หยิบกล้องส่องเซียน!! “ดา - ดลธิดา” เซียนพระคนดังสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี พิสูจน์ตัวเอง 11 ปี กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ศรัทธา-ศึกษา-พยายาม ก้าวข้ามคำสบประมาท “เซียนพระผู้หญิง”
ห้อยพระหลวงปู่โต๊ะ ตั้งแต่จำความได้
หญิงสาวเจ้าของบุคลิกมาดมั่นและน้ำเสียงฉะฉาน ผู้นั่งอยู่ตรงหน้าทีมข่าวคือ “ดา - ดลธิดา บารมีฝนหลวง” สาวสวยวัย 31 ปี
หากให้ลองทายเล่นๆ ว่าเธอคนนี้ทำอาชีพอะไร คงเดาไม่ถูกแน่นอน เพราะเธอคือ “เซียนพระเครื่องสายหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี” ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มาแล้วกว่า 11 ปี
และยังเป็นเจ้าของแฟนเพจ “DM หลวงปู่โต๊ะ” ที่มีผู้ติดตามถึง 1.8 แสนคน
ในฐานะ “ผู้หญิง” ที่เลือกทางเดินในวงการพระเครื่อง ดา ต้องฝ่าฟันคำสบประมาทต่างๆ และพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก กว่าจะถึงวันที่ที่ชื่อของ “ดา DM หลวงปู่โต๊ะ” จะเป็นที่ประจักษ์และถูกยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อะไรที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้ มาความรู้จักเซียนพระหญิงคนนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน ตามบรรทัดต่อจากนี้ ...
“เราเห็นคุณพ่อทำงานอยู่ในวงการพระเครื่อง ตั้งแต่ที่เราจำความได้ดีกว่า คุณพ่อก็ถือว่าเป็นกรรมการหลวงปู่โต๊ะในยุคนั้นเลย ตั้งเแต่ปี พ.ศ.2535
พอดาเกิด คุณพ่อก็นำพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะมาให้ดาห้อย เป็นพระปรกมะขาม จะมีตะกรุดเล็กๆ เป็นตะกรุดสาริกา เราเพิ่งมาเห็นตอนที่กลับไปดูรูป เรามาเริ่มศึกษาพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะแล้ว ตกใจ ก็เลยส่งไปถามคุณพ่อว่า ‘อ้าวป๊า น้องดาห้อยพระอะไร’ เขาก็บอก ‘ห้อยหลวงปู่โต๊ะ’ เราก็เลยยิ่งมีแรงศรัทธามากขึ้น ในการเข้ามาศึกษาและยึดถือเป็นอาชีพค่ะ
สมัยดาเรียนหนังสือ ม.ต้น - ปวช. เวลาปิดเทอมคุณพ่อก็จะให้มาเฝ้าร้านที่พญาไม้ ให้วันละ 200-300 คุณพ่ออยากให้เราเข้ามาเริ่มศึกษาพระ ตอนที่เราเรียนจบ บอกว่าถ้าเราเป็นเงินเดือน 15,000-17,000 ในยุคสมัยนั้น 10 ปีที่แล้วก็ไม่เหลือแล้ว ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ก็ไม่ต้องให้พ่อ ให้แม่แล้ว คุณพ่อก็เลยบอก ลองมาศึกษาพระ”
แม้เธอจะเรียนจบด้านการตลาดมา แต่ความคิดเรื่องทำงานประจำกลับไม่ได้อยู่ในตัวเลือกแรกๆ เพราะหัวใจในตอนนั้นเบนเข็มไป 2 ทางคือ จะขายเครื่องสำอางหรือจะหันมาศึกษาพระเครื่อง อย่างที่ผู้เป็นพ่อแนะนำ
[ ห้อยพระปรกใบมะขามและตะกรุดสาริกา ตั้งแต่แบเบาะ ]
“ดาจบการตลาด ตอนนั้นดาได้ธนาคารหลายที่ ได้ SC ASSET เป็นเซลล์ขายบ้าน Boulevard แต่ก่อนทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เราเปิดแผงเครื่องสำอาง ตลาดนัดริมถนน ตรงพุทธมณฑลสายสอง หลังเลิกเรียนแบกของไปขาย บอกแม่เลิกขายอาหารตามสั่งเลย เราส่งตัวเองเรียน ออกรถ Vios ขับรถไปเรียนตั้งแต่สมัยมหา’ลัยปี 3
ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องงานประจำ คิดถึงเรื่องเราจะเลิกขายเครื่องสำอางหรือหันมาศึกษาพระเลย ตอนแรกดาทำ 2 อย่าง สุดท้ายได้คำตอบตรงที่คุณพ่อมาพูดประโยคนึงว่า ถ้าดาทำ 2 อย่าง เหยียบเรือสองแคม ดาจะทำได้ไม่ดีเลยสักอย่าง
จึงตัดสินใจเลิกขายเครื่องสำอาง และเข้ามาศึกษาพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะอย่างเต็มตัว เข้าไปกราบหลวงปู่ ที่วัดประดู่ฉิมพลี ฝากตัวเป็นศิษย์ บอกหลวงปู่ว่า ‘หลวงปู่ หนูอยากยึดถืออาชีพนี้เป็นอาชีพ อยากมีรายได้ อยากมีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่’
และที่สำคัญคือให้เวลาตัวเอง 3 เดือน เพราะตอนนั้นดาก็ยังไม่รู้ว่าเราจะชอบหรือเราจะไม่ชอบ ขอ 3 เดือน ถ้าไม่ใช่ก็จะไปทำงานประจำ สุดท้ายตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 11 ปีแล้ว (ยิ้ม)”
[ ดา เมื่อครั้งยังเป็นมือใหม่ในวงการ ]
ด้วยความที่คนในครอบครัวทั้งคุณพ่อและพี่ชาย อยู่ในแวดวงพระเครื่องมาก่อน ดาจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ในการดูพระเครื่องมาจากทั้งคู่
“ตอนแรกพูดตรงๆ ว่าจับทางไม่ถูกเลย เราก็ไม่รู้เราจะเลือกเล่นเกจิไหน เพราะว่าพระในประเทศไทย เกจิที่ยอดนิยมเยอะมาก เราเลยเริ่มจากเกจิที่คุณพ่อศรัทธา พี่ชายศรัทธา
ต้องบอกเลยเรามีพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะแท้ๆ เยอะมาก จึงทำให้เราดูจนชินตา เรารู้จุดดูอยู่แล้วจึงทำให้เราแยกเก๊-แท้ไม่ยาก และดารู้เฉลยข้อสอบแล้ว คุณพ่อก็จะบอกว่า จัมโบ้ 2 จุดจ่ายตังค์ จุดดูอยู่ตรงไหน ปิดตามหาเสน่ห์ จุดดูอยู่ตรงไหน
ตอนนั้นเราก็เริ่มมีรายได้ แต่รายได้ของเราไม่ใช่เกิดจากที่เราหาพระเอง เกิดจากพี่ชายป้อนของให้ พ่อซื้อหน้าตู้แบ่งพระให้ เราก็มองว่าถ้าเราทำอย่างนั้นเราคงยึดถือเป็นอาชีพไม่ได้ เราก็จะมัวแต่ต้องคอยพึ่งคุณพ่อ พึ่งพี่ชายตลอดเวลา
สุดท้ายเราก็เลยต้องมาเปิดตู้เป็นของตัวเอง เผื่อมีของเข้าหน้าร้าน ได้ซื้อ ได้ขายหน้าร้านของตัวเอง สถานที่แรกที่เปิดก็คือที่สนามพระเครื่องวงเวียนเล็ก ที่พญาไม้เหมือนกันค่ะ”
การออกไปลงสนามจริง อย่างตลาดพระเครื่อง และงานประกวดพระเครื่องต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งการสะสมทักษะและวินัยให้กับตนเอง
“3 เดือนนั้นเรามัวแต่ไปอ่านในหนังสือ ว่าพระรุ่นนี้ชื่ออะไร สร้างปีอะไร สร้างกี่องค์ สุดท้ายแล้วคุณพ่อมาบอกจะหาเงินได้ไม่ได้อยู่ในตำรา ต้องออกไปเดินสนามจริง ดูพระองค์จริงบ่อยๆ ส่วนข้อมูลเนื้อหาค่อยมาเพิ่มเติมความรู้ในภายหลังได้
ตรงจุดที่ยากคือการดูแท้-เก๊ แล้วสิ่งที่ยากกว่านั้นคือการตีราคา เพราะว่าพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะมีเก๊ตั้งแต่สมัยก่อน และราคาเป็นราคาตลาดเพราะเป็นเกจิยอดนิยม คนส่วนใหญ่รู้ราคาหมด จะหาราคาหลุด ราคาตกควายไม่มีแน่นอนแน่นอน
ถ้าไปเดินตามงานประกวด ก็จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ตี 4 เพื่อให้ไปถึงงานประกวดนั้น อย่างเช่นงานประกวดสามพราน งานประกวดแจ้งวัฒนะ เราจะต้องไปให้เร็วที่สุด เพราะว่าคนที่เล่นสายหลวงปู่โต๊ะมีเยอะมาก
ถ้าเราไปช้า คนอื่นซื้อไปหมดแล้ว เราต้องไปให้เร็ว วินัยต้องมี และที่สำคัญห้ามประมาท บรรยากาศจะมืดๆ ครึ้มๆ นึกออกใช่มั้ยคะ ฟ้าสาง ตาเราจะพลาดได้ง่ายมาก เพราะว่าการซื้อแผงลอยแบบนั้นไม่มีการรับประกัน เก๊คือเก๊ แท้ก็คือได้”
[ พาตัวเองออกไปหาประสบการณ์ ]
ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยและปัจจัยต่างๆ แน่นอนว่า คนที่เพิ่งเข้าวงการพระเครื่องหมาดๆ ในตอนนั้นอย่างดา ย่อมเคยเจอเข้ากับ “พระเก๊” จนเจ็บตัวไปหลายหมื่นบาท ก็มี
“ถามว่าเคยโดนเก๊ จากการไปเดินสนามพระแบบนี้มั้ย เคยค่ะ บางทีตอนเราซื้อเราไม่รู้หรอก แต่พอเราถึงบ้านแล้วกลับมาเช็ก ซื้อที 10 -20 องค์ บางองค์โดนอุดซ่อมก็มี บางองค์โดนเก๊ก็มี การโดนแบบนี้ไม่มีการรับประกันเลยค่ะ
ถ้าองค์ที่แพงที่สุดก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000 และปัญหาของดาในตอนนั้นคือเราไม่ได้มีเงินทุนเยอะ เงินทุนเราจากขายเครื่องสำอางมามีแสนกว่าบาท เราไม่ได้มีเงินทุนมากที่จะสามารถเล่นพระหลักๆ พระแพงๆ ได้เหมือนคนอื่น
เราเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็กๆ เริ่มจากพระหลักพัน หลักหมื่น แล้วก็ค่อยๆ ต่อยอดขยับขึ้นมาเรื่อยๆ จากมีพระ 5 องค์เป็น 10 องค์ 20 เป็น 30 ความฝันของเราไม่ใช่แค่อยากรวย อยากมาทำเป็นอาชีพ อยากมีเงินเยอะๆ ไม่ใช่เลย
หลวงปู่มรณภาพปี 24 พระเริ่มสร้าง 21 - 23 สมัยคุณพ่อดาถือว่าเป็นพระใหม่ในยุคนั้น ปัจจุบันหลวงปู่โต๊ะดาว่า น่าจะติด TOP 5 ของประเทศไทย ถือว่าขึ้นเป็นเกจิยอดนิยม ไม่ได้เกิดจากการปั่นราคา ไม่ได้เกิดจากเซียนมาช่วยกันผลักดัน ทุกอย่างเกิดจากปากต่อปากและระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ วงการพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะแข็งแกร่งมาก ยิ่งศรัทธายิ่งได้
สิ่งที่เราต้องการคือเราต้องการเผยแผ่บารมีหลวงปู่ และอีกประเด็นคือเราต้องการมีพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะสะสมเยอะๆ เพราะเราเริ่มจากความศรัทธาก่อนมาเป็นอันดับแรกค่ะ”
YouTube พาแจ้งเกิด
“ในตอนนั้นจุดที่เราต้องตัดสินใจ เพราะถ้าเรายังอยู่ในร่มเงาตรงนั้น เราก็จะเป็นลูกของเฮียแมว เป็นน้องของพี่บอย จึงทำให้ไม่มีใครจำเราในชื่อ “DM หลวงปู่โต๊ะ” ใช้เวลาศึกษาอยู่นานกว่าเราจะรู้สึกว่าชำนาญ และสามารถบินเดี่ยวได้ก็ 3 ปี”
กว่าที่เธอจะสะสมวิชาจนสามารถยืนหยัดได้ด้วยขาของตนเอง ก็ใช้เวลาถึง 3 ปี กระทั่งชื่อของเซียนพระสาวผู้นี้ จะกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการทำ YouTube ช่อง “DM หลวงปู่โต๊ะ”
“เราก็ตัดสินใจเลยว่าเราจะแยกออกมาทำเองนะ ออกมาสร้างเพจไลฟ์ขายเป็นของตัวเอง ช่วงนั้นก็เป็นช่วงในยุคโควิดด้วย หน้าร้านถูกปิด มันคือจุดที่เราจะต้องเปลี่ยนแล้ว เราจึงเลือกที่จะมาทำ YouTube ช่อง “DM หลวงปู่โต๊ะ” เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเรามีความรู้ทางด้านพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ เราสามารถซื้อจริง จบจริง
ทำออกไปเป็นคลิปเรียลๆ ถ้าพี่ๆ FC ไปย้อนดู ถือกล้องเอง นั่งมอเตอร์ไซค์ไปถ่าย เซลฟี่บนรถ หรือบางครั้งเราไม่มีทีมงาน เป็นการเช่าพระก็เป็นการปุบปับไปเลย ใช้ลูกค้าถ่ายก็มี (หัวเราะ) มาเริ่มทำตรงนี้จึงทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็เลยทำให้เป็นการต่อยอดมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 4-5 ปีแล้วที่ทำช่อง
จุดโควิดตรงนั้นแล้วคุณไม่เปลี่ยน ดาบอกเลย บางธุรกิจตายจริงๆ ในยุคนั้น ดาเริ่มตั้งแต่แรกๆ ถือว่าเป็นผู้หญิงคนแรกๆ เลยมั้งที่มาทำ YouTube เซลฟี่เช่าพระ ขายพระ
ถามว่ามีมั้ยที่เป็นผู้หญิงแล้วอยู่ในวงการพระเครื่อง มีอยู่แล้วค่ะ แต่เขาอาจจะยังไม่ได้เปิดเผยทางโลกโซเชียลฯ แต่เรามีจุดเปลี่ยน เราเริ่มทำตั้งแต่ยุคแรกๆ จึงทำให้ติดตลาดเร็วมาก คนก็ติดตามเยอะ แล้วก็สามารถเปิดรับโฆษณาได้ทาง YouTube ตั้งแต่แค่ 5 ep”
ถามว่า หากใครที่อยากจะเช่าหรือขายพระเครื่องสักองค์ แต่ด้วยมูลค่าที่สูงพอสมควร จำเป็นไหมกับการไปเลือกดูเองที่หน้าร้าน ซึ่ง “DM หลวงปู่โต๊ะ” ให้คำตอบว่า หน้าร้านจำเป็นต้องมีเพื่อความน่าเชื่อถือ มาควบคู่กับช่องทางออนไลน์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทุกคน
“ในยุคแรกๆ ที่ดายังไม่ได้ทำโซเชียลฯ ก็จะเป็นการที่ไปเดินตามพันธุ์ทิพย์ สายใต้ใหม่ ตามงานประกวด ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด แต่พอเรามาทำ YouTube จุดเปลี่ยนคือ เหมือนเราไปนำเสนอตัวเองถึงบ้านทุกๆ คน ว่าถ้าคุณมีพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ คุณนำมาขายเราสิ เราจะเดินทางไปหาคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่จังหวัดไหน
กับการที่เราเดินไปเช่าตามแผงพระต่างๆ ปรับเปลี่ยนค่ะ เป็นการที่เราขับรถไปเช่าตามพระบ้านแทน จากการส่งรูปผ่าน LINE ส่งรูปผ่านเพจ ดาดูคร่าวๆ แท้ คุยราคากันแล้วไปเช่า คุยเบ็ดเสร็จ จบ ไม่มีการรับประกัน รับเงินสดปุ๊บคุณสามารถใช้เงินได้เลย เรารับผิดชอบตัวเอง
ยุคปัจจุบันนี้ดาบอกเลยโลกมันเปลี่ยนแล้ว การที่มารับหน้าร้านมีมั้ย มี หน้าร้านต้องมีเพื่อความน่าเชื่อถือ ส่วนใหญ่ส่งไปรษณีย์เป็นหลัก ส่งทั่วประเทศ บางคนเป็นคนไทยที่อยู่ต่างประเทศก็มี หรือชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่มาเก็บพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะก็มีเช่นกัน”
ในส่วนของคอนเทนท์ที่ได้เห็นกันใน YouTube ช่อง “DM หลวงปู่โต๊ะ” เซียนพระสาวผู้นี้เล่าว่า ส่วนใหญ่จะถ่ายทำกันสดๆ ไม่มีสคริปต์ ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย
“การวางตัวการทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือก็สำคัญ แต่ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่ดาเป็น ดาไม่ใช่การสร้างภาพ เราเป็นตัวของตัวเอง ถ้าพี่ๆ FC ไปดูส่วนใหญ่แล้วคลิปของดาวจะเป็น reality คลิปสดๆ ไม่มีเตี๊ยมกับลูกค้า ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะ… แป๊บนึงนะขอติดไมค์แล้วก็สดเลย เป็นการขายตัวตนของเรามากกว่า เราไม่ใช่ผู้หญิงที่ปากหวาน อ่อนหวาน เราเป็นคนตรงไปตรงมา
YouTube ของดา ส่วนใหญ่ลูกค้ามาหน้าร้าน ให้เด็กที่ร้านถือกล้องถ่ายกันสดๆ เราไปเช่าพระ ขออนุญาตถ่ายได้มั้ยคะ ส่วนใหญ่ไม่ได้นะ ไม่ใช่คนส่วนมากให้ถ่าย เพราะบางคนการที่นำพระมาปล่อยบางคนเขาก็เขิน บางคนก็ไม่สะดวก กลัวคนเห็น กลัวคนรู้จัก การทำรายการ reality ก็ค่อนข้างที่จะยากเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้โทร.ไปนัด ได้คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่เป็นไร
เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ก็มีพี่หลายท่านที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่อยู่ในวงการ อยากแนะนำให้เราไปออกรายการนั้น รายการนี้ ดาไม่ไปเพราะดาบอกว่า ถ้าวันเวลามาถึง สิ่งที่เราทำมีคนเห็น เดี๋ยวช่องรายการต่างๆ จะเข้ามาหาเราเอง
(ก่อนจะมาทำ YouTube ) เหมือนรู้จักแค่ในวงการ ไปเดินตามสนามพระ งานประกวด น้องดาที่เล่นหลวงปู่โต๊ะ แต่ไม่ได้มีชื่อเสียงในวงกว้าง แต่การทำโซเชียลฯ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศอะไรก็สามารถดูเราได้ผ่านหน้าจอมือถือ”
พิสูจน์ตัวเองในฐานะ “เซียนพระผู้หญิง”
แม้ทุกวันนี้ชื่อของ “ดา DM หลวงปู่โต๊ะ” กลายเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ตลอดการเดินทางกว่า 11 ปีผ่านมา ไม่เพียงแค่ต้องฝึกฝนตนเองให้เชี่ยวชาญในฐานะ “เซียนพระ” เธอยังต้องฝ่าฟันขวากหนามคำดูถูกมากมาย เพียงเพราะเป็น “ผู้หญิง” ในวงการ
“เราจะไม่พูดถึงผู้หญิงที่เล่นพระใหม่ ผู้หญิงที่เล่นพระใหม่มีเยอะมาก แต่ถ้าเล่นพระเก่าที่เลือกสายที่เป็นเกจิ ในมุมมองดา ยุคนั้นโลกมันไม่ได้เปิดกว้าง มีน้อยนับคนได้ เดาว่าไม่เกิน 10 คน ที่พิสูจน์ตัวเองมีชื่อเสียง
ยุคก่อนที่โดนคนบูลลี่ เล่นแต่พระย่อยๆ เล่นแต่พระหลักพัน หลักหมื่นเหรอ กว่าเราจะทลายกำแพงตรงนั้น ยากมาก การทำให้ลูกค้ายอมรับก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การทำให้ทุกคนที่เป็นผู้ชาย เซียนใหญ่ๆ ในวงการพระเครื่องยอมรับ ดาว่ายากกว่า
จุดที่เราโดนบูลลี่ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง นั่นก็คือเราเล่นพระย่อย แต่จะให้เราทำยังไง ในเมื่อเราไม่ได้มีนายทุน เราไม่ได้มีทุนมากเหมือนใครใคร แล้วเราอายุเพียง 21 ความน่าเชื่อถือแล้วแทบไม่มีเลย เราอยู่มา เราเข้าใจ สมมติคนจะมาซื้อพระราคาหลักแสนกับเรา ยังเป็นวัยรุ่น แถมยังเป็นผู้หญิงอีก
‘ดูเองจริงหรือเปล่า’ ‘แฟนดูหรือเปล่า’ ‘พ่อดูหรือเปล่า’ ‘พี่ดูหรือเปล่า’มันกลายเป็นคำถามที่ตอนนั้นตอบจนร้องไห้ยังมีเลย เมื่อไหร่เราจะก้าวผ่านจุดนี้ เราจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ไม่เกิดคำถามเหล่านี้อีก
การทำโซเชียลฯนี่แหละค่ะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเลย จากการที่ทุกคนเห็น ว่าดาเดินออกไปซื้อพระเองและนำกลับมาไลฟ์ขายเอง นั่นเลยทำให้ไม่มีใครกล้าถามได้อีกเลย ว่าพ่อเล่นเหรอ แฟนเล่นเหรอ พี่ชายเล่นหรือเปล่า ไม่มีแล้วในตอนนี้”
ไม่เพียงแค่เจอคำดูถูกจากคนในวงการเดียวกัน เพราะเธอยังเจอกับความคิดเห็นด้านลบ จากคนภายนอกที่มีอคติกับ “อาชีพเซียนพระ” อีกด้วย
“พวกคอมเมนต์แย่ๆ คอมเมนต์เชิงลบ ที่บูลลี่เราเป็นผู้หญิง หรือบูลลี่อาชีพเซียนพระ แรกๆ เราค่อนข้างที่จะ sensitive เสียใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา จนปัจจุบันนี้คำตอบที่เราได้ เราเปลี่ยนความคิดของคนอื่นไม่ได้ เราไม่สามารถทำให้คนทั้งโลกมาชอบเราได้ หรือเห็นคุณค่าในอาชีพของเรา หรือเห็นคุณค่าในตัวเราได้ แต่เราเพียงทำเราให้ดีที่สุด
ดาอ่านทุกคอมเมนต์เลย แต่ดาเก็บไว้แก้ไข เก็บไว้พัฒนาตัวเอง เขาไม่ผิดที่เขาจะรู้สึกแบบนั้น เขาไม่ผิดที่เขาจะแสดงความคิดเห็นแบบนั้น แต่เราจัดการความรู้สึกตัวเองดีกว่า ถึงเราจะเปลี่ยนเขาไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งเลยเรามีความสุขมากขึ้น
ดาว่าการอยู่ในวงการพระมีความเครียดนะคะ คนส่วนใหญ่ไม่ใช่ทุกคน จะบูลลี่คำว่าเซียนพระ ด้วยการที่ยึดติดกับเซียนพระยุคก่อน การหลอกลวงคน อาชีพสีเทา ฟอกเงิน ทุกวันนี้ใน YouTube ก็ยังมีคนมาคอมเมนต์แบบนั้น
แต่ดาจะบอกว่าจริงๆ แล้วอาชีพเซียนพระในปัจจุบันนี้ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อาจจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี อยากให้เปิดใจยอมรับมันมากกว่า ว่าทุกอาชีพมีคุณค่าในตัวเอง มีความรู้ มีความสามารถในแต่ละหลากหลายอาชีพ
บางคนบอกว่าเดี๋ยวนี้ดาเป็นเซียนพระใหญ่แล้ว ดาขออนุญาตว่าไม่ถึงขนาดนั้น ไม่อยากให้เรียกดาว่าเป็นเซียนพระ ให้คิดถึงดาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ ที่สามารถให้ความรู้หรือแนะนำพี่ๆ ทุกท่านที่สนใจได้ดีกว่าค่ะ”
สำหรับแรงผลักดัน ที่พาให้มาถึงวันนี้ได้ ดาให้คำตอบว่า อยู่ที่การเอาชนะตัวเองล้วนๆ
“ถ้ามีทุนจะไม่เหนื่อยมากขนาดนี้ แค่มีเงินทุน คุณไปเดินพันทิพย์ คุณซื้อพระเซียน A B C เหมือนแสดงตัวออกไป แป๊บเดียวก็เป็นที่รู้จัก แต่ในยุคดาไม่ใช่ ดาไม่มีเงินทุน เราต้องไปเดินแบบนั้นอยู่นานหลายปีกว่าเราจะสะสม เก็บหอมรอมริบ ค่อยๆ พัฒนาจากพระหลักพัน หลักหมื่น เป็นหลักแสน และหลักล้าน จนมาเป็น DM หลวงปู่โต๊ะทุกวันนี้ ไม่ง่ายเลย
แรงผลักดันจริงๆ น่าจะเป็นการต่อสู้และเอาชนะกับตัวเองมากกว่า คำพูดของทุกคนดาไม่ได้จำแล้วว่าใครจะพูดกับเราว่ายังไง บูลลี่เราว่ายังไง เรารู้เพียงว่าทุกวันนี้เราทำทุกวันให้ดี
ทำไปเรื่อยๆ โลกหมุนไปทางไหนเราหมุนไปตามโลก พัฒนาตัวเอง พัฒนาองค์กรไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่ได้อยากจะขึ้นเป็นที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ที่สี่ เราเพียงแค่มีความสุขกับงานที่เรารักทำทุกๆ วันให้มันดี แล้วก็มีความสุขจริงๆ
เพราะการเก็บพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะตอนนี้ ดาบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ไม่ว่าจะวงการไหน วงการเพชร วงการมวย หรือจะเป็นวงการบันเทิง ก็เข้ามาศึกษาและเก็บพระเครื่องกันมากขึ้น”
รักษามาตรฐาน เช็กผ่านมือทุกองค์
ใน 1 วันของเซียนพระสาวผู้นี้ หากไม่ได้ภารกิจดูพระนอกสถานที่ เธอก็จะประจำการอยู่ที่ร้าน DM หลวงปู่โต๊ะ ไอคอนสยาม ชั้น UG เพื่อรอต้อนรับลูกค้าที่แวะเวียนมาด้วยตนเอง
“กิจวัตรประจำวัน เราก็จะเข้ามาที่ร้านที่ไอคอนสยามที่เดียว คนส่วนใหญ่เขาก็อยากจะเอามาขายกับเราโดยตรง สามารถนำพระมาให้เราดูได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย เราตีราคาให้เป็นองค์ ไม่มีตีเหมา ในปีหน้ามีโปรเจ็กต์ไปเปิดเป็นสตูฯของตัวเองค่ะ
รวมถึงการไปเช่าพระนอกสถานที่ด้วย ดาไม่มีเด็กไปนะ ดายังทำเหมือนเดิมในวันแรกๆ ดาเดินทางไปเช่าเอง ไม่ว่าจะเป็นหลักพัน หลักหมื่น หลักล้าน ดาไปเองทุกที่ ขนาดคนโทร.มา เชื่อมั้ยว่าวันนึง 40-50 สาย บางวันพีคๆ เป็น 100 สายก็มี ‘คุณดาดูพระให้หน่อย’ ‘คุณดาแอด LINE ยังไงแอดไม่เป็น’ ทุกวันนี้ดายังรับสายเองอยู่เลย
คนที่โทร.เข้ามา บางคนเป็น FC บางคนเขาก็อยากคุยกับเราโดยตรง ไม่ได้ผ่านเลขา ไม่ได้ผ่านผู้ช่วย นี่คือจุดที่ดายังรักษาคุณภาพตรงนั้นไว้อยู่ ถึงเรามีตรงนั้นเราจะเหนื่อยน้อยลง แต่ถ้ามองในมุมของลูกค้าด้วย เขาก็อยากที่จะเจอเราจริงๆ โทร.คุยกับเราจริงๆ ซื้อจริงหรือเปล่า อะไรแบบนี้
อีกหนึ่งอย่าง นอกจากการซื้อ-ขายพระแล้ว ดายังสร้างเหรียญรุ่น “บารมีหลวงปู่โต๊ะ” และนำเงินถวายให้กับวัดถ้ำสิงห์โตทอง 1,000,000 บาท แล้วตอนนี้เป็นโปรเจ็คต์พิเศษ ในปีนี้เราสร้าง “ตะกรุดหลวงปู่โต๊ะ เวสสุวรรณ 9 เกจิมหาตำนาน” เป็นการปลุกเสก 9 วาระ นำเงินช่วยสมทบทุนสร้างศาลาเอนกประสงค์ ที่วัดถ้ำสิงห์โตทองเหมือนเดิมค่ะ”
[ ถวายปัจจัย 1,000,000 บาท จัดสร้างพระหลวงปู่โต๊ะ ]
เมื่อให้ ดา แบ่งปันประสบการณ์ที่ประทับใจที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของลูกค้า ที่เคยรับพระจาก ‘มือ’ ของหลวงปู่โต๊ะด้วยตนเอง
“มีหลายเคสมากที่เรารู้สึกประทับใจ มองเป็นภาพรวมองค์ที่เราชอบแล้วกัน ส่วนใหญ่พอเราได้เริ่มเช่าพระบ้าน พระบ้านจะมีที่มาที่ดี พระองค์นั้นอาจจะไม่แพง อาจจะสวยและไม่สวย แต่ที่มาคือเขารับเองจากมือหลวงปู่จริงๆ เขาแชร์ประสบการณ์ว่าในยุคสมัยนั้นเขาไปเช่าที่วัดแล้วเป็นยังไง
นี่คือฟังจากหลายท่านมากๆ เวลามาทำบุญที่วัด ก่อนที่หลวงปู่จะให้พร จะพรมน้ำมนต์ หลวงปู่จะหยิบจากย่ามมาให้ โดยที่ไม่รู้รุ่นที่หยิบให้ บางคนได้จัมโบ้ 1 บางคนได้รูปเหมือนใบโพธิ์ จันทร์ลอย แตกต่างกันออกไป
และอีกหนึ่งเคสที่ประทับใจ จะเป็นคุณลุงท่านหนึ่งที่รับตะกรุดจากหลวงปู่ เป็นดอกยาวประมาณนี้ (ทำมือประมาณ 1 คืบ) เป็นเนื้อทองแดง เพราะคุณลุงบอกว่าหลวงปู่ก่อนที่จะยื่นให้ ท่านเจิมที่หน้าผากให้ ซึ่งบอกเลยหายากมาก สมัยก่อนยิ่งยาวยิ่งแพง แต่ในยุคนี้พอยาว คนอาจจะมองห้อยยาก ใช้ยาก หรือเก็บรักษายาก แต่ดอกนั้นดาก็เลยยังเก็บไว้ถึงตอนนี้
และมีอีก 1 เคสเมื่อไม่นานมานี้ คุณลุงอายุ 80 ที่เป็นตะกรุดเหมือนกัน เขาเรียกว่าตะกรุดจันทร์เพ็ญ ดาไม่เคยได้ยินมาก่อน 5 ดอกเป็นตะกั่วแบนหมดเลย ตะกรุดจันทร์เพ็ญก็คือการที่นำตะกรุดเข้าอีก 1 พิธี เพื่อที่จะหลอมทำพระหรือนำใส่วัตถุมงคลต่างๆ อีกหนึ่งไอเท็มนี้ดาก็ยังเก็บไว้อยู่เลย”
[ ที่สุดของรุ่น “พระปิดตาจัมโบ้ 1 เนื้อใบลาน” ]
และอีกเรื่องราวที่เธออยากแบ่งปัน คือประสบการณ์การเช่าพระที่มูลค่าสูงที่สุดของตนเอง ในสมัยที่เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน
“ดาอยากจะพูดถึงการที่ดาได้ซื้อพระที่แพงที่สุดในตอนนั้นบ้างดีกว่า ก็คือพระปิดตาจัมโบ้ 1น่าจะมาจากต่างจังหวัด ดาขับรถไปเช่าที่เซ็นทรัลเวสต์เกต องค์นี้ตอนนั้น 500,000 ตื่นเต้นนะ ด้วยความที่เราไม่เคยซื้อพระองค์เดียวในราคา 500,000 ตอนนั้นมีเงินทุนแค่ประมาณล้านกว่าบาท ถ้า 500,000 นี้เก๊ก็คือเก๊เลย หายไปครึ่งนึงเลยที่เราสะสมมา
ถามว่าวงการพระความเสี่ยงสูงมั้ย สำหรับดาคนที่ดูไม่เป็นคือความเสี่ยงสูงมาก แต่ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้วพระก็จะมีการรับประกันแท้-เก๊ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสบายใจมากยิ่งขึ้น
แต่องค์นั้นทำให้เราตื่นเต้น เพราะเขาเอาเงินกลับบ้านปุ๊บ เราเอาคืนจากใครไม่ได้นะ จำได้เลยดาน่าจะกำไรประมาณ 50,000 หรือ 70,000 กับการลงทุน 500,000 แต่ต้องบอกเลย การลงทุนเราไม่ได้มองผลกำไร ในบางครั้งเราต้องซื้อเพื่อคอนเน็กชัน ซื้อเพื่อที่จะให้เรามีพระหลักๆ ลงหมุนเวียนบ้าง”
ผ่านเวลามานับทศวรรษในวงการ ดาเล่าว่า พระเครื่องหลวงปู่โต๊ะราคาไม่ลง ยิ่งนานวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น
“สมัยก่อนพระหลวงปู่โต๊ะไม่ได้ราคาสูงอย่างนี้ พระปิดตาจัมโบ้ 2 ยังราคา 20,000 กว่าบาท แต่ปัจจุบันจัมโบ้ 2 ราคา 150,000 บวกลบ ถึงบอกว่าใครที่มาเริ่มตอนนี้ก็อาจจะไม่ใช่ง่าย จะต้องมีเงินในการลงทุนค่อนข้างสูง
ในวงการพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะค่อนข้างที่จะมั่นคง อย่างบางเกจิซื้อวันนี้ วันหน้าขาดทุน 30-40 เปอร์เซ็นต์มี แต่พระเครื่องหลวงปู่โต๊ะมีจุดที่นิ่งนะ เป็นจุดพักตัว มีจุดที่ไปต่อ แต่ถามว่าลงฮวบเลย ไม่มี
ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ดาอยู่มา พระเครื่องหลวงปู่โต๊ะราคาไม่ลงเลยนะจุดที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้เกิดจากการปั่นราคา เกิดจากปากต่อปาก สมมติคนนี้เช่าเราไปแล้วดี ไปกราบหลวงปู่แล้วดี บอกเพื่อน บอกต่อ ก็เลยกลายเป็นทุกอย่างหมุนเวียน
ดาไม่ขายพระออกนอกประเทศ สมมติดาขาย นาย ก ไปสิบล้าน วันนึงพระก็จะหมุนเวียนกลับมาหาเรา หรืออย่างน้อยก็ยังหมุนเวียนอยู่ที่ประเทศไทย ทำให้ระยะเวลาที่เราอยู่มา 10 ปี เราได้พระเก่าจากลูกค้ามาก็มี เพราะราคาขึ้นตลอด
ระยะเวลาในการขึ้นของพระหลวงปู่โต๊ะ ดาบอกเลยน่าจะอยู่ที่ประมาณสองปีบวกลบ พระที่เช่าในราคาวันนี้ ราคาก็จะค่อยๆ ขยับขึ้น เพราะด้วยส่วนตัวเพราะที่ซื้อแพงในวันนั้น วันนี้ก็กลายเป็นกำไรหมดแล้ว
เป็นการออมเงินแล้วกันแต่เปลี่ยนเป็นวัตถุมงคล ดีกว่าออมทองนะอันนี้ความเห็นส่วนตัว เพราะว่าคนไทย ศาสนาพุทธ เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจก็คือพระเครื่อง และอีกเกจิที่ราคาไม่ลงเลย แข็งแกร่ง ก็จะเป็นเกจิไหนไปไม่ได้ หลวงปู่โต๊ะค่ะ”
การได้มายืนในจุดนี้และมีทุกอย่างที่ต้องการ เรียกได้ว่า ‘ไกลเกินฝัน’ ที่วาดไว้ของเธอมาก จึงทำให้ในทุกวันนี้เป้าหมายหลักของดา คือการเผยแผ่บารมีหลวงปู่ และส่งต่อสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมตามโอกาสที่ทำได้
“ตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วเราจะเก็บมากกว่า (หัวเราะ) เพราะเป็นความฝันของเรา จากตอนที่เรามี 10 องค์ ขาย 10 องค์ ขายเท่าทุนบ้าง ขาดทุนบ้าง เงินเราหมุนเวียนน้อย ต้องนำเงินกลับมาซื้อของใหม่ เราจะลงพระหน้าเดิมๆ เราก็ขายไม่ออก
ในตอนนี้นะ ก็อยากจะซื้อเช่าเหรียญทองคำหลวงปู่โต๊ะทุกรุ่น ซื้อเก็บให้ได้มากที่สุด 1.ทองคำก็ยังคงเป็นทองคำ 2.เป็นพระที่เราศรัทธา และที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ มูลค่าเพิ่มที่ก้าวกระโดดจริงๆ ด้วยความที่เป็นทองคำและเป็นพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ จึงทำให้ตลาดตอนนี้เป็นที่ต้องการ และดายินดีรับเช่าทองคำทุกรุ่นของพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ ไม่จำกัดจำนวนเลย
ความฝันของเราไม่ใช่เงินแล้ว เรามีทุกอย่างที่เราอยากจะมีแล้ว จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในวงการพระเครื่อง เดินทางมาจนถึงจุดนี้ ดาบอกเลย ดามาไกลเกินฝันมากๆ แล้ว
สิ่งที่ดาจะทำคือเผยแผ่บารมีหลวงปู่ แล้วก็คืนสิ่งดีๆ บูรณะวัด สร้างสิ่งดีๆ คืนให้กับวัดถ้ำฯหรือวัดประดู่ฉิมพลีฉิมพลี แจกทานต่างๆ เราทำแล้วเรารู้สึกสบายใจ ดาบอกเลยว่า วันที่ดาขอหลวงปู่เป็นศิษย์ สิ่งที่ดาอธิษฐานก็คือดาจะเผยแผ่บารมีหลวงปู่ และดาจะมีคุณธรรมการทำอาชีพพระ หรืออาชีพอะไรก็แล้วแต่ คุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญ
ดาจะไม่ขายความศรัทธา คนที่ศรัทธาหลวงปู่โต๊ะแล้วเรานำพระเก๊พระอุดซ่อมไปขาย ชื่อเสียงที่เราสะสมมา กว่าที่เราจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ง่าย เราจะทำลายมันด้วยน้ำมือของเรา ดาไม่ทำแน่นอน”
“ลูกสาวของพ่อ - ลูกศิษย์ของเซียน”
เมื่อถามถึงคุณพ่อ ผู้ชักชวนและถ่ายทอดวิชาดูพระเครื่องให้ เธอเล่าว่า ท่านวางมือจากวงการไปหลายปีแล้ว
“คุณพ่อตอนนี้ให้เกษียณหลายปีแล้ว เพราะว่าการที่ท่านนั่งอยู่ที่พญาไม้ สภาพอากาศร้อนมาก ท่านอายุเยอะ 60 กว่า ดากับพี่ชายก็ให้เงินเดือนคุณพ่อ ทุกวันนี้คุณพ่อก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว ให้กิน ใช้ เที่ยว แบบไม่ต้องเครียด
เราเป็นลูกคนจีนอะเนอะ คุณพ่อแทบจะไม่มาชมเราหรอก ว่าเราเก่งนะ ภูมิใจในตัวเรายังไง ถามว่าเราอยากได้ยินมั้ย เราก็คงอยากได้ยินบ้าง แต่สุดท้ายแล้วท่านไม่ต้องพูดหรอก เราก็รู้แล้วว่าท่านภูมิใจในตัวเรา
ถามว่ามาชมตรงๆ ไม่มี คุณพ่อจะตำหนิมากกว่า ว่ามันจะต้องดีกว่านี้ คมกว่านี้ ด้วยประสบการณ์ที่ท่านอยู่มา 30 - 40 ปี ท่านจะบอกข้อที่ดี และข้อที่ไม่ดี ที่สามารถอยู่ในวงการพระได้ยาวๆ สมัยก่อนและปัจจุบันยังคงเหมือนกัน การไปพูดเรื่องพระของคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เราเป็นผู้ฟังให้มากๆ รับผิดชอบพระตัวเอง พูดถึงแค่พระของตัวเองก็พอแล้ว
ทุกวันนี้ท่านยังบอกว่าเรายังดีไม่พอเลย มันจึงทำให้เรารู้ว่า เรายังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด จึงทำให้เราสามารถอยู่ได้นาน เพราะจริงๆ แล้วไม่ว่าจะในวงการไหน คลื่นลูกใหม่มันมีมาตลอด แต่เราทำยังไงให้เราคงมาตรฐานของเราไม่ดรอปลง เราอาจจะยังไม่ต้องสูงขึ้นในวันนี้ก็ได้ แต่แค่เราไม่ตกลงก็พอแล้ว”
แม้คุณพ่อจะไม่ได้เอ่ยปากชมลูกสาวต่อหน้า แต่ดาก็สัมผัสได้ว่า ผู้เป็นพ่อภูมิใจในตัวเธอเสมอ
“คุณพ่อไม่เคยชม แต่วันที่เราเห็นว่าท่านภูมิใจในตัวเรา ก็น่าจะเป็นวันที่ปลุกเสกเหรียญรุ่นบารมีหลวงปู่โต๊ะ ที่คนไปวัดประดู่ฉิมพลีนับหลายพันคน ซึ่งดาก็สร้างพระครั้งแรก ตกใจเหมือนกัน หายเหนื่อยจากทำงานกับทีมงานเป็นปีๆ การออกแบบเหรียญจนถึงพิธีพุทธาภิเษก
วันนั้นคุณพ่อได้ไปพูดกับลูกค้า VIP ที่เราเชิญไปร่วมงาน บอกว่าท่านภูมิใจในตัวเรานะ เพราะตัวท่านเองก็เป็นแค่คนที่อยู่ภายนอก เวลาเขาสร้างพระหรือทำอะไรเกี่ยวกับพระ แต่วันนี้เขามายืนในจุดที่เป็นพ่อของผู้สร้างเขาภูมิใจในตัวเรา แล้วเขาก็ยืดอกที่ว่า วันนี้ลูกสาวเขาที่เกเรในสมัยเด็กๆ เราทำได้จนถึงจุดนี้
วันนั้นคุณพ่อเคยพูดประโยคนึงว่า เขายังไม่เชื่อเลยว่าดาจะมาถึงจุดนี้ ดาเชื่อว่าหลายๆ คน ที่อยู่ในวงการพระ ที่เห็นดาตั้งแต่เริ่มเดินซื้อ-ขายพระแรกๆ ดาเชื่อว่าส่วนมากก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ตัวดาเองก็ยังไม่เชื่อเลยว่าดาจะมาถึงตรงจุดนี้ ดายังมองว่ามันยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นด้วยซ้ำ เป็นจุดเปลี่ยนที่ดาต้องก้าวต่อ พัฒนาต่อ”
เมื่อมองย้อนกลับไป แม้ครอบครัวของเธอจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวคนนี้ลำบาก ทั้งยังให้แนวทางจนสามารถมีทุกอย่างที่หวังได้
“ดาเคยไปทำงานร้านกาแฟ จำได้เลยคุณพ่อไปนั่งเฝ้า เขาเห็นเขาก็สงสาร ได้ชั่วโมงละ 30 บาทตอนนั้น หลังเลิกเรียนทำ 3 ชั่วโมงได้ 90 บาท เขาก็เลยบอกว่าให้เพิ่มแล้วกัน ก็อยากจะขอบคุณป๊าที่เลี้ยงหนูมาเป็นอย่างดี ไม่เคยให้หนูลำบากเลย
แต่พอจุดที่เราไปขายเครื่องสำอาง คุณพ่อปล่อย เพราะท่านรู้ว่าอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้และอยู่รอดจริงๆ คือค้าขาย ท่านให้เราเผชิญเลยนะ ฝนตก แดดออก นั่งรถเมล์ นั่งแท็กซี่ตอนที่ยังไม่มีรถ เพราะท่านรู้ว่าสิ่งนี้ท่านสอนดาไม่ได้ ดาต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันเอง มันไม่มีอยู่ในตำรา ไม่ได้มีอยู่ในห้องเรียน
แล้วท่านก็บอกว่าครอบครัวเราไม่ได้เป็นครอบครัวที่รวย สิ่งหนึ่งที่ท่านปรารถนาในตอนนั้นก็คือเรียนให้จบ เขาให้ได้อย่างเดียวนั่นคือการศึกษา ดาก็เรียนจบแล้วก็มีทุกวันนี้ ดาบอกเลยว่าเป็นเพราะปะป๊าชี้แนวทางจริงๆ เพราะท่านผ่านมาก่อน ท่านรู้ว่าถ้าเรายึดถืออาชีพนี้จริงๆ เราจะมีได้ เราจะเติบโตเป็นบัวที่พ้นขึ้นมาจากน้ำได้”
และเมื่อบทสนทนาเดินทางมาถึงตอนท้าย เซียนพระคนสวยก็ได้ฝากคำขอบคุณไปยังผู้ติดตามทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา พร้อมทั้งฝากถึงใครก็ตามที่กำลังเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่างอยู่ เธอย้ำว่า ต้องมั่นใจในการนำเสนอความเป็นตัวของตัวเองออกมา เพราะนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด
“ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบพระคุณทุกๆ คน ขอบพระคุณ FC ทุกๆ คน แล้วก็อยากเป็นแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ตอนนี้คุณมีสื่อในมือ โชว์ความเป็นตัวตนของคุณ ไม่ว่าจะชอบพระเครื่องหรือชอบทางด้านไหน ลงมือทำเถอะค่ะ
เราเติบโตขึ้น สิ่งหนึ่งที่ดารู้เลยคือ การทำอะไรก็แล้วแต่ เหรียญมีสองด้าน ลงมือทำ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่าสิ่งนั้นเราทำได้มั้ย แต่ก่อนอื่นเลย ศรัทธาในตัวเองก่อน ศรัทธาว่าเราจะทำได้
ไม่ต้องไปมองหรอก ว่าฉันอยากเป็นเหมือนคนนั้นคนนี้ อยากดังเหมือนคนนั้นคนนี้ หรืออยากจะเป็นเหมือนดา อยากจะเป็นเหมือนใครๆ ในวงการพระ เราคือเรา เราถ่ายทอดความเป็นเราออกมา นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งหนึ่งที่ยังใช้ได้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น และที่สำคัญเราต้องพยายามให้ถูกที่ก่อน วันและเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่าคุณมาถูกทางค่ะ(ยิ้ม)”
ศรัทธาที่ใจ แพงแค่ไหนพุทธคุณก็ไม่ต่าง “ถามว่าการหาข้อมูลเพิ่มเติมในหนังสือยังใช้ได้มั้ย ความ Original ของหนังสือยังคงมี แต่เราหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก YouTube เดี๋ยวนี้ง่าย สอนดูพระต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ ได้จากตามเพจ และอีกหนึ่งอย่างก็ ก็คือการดูไลฟ์สด คุณจะได้เรทราคาปัจจุบัน ชื่อรุ่นนั้นจริงๆ แล้วก็เป็นการดูประเมินราคา ส่วนใหญ่ก็จะโทร.มาขอคำปรึกษาเยอะมาก ว่าอยากเก็บพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ แนะนำเป็นรุ่นไหน ดาจะบอกลูกค้าเสมอ FC เสมอ ให้เลือกรุ่นที่ชอบ รุ่นที่ใช่ ไม่ได้จำกัดว่าคุณห้อยพระหลักหมื่น คุณจะได้พุทธคุณน้อยไปกว่าคนที่ห้อยหลักล้าน ไม่ว่าจะเป็นหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน ทุกรุ่นเป็นพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ ส่วนตัวนะ ดีเหมือนกันหมด อยู่ที่ใจเราศรัทธามากกว่า ถึงคุณจะห้อยพระใหม่ที่เป็นพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะก็ดีเช่นกัน สุดท้ายแล้วอยู่ที่ใจล้วนๆ ดาจะบอกลูกค้าว่าเลือกเก็บที่ชอบ ตามกำลังที่มี ไม่ต้องเก็บที่เราเดือดร้อน ดาจะมีกลุ่มรวมพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ มีสมาชิก 200,000 กว่าคน เพื่อให้ทุกคนที่ศรัทธาพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะ สามารถซื้อ-ขาย โชว์พระกันได้ในกลุ่มนั้น เป็นกลุ่มสาธารณะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการซื้อ-ขาย และเผยแผ่บารมีหลวงปู่ ทางทีมงานแอดมินจะช่วยคัดกรอง อันไหนพระเก๊เราลบ อันไหนมิจฉาชีพเราบล็อก ก็เข้าไปติดตามได้เลย” |
ดูโพสต์นี้บน Instagram
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : จิตริน เตื่อยโยชน์
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “Doltida DM” และแฟนเพจ “DM หลวงปู่โต๊ะ”
ขอบคุณสถานที่ : ร้าน "DM หลวงปู่โต๊ะ" (ไอคอนสยาม ชั้น UG)
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **