xs
xsm
sm
md
lg

เครียด-เศร้า-หัวใจต้องการเยียวยา ถึงเวลา “ศิลปะบำบัด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครียดเกินไปหรือเปล่า? ทั้งหมดจะหายไป เมื่อรู้จักกับ “Art Therapy ” ปลดปล่อย ผ่อนคลาย เพราะ “ศิลปะจะเยียวยาทุกสิ่ง”

ศิลปะ = เยียวยา

ทุกวันนี้คุณเครียดเกินไปหรือเปล่า? ทั้งจากข่าวการเมือง เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ดราม่ารายวันที่มีให้เราอ่านกันตลอด คงทำใครหลายคนรู้สึกว่าโลกนี้มีแต่ความเครียด งั้นมาทำความรู้กับ “Art therapyศิลปะบำบัด” ที่อาจช่วยคุณผ่อนคลายได้

“ศิลปะบำบัด”(Art therapy)การเยียวยาด้วยเทคนิคทางศิลปะ ทำให้ได้แสดงความรู้สึกและความคิดออกมา เพื่อช่วยให้ค้นหา เปิดรับภาวะอารมณ์ของตัวเอง และจัดการความเครียดความเศร้า



ผู้เข้าร่วมไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางศิลปะเช่นวาดภาพ ระบายสี ใดๆ เพราะ”ศิลปะบำบัด”เป็นการแสดงออกของตัวคุณ ไม่ได้เน้นความสวยงาม

ไม่ใช่แค่จัดการเรื่อง อารมณ์และความเครียดเท่านั้น มันยังช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เหมาะคนที่อยากค้นหาตัวตนและอยากเข้าใจตัวเองในแง่มุมที่แตกต่างออกไป

The American Art Therapy Association อธิบายว่า เป็นกระบวนการทางศิลปะเพื่อเพิ่มความสุขทางใจและร่างกาย ให้ผลงานที่สร้างสรรค์ได้ช่วยให้ผู้คนได้ค้นพบ แสดงออก และรู้จักกับทางเลือกใหม่ๆ ในการเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง



นุช-นุชนารถ รัตนเวโรจน์เจ้าของ “Sanit Handmade”โรงเรียนสอนปั้นเซรามิก ดินเผาและงานคราฟต์ เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ทดลองใช้ “ศิลปะบำบัด”กับคนใกล้ตัวอย่าง คุณพ่อและคุณแม่วัยเกษียณ จนเป็นที่มาของการตั้งโรงเรียนสอนปั้นเซรามิก

“คุณพ่อเป็นสถาปนิก เมื่อเกษียณแล้วเริ่มรู้สึกไม่มีอะไรทำ เหมือนกับว่าตื่นเช้ามาในแต่ละวันงานที่เคยทำหรือคุณค่าในแต่ละวันมันไม่มี คุณพ่อเริ่มรู้สึกเบื่อ”



                                                            {นุช-นุชนารถ รัตนเวโรจน์}

เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน มีโอกาสได้ไป พิพิธภัณฑ์ดินเผา ที่ญี่ปุ่น ก็เห็นว่ามีการเปิดโอกาสให้คนมากมายทดลองปั้นงาน มีทั้งคนที่กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน คนที่เป็นซึมเศร้า รวมเด็กๆและผู้สูงอายุ ในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยงานศิลปะ

“ทำไมงานปั้นถึงทำให้คนข้างๆเรา เขาดูนิ่งและมีความสุขอยู่กับงานปั้นหรืองานศิลปะ แล้วเขาก็รู้สึกภูมิใจกับสิ่งตัวเองสร้างขึ้นมาด้วย”

พอกลับมาบ้านเลยไปไปซื้อดินเหนียวกับอุปกรณ์ ให้คุณพ่อกับคุณแม่ลองทำเล่นๆ ระหว่างที่ต้องไปทำงานต่างประเทศ โดยปกติพ่อแม่จะโทรหาตลอดเพราะเหงาและอยากอยู่กับลูกหลาน

“แต่กลายเป็นว่าระหว่างที่ทำงานต่างประเทศ เป็น 10 วันที่พ่อแม่ไม่โทรหาเราเลย กลายเป็นที่ต้องโทรไป พอโทรไปก็ไม่อยากคุยกับเรา เพราะยุ้งอยู่กับการปั้นดิน”


HEAL ทั้งกายและใจ

แนวทางในการใช้ศิลปะเพื่อเยียวยาจิตมีหลายรูปแบบวาดภาพ ระบายสี หรือปั้น ก็ช่วยทำให้อารมณ์ได้ผ่อนคลายลงไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

จากบทความ “Art Therapyศิลปะบำบัดที่สามารถฮีลใจได้ด้วยตัวเอง” ของ www.dek-d.com ได้แจงประโยชน์ของ ศิลปะบำบัดเอาไว้ หลายอย่าง

“ลดความเครียด” เพราะตอนที่เราทำงานศิลปะนั้น ร่างกายจะมีระดับ“ฮอร์โมนคอร์ติซอล” ที่เป็นออร์โมนความเครียดลดน้อยลง “เพิ่มสมาธิ” เพราะต้องจดจ่ออยู่กับมัน อยู่ในโลกของตัวเองที่มีแค่เราเท่านั้น

“อารมณ์” ศิลปะบำบัดจะช่วยให้เราได้มีพื้นที่ในการรู้จักคิดและทบทวนตัวเอง และเป็นพื้นให้เราได้ปลดปล่อยอารมณ์ “ลดภาวะซึมเศร้า”เพราะมีพื้นที่ในการแสดงออกทางความรู้สึก จึงสมารถจัดการกับจิตใจที่ฟุ้งซ่านได้

ศิลปะบำบัดนั้นเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าคนที่ทำงานหนัก ต้องใช้สมองตลอดเวลา หรือคนที่เพิ่งผ่านประสบการณ์เลวร้ายในชีวิตมา ร่วมถึงผู้ป่วยในบางโรค ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งให้เหมาะสม

เจ้าของ“Sanit Handmade” เล่าว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ มีตั้งแต่หมอผ่าตัดเอเจนซี่โฆษณาที่ต้องใช้สมองในการทำงานคนที่มีสมาธิสั่น แม้แต่เด็กที่ครอบครัวกังวลเรื่องติดจอมากเกินไปก็มี หรือคนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็มาเรียนเยอะเหมือนกัน
 


“เด็กบางคนที่มีการเรียนรู้ช้า หรือดาวน์ซินโดรม ก็ยังมาเรียน จิตนาการของเขาที่ผ่านสมอง ส่งมือของเขาและออกมาในการปั้น พ่อแม่สามารถเรียนรู้ได้เลยว่าลูกกำลังคิดอะไร สนใจเรื่องอะไรอยู่”

และมีเจ้าหน้าที่ที่มาเรียนรู้กับเรา เพื่อเอาไปสอนให้กับเด็กๆที่เป็นโรคกล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ การปั้นเป็นการบำบัดโดยตรง เพราะ ต้องใช้กล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อตาและสมอง ที่สัมพันธ์กัน

นุช ยังกล่าวเสริมอีกว่า นอกจากเรื่องการเยียวยาและสมาธิแล้ว การปั้นดินและเซรามิก ยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ต่อคนรอบตัวและความภูมิใจในตัวเองอีกด้วย
 


“บางคนมาเป็นครอบครัว มากับแฟน บางคนมากับกลุ่มเพื่อน บางคนก็มาคนเดียวพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาททำกิจกรรมรวมกันลูก หรือความสัมพันธ์ที่ต่างวัยกันมากๆระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก พอมานั่งปั้นด้วยกันมันเป็นเวลาที่อบอุ่นสำหรับครอบครัว”

การที่เขาได้ใช้จิตการสร้างสิ่งที่อยู่ในหัวแล้วปั้นออกมาเป็นชิ้นงานได้โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองทำสิ่งนี้ได้ เพราะยังไม่เคยลอง แต่พอชิ้นงานเสร็จออกมา มันสร้างความภูมิใจให้กับเขาได้

“คุณจะลืมเวลาไปเลย คุณไม่ดูนาฬิกา คุณจะไม่จับมือถือ จิตเราอยู่กับสิ่งอยู่ตรงหน้าโดยที่ไม่ว๊อกแวก เสนห์ของมัน ถ้าได้ลองทำแล้วคุณจะเข้าใจ”

สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น