนักแข่งจริงๆ เลย ก็เลยเริ่มจริงจังเลยครับทีนี้
ขับตามผม เห็นพ่อทำอะไร ก็ทำตามครับ ผมก็ยังไม่เก่ง ผมก็แค่สะบัดตูดเล็กๆ น้อยๆ ครับ แล้วเขาก็ทำตามผม คือก่อนหน้านี้ ถ้าไปดูใน TikTok มันจะมีคลิปก่อนหน้านี้ ที่แม่เขาไม่ได้เอ็ดอะไรเยอะ บอกแค่ว่าจะเอียงรถทำไม
แต่คือมารอบหลังเนี่ยบอกเขาแล้วว่าห้ามเอียงรถ คือตัวเองก็เอารถยังไม่อยู่ หลายๆ อย่างครับ อย่าเพิ่งเอียงเดี๋ยวรถมันล้ม ถ้ามันล้ม มันเจ็บ เขาก็ไม่ฟังครับ ก็นั่นแหละครับก็เลยเป็นคลิปที่มาของ ไอ้กันต์มึงเอาอีกแล้ว”
ซึ่งเมื่อถามหนูน้อย ก็ได้คำตอบว่า หลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นไวรัล น้องกันต์ก็บอกว่า ดีใจที่คนให้ความสนใจ และก็ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา
ส่วนจุดเริ่มต้นของไวรัลในครั้งนี้ คุณพ่อของน้องกันต์ ก็เล่าให้ฟังว่า เริ่มมาจากที่ลูกชายนั้น ได้ตามคุณพ่อมาซ้อมรถวิบากที่สนามด้วยเป็นประจำ จึงทำให้เพื่อนๆ ของคุณพ่อเห็นแวว คุณพ่อกับคุณแม่ ก็เลยเริ่มหันมาส่งเสริมลูกชาย ซึ่งน้องกันต์เอง ก็มีความชอบที่ได้เห็นพ่อมาขับเล่นกับเพื่อนๆ เป็นงานอดิเรกอยู่แล้วด้วย
“จุดเริ่มต้นก็คือผมขี่โมโตครอส (Motocross) กับพวกเพื่อนๆ แล้วผมก็จะเอาตัวเล็กเขามาด้วย จากนั้นเขาก็ร้องตามมาตลอด เขาก็มาขี่จักรยานบาลานซ์ไบค์ (Balance Bike) มาเล่นแถวนี้ครับ แล้วก็มีเพื่อนๆ ในกลุ่มเขาเห็นน้องพอมีแวว เขาก็เลยให้รถมา สนับสนุนรถมาให้รถน้องมาขับ ทีนี้ผมก็เลยให้น้องขับ ก็เลยให้น้องซ้อมไปเรื่อย ก็เลยเป็นคลิปดังกล่าวนี่แหละครับ
ส่วนช่อง ก็คือตั้งใจเปิดช่อง TikTok เป็นของน้องเขาอยู่แล้วครับ เปิดลงเป็นช่องของน้องโดยเฉพาะเลยครับ ก็จะลงเกี่ยวกับเขาโดยเฉพาะเลยครับ”
แรงบันดาลใจจากพ่อ สู่ความชอบของลูก
สำหรับแรงบันดาลใจ ของหนูน้อยนักบิด ที่กำลังกลายเป็นขวัญใจของชาวโซเชียลฯ คนนี้ จุดเริ่มต้น จริงๆ แล้วมาจากผู้เป็นพ่อ ที่เริ่มขับรถวิบากเล่นๆ เป็นงานอดิเรก เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว จนกลายเป็นส่งต่อความชอบ ให้กับลูกชาย
คุณพ่อเล่าว่า เริ่มจากเห็นเพื่อนๆ ในกลุ่มขับ ก็เลยลองซื้อมาขับดูบ้าง ซึ่งในขณะที่ตัวเองไปสนาม ก็จะพาลูกไปด้วยทุกครั้ง จนลูกเกิดความซึมวับด้วยตัวเอง
“คือเริ่มแรกเพื่อนของผมขับอยู่ก่อน แล้วผมก็ซื้อมาขี่ตามเขานี่แหละครับ แล้วก็เอาน้องแกมาด้วย เพราะว่าน้องแกชอบอยู่กับผมอยู่แล้ว แล้วก็ชอบปั่นจักรยาน เล่นขาไถอะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยเอามาที่สนาม แล้วพอเอามาเรื่อยๆ เข้า มันก็มีเด็กที่ขี่ในสนามด้วยครับ น้องเขาก็เห็น เขาก็ไปขอลองขึ้นคร่อมบ้าง ลองขี่บ้าง แล้วพี่ๆ ในสนาม เขาเห็นว่าน้องมันขี่ได้ น้องใจกล้า ใจสู้ ก็เลยให้รถน้องมาลองขี่ดูครับ ก็ฝึกมามาเรื่อยๆ ครับ
เห็นพ่อขี่ ก็ขี่ตามพ่อครับ ผมขี่มาได้ประมาณ 2 ปีกว่าครับ แล้วก็เอาน้องมาตั้งแต่ 3 ขวบกว่าๆ ก็มาปั่นจักรยานเล่นบ้าง มาถีบจักรยานบาลานซ์เล่นบ้างครับ แล้วก็มาเห็นพี่ๆ มาขี่เล่น แล้วน้องก็อยากขี่บ้าง แล้วผู้ใหญ่ในสนาม เขาก็เลยให้รถกับน้องมาขี่เล่นดู ก็เลยเป็นคลิปที่เห็นนี่แหละครับ”
คุณพ่อของน้องกันต์ยังบอกอีกว่า รู้สึกดีใจมาก ที่ตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้กับลูก เพราะไม่คิดว่าลูกจะเอาตัวเองมาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะตัวเองก็ยังไม่ได้เก่งอะไรมากมาย
นอกจากนี้ คุณพ่อยังบอกอีกว่า ก็ยังแอบห่วงลูกชายเรื่องอุบัติอยู่เหมือกัน ที่เขาตัดสินใจ อยากลองในเส้นทางนักแข่ง แต่ถึงยังไง ในเมื่อลูกชอบแล้ว ครอบครัวก็พร้อมซัพพอร์ตลูกเต็มที่
“ก็ไม่ได้คิดเลยนะครับ ว่าตัวเองจะเป็นแรงบันดาลใจให้ลูก คือตัวผมก็ไม่ได้รู้หรอกว่าเด็กมันจะขี่เก่งหรือไม่เก่ง แต่ด้วยที่ว่าคนรอบข้างผม พวกพี่ๆ ที่ขี่ในกลุ่ม เขาบอกว่าน่าส่งเสริม ผมก็เลยลองดู
มันก็รู้สึกดีนะครับ ที่ลูกชอบเหมือนเรา เวลาไปขี่ ไปไหนมาไหน ก็รู้สึกว่ามันได้ไปขี่เล่นกับเขา มันก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบนึง แต่ลึกๆ ก็ห่วงเรื่องอุบัติเหตุ ก็ยังแอบห่วงอยู่ เพราะบางทีเขาจะล้ม ผมก็หัวใจจะวายเหมือนกันบางที”
สำหรับเส้นทางของนักบิดฟันน้ำนม ตัวเล็ก แต่ใจสู้คนนี้ เริ่มขึ้นตอนที่เขาอยู่ในวัยเพียง 4 ขวบเท่านั้น
“น้องเริ่มหัดขี่ ที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์จริงๆ เลย ตอน 4 ขวบครับ คันแรกจะเป็น PW จะเป็นคันเล็กกว่านี้หน่อยครับ แล้วถึงจะมาเปลี่ยนเป็นรุ่นนี้ครับ รุ่นนี้ก็ต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้เต็มตัวแล้วทีนี้ เพราะว่าไปลงแข่งตามสนามต่างๆ ไปตามรายการต่างๆ ได้เลยครับ เป็นรุ่นของเด็กครับ”
ด้านน้องกันต์ก็บอกเองเลยว่า ตัวเองนั้นอยากเป็นนักแข่ง และเป็นคนเอ่ยปากบอกคุณพ่อ ด้วยตัวเองว่า อยากลองขับดูสักครั้ง และชอบมากโดยเฉพาะท่าตอนกระโดดขึ้นเนิน
“อยากขี่เองครับ ได้บอกครับ ว่าอยากได้รถแบบพี่ๆ หนูอยากเป็นนักแข่งครับ หนูชอบตอนขี่ ตอนขึ้นเนินด้วย แล้วก็ชอบเหิน”
ฝึกง่าย เรียนรู้ไว
คุณพ่อเล่าว่า น้องกันต์เป็นคนที่เรียรู้ไว จึงทำให้ฝึกได้ไม่ยาก เริ่มจากฝึกให้เขาขี่ทางตรง พอรู้จักประคองรถได้แล้ว ก็พาลงสนามทันที
“เริ่มแรก ก็ฝึกให้เขาขี่ทางตรง ฝึกให้เขาประคองรถให้ได้ก่อนครับ ประคองรถให้อยู่ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยเอาเข้าสนาม ประมาณเดือนนึงครับ ที่ว่าเอามาฝึกขี่เล่นให้คล่องๆ แล้วก็เอาไปลงสนาม
ฝึกไม่นานครับ น้องเขาเป็นเร็วมากเลยครับ คันแรก PW ไม่กี่วัน ต้องพูดว่าวันสองวัน เขาก็ขี่ได้เลย เขาก็ขี่ได้ ทรงตัวได้ คันนั้นขาถึง แต่พอมาเปลี่ยนเป็นคันนี้ปุ๊บ ก็ขี่ได้เลย ไม่ต้องมาซ้อมอะไรเลย แต่เพียงแต่ว่าขาไม่ถึง เวลาจะจอดก็ต้องมีคนรอรับหน่อย
เรื่องรถน้องไม่ค่อยยาก เพราะว่าอยู่บ้านคือผมซื้อพวกรถจักรยาน รถพวกนั่นนี่ ให้เขาเล่นบ่อยครับ ตั้งแต่เล็กๆ เลยครับ เขาเป็นไวครับ
ตอนเด็กๆ เขาก็เดินเป็นเร็ว 10 เดือน 11 เดือนเขาก็เริ่มปั่นขาไถแล้วครับ พอประมาณขวบกว่า 2 ขวบ เขาก็เริ่มจักรยานปั่นครับ จากนั้นมา ก็เริ่มมาเรื่อย ให้เขาเล่นมาตลอดครับ ก็เป็นเด็กที่ชอบ เห็นพ่อทำอะไรก็อยากจะทำตาม”
แม้น้องกันต์จะใช้เวลาฝึกแค่แป๊บเดียวก็สามารถทรงตัว และขี่ได้เลย แต่ก็ยังมีอุปสรรคอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ ด้วยความที่ยังตัวเล็ก และขายังไม่ถึง จึงยังประคองรถด้วยตัวเองยังไม่ได้
“เป็นอุปสรรคครับ เป็นตรงที่ว่า เวลาเจอเลี้ยวแคบๆ น้องขาไม่ถึง เขาจะคอยล้ม เวลาไปเจอขี้เลนอะไรอย่างนี้ คือขาลงไม่ได้ก็จะล้มทันทีครับ เพราะว่าขาเขาไม่ถึง ไม่มีอะไรรองเวลารถมันเอียง รถมันเอนครับ เวลาไปแข่ง ยังเป็นรุ่นเด็กอยู่ ผมก็จะไปอยู่ จุดต่างๆ ที่คิดว่าน้องน่าจะล้มแน่ๆ ครับ”
ส่วนการฝึกนั้น เริ่มมาจากคุณพ่อฝึกให้ ควบคู่ไปกับการจ้างครูมืออาชีพ มาช่วยฝึกซ้อมให้กับน้องด้วย เพราะยอมรับว่าตัวเองเป็นเพียงมือสมัครเล่น และยังไม่ได้เก่งมากพอ ที่จะสอนลูกชายได้ทั้งหมด
“ก็ฝึกเองด้วย แล้วก็มีพวกนักแข่งมา ก็จะจ้างให้เขาสอนน้องอีกต่างหาก ก็ไม่ได้ประจำหรอกครับ ถ้าเขาว่าง เขาก็จะมาสอนให้ เป็นแชมป์ประเทศเนี่ยแหละครับ ครูเขาชื่อ วรรธนะ กัลยา แล้วก็ Supernext (กอบกานต์ กรอบเงิน)
เพราะว่าผมก็ยังไม่เก่งมากครับ ก็เลยต้องฝึกเอาพื้นฐาน เอาทักษะคร่าวๆ ให้น้องแกก่อน มันเหมือนเป็นเบสิกพื้นฐานครับ ถ้าท่าไม่ได้ มันก็จะเพี้ยนไปหลายๆ อย่าง ถ้าเริ่มแรกเขาจำผิด เขาก็จะจำผิดไปตลอดเลย”
คุณพ่อของนักบิดรุ่นจ๋ว ยังบอกอีกว่า เมื่อก่อนลองซ้อมแค่เล่นๆ แต่พอลูกชายบอกว่าอยากเป็นนักแข่ง ก็เริ่มหันมาจริงจัง และหลังเลิกเรียน ก็พยายามให้เขาซ้อมทุกวัน แต่ถ้าวันไหนที่ไม่ได้ซ้อม ลูกชายก็จะเอาจักรยานไปปั่นเล่นแทนรถวิบาก
“พอเขาอยากเป็นนักแข่ง ผมเอาเขาซ้อมทุกวันเลยครับ ถ้ามีเวลานะครับ ก็จะซ้อมทุกวันเลย ไม่อยากให้เขาห่างเลยครับ เพราะถ้าห่างไปปุ๊บ ก็จะขี่แบบเหมือนเด็กหัดใหม่เลยครับ
หลังเลิกเรียน คือถ้าไม่มีเวลามาที่สนาม ก็จะให้ขี่ลานดินแถวบ้าน อย่างน้อยเขาจับวันนึง สักครึ่งชั่วโมงก็ยังดีครับ ให้เขาคุ้นกับคันเร่ง ให้เขาคุ้นกับรถ ถ้าผมติดธุระหลายวัน เขาก็จะมีงอแงบ้างว่าเขาอยากไปขี่รถ หรือไม่เขาก็จะเอาจักรยานปั่นหน้าบ้านไม่เลิกเลย”
อย่างที่บอกว่า น้องกันต์นั้น เริ่มบิดคันเร่ง มาตั้งแต่วัยเพียง 4 ขวบ ซึ่งคุณพ่อของน้องเองก็บอกว่า น้องกันต์ น่าจะเริ่มฝึกเร็วกว่าเด็กคนอื่นด้วยซ้ำ
“สำหรับเด็กครับ ก็ถือว่าน้องเริ่มฝึกเร็วอยู่ครับ น้องเขาเริ่มเร็วกว่าปกติก็ว่าได้ครับ เร็วกว่าคนอื่นไหมผมก็ไม่แน่ใจนะ น่าจะเร็วกว่าคนอื่น เพราะว่าผมก็เพิ่งเข้าวงการไม่นาน ส่วนใหญ่ก็ 5 - 6 ขวบ ก็ขี่กันแล้วครับ แต่นี่น้องขี่ตั้งแต่ 4 ขวบปลายๆ ครับ”
ส่วนนักบิดรุ่นจิ๋ว เจ้าของไวรัลดัง ยังบอกกับเราอีกว่า ครั้งแรกที่ได้ลอง รู้สึกสนุกมาก ที่ได้ขับรถวิบากแบบนี้ และรู้สึกว่า ไม่ได้ยากเท่าไหร่
“มันตื่นเต้นมากกว่า ชอบครับ ชอบตอนขึ้นเนิน สนุกตอนขึ้นเนิน ไม่ยาก สนุกครับ”
เตรียมใจเพื่อความฝัน แม้จะกลัวลูกเจ็บ
แม้จะเตรียมใจ และรู้ว่าเป็นกีฬาที่ต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ กลัวลูกเจ็บหนัก แต่ก็เพื่อความฝันของลูกชายสุดที่รัก จึงอยากลองซัพพอร์ตให้เต็มที่
ซึ่งคุณพ่อได้เล่าว่า เรื่องอุบัติเหตุรถล้มมีให้เห็นอยู่ตลอด แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหนัก เพราะด้วยน้ำหนักของรถ และน้ำหนักของเด็ก จึงยังไม่ได้ล้มแรงมากนัก
“ก็มีอยู่ตลอดครับ ล่าสุดก็เพิ่งไปล้มที่สนามวังน้อยโมโตครอส แต่ยังไม่มีถึงขั้นหนักๆ ครับ มีแค่เต็มที่ก็คือมือซ้นอะไรประมาณนี้ครับ เป็นเรื่องปกติครับต้องทำใจ
ต้องได้เห็นลูกล้มแน่ครับ แต่เด็กมันไม่ได้ล้มแรง เขายังเด็กด้วย แล้วด้วยน้ำหนักด้วย มันยังไม่ได้ล้มแรงอะไรเยอะครับ ไอ้ตอนที่มันขึ้น มันไปดีๆ ก็รู้สึกสนุกล่ะครับ แต่เวลาเขามีอาการอย่างในคลิปนั่น ก็ใจแป้วเหมือนกันครับ
แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เล่นนะครับ เพราะว่ามันอันตรายครับ เพราะว่าตระกูลผมก็ไม่มีใครมาทางนี้เลย ผมก็เพิ่งมาเล่น แล้วตัวผมเองก็เพิ่งเคยขาหักไปแล้วรอบนึง แล้วทีนี้ พอเห็นน้องเขาชอบครับ ก็ไม่รู้จะห้ามเขายังไง ก็เลยลองสนับสนุนดูไป ก็คือมีพี่ๆ เขาบอกว่า น้องมีแวว ก็เลยลองดูสักตั้งนึงครับ
แต่เซฟตี้ต้องมี ก็จะมีไล่มาตั้งแต่หัวนะครับ ก็จะมีการ์ดคอ การ์ดศอก ถุงมือ แล้วก็การ์ดหน้าอก การ์ดเอว แล้วก็การ์ดเข่า แล้วก็รองเท้าครับ แล้วก็ชุดก็จะเป็นชุดเฉพาะของเขา ก็จะบรรเทาได้ระดับนึงครับ”
นอกจากชุดเซฟตี้ต่างๆ แล้ว ยังมีอุปกรณ์ระบบสื่อสารหูฟัง ที่ติดตัวไว้กับน้อง และคุณพ่อ ไว้สื่อสาร เพื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร จะได้เข้าไปช่วยได้ทัน
“สนามใหญ่ๆ ที่เขาให้เราประจำอยู่ในจุดที่เขาให้อยู่ แต่บางทีมันมองไม่ทั่วสนาม บางทีน้องหายไปในที่ลับตาอะไรอย่างนี้ครับ เราก็มองไม่เห็น บางทีเขาล้มอยู่ข้างในนั้น เราไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่มีหูฟัง เราก็จะได้แค่สังเกตการณ์อย่างเดียว ว่าลูกเราหายไปไหน ลูกเราออกมาช้าไหม อะไรยังไง ก็ต้องวิ่งเข้าไปดูครับ แต่ถ้ามีหูฟังเนี่ย พอล้มปุ๊บ เขาก็แหกปากเลยครับว่าเขาล้ม
มันเป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในพวกไบค์เกอร์อยู่แล้วครับ แต่ถ้าลงแข่งไทยแลนด์จริงๆ เขาจะไม่ให้ใช้ อันนี้จะใช้ได้ในเวลาซ้อมครับ สนามอื่นถ้าเป็นรายการเล็กๆ สนามเล็กๆ เขาไม่ได้ซีเรียสมาก เขาก็ให้ใช้ได้ครับ”
แม้จะบอกว่ากลัว เพราะเกิดอุบัติบ่อยครั้ง แต่หนูน้อยนักบิดใจสู้คนนี้ ก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า อยากสู้ต่อ เพราะอยากเป็นนักแข่งที่เก่ง เหมือนกับ พี่นีโม่-จิรัฐ วรรณลักษณ์ และอยากทำท่าเอียงรถแบบชำนาญ ได้เหมือนกับไอดอลคนเก่ง
“กลัว แต่สู้ต่อ อยากเป็นนักแข่งครับ ชอบพี่นีโม่”
สำหรับพี่นีโน่ ที่น้องกันต์ยกให้เป็นไอดอลนั้น คุณพ่อยังบอกอีกว่า เขาเก่ง แถมยังเท่อีกด้วย น้องกันต์เลยรู้สึกชื่นชอบไอดอลคนนี้มาก
“ชอบนีโม่ เพราะพี่นีโม่เขาเป็นนักแข่งเกรด A ครับ เป็นนักแข่งแนวหน้าของเมืองไทยเลยครับ เขาขี่เก่งครับ แล้วเขาเท่ น้องเลยชอบ”
นอกจากนี้ คุณพ่อยังบอกอีกว่า การให้ลูกแข่งรถ ไม่ได้มีแค่ความสนุก และความเสี่ยงอันตรายเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยฝึกวินัยในกับเขาอีกด้วย
“เขาเป็นคนที่รออะไรไม่ค่อยได้ เดี๋ยวนี้ก็จะรอได้ อย่างเมื่อก่อนอยากได้อะไรก็จะร้องเอาอย่างเดียว เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้น เหมือนกับผมตั้งกฏเกณฑ์ว่า ถ้าหนูทำได้อย่างนี้นะ พ่อถึงจะให้อย่างนี้หนูนะ ประมาณนั้นครับ ก็ทำให้เขาทำตามเพราะเข้าใจมากขึ้นว่า อ๋อทำอย่างนี้นะ เขาถึงจะได้อย่างนี้
เหมือนกับให้เขาได้มีวินัยในตัวเอง ได้มีระเบียบ เพราะว่าพอเริ่มพาเขามาเล่นตรงนี้ เขาเริ่มมีวินัย มีระเบียบ เริ่มเชื่อฟังอะไรหลายๆ อย่าง”
รางวัลบนคราบน้ำตา
สำหรับประสบการณ์ในการแข่งรถของหนูน้อยวัย 5 ขวบคนนี้ ก็เคยไปเปิดประสบการณ์มาแล้วถึง 3 สนามด้วยกัน แม้จะไม่ได้ชนะเลิศกลับมา แต่ก็ก็พอมีรางวัลปลอบใจติดไม้ติดมือกลับมาให้ชื่นใจอยู่บ้าง
แม้จะมีความหวังในทุกสนามที่ลงแข่ง แต่คุณพ่อเองก็บอกว่า ไม่ได้จะไปคาดหวังอะไรในตัวลูกขนาดนั้น เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อนาคตยังอีกไกล
“ก็มีความหวัง ก็คาดหวังนะครับ แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น ก็มีได้เป็นรางวัลปลอบใจครับ มันเป็นของเด็กน้อย ก็มีติดมาสนามนึง”
ซึ่งน้องกันต์ก็บอกว่า ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รางวัลปลอบใจ แต่แค่นี้ ก็รู้สึกดีใจแล้ว และก็อยากไปแข่งอีกเรื่อยๆ เพื่อฝึกประสบการณ์
“ดีใจครับ อยากไปแข่ง สนุกครับ”
สำหรับสนามแรกของน้องกันต์ ที่เคยได้ลองไปเปิดประสบการณ์ชิมลาง คุณพ่อช่วยเล่าให้ฟังว่า น้องกันต์ตื่นเต้นมาก แถมยังล้ม และร้องไห้ออกมาจากสนามอีกด้วย
“สนามแรกตื่นสนามครับ ขับไปได้รอบเดียวพอล้มก็ไม่เอาเลยครับ ร้องไห้ออกมา เด็กเป็นอย่างนี้ทุกคนครับ บางคนก็ไม่เอาเลยครับ เขาตื่นเต้น
สนามแรกเขาล้มปุ๊บ แล้วเขาก็ร้อง ร้องแล้วเขาก็ออก สนามแรกมันจะมี 2 โมโต พอล้มแล้วเขาไม่ขี่เลย เขาร้อง แล้วผมก็กลับมาบ้านมาคุยกันที่บ้าน ถ้าหนูอยากเป็นนักแข่ง แล้วอยากให้คุณจำภาพหนูที่ว่า หนูเป็นนักแข่ง หรือหนูไปที่หน้าเขตสตาร์ทแล้วหนูนั่งร้องไห้ เขาก็บอกว่า เขาอยากให้คนจำภาพเขาเป็นนักแข่ง พอสนามสองเขาก็เริ่มดีขึ้นครับ ก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็ไปต่อจนจบ
ถามว่ากลัวไหม ก็กลัวครับ ยังคิดกับตัวเองเลยว่า ถ้าวันนึงเขาล้ม แล้วเขาเป็นเยอะ นี่ผมยังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าจะให้เขาเลิกขี่หรือเปล่า เพราะล่าสุดที่ผ่านมา ที่เขาล้ม ผมก็ถามเขานะว่ากลัวไหม เขาจะเลิกขี่ไหม ก็ไม่ได้บังคับอะไรเขาครับ แต่เขาบอกว่าอยากขี่ต่อครับ ผมแล้วแต่เขาเลยครับ ผมไม่บังคับเขา
สนามล่าสุดล้มแรงครับ ลงมาด้วยความเร็วตอนปลายๆ เลย เป็นเพราะทางตรง แล้วเขาไปลงร่องล้อรถใหญ่ ของโมโตครอสคันใหญ่ครับ เขาไปลงเกือบครึ่งล้อเลยครับ แล้วมันก็ล็อกล้อสะบัดไปเลยครับ”
แม้หลายคนจะเข้ามาชื่นชอบความเก่ง ของลูกชายตัวเล็กแค่ไหน แต่ผู้เป็นพ่อ ก็ยังมองว่า น้องนั้นยังต้องฝึกอีกเยอะ และตอนนี้จะขี่ไปแค่ไหน ก็ยังเรียกว่าชำนาญยังไม่ได้ อีกอย่างคุณพ่อมองว่า การแข่งรถ ไม่ใช่แค่ใช้แรงแล้วบิดไปทำเท่านั้น ยังใช้ส่วนประกอบอีกหลายอย่าง เพื่อให้เก่งขึ้นไปอีก
“ยังไม่ชำนาญ ถ้าชำนาญจะไม่ใช่อย่างนี้ครับ ยังเพิ่งเริ่มครับ ต้องฝึกอีกหลายอย่างครับ ด้วยแรงเขาด้วย แรงเขายังไม่เยอะ ขาเขายังไม่ถึง การคิดการอ่านเขายังไม่มี หลายๆ อย่าง ต้องฝึกเขาไปเรื่อยๆ ครับ เพราะว่าขี่ในสนามมันไม่ใช้ความเร็วอย่างเดียว มันใช้ทุกอย่างเลย ใช้สมอง ใช้อะไรหลายอย่าง”
เป้าหมายแชมป์โลก
เมื่อถามถึงว่า เป้าหมายในอนาคต อยากเป็นนักแข่งทีมชาติไทยหรือไม่ หนุ่มน้อยนักบิดคนเก่ง ก็ตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า อยากเป็นนักแข่งทีมชาติไทย และอยากเป็นแชมป์โลกด้วย
“อยากเป็นแชมป์โลกครับ”
ส่วนที่หลายคนในโซเชียลฯ ที่เข้ามาแห่แซวน้องว่า อนาคตทีมชาติไทยนั้น คุณพ่อก็บอกว่า ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูน้องมากขนาดนี้
และยังบอกอีกว่า มีคนจำได้จากไวรัล และเข้ามาทักเยอะอยู่เหมือนกัน และก็หวังเหมือนกันว่า อนาคตอยากให้น้องอยู่ในทีมชาติไทย เพราะมีวางแผนไว้ว่า จะพาน้องเข้าไปเรียนกับโรงเรียนแข่งรถแบบจริงจัง ตอนช่วงปิดเทอม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่ลูกด้วยว่า จะชอบไปถึงวันไหน เพราะก็ไม่อยากไปบังคับ
“มีอยู่ครับ มีคนทักเยอะอยู่ครับเวลาไปสนาม มีคนจำได้อยู่ คนแซวอนาคตทีมชาติ ก็สาธุครับ ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ อยู่ที่ตัวเขาเลยครับ ถ้าใจเขารัก แล้วเขามีฝีมือในด้านนี้ ผมก็อยู่ข้างๆ เขา ก็ดันเขาไปเรื่อยๆ ครับ คือผมจะทำอะไร ผมจะถามลูกตลอด ชอบไหม โอเคไหม ไปไหม ให้เขาตัดสินใจเองเลยครับ
ก็ที่วางแผนไว้นะครับ ก็จะพาเข้าอะคาเดมี่ครับช่วงปิดเทอม ก็จะเป็นโรงเรียนสอนเกี่ยวกับรถโดยตรง แล้วก็จะพาเข้าไทยแลนด์อีกทีนึง
คำว่านักแข่งทีมชาติ ก็คือชนะของไทยแลนด์ เป็นแชมป์ของไทยแลนด์ ก็จะเป็นแชมป์ประเทศไทย ประมาณนี้ ก็ต้องมีการแข่งเก็บคะแนน 10 สนาม ดูท่า ดูความเร็ว แล้วก็เก็บคะแนนครับ แต่อันนี้ ผมก็ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดลึกๆ ครับ แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรนะครับเอาแค่ไปเก็บประสบการณ์ก่อน เพราะว่าน้องก็ยังเล็กอยู่ ยังไปสู้พวกพี่ๆ ไม่ได้ครับ”
นอกจากความชื่นชอบในการแข่งรถ คุณพ่อยังบอกอีกว่า น้อกันต์นั้น ถือเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องกีฬา ถ้ามีโอกาส ก็จะพาลูกออกไปทำกิจกรรมอยู่เสมอ
“จะเป็นกีฬาซะส่วนใหญ่ครับ จะเป็นสเก็ตบอร์ด โรลเลอร์เบลด อะไรอย่างนี้เขาเล่นหมดครับ เพราะว่าโรงเรียนของเขา ก็ไม่ได้เคร่งเรื่องเรียนมาก โรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ จะเป็นเน้นกิจกรรมซะส่วนใหญ่ ทุกวันนี้ร้องอยากเรียน กขคง อยากเรียน abc
พ่อแม่บางคนไม่กล้าเปิดใจ ถ้าฝึกเขาตั้งแต่เล็กๆ ผมก็ว่ามันดีนะครับ เด็กเขามีทักษะหลายๆ อย่าง แล้วเดี๋ยวนี้สมัยนี้มันมีครูฝึก ครูสอน มีเซฟตี้ มีอะไรดี มันไม่เหมือนสมัยก่อนครับ ก็ค่อนข้างที่จะปลอดภัยในระดับนึง ดีกว่าปล่อยให้เขาไปเล่นโทรศัพท์ แล้วเขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเราด้วยครับ มีอะไรได้ทำกับลูกด้วยครับ”
...หนุ่มน้อยนักบิดวัย 5 ขวบ โชว์ขับวิบาก เฟี้ยวตามรอยคุณพ่อ จนทำเอาถูกอกถูกใจชาวโซเชียลฯ...
>>> https://t.co/54xnHozNIk
.#ดาวtiktok #tiktoker #contentcreator #sirapat69 #superkan69 #นักแข่ง #นักบิด #โมโตครอส #นักบิดฟันน้ำนม #ท่าจีนเซอร์กิต pic.twitter.com/u4lqJeBuuJ— livestyle.official (@livestyletweet) December 16, 2023
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “Sirapat Superkan”
ขอบคุณสถานที่ : สนามท่าจีนเซอร์กิต
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **