พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง “น้องเพชร PettyRock” จากแชมป์โลกกีตาร์ตัวจิ๋ว วัย 7 ขวบ เตรียมโกอินเตอร์สู่ศิลปินค่ายเพลงระดับโลก ซึ่งมีคนเบื้องหลังผู้ดูแลวงดังระดับตำนานมาแล้วมากมาย อย่างที่หลายคนได้ยินแล้วต้องร้องอ๋อ “สู้จนได้มาขนาดนี้ ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว”
Rockstar ไทย ในค่ายเพลงระดับโลก!!
“หลังจากมีงานหรือว่าได้แชมป์จากต่างประเทศ เราก็ยังพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ พัฒนาฝีมือตัวเองต่อไป จนกระทั่งมีค่ายเพลง Riverman ได้ติดต่อมา Riverman เป็นบริษัทที่ดูแลศิลปินประมาณ 20 - 30 ปีได้แล้วค่ะ เขาจะช่วยสนับสนุนเรื่องการทำ MV การทำเพลง ออกอัลบั้ม หรือการรับงานจากต่างประเทศ เท่ากับว่าตอนนี้เราเป็นคนไทยคนเดียวในค่าย เท่าที่ดูจากโปรไฟล์หนูเด็กสุดค่ะ
รู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่เขาได้ทักมา เขาสนใจในตัวเรา พอเรานัดเจอกับเขา ปรากฏว่าเขาจริงจังมาก เห็นเขาบอกว่าหลังจากที่น้องชายเขาเปิดคลิปให้ดู เขาเห็นเด็กเอเชียที่เล่นกีตาร์ ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ชัด และสื่ออารมณ์ออกมาได้ดี เห็นเขาบอกเขาชอบรอยยิ้ม (ยิ้ม) เขาบอกมาแบบนี้ค่ะ”
“น้องเพชร - วิมลวัลย์ ทรายสถิตย์" หรือ “PettyRock” กล่าวกับทีมข่าว MGR Live ด้วยรอยยิ้ม
หลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่คลุกคลีในแวดวงดนตรี อาจจะคุ้นชื่อของสาวน้อยคนนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะเธอเคยสร้างชื่อเสียงระดับโลก กับการคว้าแชมป์โลกกีตาร์ไฟฟ้า บนเวที “World Championship of Performing Arts (WCOPA) 2017” จากสหรัฐอเมริกามาครอง ด้วยวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น
และวันนี้ สาวน้อยมือกีต้าร์ในวัย 13 ปี ก็ได้รับโอกาสสุดยิ่งใหญ่ เพราะ Riverman Management ค่ายเพลงจากประเทศอังกฤษ ที่มีอายุกว่า 3 ทศวรรษ นำโดย David Mcgregor McLean เซ็นสัญญาให้ น้องเพชร เป็นศิลปินไทยคนแรกของค่ายเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับ Riverman เคยเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกอย่าง Nirvana, Soundgarden, Smashing Pumpkins, Rage Against The Machine, The Foo Fighters และ Green Day
ในตอนนี้ค่ายเพลงดังกล่าว ก็ได้มาเป็นผู้จัดการวงดนตรี โดยมีศิลปินในสังกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Placebo, Bryan Ferry, Roxy Music, Deaf Havana, Wild Beasts, The Lafontaines, Alissa Janine Wollman
[ เซ็นสัญญาร่วมงานกับ “Riverman” ค่ายเพลงเก่าแก่ของอังกฤษ ]
“เราไม่เคยรู้จักทางคุณเดวิดมาก่อนเลย พอคุณเดวิดได้ติดต่อเข้ามา เราก็เริ่มศึกษาว่า Riverman คืออะไร เราก็ได้รู้ว่า Placebo วงที่เราชื่นชอบ เขาได้ทำการดูแลอยู่ ก็เลยตกใจมากเลยค่ะ
วง Placebo ถือว่าเป็นไอดอลได้เลยค่ะ เขาเป็นวงที่แนวมาก อีกคนนึงจะตัวเล็ก อีกคนนึงจะตัวสูง แต่งตัวใต้ตาดำๆ เท่าที่ฟังเพลงของเขามา เขาจะเป็นวงที่ไม่เน้น Solo กีตาร์ เขาก็ร้อง กระโดดแล้ว ก็ตีคอร์ดฉึบๆ อินเนอร์เขาดีมากเลยค่ะ การเล่นกีตาร์หนูว่ามันไม่สำคัญเท่าการเพอร์ฟอร์มให้คนเห็นถึงอารมณ์ แล้วทำให้เขาประทับใจในโชว์นั้นได้ค่ะ
(แสดงว่าก็มีสิทธิ์จะได้เจอวงที่เราชอบ?) ใช่ค่ะ เขาบอกว่าวงที่เราชอบ เช่น Placebo อาจจะได้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้เขาก่อน หรือว่าได้ทำเพลงร่วมกันเร็วๆ นี้ค่ะ
คุณเดวิดเขามีศิลปินในค่ายเยอะ เขาก็เอาเพลงจากศิลปินในค่าย เพลงเก่าๆ เพลงที่ยังไม่ได้ออก ได้ลองมาให้หนู Cover ก่อน ว่าโอเคไหม มีหลายเพลงเลยค่ะ เขาให้เราเลือกว่าจะเอาเพลงอะไรมา Cover
เดี๋ยวจะได้อัดในเดือนนี้ค่ะ ทำเพื่อที่จะปล่อยลง YouTube เลยเริ่มฝึกซ้อม ตอนนี้มีแพลนว่าจะไปโชว์ที่ต่างประเทศแล้วค่ะ จริงๆ หนูแค่อยากเป็นศิลปินที่มอบความสุขให้ทุกคน ไม่ว่าหนูจะอยู่ที่ไหน หนูก็อยากเป็นศิลปินเหมือนกันค่ะ”
แชมป์โลกกีต้าร์ฟันน้ำนม
สำหรับเส้นทางดนตรีของสาวน้อยคนนี้ เรียกได้ว่า กีตาร์ เป็นทั้งเครื่องดนตรีและเพื่อนซี้ ที่อยู่มาด้วยกันตั้งแต่จำความได้
“ตอนนั้นอายุประมาณ 4-5 ขวบ เริ่มเข้าสู่วงการดนตรีค่ะ แล้วทีนี้หนูเป็นโรคภูมิแพ้ เป็นไซนัสอักเสบ เป็นต่อมทอนซิลโต หนูป่วยบ่อยมาก ครูเลยให้หยุดเรียนไปก่อน เหมือนพักการเรียนนิดนึงค่ะ ช่วงนั้นว่างก็เลยเริ่มเล่นกีตาร์ค่ะ
(เล่นกีตาร์ครั้งแรก) รู้สึกเจ็บนิ้วค่ะ แต่ว่าเล่นไปก็สนุกค่ะ จำได้ว่าเพลงแรกที่เล่นเป็นเพลง Twinkle Twinkle Little Star แต่ว่าตอนนั้นเล่นผิด เจ็บนิ้วแล้วก็ร้องไห้ค่ะ ตอนนั้นเป็นกีตาร์ตัวสีชมพูเป็น Hello Kitty เป็นกีตาร์ไฟฟ้าค่ะ มันเป็นแค่กีตาร์ของเล่น แต่ว่าคุณพ่อเอามาโมให้มันใช้ได้จริง
นอกจากเล่นดนตรี ตอนนั้นไปเรียนยิมนาสติก เรียนเต้น หัดร้องเพลง หนูก็เคยลองเล่นเปียโน กลอง เบส แต่ว่าคุณพ่อเป็นครูสอนกีตาร์ ก็รู้สึกใกล้ชิดกับกีตาร์มากกว่าค่ะ”
[ ฉายแววศิลปินตัวน้อย ]
เบื้องหลังที่ทำให้น้องเพชรได้มาลองสัมผัสกับเครื่องดนตรีชิ้นนี้ ก็มาจาก “คุณพ่อต่อ - วินัย ทรายสถิตย์” ผู้เป็นทั้งพ่อและครูสอนกีตาร์ให้กับเธอ
“คุณพ่อไม่ได้ตั้ง schedule ค่ะ อย่างที่ว่าว่าตอนนั้นหนูว่างมาก เพิ่งเข้ากรุงเทพใหม่ๆ พอเข้าโรงเรียนไปเขาก็ให้พัก ว่างเหมือนเด็กไม่ได้ไปเรียนเลย แล้วไม่ได้จำกัดเวลาซ้อมด้วยค่ะ
แล้วหนูเองพอเริ่มเล่นกีตาร์แล้ว หนูไม่ได้อยากซ้อมขนาดนั้น เพราะว่าไม่มีเด็กคนไหนที่มานั่งแล้วก็ทำสิ่งสิ่งนั้นได้นานๆ ทำการบ้านก็นั่งทำไม่นาน สิ่งที่ทำได้นานๆ อย่างเดียวคือดูการ์ตูนค่ะ
หนูคิดว่าว่างจนซ้อมเยอะเองค่ะ เหมือนคาบเรียนเลยค่ะ วันนึงประมาณ 8 คาบ แต่ว่าพอโตมามันก็ไม่ขนาดนั้นแล้วค่ะ เพราะว่าเรามีเรียน เราไปเรียนได้แล้ว เราทำการบ้าน เรามีกิจกรรมโรงเรียน มันก็บีบเวลามากขึ้นค่ะ
หนูไม่ได้ฟิกซ์เวลาซ้อมเลยค่ะ เพราะว่าถ้าเราฟิกซ์ว่าวันนี้เราต้องซ้อมให้ได้ 5 ชั่วโมง แล้ววันใดวันนึงถ้าเราป่วย หรือว่าเราไม่สบายตัว หรือว่าเราไม่อยากซ้อม หรือว่าเราเครียดจากการเรียนมา
ถ้าเรายังซ้อม 5 ชั่วโมงมันก็เหมือนซ้อมแค่ 1 ชั่วโมง แต่ว่าอีก 4 ชั่วโมงไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย ก็เลยไม่ได้ฟิกซ์ค่ะว่าวันนึงเราต้องซ้อมกี่ชั่วโมง แต่ว่าเวลาเราซ้อมเราต้อง Alert มีประสิทธิภาพอยู่ตลอดค่ะ
ซ้อมจริงๆ มันไม่ต้องมีอินเนอร์ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่อินเลยหรือว่าเราไม่ไหวเลย หรือเราง่วงนึกสภาพเหมือนตอนที่เราเรียนแต่เราง่วง ก็เหมือนเราไม่ได้ทำอะไรเลย เหมือนนั่งเฉยๆ ถูกต้องไหมคะ”
จากวันแรกที่จับกีตาร์ เวลาผ่านไปไม่นาน กระทั่งหนูน้อยอายุได้ราว 7 ขวบ ก็ได้มีโอกาสก้าวสู่การแข่งขันระดับโลก รายการ World Championships of Performing Arts ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ว่ากันว่า เวทีนี้คือ การแข่งขันโอลิมปิก ด้านศิลปะการแสดง เลยทีเดียว
“ช่วง 5 ขวบหนูเล่นเฉยๆ เพราะว่าว่าง ที่ตัดสินใจว่าอยากจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพ ตั้งแต่ประมาณ 6-7 ขวบค่ะ มันเริ่มมีงาน คุณพ่อแจ้งมาว่ามันมีรายการต่างประเทศนะ คุณพ่อเลยให้ตั้งใจซ้อม
ตอนนั้นเป็นรายการ World Championships of Performing Arts ปี 2017 ประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นแข่งระดับอายุไม่เกิน 8 ปี ก็แข่งด้วยกันประมาณ 60 ประเทศทั่วโลกค่ะ เหมือนเป็นโอลิมปิกค่ะ แต่ว่าเป็นสำหรับ Performing Arts เขามีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี นักแสดง เต้น นักกีฬา จะได้แข่งรายการนี้หมดเลยค่ะ”
แต่เส้นทางสู่ชัยชนะก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นักดนตรีตัวน้อยต้องเจอเข้ากับอุปสรรคใหญ่ เพราะกีตาร์สุดรักที่ซุ่มซ้อมจนถนัดมือ หายไประหว่างการเดินทาง ...
“ตอนนั้นมีอุปสรรคนิดหน่อย ก็คือตอนที่กำลังจะไป อยู่ที่สนามบิน พอเราต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินอินชอน ที่ประเทศเกาหลี ช่วงนั้นก็ง่วงมาก เป็นเวลานานจะตี 5 ที่ไทย
เดินไปเดินมาก็ลืมกีตาร์ไว้ ตัวเล็กๆ คอเล็กกว่านี้ สำหรับเด็กโดยเฉพาะค่ะ แล้วเขาก็บอกว่าถ้าไม่ขึ้นจะตกเครื่องแล้วนะ ก็เลยยอมทิ้งกีตาร์ไปค่ะ แล้วก็ไปซื้อกีตาร์ตัวใหม่ เป็นตัวสีม่วง ESP แต่ว่ามันจะเป็นสเกลของผู้ใหญ่
ตอนที่เราต้องไปซื้อกีตาร์ตัวใหม่ เหลือเวลาซ้อมอีกประมาณ 2 วัน เพราะว่าไปที่นั่นเราไป 12 วัน แล้วทีนี้เขามีรายการให้แข่งหลายรายการค่ะ แล้วประเภทกีตาร์เป็นประเภทแรกๆ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาซ้อม ต้องซ้อมที่โรงแรมเอา
ก็รู้สึกใจเสียตั้งแต่ตอนที่หลังจากต่อเครื่องจากเกาหลีไปอเมริกา เพราะว่ากีตาร์ตัวที่เราซ้อมมา 1 ปีมันหาย เราเอาไว้ไหนไม่รู้ พอไปถึงอเมริกาเราได้สติ ไม่ร้องไห้ มันผ่านมาแล้ว แล้วเราต้องมาปรับตัวภายใน 2 วัน”
นอกจากจะต้องปรับตัวกับกีตาร์ใหม่ภายในเวลาเพียง 2 วัน น้องเพชรยังต้องต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขันอีกกว่า 60 ประเทศ แต่ในที่สุดเธอก็คว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ แถมยังกวาดเหรียญรางวัลกลับไทยมาแบบจุกๆ
“ตอนแรกหนูก็ใจเสียอยู่แล้วว่าไม่ได้รางวัลแน่เลย แต่ว่าพอไปถึง หนูเห็นสถานที่จริง หนูก็ต้องสู้ เพราะว่าคู่แข่งเราก็เยอะมาก มันจะต้องมีเกินครึ่งห้องแน่นอนที่คิดแบบเรา ที่ใจเสียหรือไม่มีกำลังใจ
เท่าที่เห็นมีผู้ใหญ่ด้วยนะคะ แต่ว่าเยาวชนจะเยอะกว่าค่ะ นอกจากการไปแข่งกีตาร์แล้ว หนูก็ลงแข่งร้องเพลง เต้น ยิมนาสติก รายการนี้เขามีหลายรายการ อยู่ที่ว่าเขาจะตั้งวันไว้ที่วันไหน ไป 12 วัน ไปทริป 2 วัน แล้วก็แข่ง 10 วัน
[ คว้าแชมป์โลกในวัยเพียง 7 ขวบ ]
ตื่นเต้นมากเลยนะคะ ยากด้วย ข้างในบรรยากาศค่อนข้างกดดัน เพราะว่ามีคู่แข่งรออยู่หลังเวที แล้วก็เป็นรายการระดับโลกรายการแรกเลยค่ะที่ได้ไป
ถ้าจำไม่ผิด 12 เหรียญนะคะ มีเหรียญเงิน 5 เหรียญทอง 1 โล่รางวัล 1 แล้วก็เหรียญทองแดงหนูไม่แน่ใจว่าได้เท่าไหร่ค่ะ (ยิ้ม) ได้จากการร้องเพลง การเต้น แล้วก็เล่นกีตาร์ค่ะ เขาจะให้เป็นเหรียญเลยว่า ที่เขาให้เรามาเพราะเราทำอะไรให้เขาประทับใจได้บ้าง
แต่ว่าเหรียญที่น่าภูมิใจที่สุด คือเหรียญที่ยืนยันว่าเราไปทำงานที่ประเทศเขาได้ จากการเล่นกีตาร์ ออกซิงเกิ้ล ออกอัลบั้ม โดยมีเหรียญยืนยันจากรายการ WCOPA World Championships of Performing Arts ค่ะ
จริงๆ ตอนที่ไปประกวด คิดว่าจะไปลองหาประสบการณ์ดู เพราะว่าจริงๆ ตอนแรกหนูมาจากแนวนางแบบค่ะ แต่ว่าพอเราว่าง เราก็มาเล่นกีตาร์ แล้วพอเราไปได้แชมป์ด้วยความว่างของเรา เราก็เลยคิดว่ามันใช่ทางของเราแล้วค่ะ ก็เลยอยากจะเป็นศิลปินต่อไปค่ะ”
“ไม่มีใครชอบแพ้ แต่ว่ามันก็ต้องเรียนรู้”
จากรางวัลระดับโลกที่ได้มา ทำให้สาวน้อยแชมป์โลกกีตาร์ มองเห็นตัวเองเส้นทางนักดนตรีอาชีพชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และยังมีผลงานมาให้แฟนคลับได้รับชมรับฟังกันอย่างต่อเนื่อง
“หลังจากนั้นเราพยายามหา Tournament แข่งค่ะ แต่พอหนูเริ่มอายุ 9-11 เราหาไม่ได้เลยเพราะว่าติดโควิด ก็เลยต้องมาหา Tournament ออนไลน์ แข่งในไทย แต่สามารถให้กรรมการทางต่างประเทศตัดสินได้
ในช่วงโควิด-19 ตอนนั้นก็เล่นกีตาร์อยู่เหมือนเดิมเลยค่ะด้วยความว่าง ว่างกว่าเดิมอีก ไม่ได้ไปโรงเรียนเลย เรียนออนไลน์อย่างเดียว อยู่บ้าน กิจกรรมที่ไหนเราไปไม่ได้ ส่วนใหญ่ตอนอยู่ที่บ้านหนูจะเล่นกีตาร์ค่ะ เล่นเพลง Cover หรือว่ามีกิจกรรมอะไรเราก็ถ่ายลงค่ะ ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ใน YouTube กับใน Page จะมีคลิปลงบ่อยมากเลยค่ะ
สามารถติดตามหนูได้ที่ YouTube และ Page “PettyRock” แล้วก็ Instagram กับ TikTok จะเป็น “pettyrock_pt” ก็จะออกผลงานมาเรื่อยๆ นะคะ แล้วก็จะมีเพลงที่ปล่อยออกมา เป็นการ Cover ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ปกติค่ะ รับงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หรือว่ามีวันธรรมดาบ้างก็จะรับเป็นช่วงเย็นหรือขาดเรียนครึ่งวันเอาบ้างค่ะ แต่ว่าตอนนี้ปิดเทอมอยู่ค่ะ”
[ Petty Rock in Concert” ]
และ ร็อกเกอร์สาว ก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับนักดนตรีชื่อดัง ทั้งในคอนเสิร์ตตัวเอง “Petty Rock in Concert” และเล่นเปิดหมวกร่วมกับวงดนตรีดังจากยุโรปอีกด้วย
“หนูเคยมีคอนเสิร์ตของหนูเอง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หนูได้จัดงานคอนเสิร์ตนี้ที่ The Odium ตอนนั้นหนูเลือกพี่โอ้ โอฬารค่ะ (โอฬาร พรหมใจ มือกีตาร์วง ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์)
หนูเชิญพี่โอ้มาเพราะว่าหนูชอบเพลงของเขาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไฟปรารถนา อย่าหยุดยั้ง อยากจะเล่นที่คอนเสิร์ตงานวันเกิดของตัวเอง คงจะดีมากๆ ถ้าพี่แกได้มาร่วมแจมด้วยกันค่ะ แล้วก็มาจริงๆ แล้วก็พี่เอก Blackhead แล้วก็มีศิลปินหลายๆ ท่านเลยค่ะ พวกเพื่อนๆ มาด้วยค่ะ
ตอนนั้นเป็นงานวันเกิดคอนเสิร์ตไม่ได้ใหญ่มากค่ะ ให้ญาติๆ และ FC ที่เขาสนับสนุนเรามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นครอบครัวทางฝั่งศิลปินด้วยค่ะ ตอนนั้นคนแค่ประมาณ 100 - 200 ค่ะ เป็นคอนเสิร์ตในโดมที่จำกัดคนค่ะ
แล้วครั้งหนึ่งที่หนูเคยไปเล่นเปิดหมวกที่ถนนข้าวสาร ก็ได้มีมือเบสของวง Booze & Glory ชวนมา Cover ของวง Motörhead ค่ะ”
[ ร่วมงานกับวง Booze & Glory ]
ส่วนเส้นทางการแข่งขัน เธอตระเวนกวาดรางวัลมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ก็คว้าแชมป์การบรรเลงกีตาร์ ในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จากรายการ Young Artist Music Contest 2022 และ รางวัลชนะเลิศจากการประกวด รายการ “บทเพลงเพื่อชาติและราชบัลลังก์” ประเภทวงดนตรี และรับเข้ารางวัลจากนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา
“ทางมหาวิทยาลัยมหิดลเขาจัดขึ้นมา ก็คือมีรุ่นมัธยมต้นกับมัธยมปลาย หนูได้แชมป์มัธยมต้นมา ตอนนั้นหนูอยู่ ม.1 ที่ได้แชมป์มาเป็นประเภทกีตาร์ Solo ค่ะ
แล้วก็ไปประกวดรายการ “บทเพลงเพื่อชาติและราชบัลลังก์” ของช่อง 5 ก็ได้แชมป์มาค่ะ เป็นรุ่นประถมถึงมัธยมต้นค่ะ วง Dsus6 เป็นวงที่เรารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่องานเดียวเลย หนูอยู่ ม. 2 เด็ก ม. 1 โตสุด ม.3 ไม่มีประถมค่ะ รายการนี้เพิ่งได้มาไม่ถึงเดือนค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีแพลนว่าเราจะไปต่อ เราแข่งงานไหน หรือว่าจะทำอะไรต่อ”
[ แชมป์รายการ “บทเพลงเพื่อชาติและราชบัลลังก์” กับ วง Dsus6 ]
น้องเพชรบอกกับทีมข่าวว่า ตัวเองเป็นคนที่ชอบการแข่งขัน แต่ไม่ชอบแพ้ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าเธอจะได้รับแต่ชัยชนะอย่างเดียว ความพ่ายแพ้ที่ได้รับ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้ต่อไป
“หนูคิดว่าการแข่งเป็นการเก็บ Portfolio ในการยื่นเข้าโรงเรียนหรือว่าการพรีเซนต์ สมมติว่าเราอยากจะเข้าค่าย เรายื่น Portfolio ให้เขาไปพิจารณาว่าเราทำอันนี้อันนี้มา ถ้ามีรายการไหนที่เราพร้อมแข่ง ที่เราว่างเราก็จะแข่งค่ะ
หนูก็ชอบการแข่งขันนะคะ แต่ว่าหนูไม่ชอบแพ้ จริงๆ ไม่มีใครชอบแพ้หรอก แต่ว่ามันก็ต้องเรียนรู้ค่ะ เพราะว่าแพ้-ชนะมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราเข้ามาอยู่ในวงการการแข่งขัน
จะว่าไปหนูแพ้มากกว่าชนะอีกนะคะ ตอนเด็กๆ หนูแพ้รวดเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเดินแบบ พ่อหนูเคยบอกว่าหนูเป็นคนแก้มหนัก เวลาเดินเขาชอบถามคำถาม แล้วหนูก็ตอบไม่รู้เรื่องค่ะ
ถ้าเป็นกีตาร์ส่วนใหญ่ก็ได้แชมป์ค่ะ แต่ติดที่ตรงพูดไม่ชัดอย่างเดียวเลยค่ะ ตอนเด็กๆ คุณพ่อบอกว่าหนูเพิ่งจะมาพูดชัดตอน 4 ขวบ แล้วหนูก็เดินช้าด้วย อาจจะเป็นอุปสรรคค่ะ พอโตมามันก็มีแชมป์บ้างค่ะ
คุณพ่อก็ชอบบอกว่าเป็นประสบการณ์ค่ะ เปิดประสบการณ์ โตไปเราอาจจะได้แชมป์ เราอาจจะไม่ประหม่า เราอาจจะเจอคู่แข่งคนที่เราเคยเจอหน้าเดิมๆ ก็จริงค่ะ เราเจอคู่แข่งที่เราเคยแข่งกับเขามาแล้ว ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ”
ความสำเร็จที่ได้มาเพราะ “พรแสวง”
มาถึงเรื่องแนวเพลงที่ชื่นชอบกันบ้าง ศิลปินวัย 13 ปีคนนี้เล่าว่า ชื่นชอบดนตรีแนว Rock เป็นพิเศษ เพราะสามารถทำให้ทุกคนสนุกไปด้วยกันได้
“หนูเป็นคนฟังเพลงได้ทุกแนวเลยค่ะ แต่ว่าหนูเล่นกีตาร์แล้วรู้สึกว่าถ้าเล่นกับเพลง Rock Metal Hardcore หนูจะถนัดมือมากกว่า ความรู้สึกแนวอื่น Blues Jazz อะไรอย่างนี้ มันให้ความรู้สึกชิล คลาสสิค บางทีมันก็มีไม่ชิลตรงที่คนฟังชิลแต่คนเล่นไม่ชิลด้วย (หัวเราะ)
แต่ว่าเพลง Rock มันให้ความรู้สึกมัน ถ้าเปิดในงานคนที่ไม่ชอบ Rock แต่อยู่ด้วยกันหลายคน พอเขาโยกมาคนนึงก็จะมัน แล้วก็จะสนุกตามค่ะ แต่ว่าเสียอย่างนึงเล่นแค่ไม่กี่เพลงก็เหนื่อยแล้วค่ะ
หนูเป็นคนที่ดูคอนเสิร์ตสดไม่บ่อยค่ะ ส่วนใหญ่หนูดูแต่ในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่หนูไม่ค่อยได้ไปคอนเสิร์ต ก็ติดงานค่ะหรือว่าบางทีซื้อตั๋วไม่ทัน ตั๋วแพง มีหมดเลยค่ะ ถึงแม้ว่าหนูไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตสดๆ ของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการถ่ายแล้วเอามาโพสต์ทีหลัง ก็ทำให้หนูสนุกตามเขาไปได้ค่ะ”
ส่วนการเติมไฟให้ตัวเอง ก็คือการเสพผลงานของศิลปินที่เป็นไอดอล เพื่อนำเทคนิคดีๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง
“ทุกวันนี้เติม Inspire ให้กับตัวเอง เช่น ดูมือกีตาร์ที่เขาเก่งกว่าเรา ดูศิลปินที่เขาอินเนอร์ดี ทรงพลังออกมาได้ดี ดูคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว หรือว่าคนที่เขาเป็นไอดอลเราค่ะ
มือกีตาร์ที่เป็นไอดอลของหนูมีหลายคนมากเลยค่ะ อาทิเช่น Stevie Ray Vaughan, Steve Vai เขาจะมาไทยปลายเดือนนี้ค่ะ แล้วก็ Vinnie Moore เหมือนเขาเคยพูดถึงหนูในคอนเสิร์ตของเขา ที่ว่าเด็กอายุ 7 ปี เล่นเพลงของเขาประเทศไทย พี่เอก Blackhead เขาก็เลยแชร์มาให้ เขาพูดถึงเรา
ตอนนั้นหนูเล่นเพลง Morning Star ของ Vinnie Moore เนื่องจากเป็นวันเกิดของหนูค่ะ หลังจากที่คลิปเป็นไวรัลที่ต่างประเทศ เขาก็เริ่มพูดถึงหนูในคอนเสิร์ตของเขา
ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากเลยค่ะ เขาพูดถึงเราด้วยเหรอ แล้วก็มีออกข่าวเขาพูดถึงเด็กไทย บางสำนักก็ไม่ได้บอกว่าเขาพูดถึงใคร แต่ว่าบางสำนักก็บอกว่าอาจจะหมายถึงเราค่ะเพราะว่าเขาไม่ได้ไม่ได้พูดชื่อ”
แม้ในวันนี้ฝีมือของสาวน้อยแชมป์โลกกีตาร์ จะเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มองว่าความสำเร็จที่ได้มา ไม่ได้มาจากพรสวรรค์ หากแต่มาจากพรแสวง ที่ต้องอาศัยการฝึกซ้อมและแรงสนับสนุนจากครอบครัว
[ “ครอบครัวทรายสถิตย์” กำลังใจของน้องเพชร ]
“หนูคิดว่าพรสวรรค์เหมือนให้มาแค่การร้องเพลงเข้าคีย์ ตรงจังหวะ เห็นคุณพ่อบอกว่าหนูเริ่มร้องเพลงได้เร็ว แต่หนูพูดช้าเพราะว่าแก้มหนูหนัก แต่ว่าหนูฝึกกีตาร์ไม่น่าจะเป็นพรสวรรค์นะคะ เพราะว่ากว่าหนูเล่นได้ก็ใช้เวลานาน เหมือนที่คนปกติเริ่มเล่นกีตาร์เลยค่ะ
คิดว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นอัจฉริยะด้านกีตาร์ หนูคิดว่าหนูยังไม่อัจฉริยะ ก็มี Inspiration ค่ะ การดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ตัวเองชอบ แล้วก็ครอบครัวด้วยค่ะ ครอบครัวหนูเป็นครอบครัวที่รักดนตรี สนับสนุนทางด้านดนตรี แล้วหนูก็เป็นลูกคนแรกด้วยก็เลยได้เริ่มก่อนน้องๆ ค่ะ
แต่ว่ามันก็มีอีกหลายองค์ประกอบเลยนะคะ เพราะว่าถ้าหนูไม่ป่วย หนูอาจจะไม่ได้เล่นกีตาร์เหมือนกัน ตอนเด็กๆ ถ้าหนูไม่ได้เป็นไซนัส หนูก็คงไม่ได้หยุดเรียนแล้วมาเล่นกีตาร์แล้วก็สำเร็จได้ขนาดนี้ค่ะ
คิดว่าคนที่เป็นศิลปิน จะต้องมีคุณสมบัติที่ดึงคนดูได้เอนเตอร์เทน การส่งสายตา การอินเนอร์ Acting แล้วก็การพูดเราต้องด้นสดได้ เพราะไม่รู้ว่าไปถึงหน้าเวทีแล้วจะเจออะไรบ้าง แล้วก็การเล่น เราต้องซ้อมเยอะๆ เล่นไม่หลุด ข้อนี้เป็นข้อที่หนูรู้สึกว่าต้องปรับปรุงค่ะ เพราะว่าบางทีบางงานหนูก็มีหลุดบ้างเล่นผิดบ้าง”
อย่ากดดันตัวเอง ถ้าสักวันความฝันจะเปลี่ยน
สำหรับการฮีลใจตัวเองในช่วงเวลาที่ท้อ ชีวิตนอกสตูดิโอทำเพลง เธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมมีช่วงที่เหนื่อยหนักบ้างเป็นธรรมดา วิธีจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นคือการพัก หายเหนื่อยเมื่อไหร่ค่อยลุกขึ้นสู้ต่อ
“หนูคิดว่าถ้าใครเลือกเดินเส้นทางไหน มันก็ต้องมีทุกคนค่ะ หนูคิดว่าเรามุ่งทางนี้แล้ว เราก็ต้องเครียดบ้าง เพราะว่ามีหลายอย่างให้ต้องจำ เราเล่นหลายเพลง ไม่ได้เล่นเพลงเดียว
เราฮีลตัวเองขึ้นมาได้โดยมีวิธีการพักค่ะ เราไม่จำเป็นต้องเล่นตลอด เราไม่จำเป็นต้องซ้อมทั้งวันทั้งคืน เราก็ทำอะไรที่เราอยากทำบ้าง นั่งวาดรูป นั่งกินขนมชิลๆ ค่ะ เหมือนเด็กคนนึงเลย
แต่มันก็มีบางทีที่ต้องปั่นเพลงเพื่อที่จะไปออกงาน มันก็มีบ้างค่ะ ช่วงเวลาที่ต้องเครียด มันไม่มีหรอกงานที่เรามีความสุขตลอด มันก็ต้องสลับกันไป แต่ว่ามีความสุขมากกว่า”
Passion เรื่องท้อ เรื่องเหนื่อย มีงานเข้ามาเยอะ มี Tournament แข่งก็มีค่ะ แต่ว่าหนูคิดว่าเราเลือกเดินทางนี้แล้ว การที่มีเหนื่อยหรือว่าท้อ แน่นอนมันมีอยู่แล้ว
หนูคิดว่าหนูสู้มันไหวค่ะ สู้มาจนได้เข้าไปในการดูแลของ Riverman แล้ว สู้จนได้มาขนาดนี้แล้ว โตมา เล่นกีตาร์มาเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียแล้วค่ะ เราต้องสู้ต่อไป”
และแม้จะขึ้นเวทีและทำการแสดงมานับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่ น้องเพชร ยังต้องต่อสู้กับตัวเองก็คือ ความขี้อาย
“จริงๆ หนูก็ชอบเต้นนะคะ หนูรักการแสดง หนูชอบศิลปะมากเลยค่ะ ก็เคยคิดว่าอยากจะ K-POP เหมือนกัน เพื่อนๆ ที่โรงเรียน ตอนนั้นอยู่สารสาสน์ก็จับกลุ่มเต้นกันก็มีบ้างค่ะ แต่ตอนนี้แยกย้ายกันแล้ว
เราลองหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นกีฬา ยิมนาสติก แบดมินตัน ว่ายน้ำ ดนตรีก็มี กีตาร์ เบส กลอง เปียโน ไวโอลิน เรื่องศิลปะก็เคยลองเรียนวาดรูปแล้ว เต้น K-POP Jazz Dance Hip Hop มาหมดเลยค่ะ
แต่ว่าจริงๆ หนูขี้อายมาก หนูติดขี้อาย หนูเจอใครครั้งแรกหนูไม่พูดอะไรเลย แต่ว่าหนูเป็นคนชอบทางนี้นะคะ มันขัดมากเลย จะว่าไปหนูต้องค่อยๆ แก้ไขค่ะ
คุณพ่อปลูกฝังให้หนูไม่เป็นคนขี้อายมาตั้งแต่เด็ก งานแรกที่หนูไปร้องเพลงตอน 3 ขวบ หนูก็หันหันหลังเข้าหาเวทีแล้วก็ร้องไห้ค่ะ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย แค่ไม่พูด ไม่เต้น แต่ว่าขึ้นเวที หนูก็เลยอยากแก้ไขค่ะ เพราะว่าถ้าวันใดวันหนึ่งที่เราต้องเป็นศิลปิน ต้องเป็นดารานักแสดง เราอายแบบนี้มันไม่ได้ค่ะ”
เมื่อถามถึงความฝัน แน่นอนว่าในอนาคต เธออยากเป็นศิลปินที่มีความสามารถและชื่อเสียงระดับโลก เหมือนอย่าง Taylor Swift และ ลิซ่า BLACKPINK
“ตอนเด็กๆ หนูอยากเป็น Beyonce เป็นนักร้อง เป็นแดนซ์เซอร์ที่เต้นเก่ง ร้องเพลงเก่ง Performance ดี มีวง Female band ที่เป็นวง Back up เป็นผู้หญิงล้วน เขาจะมีสไตล์ที่คล้ายๆ Michael Jackson ค่ะ
แต่ว่าพอโตมาเรารู้สึกว่าเราเล่นกีตาร์ได้ด้วย เราก็เลยคิดภาพตัวเองไว้ว่าอยากจะเป็น Beyonce เหมือนเดิม แต่ว่ามีความเป็น Orianthi ซึ่งเขาเป็นมือกีตาร์เหมือนกัน ที่นี้ก็เลยนึกภาพตัวเองออกมาเป็น Taylor Swift ที่ทั้งเล่น ทั้งร้องด้วย
ต่อไปที่วาดฝันเอาไว้ ตอนนี้หนูอยากจะเป็นศิลปินที่มีเพลงติดหูทุกคน เหมือน พี่ลิซ่า (ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK) เขาเป็นคนไทยที่โกอินเตอร์ไปถึงระดับโลกแล้วก็สำเร็จด้วยค่ะ หนูอยากจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองค่ะ หนูอยากมีคอนเสิร์ตที่มีคนดูเยอะๆ ค่ะ”
สุดท้ายนี้ มือกีตาร์วัย 13 ปี ทิ้งท้ายถึงเรื่องความฝันไว้ให้ชวนคิดตาม แม้ว่าในวันนี้เธอจะยังอยากเป็นศิลปิน แต่ว่าอนาคตคือความไม่แน่นอน น้องเพชรจึงเผื่อใจไว้เสมอ หากวันนึงอาจจะไม่ถึงฝั่งฝันที่ตั้งเป้าไว้
“เราไม่ได้กดดันตัวเอง จริงๆ มีคนถามด้วยนะคะว่าถ้าโตไปแล้ว หนูไม่ได้เป็นศิลปินอย่างที่หวัง หนูจะมีงานอะไรรองรับไหม หรือว่าหนูจะยอมรับได้ไหมที่หนูไม่ได้เป็น
หนูก็ตั้งคำถามกับตัวเองตอนนั้นหนูก็ยังตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้หนูตอบได้แล้วค่ะว่าถ้าหนูไม่ได้เป็นศิลปิน หนูก็มีความรู้ทางด้านดนตรี หนูสอนดนตรีได้ หนูวาดรูปได้ หนูร้องเพลงได้
เผื่อใจเอาไว้แล้ว เพราะว่ามันเป็นไปได้หมดค่ะ หนูไม่รู้เหมือนกันว่าหนูโตไปความฝันหนูจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า เพราะว่าตอนเด็กๆ จนถึงตอนนี้ ความฝันบางอย่างหนูก็เปลี่ยนไปแล้ว แล้วถ้าตอนนี้จนถึงวัยทำงานของหนูมันอีกยาวไกลมาก ก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ค่ะ”
สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “PettyRock”, “The Odeum Bangkok”, อินสตาแกรม @pettyrock_pt, TikTok @pettyrock_pt และยูทูบ "PettyRock"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **