ผมรักเมืองไทย ล่ะมาอยู่เมืองไทยหลายปีๆ!! นี่เป็นเรื่องราวของโอปป้ายูทูบเบอร์อารมณ์ดีเจ้าของช่องยูทูบเบอร์ “RYUNTIME” ที่หลงรักประเทศไทย หลีกหนีอากาศหนาว มาซบอากาศร้อน หัดพูดไทยจนคล่อง พร้อมขอผันตัวมาใช้ชีวิตต่างจังหวัด ที่บ้านสวนกับแฟนสาวชาวไทย
จุดเริ่มต้น ความหลงใหลเมืองไทย
“ผมคิดว่าความคิดเปลี่ยนไปเยอะ เช่น ความเครียด อยู่ที่กรุงเทพฯ ชีวิตเหมือนแข่งกับคนอื่นตลอด ที่เกาหลีก็เหมือนกันนะครับ ตั้งแต่เกิดมา ถึงอายุประมาณ20 กว่า ผมก็แข่งขันกับคนอื่นตลอด ต้องเรียนเก่งกว่าคนอื่น ต้องทำงานเก่งกว่าคนอื่น
แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมไม่ต้องแข่งกับคนอื่นนะครับ ตื่นมาก็ทำงานของตัวเอง แล้วก็กินข้าว นอนก็สบาย อยู่ที่นี่สุขภาพก็ดีขึ้น ผมรู้สึกว่าความเครียดกับความคิดก็ดีขึ้นเยอะ แล้วก็เปลี่ยนไปแบบคิด Positive มากกว่าเมื่อก่อน”
“ยูล-กวาง รยูน จอง” โอปป้ายูทูบเบอร์อารมณ์ดี วัย34 ปี เจ้าของช่องยูทูบเบอร์ “RYUNTIME” ที่มีคนตามตามกว่า6 แสนคน ที่ขอผันตัวมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ณ สวนหลังบ้านกับแฟนสาวชาวไทยอย่าง “ส้ม-กฤตรฎ ทับทิมผล” ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม
สำหรับคลิปส่วนใหญ่ของยูทูบเบอร์อารมณ์ดี จะเป็นแนวการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอก ทำกับข้าวอร่อยๆ กินกับแม่ยายและก็ญาติๆ ซึ่งกับข้าวแต่ละอย่างนั้นหนุ่มเกาหลีคนนี้ ลงมือทำเอง ซึ่งดูในคลิปมีแต่น่าทานๆ ทั้งนั้นเลย
หนุ่มเกาหลีผู้หลงใหลในเมืองไทย กับเจ้าของฉายา “โอปป้าบ้านทุ่ง” เขาเริ่มจากมาเที่ยว แล้วใช้ชีวิตไป-กลับบ้านเกิดที่เกาหลีกับเมืองไทย แบบฉบับนักท่องเที่ยวอยู่นาน
จากนั้นเริ่มจากมาเที่ยว แล้วติดใจ สุดท้ายก็ทำตามหัวใจ จึงกลับมาอยู่ไทยแบบถาวรซะเลย อะไรที่ทำให้หนุ่มเกาหลีคนนี้ยอมห่างบ้านเกิดมาอยู่ที่นี่
เขาก็ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้น ด้วยภาษาไทยที่ค่อนข้างแข็งแรงในระดับหนึ่ง พร้อมใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า ถึงสาเหตุที่หลงรักประเทศไทยจนตัดสินใจอยู่แบบถาวรให้ฟังว่า
“จริงๆ ผมเคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่ฟิลิปปินส์มาก่อน ผมชอบมาก เพราะว่าอากาศร้อนตลอด เพราะผมเป็นคนไม่ที่ชอบอากาศหนาวนะครับ ทุกอย่างดี แต่ว่าไม่ดีอย่างนึงก็คือ อาหารฟิลิปปินส์กินยาก
จากนั้นก็ลองคิดหาประเทศที่อากาศร้อนตลอด แล้วก็อาหารอร่อย มีอยู่ที่ไหนบ้าง ผมก็เลยเจอประเทศไทยนะครับ ผมเคยมาเที่ยวประเทศไทยครั้งนึง อาหารทุกอย่างกินได้หมด อากาศก็ร้อนตลอด ก็เลยผมคิดว่าอยากจะมาอยู่ที่นี่ ก็เลยตัดสินใจมาที่นี่นะครับ ก็ประมาณเกือบ 10 ปีแล้วนะครับ
ตอนนั้นอายุน่าจะหลังจากทหาร 24-25 ปี จบทหารผมก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ แล้วก็เรียนแค่ 1 ปี เพราะว่าอยู่ไม่ได้ ก็เลยหลังจากเรียน 1 ปี ก็มาเที่ยวที่ไทยครับ
ตอนนั้นเที่ยวที่กรุงเทพฯ อย่างเดียวนะครับ แล้วก็ไปวัดอรุณฯ ก็เหมือนคนที่มาเที่ยวปกตินะครับ ผมจำได้นะครับ ที่ผมมาเที่ยวครั้งแรก เป็นความทรงจำที่ดีมากนะครับ ผมก็เก็บไว้ก่อน ก็คิดว่าอ๋อประเทศไทยจริงๆ เหมาะกับผม ดีกับผม ก็เลยโอเคอยากจะอยู่บ้างสัก1 เดือน ก็มาแค่1 เดือนนะครับ ไม่อยากจะอยู่นาน
แต่พออยู่เรื่อยๆ รู้สึกชอบ ก็เลยคิดว่าอย่างนี้โอเคกว่าเกาหลี โอเคอย่างนั้นอยู่ยาวๆ ไปก่อน อนาคตเดี๋ยวค่อยคิดทีหลังอะไรอย่างนี้ ก็เที่ยวอย่างเดียว ไปหาของกิน ไปเที่ยว ไปดูช้าง ไปนั่งเรือ ตอนนั้นยังไม่ได้ทำยูทูบครับ”
สำหรับเงินที่มาเยือนเมืองไทยในครั้งแรกนั้น ด้วยความที่ยังไม่มีอาชีพ และยังกำลังศึกษาอยู่ เขาก็ได้กำลังซัพพอร์ตจากผู้เป็นแม่ เขาเล่าอีกว่า ตอนนั้นกำเงินมาใช้ที่เมืองไทยประมาณ 2-3 หมื่นบาท
“เก็บจาก จริงๆ เก็บจากของแม่นะครับ (หัวเราะ) เพราะวันนั้นผมก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ ยังไม่ได้ทำงาน แล้วแม่ก็บอกว่า จริงๆ นิสัยแม่ก็ชอบลงทุน ชอบดูแลลูกมากนะครับ
เมื่อก่อนแม่บอกกับผมว่า ก่อนอายุ 30 ปี ลูกอยากทำอะไรก็ได้หมด แม่ก็จะดูแลให้ แต่หลังจากอายุ 30 ปี ลูกก็ต้องมีอาชีพ แล้วก็ต้องคิดอนาคต วันนั้นผมก็ยังอายุไม่ถึง 30 ปี ก็ใช้เงินแม่ครับวันนั้น
ก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ นะครับ รู้สึกทุกอย่างถูกกว่าเกาหลี แต่คุณภาพก็เท่าๆ กันนะ เช่น ผลไม้ ที่ไทยบางอย่างดีกว่าเกาหลี แล้วก็ราคาถูกด้วย จริงๆ 1 เดือน เงินก็ไม่ใช้เยอะเท่าไหร่ อยากกินอะไรก็กินได้หมด ก็เลยชอบมากกว่า ตอนนั้นมาคนเดียวนะครับ
เดือนนึงใช้เงินประมาณแค่ 2-3 หมื่นเอง ประมาณหมื่นห้าก็คือเช่าคอนโด แล้วก็อีกหมื่นห้าก็เอาไปกินข้าว กินผลไม้ นั่งรสบัสเที่ยวอะไรแบบนี้ครับ
วันนั้นผมก็มีเรื่องเครียดนิดนึงด้วย เพราะว่าเรียนยังไม่จบ แต่ว่าทำยังไงดีอนาคตผม ผมก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ก็เลยมาเที่ยวคนเดียว
จริงๆ คนเกาหลีอยู่ที่ไทยได้แค่ 3 เดือนนะครับสำหรับมาท่องเที่ยว แต่วันนั้นผมอยู่แค่ 1 เดือน แล้วก็คิดว่าอยากอยู่ที่ไทยนาน แต่ว่าใช้เงินแม่เรื่อยๆ ไม่ได้ใช่ไหมครับ ผมก็เลยคิดว่า กลับไปเกาหลี ไปทำงาน แล้วก็เก็บตังค์มาดีกว่า เก็บตังค์ไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาอีกทีนึงนะครับ”
ติดใจ แล้วกลับมาใหม่แบบถาวร
ด้วยความที่มีความหลงใหลในเมืองไทย ทำให้ยูทูบเบอร์คนดังตั้งใจกลับไปเก็บเงินที่บ้านเกิดแดนกิมจิ ตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในโรงงานอย่างจริงจัง เพื่อจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยอย่างที่ตั้งใจไว้
“กลับไปประมาณครึ่งปีนะครับ ก็ไปงานในโรงงานเกี่ยวกับทำโทรทัศน์ แบบทำเฟรมอะไรแบบนี้ แต่ที่โรงงานคนไทยก็เยอะเหมือนกันนะครับ ผมก็เลยไปเรียนภาษาไทยจากที่ทำงานด้วย แล้วก็มีเพื่อนด้วย ผมก็เลยอยากจะมาอีก ก็ตั้งใจทำงานรีบเก็บตังค์ แล้วก็รีบมาที่ไทย
แล้วผมก็กลับมาเรียนเป็นภาษาไทยปีนึงเลยนะครับผม ผมตัดสินใจว่าต้องเรียนภาษาไทยดีกว่า เพราะอยากจะอยู่ที่ไทยนานๆ
คนต่างชาติ ถ้าต่อวีซ่าเรียนก็ 1 ปี อยู่ได้นะครับ รอบที่ 2 ผมก็เรียนภาษาไทยแบบจริงจังนะครับ เพราะว่าถ้าคนที่อยากจะเรียนใช่ไหมครับ ที่ไทยจะให้วีซ่า 1 ปี แล้วผมก็ต่อวีซ่า 1 ปี แล้วก็เรียนด้วยไปเที่ยวด้วยอยู่เรื่อยๆ นะครับอยู่1 ปีเต็มๆ”
พอเริ่มพูดภาษาไทยได้ และเริ่มสื่อสารภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นเขาก็มีความคิดว่า ถ้าจะเที่ยวเล่นแบบนี้ต่อไปอีกคงไม่ได้ ควรต้องมีอาชีพเพื่อเลี้ยงชีวิตตัวเองในเมืองไทยให้อยู่รอดด้วย หลังจากนั้นจึงตัดสินใจสมัครเข้าทำงานเป็นหนักงานออฟฟิศที่เมืองไทย ด้วยการทำอาชีพ จัดโปรแกรมให้ท่องเที่ยว ที่สนใจมาเยือนประเทศไทย
“ผมเริ่มพูดภาษาไทยได้ ผมก็เลยคิดว่า อย่างนั้นทำอาชีพที่ไทยก็ได้นะ ผมก็อยากจะมีอาชีพด้วย เพราะว่าวีซ่า 1 ปี ใกล้จะจบแล้ว ต่อไม่ได้นะครับ ได้แค่1 ปี ถ้าอยากจะต่อต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ไทย แต่ว่าผมก็รู้สึกหนักเกินไป พอเรียนจบ1 ปี ผมก็ไปหาอาชีพนะครับ ผมก็เลยทำงานที่ไทยเรื่อยๆ มา
ทำงานที่บริษัทเกาหลีนะครับ แต่อยู่ที่ไทย เกี่ยวกับท่องเที่ยวนะครับ พาคนเกาหลีมาเที่ยวไทย ไม่ใช่ไกด์นะครับ อาชีพผมก็คือแบบจัดโปรแกรมให้ลูกค้า อยู่ออฟฟิศตลอดนะครับ ไม่ได้ไปข้างนอกครับ ทำอยู่ประมาณ1 ปี”
แม้จะรู้สึกชื่นชอบเมืองไทยแค่ไหน แต่เมื่อการชีวิตในการเป็นพนักงานออฟฟิศเริ่มไม่ตอบโจทย์ชีวิต เขาสะท้อนชีวิตในตอนนั้นให้ฟังว่า เหมือนชีวิตวนลูป ไม่ได้ต่างอะไรจากเกาหลี จึงทำให้เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย จึงตัดสินใจลาออก จนมองหาช่องทางการสร้างรายได้จากอาชีพ “ยูทูบเบอร์”
“ตอนแรกผมชอบนะครับอยู่ที่ไทย ได้เงินด้วย แล้วก็อยู่ที่ไทยได้ตลอดด้วย แต่หลังจากประมาณ1 ปีกว่าๆ ผมรู้สึกว่าชีวิตเบื่อหน่ายนิดนึง เพราะว่าทำงานออฟฟิศก็ตื่นเช้าไปออฟฟิศ แล้วก็กินข้าว เลิกงานกลับบ้านนอน อันนี้ชีวิตก็ไม่ต่างกันกับเกาหลีนะครับ ผมก็คิดว่าผมจะอยู่ที่ไทยทำไม ชีวิตไม่ต่างกันกับเกาหลี รู้สึกว่าไม่เหมือนอยู่ที่เมืองนอก
คือเพื่อนทุกคนอิจฉาผมนะครับ ยูลอยู่ที่ไทย อยู่ที่เมืองนอก ชีวิตสเปเชียลจริงๆ แต่ไม่ใช่เลย เพราะชีวิตออฟฟิศก็เหมือนกันครับ ผมก็เลยมาคิดว่า อยู่ที่ไทยดีหรือเปล่า
ผมก็เลยคุยกับแฟนแบบจริงจังว่า รู้สึกชีวิตเหมือนเดิม เหมือนกับเกาหลี ทำยังไงดี วันนั้นแฟนก็บอกว่า อย่างนั้นหยุดทำงานไปก่อน แล้วก็ให้มีเวลาส่วนตัวบ้างไหม ก็เลยผมคิดว่า โอเคหยุดทำงานออฟฟิศ แล้วก็ผมก็เริ่มทำยูทูบ
ผมเจอแฟนตอนที่ผมทำงานที่ออฟฟิศอยู่นะครับ ประมาณ 7 ปี จริงๆ แฟนผมเป็นเพื่อนกันในโซเชียลฯ อยู่แล้วครับ วันนึงผมก็ดูโซเชียลฯ ของแฟน แฟนก็เขียนว่า อยากจะทำธุรกิจสินค้าเกาหลีนำเข้ามาขายที่ไทย ผมก็เลยคิดว่า อันนี้ผมน่าจะช่วยได้ ก็ได้คุยกัน แล้วก็ไปจีบ
ผมก็ทักไปหาแฟนว่า ผมเป็นคนเกาหลีนะ ผมก็สนใจเหมือนกัน ผมก็อยากทำธุรกิจกับคุณ จริงๆ ธุรกิจผมไม่สนใจนะครับวันนั้น ผมก็อยากจะแค่คุย คุยไปคุยมาก็เจอด้วยบ้าง แล้วก็สุดท้ายก็คบกันได้”
จุดไอเดีย หนทางสู่การเป็นยูทูบเบอร์
จากที่รู้สึกเบื่อหน่ายงานประจำ จนเป็นที่มาของการจุดประกายไอเดียอาชีพยูทูบเบอร์ จนสามารถสร้างตัวตน สร้างรายได้เลี้ยงชีพได้
“จริงๆ ผมเคยเรียนตัดคลิป ถ่ายกล้องมาด้วย เรียนเล่นๆ มาก่อน ตอนนั้นยูทูบกำลังจะปัง ผมก็อยากจะ communication กับคนไทยด้วย อยากมีเพื่อนบ้าง โอเคทำยูทูบดีกว่า แล้วก็หาเงินได้ด้วย
ทำเริ่มทำยูทูบเป็นภาษาไทย เพราะว่าผมอยากพูดภาษาไทยเก่งกว่าเดิม ตอนแรกๆ ก็ทำ Vlog ชีวิตกรุงเทพฯ ปกติ ตอนแรกไม่ได้ถ่ายเกี่ยวกับบ้านสวนนะครับ
วันนั้นผมก็ถ่าย Vlog เรื่อยๆ อยู่ดีๆ แฟนก็บอกว่า ไปหาแม่ไหม จริงๆ ที่บ้านแม่เป็นสวนมะพร้าวนะ มีต้นกล้วยเยอะด้วย สำหรับคนเกาหลีนะครับ ต้นมะพร้าวกับต้นกล้วยแปลกมาก แบบพิเศษมาก เพราะเกาหลีไม่มี ก็อยากไปบ้าง แฟนก็เลยพาผมมาที่นี่ อันนี้ก็คือครั้งแรกนะครับ
หลังจากลาออกจากงาน ผมก็หยุดประมาณ1 เดือนนะครับ ไม่ทำอะไรเลย อยู่บ้านอย่างเดียว แล้วผมก็คิดเองว่า ต่อไปทำอะไรดี แฟนบอกว่า เงินไม่ต้องสนใจ เพราะแฟนก็มีอาชีพอยู่ อยากจะทำอะไรก็ทำ พูดเหมือนแม่ผมเลย
แล้วผมก็คิดออกว่า ผมก็เคยเรียนถ่ายกล้องกับตัดต่อด้วย ช่วงนี้ยูทูบก็ปัง ก็อยากจะทำยูทูบเหมือนกัน เพราะว่าอยากจะโชว์สกิลบ้าง
เพราะรู้สึกผมอายเพื่อนกับครอบครัวผมด้วย เพราะอยู่เมืองนอก แต่ไม่มีอาชีพ ก็รู้สึกอายนิดนึง อย่างนั้นยูทูบดีกว่าช่วงนี้ อินฟลูเอนเซอร์ ผมก็อยากจะเป็นบ้าง”
ครั้งแรกที่ทำ เพียงอยากลองทำเล่นๆ และอยากงัดสกิลการถ่ายวิดีโอและการตัดต่อที่เคยเรียนมา ในระยะเวลาสั้นออกมาใช้บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายจะปัง และกลายมาเป็นอาชีพหลักเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างสบาย
“ไม่ได้คิดว่าจะปังนะครับผม วันนั้นไม่ได้ลงdetail ขนาดนั้น ผมแค่อยากจะทำเล่นๆ ไม่แน่ใจว่าคนไทยจะดูคลิปของผมหรือเปล่า เพราะผมเป็นคนต่างชาติ พูดก็ไม่ชัด ก็ห่วงบ้าง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หาอาชีพอื่นก็ได้ ตอนแรกทำแค่เล่นๆ แค่อยากจะโชว์สกิลตัดคลิปของผม คลิปแรกผมแนะนำตัว แล้วก็คลิปที่สองไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วก็รีวิวสินค้าเกาหลี ยังไม่ได้เกี่ยวกับสวนครับ
ก็ตั้งแต่วันที่แฟนพาผมมาหาแม่ วันนั้นผมก็ถ่ายVlog เหมือนกัน ก็เลยกลายเป็น โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก EP.1 วันนั้นผมก็ตัดมะพร้าวกินด้วย EP.1 อัพโหลดปุ๊บ ก็ปังเลย อันนี้พูดปังได้ไหมไม่รู้นะครับ แต่คนดูหลายแสน
วันนั้นผมจำได้ว่า อัพโหลดคลิปสวน EP.1 แล้วก็นอน พอตื่นมาดูยูทูบผมก็ตกใจเลย วิวก็หลายแสน คนติดตามก็ประมาณ7 หมื่นเกือบแสน ก็เลยคิดว่าคลิปแบบนี้ปังแน่นอน ผมก็เลยถ่ายต่อแบบ EP.2 และEP.3 เรื่อยๆ นะครับ”
ยูทูบเบอร์คนดังเล่าอีกว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปอยู่ที่บ้านสวน แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนั้นรุนแรง ทำอะไรก็ไม่ได้ จึงหันหลังกลับไปอยู่บ้านเกิดกับแฟน จนในที่สุด ก็ทำให้หลงใหลในบ้านสวน จนตั้งใจปักหลักที่นั่นกันเลย
“ตอนแรกไปๆ มาๆ นะครับ อยู่ที่นี่ประมาณอาทิตย์นึง แล้วก็กลับไปกรุงเทพฯ อาทิตย์นึง แต่ว่าวันนั้นเริ่มมีโควิด แล้วที่กรุงเทพฯ อันตรายมาก แฟนก็เลยบอกว่าอย่างนั้นเราย้ายไปที่บ้านไหม เพราะว่าโควิดเราก็ไม่อันตรายด้วย แล้วก็ถ่ายคลิปได้เรื่อยๆ ด้วย แล้วก็อาชีพของแฟนขายของออนไลน์ ไม่ต้องไปออฟฟิศ ทำงานที่บ้านได้ โอเคเราตั้งใจมาอยู่ที่นี่ดีกว่า
สำหรับวิธีการครีเอทคอนเทนต์ให้น่าสนใจนั้น เขาบอกว่า ให้ทำเหมือนการใช้ชีวิตปกติทั่วไป เพราะธรรมชาติสำคัญสุด และเขายังมองอีกว่าทุกอย่างสามารถเป็นคอนเทนต์ได้หมด
ส่วนที่มีคนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เขาบอกด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะว่า อาจจะเป็นเพราะความแปลก ที่คนไม่ค่อยเห็นชาวต่างชาติมาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้
“วันนั้น ผมก็ยังไม่ชัวร์นะครับว่ายูทูบเบอร์เป็นอาชีพได้หรือเปล่า ผมก็เลยช่วยธุรกิจของแฟนด้วย แล้วก็ทำยูทูบด้วย สุดท้ายยูทูบก็ได้เงินเหมือนกัน โอเคผมก็เดี๋ยวไม่ช่วยเธอแล้วนะ ทำยูทูบอย่างเดียวแล้วนะ ช่วงนี้ก็มีอาชีพใครอาชีพมัน
ถ้าวันไหนมีปาร์ตี้ หรือมีงาน ผมก็ไปถ่ายVlog แล้ววันไหนข้างๆ บ้านทำกล้วยทอด ผมก็ไปดูบ้าง ลองชิมบ้าง ก็ชีวิตปกติ ทุกอย่างเป็นคอนเทนต์ได้ ถ้าวันไหนไม่มีงานพิเศษ ผมก็ทำอาหารที่บ้าน ก็ได้ Vlog
คนตามอาจจะแปลกนะครับ เพราะว่า คนต่างชาติอยู่ที่สวนมะพร้าวจริงๆ หายากหน่อย อาจจะมีนะครับ แต่ทำยูทูบด้วยให้ทุกคนดูอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกแปลก คนก็เลยดู อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ (หัวเราะ)”
แนะทริกดีๆ ปั้นช่องยังให้ปัง
จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาก จนมีติดตามมากมาย จึงขอให้ยูทูบเบอร์คนดัง แนะทริกดีๆ สำหรับคนที่อยากไปเดินสู่หนทางการเป็นยูทูบเบอร์
“ผมอยากจะแนะนำว่า ธรรมชาติสำคัญที่สุด หลายๆ คนนะครับ เช่น น้องชายเป็นคนเกาหลีอยู่ที่ไทย ก็ถามผมแบบเยอะนะครับ พี่ผมอยากจะทำยูทูบทำยังไงดี นี่ถ่าย EP.แรกแล้วนะพี่ดูให้หน่อย ผมก็ดูแล้ว เขาไปVlog นะครับ ไปเที่ยวโรงแรมใหญ่ แล้วก็สั่งสเต็กประมาณ4-5 พันบาทมารีวิว
ผมคิดว่าปกติน้องใช้ชีวิตแบบนี้ไหม กินสเต็กตลอดไหม น้องบอกไม่ อย่างนั้นต่อไปถ่ายคลิปอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยเหรอ ถ้ากินส้มตำ ก็กินส้มตำไปเลย อยู่ชีวิตธรรมชาติเลย ถ้าไม่ใช่เป็นตัวเอง ผมคิดว่าถ้าถ่ายเรื่อยๆ นะครับ
ยูทูบสำคัญที่สุดคือต้องทำเรื่อยๆ อันนี้ความคิดของผมนะครับ อันนี้ไม่รู้ใช่หรือไม่ใช่ แต่ผมคิดว่าต้องทำเรื่อยๆ อดทนทำ อาทิตย์นึงอัพคลิปประมาณ 2-3 คลิปได้ แต่ถ้าไม่ธรรมชาติ แบบถ่ายเรื่อยๆ ผมคิดว่าไม่ได้หรอกครับ ต้องธรรมชาติ ต้องโชว์ของตัวเองแบบ 100% จะได้ไม่เหนื่อย เราจะอยู่ตรงนี้ ธรรมชาติสำคัญที่สุด
คลิปแรกผมคิดว่าแนะนำตัวไปก่อนดีกว่าครับ เพราะคนติดตาม หรือคนที่ดูไม่รู้ว่าคนนี้คือใคร แล้วถ้าตัวเองทำอะไรเก่งๆ ผมคิดว่าทำอันนี้ไปเลย เช่น วาดรูปเก่ง ก็วาดรูปเรื่อยๆ ถ้ากินเก่ง ก็กินเรื่อยๆ ถ้าพูดเก่งก็พูดเรื่อยๆ”
นอกจากนี้ เขายังเล่าถึงทริกการตัดต่อ รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายในช่องเขาให้ฟังอีกว่า ส่วนมากคลิปที่ปังคือคลิปที่ทำอาหารหรืออยู่กับผู้ใหญ่
“จริงๆ ผมก็อยากให้ทุกคนในโลก อยากให้ทุกคนดู ทุกประเทศ ก็เลยช่วงนี้ผมก็เลยใส่ซับด้วย ซับอังกฤษ แปลซับไทย ซับเกาหลีได้ด้วย
จริงๆ คนไทยประมาณ95% นะครับ แล้วก็คนเกาหลีประมาณ 3% ประเทศอื่นประมาณ 2% นะครับ แต่ไม่แน่ใจนะครับ คนเกาหลี3% ก็คือคนเกาหลีจริงหรือเปล่า หรือว่าคนไทยอยู่ที่เกาหลีหรือเปล่า
ส่วนมากคลิปปังของผมก็คือ อยู่กับผู้ใหญ่ หรือว่าเมนูที่น่าสนใจอะไรอย่างนี้ครับ เวลาที่ผมไปงานข้างๆ บ้าน ผู้ใหญ่อย่างนี้ ส่วนมากคนชอบดูนะ เมนูก็เหมือนกันนะครับ บางทีเมนูเด็ด เช่น ยำแบบอร่อยๆ หรือว่าหมูสามชั้นทอดก็ปังเหมือนกันนะครับ
วิธีตัดต่อก็เหมือนกันนะครับ ปกติช่องผมผู้ใหญ่คนติดตามเยอะ แต่คลิปไม่ต้องใส่เอฟเฟกต์แบบปุ้งปั๋งๆ ทำคลิปแบบเบาๆ เรื่อยๆ คนดูอาจจะชอบครับ วันไหนวันนึงผมก็ตั้งใจตัดคลิปให้เหมือนเป็นวัยรุ่นนะครับ ใส่เอฟเฟกต์ ใส่เพลงแบบดังๆ อะไรอย่างนี้ บางคนก็เขียนคอมเมนต์มาว่า ยูลเสียงไม่ต้องใส่เยอะก็ได้ ป้าดูแล้วเจ็บหัว โอเคผมรู้แล้ว ก็ตัดคลิปให้มันเบาๆ”
เขายอมรับว่าบางทีก็มีคิดคอนเทนต์ไม่ออกบ้าง แต่จะแก้ด้วยการออกไปหาเที่ยว ซึ่งการทำแบบนี้ สามารถเพิ่มไอเดียให้พุ่งกระฉูดได้เป็นอย่างดี
“บางทีคิดไม่ออกก็มีนะครับ แต่ว่าถ้าคิดไม่ออก ส่วนมากเราไปเที่ยวข้างนอกนะครับ เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ใหญ่มาก จังหวัดที่เราไม่เคยไปก็เยอะนะครับ ก็เลยไปเที่ยวข้างนอก แล้วพอไปเที่ยวมา ผมรู้สึกว่าไอเดียใหม่ๆ ออกเรื่อยๆ นะครับ
จริงๆ ตอนแรกช่องผมก็ถ่ายทุกอย่าง ไปเที่ยวด้วย รีวิวด้วย Vlog แบบปกติ แต่ว่าตอนโควิดเราไปไหนไม่ได้ อยู่บ้านอย่างเดียว ไปหาผู้ใหญ่ข้างๆ บ้านก็ไม่ได้ ทุกคนก็กลัวอยู่ ก็เลยทำอาหารที่บ้านอย่างเดียวประมาณ 2 ปี เพราะโควิด 2 ปีใช่ไหมครับ ก็เลยเปลี่ยนไปเหมือนช่องทำอาหารไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้เริ่มจะกลับไปเหมือนเดิมแล้วครับ ทำอาหารบ้างเที่ยวบ้าง”
ชีวิตเปลี่ยน สุขภาพดี หายเครียด
เขาบอกถึงความสำคัญ ในการทำอาชีพยูทูบบเบอร์ และได้ออกใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ นอกจากวิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปแล้ว สุขภาพกายสุขภาพใจยังเปลี่ยนไปด้วย จากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ จากคนที่มีความเครียด กลายเป็นหายเครียด และใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอีกด้วย
“สุขภาพก็ดีขึ้นนะครับ แต่ผมคิดว่านะครับ ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ เช่น ความเครียด อยู่ที่กรุงเทพฯ ชีวิตเหมือนแข่งกับคนอื่นตลอด ที่เกาหลีก็เหมือนกันนะครับ ตั้งแต่เกิดมา ถึงอายุประมาณ 20 กว่า ผมก็แข่งขันกับคนอื่นตลอด ต้องเรียนเก่งกว่าคนอื่น ต้องทำงานเก่งกว่าคนอื่น
แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมไม่ต้องแข่งกับคนอื่นนะครับ ตื่นมาก็ทำงานของตัวเอง แล้วก็กินข้าว นอนก็สบายเหมือนกัน อยู่ที่นี่สุขภาพก็ดีขึ้น ผมรู้สึกว่าความเครียดกับความคิดก็ดีขึ้นเยอะ แล้วก็เปลี่ยนไปแบบคิด Positive มากว่าเมื่อก่อน
ที่เกาหลีถ้าไม่แข่งกัน โตไม่ได้นะครับ ชีวิตอยู่ในเมืองจริงๆ อยากได้เยอะ ก็ต้องแต่งตัวให้ดีๆ แล้วก็สนใจคนอื่นเยอะเหมือนกัน แต่ที่นี่ไม่ต้องสนใจคนอื่น แต่งตัวก็สบายๆ กางเกงอะไรก็ได้ เพราะว่ายังไงก็สกปรกอยู่แล้ว เพราะว่าอยู่ในสวน ไม่ต้องสนใจหน้าตา เสื้อผ้า ทุกอย่างดีหมดนะครับ ทำให้ผมไม่เครียด”
ความกดดันที่ต้องแข่งขันตลอดเวลา นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้อยากย้ายมาอยู่ไทย และย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยไม่พอ การจะมีความสุขที่สุดสำหรับเขาก็คือหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่บ้านสวยนั่นเอง
การใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสวน หลายคนอาจจะมองว่า ค่อนข้างที่จะลำบาก หรือค่อนข้างที่จะใช้ชีวิตยาก แต่สำหรับเขาแล้ว ด้วยความที่กินง่ายอยู่ง่าย จึงไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ และถ้าให้เลือกใหม่อีกครั้ง ก็ยังจะตัดสินใจมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม
“ไม่ยากนะครับ นิสัยผมเป็นคนที่กินง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องเยอะ แต่บางทีน้ำท่วม หรือฝนตกก็โดนตัดไฟ ผมก็ตกใจ ผมก็กลัวบ้าง แต่ก็ปกติ ไม่ยากอะไรเท่าไหร่ครับ สบายมากนะครับ ไม่ลำบากนะครับ
ผมไม่แน่ใจว่าอยู่ที่นี่จนถึงเสียชีวิต หรือจนถึงเมื่อไหร่ แต่ผมก็ได้ความทรงจำดีๆ ผมก็เรียนรู้ไว้หลายๆ อย่างด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็จะเลือกมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
นอกจากรอยยิ้มจากแฟนสายที่ดึงดูดใจแล้ว อะไรกันแน่ ที่ทำให้หนุ่มเกาหลีคนนี้ ตกหลุมรักได้ขนาดนี้ พอคุยไปคุยมา เขาก็เปิดใจออกมาว่า นั่นคือน้ำพริก เพราะเมืองไทยมีน้ำพริกหลากหลายให้ได้เลือกกินมาก จึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เขาติดใจ
“ช่วงนี้ผมก็ติดพวกน้ำพริกนะครับ เพราะเกาหลีน้ำพริกมีนะครับ แต่ไม่เคยมีหลายอย่างแบบไทย แต่ที่ไทยมีหลายอย่างใช่ไหมครับ พวกน้ำพริกกินกับข้าวเหนียวก็อร่อย กินกับผักก็อร่อย พอดีผมไม่ชอบกินผัก แต่ถ้าพอมีน้ำพริกผมก็กินผักเยอะเหมือนกันนะครับ พวกน้ำพริกผมชอบ
แล้วก็เกาหลีผลไม้แพงมาก ประมาณปีที่แล้วผมไปเกาหลีกับแฟน ผมก็เจอแตงโม1 ลูก ราคาไทย 500 บาท ผมก็ตกใจมาก ที่ไทยแตงโม1 ลูกแค่ 20-30 บาท ก็ซื้อได้นะ ไม่กินดีกว่า ไม่ใช่แค่แตงโมอย่างเดียวนะครับ ผลไม้อย่างอื่นแพงหมด”
สร้างคำว่า “บ้านนอก” ให้มีความพิเศษ
คำว่า“บ้านนอก” หลายคนอาจจะมองไปในทางแง่ลบ แต่สำหรับโอปป้าเกาหลีคนนี้แล้ว เขากลับมองว่า เป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ เพราะเมื่อได้มาสัมผัสจริงๆ ล้วนแล้วสร้างแต่ความสุข สร้างแต่รอยยิ้ม และเมื่อได้ยินคำนี้ทีไร เขากลับบอกว่า รู้สึกได้ถึงความสบายใจ และความใจดีของผู้คน
“บ้านนอกสำหรับผมก็คือ ก็รู้สึกสบายใจ บรรยากาศเขียวๆ จริงๆ มีบางคนนะเขียนคอมเมนต์ว่า ยูลอย่าพูดคำว่าบ้านนอกได้ไหม คิดว่าพูดคำว่าบ้านนอกไม่ดีนะ บอกว่าต่างจังหวัด หรือว่าชนบทอย่างนี้ได้ไหม
ผมคิดว่าจินตนาการของผมนะครับ บ้านนอกก็คือดีนะครับ แบบลมดี เขียวๆ อะไรอย่างนี้ รู้สึกแบบผมก็ได้ยินคำว่าบ้านนอก ผมรู้สึกสบายใจดี”
เชื่อว่า ลายอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง ออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่บ้านสวนแบบนี้บ้าง แต่ด้วยข้อข้อจำกัดหลายๆ อย่างในชีวิต ทำให้ยังไม่สามารถทำได้ และเขาก็ฝากขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคนที่กำลังสู้ชีวิต
ซึ่งสำหรับเขาเองนั้น มองว่าความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่วัตถุหรือสิ่งของมีค่าราคาแพง แต่กลับเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติที่สงบสุข
“จริงๆ ผมก็อ่านหลายคอมเมนต์เหมือนกันนะครับว่าอยากจะมีชีวิตเหมือนยูล อยากจะอยู่ชีวิตสวนอย่างนี้บ้าง ผมก็เจอผู้ใหญ่ข้างๆ บ้านหลายคน ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ไม่สนใจเกี่ยวกับเงินเท่าไหร่นะครับ เดือนนึงได้ 1 หมื่นบาท หรือ1 หมื่น 5 พันบาทก็ยังดีใจเลย เพราะว่าไม่มีที่ใช้เงินนะครับ แค่กินข้าวได้ ก็อยู่บ้านได้ ก็ไม่เครียด
ชีวิตเราเงินสำคัญนะครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่ใช่ 100% ผมอยากจะแนะนำว่า คนที่อยู่ชีวิตแบบสบายๆ ไม่เครียดเกี่ยวกับเงิน แล้วก็ไม่ต้องมีเงินเยอะด้วย อยากจะคิดแบบ Positive แบบผม ผมคิดว่ามาอยู่ชีวิตสวนอย่างนี้ได้นะ สบายดี”
นอกจากนี้ ยูทูบบเบอร์คนดัง ยังได้รับฉายาจะเหล่าบรรดาแฟนคลับมากหน้าหลายตาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น “โอปป้าบ้านทุ่ง” หรือ “โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก”
“โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก ผมรู้สึกชอบมากเลยนะครับ รู้สึกสเปเชียล รู้สึกพิเศษ แล้วก็เรื่องจริงด้วย ผมก็อยู่ที่บ้านนอก โอปป้าอยู่ที่บ้านนอกอันนี้ก็เป็นคาแรกเตอร์แล้วนะครับ
จริงๆ ชื่อช่องผมชื่อ RYUNTIME นะ แต่ว่า FC หลายๆ คนจำได้ว่า โอ้โอปป้าอยู่บ้านนอก ถ้าผมเจอ FC ข้างนอกใช่ไหมครับ ประมาณ 90% บอกว่าโอปป้าอยู่ที่บ้านนอก แค่ 10% เองอ๋อช่อง RYUNTIME ผมก็เลยรู้สึกว่าเป็นคาแรกเตอร์ผมแล้วแบบนี้”
ชีวิต success คนไทยเอ็นดู
“ชีวิต success มากนะครับ แล้วก็ success ของผมไม่ใช่เงินอย่างเดียวนะครับ จริงๆ เงินก็ได้เยอะกว่าเมื่อก่อน แต่ว่าไม่ใช่เงินอย่างเดียวนะครับ FC รักผม ชอบผม แล้วก็ผู้ใหญ่ข้างๆ บ้านเอ็นดูผม ผมคิดว่าใช่ นี่แหละ อยู่ตรงนี้ success มากนะครับ ตอบโจทย์ ชอบมากนะครับ ทำให้ผมเปลี่ยนไปเยอะ อยู่ที่นี่ผมรู้สึกว่าทำให้ยิ้มบ่อยมากนะครับ ตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็น่าไม่ยิ้มเท่าไหร่ ผมมีความสุขที่สุดตอนเจอ FC นะครับ ตอนผมไปซื้อของ หรือว่าไปเที่ยว ผู้ใหญ่ หรือว่าวัยรุ่นก็จะเรียก โอ้พี่ยูล คนรู้จัก คนถ่ายรูปด้วย ผมแค่คนธรรมดา คนต่างชาติมาอยู่ที่ไทย หลายๆ คนชอบผม รักผม ผมรู้สึกดีใจมากนะครับ ชีวิตต่างกันมาก เมื่อก่อนกับตอนนี้ มีความสุขมากด้วย บางทีมีเหนื่อยนะครับ ช่องผมอาทิตย์นึงอัพโหลดประมาณ 3-4 คลิป แต่ว่าช่วงไหนยุ่งมาก มีงานเยอะ บางทีก็เครียดนะครับ แต่ว่าอ่านคอมเมนต์ก็หายเครียดนะ จริงๆ ผมแค่คนต่างชาติธรรมดาๆ แต่หลายคนเขียนคอมเมนต์ให้กำลังใจผม ผมก็โอเค หลายๆ คนให้กำลังแบบนี้เราจะเครียดได้ไง โอเคทำต่อ ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดแบบ Positive แฟนผมบอกว่าช่องผมโชคดี คนที่คนเขียนคอมเมนต์ไม่ดีก็น้อยมาก แต่ว่ามีนะครับบางที แต่ผมไม่สนใจเท่าไหร่ครับ ประมาณ 99% ก็ให้กำลังใจผม ชอบผม แค่1% ไม่ชอบผม ก็คือรู้สึกว่าคุ้มนะ อันนี้พูดคุ้มได้หรือเปล่า ผมไม่สนใจอยู่แล้วแค่ 1% ยูทูบผมก็ต้องทำเรื่อยๆ จนถึงไม่มีใครดูคลิปของผม ก็อยากทำเรื่อยๆ นะครับ เพราะว่าหลังจากทำยูทูบกับไม่ทำ ชีวิตต่างกันมากนะครับ ถ้าผมไม่ทำยูทูบตอนนี้อาจจะอยู่ที่ออฟฟิศทำงานเหมือนเดิมก็ได้นะครับ ผมก็ทำยูทูบก็เจอ FC หลายๆ คน แล้วผมก็อ่านคอมเมนต์ก็รู้สึกสบายใจ รู้สึกดีด้วย ก็เลยอยากจะทำเรื่อยๆ นะครับ จนกว่าจะไม่มีใครดู” |
พีคสุด 5 แสนต่อเดือน!!
“ผมก็ได้เงินจากยูทูบ เฟซบุ๊กนะครับ เดือนนึงประมาณหลักแสนนะครับ บางทีก็มีคนจ้างผมโฆษณา ก็ได้เงินเหมือนกันนะครับ ยูทูบรายได้ก็มาจากยอดวิว ไม่เกี่ยวกับคนติดตามนะครับ ถ้ายอดไหนวิวปัง ก็ได้เงินเยอะ ถ้าเดือนไหนยอดวิวน้อยก็ได้เงินน้อย ถ้าเดือนไหนได้เงินเยอะก็หลายแสนเหมือนกันนะครับ ค่าโฆษณาอย่างเดียวก็ประมาณ5 แสนบาทก็มีบางเดือนนะ ไม่ใช่ทุกเดือนนะครับ แต่ส่วนมากเป็นหลักแสนนะครับ” |
ดูโพสต์นี้บน Instagram
@livestyle.official ...ภูมิใจในฉายา "โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก" นี่แหละความสบายใจที่ค้นหามาทั้งชีวิต... #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #ยูทูบเบอร์ #youtuber #โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก #RYUNTIME ♬ original sound - LIVE Style
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : จิตริน เตื่อยโยชน์
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : แฟนเพจ “RYUNTIME”, อินสตาแกรม “@RYUNTIME”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **