แฉกล “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ปลอมเป็น “ตำรวจ” เกือบเชื่อเพราะ “สวมรอยอายัดบัญชี” กูรูเตือน “เดี๋ยวนี้เขาพัฒนา” ไม่ได้แค่โทรมาหลอกอย่างเดียวแล้ว!!
กลใหม่!! สวมรอยอายัดบัญชี
มาอีกแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รอบนี้ กลโกงใหม่ “สวมรอยอายัดบัญชี” เมื่อผู้ใช้TikTok “@tawanviewsomboons”แชร์ประสบการณ์ คนใกล้ตัวเกือบหลงกล แก๊งมิจฉาชีพ ที่มาแบบเหมือนจริงมาก
เขาเล่าว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มนี้โทรไปอายัดบัญชี ธนาคาร ผู้เสียหาย ซึ่งแอพพลิเคชั่นของธนาคาร ก็โดน ล็อกใช้งานไม่ได้จริงๆจากนั้น เหล่ามิจฉาชีพ ก็บอกว่า ผู้เสียหายมี คดีผิดกฎหมายฟอกเงิน
จากก็มีการ แอดไลน์ ที่มีรูปโปรไฟล์เป็น ตำรวจ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วก็มีการส่ง เอกสารที่ มีชื่อผู้เสียหาย พร้อมรูปบัญชีที่มีตราประทับว่า ถูกอายัดเป็นของกลาง เกี่ยวกับคดีฟอกเงิน ยิ่งทำให้ดูน่าเชื่อเข้าไปอีก
แต่หลักจากคุยกันอยู่รวม 2 ชั่วโมง ก็จับพิรุธได้ ทำให้ตัดสายทิ้งไป แต่ก็ยังไม่จบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ยังไม่ลดละยังคงโทรตื้ออีกหลายรอบ โชคที่ไหวตัวทัน จึงอย่าแชร์เรื่องนี้ เพื่อไม่ให้หลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพพวกนี้
หลังจากคลิปนี้ถูกแชร์ออกไป หลายคนต่างก็สงสัยว่า แก๊งมิจฉาชีพสามารถสวมรอย อายัดบัญชีธนาคารเราได้จริงๆหรือ?ทีมข่าวจึงต่อสายหา ดร.ปริญญา หอมเอนกประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัดผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยระบบไซเบอร์ว่ามันไปได้อย่างไร?
“เคสนี้มันน่าแปลก”ดร.ปริญญา อธิบายว่า จุดสำคัญของการโทรไปอายัดบัญชี หรือทำธุรกรรมอะไรก็แล้วแต่ คือ ทุกธนาคารจะต้องมี “การพิสูจน์ตัวตน” สมัยก่อนพวกคำถามจะเป็นอะไรง่ายอย่า วัน-เดือน-ปี เกิด หรือ เลขบัตรประชาชน แต่เดียวนี้ คำถามจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนมาก
“ฉะนั้น ผมยังไม่ปักใจเชื่อ 100% ว่า มันจะสามารถอายัดบัญชีได้ แต่ถามว่าเป็นไปได้ไหม เป็นไปได้ ถ้ารู้ข้อมูลเชิงลึกของเหยื่อ และรู้คำถามของธนาคารเหล่านั้นดี ก็เป็นไปได้ที่จะโทรไปอายัดบัญชี”
{ดร.ปริญญา หอมเอนก}
ดร.ปริญญา เสริมว่า การโทรไปสวมรอย แล้วอายัดบัญชี นั้นเป็นไปได้ เพราะเวลาโทรไปเขาไม่ตรวจสอบ เบอร์โทรศัพท์ ถ้าตอบคำถามถูก ก็สามารถทำธุรกรรมได้ แต่เป็นเรื่องที่ยากเพราะต้องรู้คำถามและข้อมูลเชิงลึกของเหยื่อ
แล้วมีการลวงข้อมูลของเหยื่อก่อนหน้านั้นล่ะ อาจจะทำให้ง่ายขึ้นหรือเปล่า?ดร.ปริญญา ตอบว่า “มันก็เป็นไปได้” แต่ลวงข้อมูลอะไรล่ะ
ข้อมูลส่วนบุคคล แบ่งเป็น 2 แบบ คือ 1“ข้อมูลปฐมภูมิ” พวก ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประชาชนซึ่งข้อมูลเหล่านี้ “มันรั่วออกไปเกือบหมดแล้ว” และถ้าคำถามเป็นเรื่องพวกนี้ “เรียบร้อยโดนแน่ๆ”
“ต้องเตือนคนทั่วไปว่า อย่าไปเชื่อ เวลาหน่วยงานรัฐโทรมา มาอ้างอิงว่ารู้ข้อมูลส่วนตัวเรา 4-5 ข้อที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้ เพราะว่าพวกนี้มันไม่เหลือแล้วครับ มันอาจรั่วจากไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งผมก็บอกไม่ได้อะนะ”
ข้อมูลแบบที่ 2 คือ “ทุติยภูมิ” ข้อมูลเชิงลึก ที่มีเฉพาะเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ ขับรถยี่ห้ออะไร เลือดกรุ๊ปอะไร เคยป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง ซึ่งข้อมูลที่ลึกมากๆ และธนาคารก็เปลี่ยนมาใช้ชุดคำถามแบบนี้กันหมดแล้ว
“ผมจะโทรยกเลิกบัตรเครดิตเนี่ย เขายังไม่ยอมยกเลิกให้ผมเลย เพราะผมตอบคำถามที่ 3 ผิด 1 2 ตอบถูก 3 ผิด ขอคำถามที่ 4 ไม่ได้ละ คือผิด 1 ใน 3 ไม่ได้ละ คุณต้องไปแสดงตัวที่ธนาคาร เพราะระบบไม่เชื่อแล้วว่าเราเป็นตัวจริง”
ไม่ได้แค่โทรมาหลอกแล้ว!!
กูรูด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจ อีกอย่างว่า ตอนนี้ แก๊งมิจฉาชีพ ไม่ได้แต่โทรมาหลอกอย่างเดียวแล้วแต่มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น “แล้วดูดเงินออกจากบัญชีได้”
และจากเมื่อก่อนเหยื่อส่วนใหญ่ที่พบ 100%มักเป็นระบบปฏิบัติการแบบ “Android” แต่เดียวนี้มันสามารถลงโปรแกรม บนระบบปฏิบัติการiOS ของiphoneได้ “ซึ่งไม่เคยมีการก่อน”
“ผมเจอคนที่ ใช้iphoneอันนี้คือมาในรูปแบบใหม่เลย คือมันจะให้ลงโปรแกรมที่เป็นBeta testของIOSก่อน ชื่อว่าTestFlightพอคุณลงโปรแกรมนี้ปุ๊ป โปรแกรมเถื่อนนอกAppStoreสามารถรันได้หมดเลย”
โดยการหลอกให้โหลดแอพพลิเคชั่น พวกนี้ก็จะเป็นหลอกเรื่อง การลงทุน แต่ต้องโหลดแอพฯ นี้มาก่อน จากนั้นก็จะดึงเข้ากลุ่มไลน์ แล้วก็จะมีการใช้ จิตวิทยาหมู่ โดยเหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่า คนทั้งหมดในกลุ่มนั้น คือแก๊งมิจฉาชีพ
“บัญชีคุณโดนล็อกแล้ว บัญชีคุณเกี่ยวกับยาเสพติด หรือคุณอาจเงินค่าภาษีคืน แต่คุณต้องลงแอพพลิเคชั่นก่อน เพื่อดูรายละเอียด มันก็เริ่มมาจากความ โลภกับความกลัว มีแค่ 2 อย่างนี้ครับ”
ดร.ย้ำว่า สิ่งที่น่ากลัวคือ ตอนนี้แก๊งเหล่านี้ พัฒนาถึงขั้น มีโปรแกรมเมอร์ที่สร้างแอพพลิเคชั่นให้ และสามารถลงได้ทั้งในiphoneและAndroid รวมถึงมีการใช้ “จิตวิทยาหมู่”อีกด้วย ตรงนี้ทำให้มันน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
แต่ตอนนี้ธนาคารแห่งชาติ ก็ออกกฎมาว่า เราสามารถโอนเงิน โดยไม่แสกนหน้า ได้วันละไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่ง ดร.ปริญญา แนะว่า เราควรไปตั้งค่าวงเงินในการโอนแต่ละวัน ให้ต่ำเข้าไว้ เพื่อจะได้ลดความเสียหายลงได้
“กฎหมายป้องกันบัญชีม้า” ที่สามารถบล็อกบัญชีได้ ถ้าเราไว้ตัวทัน ว่าเราโดนหลอก หรือเงินถูกดูดออกจากบัญชี สามารถโทรไปอายัดกับธนาคารตันทางได้ทันที สามารถระงับได้ 72 สูงสุดไม่เกิน 7วัน “แต่คุณต้องเร็วๆมากเลย”
“แต่ว่า จากประสบการณ์เนี่ย ก็ต้องภายใน 5-10 นาทีเท่านั้นเองนะ ไม่ถึงชั่วโมงต้องสั้นมากๆเลย เพราะว่า เวลาเงินโอนเข้าบัญชีมัน มันจะโอนออกจากบัญชีมันภายในเวลาแค่ นาทีเดียว”
ทั้งนี้ ดร. ยังบอกวิธี หากรู้ตัวว่าโดนหลอก หรือถูกดูดเงินในบัญชีไป คือ ขั้นแรกโทรไปอายัดบัญชีกับธนาคาร เราจะสามารถอายัดได้ 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ไป แจ้งความออนไลน์ ที่ “thai police online”แล้วโทรผสานที่สายด่วน “1441” (ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์)
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : TikTok “@tawanviewsomboons” ,www.goodbarber.com
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **