“ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายคนเราก็ต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เค้าบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”
เป็นช่วงเวลาที่ต้องส่งกำลังใจกองโตๆให้กับ "หมอกฤตไท" (นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล)คุณหมอหนุ่มวัย 29 ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ที่รู้จักกันในนาม "คุณหมอสู้ดิวะ"จากแฟนเพจ "สู้ดิวะ" ที่ตั้งใจตั้งขึ้นมาหลังรู้ตัวว่าเป็นโรคร้าย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คนนี้ ต่อสู้กับโรคร้ายอย่างไม่ย่อท้อ
จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้รู้เรื่องราวสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และทำให้ทุกคนเห็นค่าลมหายใจของตัวเอง
โดยเฉพาะความคืบหน้าล่าสุด ที่คุณหมอออกมาอัพเดตว่า เวลาบนโลกใบนี้ของเค้า คงเหลืออีกไม่มาก คาดว่าอาจจากไปช่วงกลางเดือนหน้า... และกว่าจะถึงวันนั้น จะพาทุกคนไปย้อนเส้นทางสุดยอดคนบันดาลใจคนนี้กัน
{หมอกฤตไท-นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล}
ย้อนกลับไปเดือน ต.ค.65 "หมอกฤตไท" กับวัย 28 เป็นช่วงชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงานที่กำลังไปได้สวย และกำลังจะสร้างครอบครัวกับคนรัก
แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องพังครืนลง เพราะเขาตรวจพบว่าเป็น “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย” ซึ่งเป็นระยะลุกลาม ที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกจนหายขาดได้
ทั้งที่ยังอายุน้อย เป็นคนรักสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่ และออกกำลังกายเป็นประจำ “กำลังบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน ก็ได้ตั๋วเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ใหญ่เฉยเลย สงสัยใช่ไหมครับ เพราะผมก็สงสัยเหมือนกัน”
คุณหมอหนุ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหนึ่งในสาเหตุที่สันนิษฐานกัน คาดว่าอาจเป็นเพราะภาวะฝุ่นพิษPM2.5 ที่เชียงใหม่
หลังจากที่เข้ารับการรักษา ทั้งการใช้เคมีบำบัดและการฉายแสง คุณหมอก็ตัดสินใจเปิดแฟนเพจ “สู้ดิวะ” เพื่อแบ่งปันเรื่องราวชีวิตและการต่อสู้กับโรคร้าย
ต่อมา ม.ค.66 อาการของเขาดีขึ้นมาก จนกลับไปออกกำลังกายได้แทบจะปกติ และสามารถกลับไปทำงานได้ พร้อมกับเริ่มวางแผนที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป
แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน ในเดือนต่อมา ผลการฉายแสงในสมองพบว่า ก้อนที่ฉายแสงยุบลง แต่พบก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมา 3 ก้อน และตรวจพบก้อนในสมองเพิ่ม รวมเป็น 13 ก้อน และมีอาการชักร่วมด้วย คุณหมอต้องรับการฉายแสงทั้งศีรษะเพื่อกำจัดเชื้อมะเร็ง
มาถึงเดือน เม.ย. รวมเวลา 6 เดือน หลังจากวันที่ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ผลการตรวจพบว่าก้อนที่ปอดขวายุบลงไปครึ่งหนึ่ง ก้อนเล็ก ๆ ที่ปอดซ้ายก็หายไปเกือบหมด ก้อนในสมองทุกก้อนยังอยู่ แต่ถือว่าสงบ ไม่มีการลุกลามไปยังอวัยวะอื่น
ระหว่างการรักษา คุณหมอ ได้ออกมาตั้งคำถามถึงเรื่อง “ฝุ่นPM2.5” ว่านี่เป็นความรับผิดชอบของประชาชนหรือ ที่ต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอก หลายคนก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ
คุณหมอมองว่า ความเหลื่อมล้ำของประเทศ ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องพื้นฐานคือ “อากาศหายใจ” ที่แสนจะสำคัญต่อชีวิตคน “เราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจจริงๆ เหรอ?”
“ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเรื่องฝุ่นควันนี่แหละ ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดครับ”
หลังจากนั้นผ่านมา 5 เดือน หมอกฤตไทบอกว่า เป็นช่วงเวลาที่ตัวโรคดุร้าย และไม่ใจดีเหมือน 6 เดือนแรกเลย ระหว่างนั้น คุณหมอได้รับคำถามจากจิตแพทย์ว่า “อะไรทำให้ยังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะ?” คำตอบของเค้าคือ “อยากเห็น ‘สู้ดิวะ’ ได้ตีพิมพ์”
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณหมอเขียนหนังสือ “สู้ดิวะ” ขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดบทเรียนของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และความหมายของการมีชีวิตอยู่ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
ในเดือนเดียวกันนี้ ก็มีอีกเรื่องที่น่ายินดี คุณหมอตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กับคนรัก ในเวลาต่อมาได้มีการแชร์วิดีโอโมเมนต์ในวันแต่งงาน ซึ่ง "พีม" ภรรยาคนสวย ก็ได้เผยความรู้สึกที่มีต่อหมอไทเอาไว้ จนทำเอาคนที่ได้ฟัง กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว
“พีมโชคดีมากๆ จริงๆ คือพี่ไทจะพูดตลอดเลยว่า เธอโชคร้ายหรือเปล่า เธอโชคร้ายหรือเปล่า พีมก็จะตอบพี่ไทเหมือนเดิมทุกครั้ง พีมโชคร้ายที่พีมไม่รู้ว่าพีมจะอยู่กับพี่ไทไปจนถึงเมื่อไหร่ พีมโชคร้ายแค่นั้นเลย
ที่เหลือ ตั้งแต่พีมคบพี่ไท พีมรู้สึกตลอดเวลาว่าพีมโชคดี ที่เจอคู่ชีวิตได้เร็วขนาดนี้ ไม่ว่าเรื่องมันจะไปทางไหน ไม่ว่าเรื่องมันจะจบยังไง ตอนนี้โชคดีที่สุดแล้วค่ะ”
และอย่างที่ได้บอกไว้ในตอนแรก ที่คุณหมอได้มาอัปเดตอาการล่าสุดว่า คงอยู่ได้อีกไม่นาน ทุกอย่างจบเร็วกว่าที่คิด เชื่อว่าเรื่องราวของหมอกฤตไท คงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน ไม่ย่อท้อต่อการสู้กับทุกอุปสรรค
และหลังจากนี้ ก็ขอให้คุณหมอ มีความสุขในทุกวันของการใช้ชีวิต จนกว่าจะพบกันใหม่อีกครั้ง...
และนี่คือหนึ่งในโควทจากหนังสือ “สู้ดิวะ” ที่หลายๆ คนหยิบมาแชร์ไว้เตือนใจว่า ให้เห็นคุณค่าชีวิตทุกวินาทีชีวิตที่ยังเหลืออยู่
“ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายคนเราก็ต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เค้าบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”
เรียบเรียง : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : นลธวัช กาญจนสุวรรณ์
พากย์เสียง : ดรงค์ ฤทธิปัญญา
ที่มา : แฟนเพจ "สู้ดิวะ" และเฟซบุ๊ก “Krittai Tanasombatkul”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **