นี่แหละพลังโซเชียลฯ ถ้ารู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ ลูกสาวโพสต์ตามหาแม่ที่พลัดพรากนาน24ปี ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวได้เจอฝากเป็นกำลังใจถึงทุกคนที่พลัดพราก“อย่าหมดหวัง”อยากให้ใช้เรื่องของเธอเป็นแรงบันดาลใจ
ขอบคุณพลังโซเชียลฯ ที่ทำให้ฝันเป็นจริง
กลายเป็นไวรัลใน TikTok อยู่ในตอนนี้ เมื่อผู้ใช้ TikTok “@n_nnnn111222” ได้โพสต์ภาพตามหาคุณแม่ ที่พลัดพรากกันนานถึง 24 ปี เพียงแค่วันเดียวก็ได้เจอ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “ขออนุญาตให้ทุกคนช่วยตามหาแม่ให้หน่อยนะคะ แค่อยากรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ไหม อยากเห็นหน้าสักครั้งค่ะ มีช่องทางติดต่อบ้างก็ยังดีค่ะ”
โดยเป็นภาพคุณแม่สมัยสาวๆ ที่กำลังนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ พร้อมใส่ชุดนักศึกษาในสมัยนั้น พร้อมกับบรรยายในภาพว่า “ขอพื้นที่ตามหาแม่หน่อยนะคะ แม่เป็นคนนครสวรรค์ อ.บรรพตพิสัยค่ะ แค่อยากรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ไหม เราไม่เคยเห็นแม่เลยตั้งแต่เกิด เคยโพสต์ไปครั้งนึงแล้ว ขอโพสต์อีกรอบ เพราะยังหาไม่เจอเลยค่ะ”
โพสต์ดังกล่าวได้รับการแชร์ และมีคนเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก เพราะอยากให้เธอสมหวัง จนกลายเป็นไวรัลในTikTok จนในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง
ไม่รอช้า ทางทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปทางเจ้าของโพสต์ที่กำลังเป็นไวรัลในโซเชียลฯ อยู่ในตอนนี้ เธอชื่อ “น้ำ-ณัฐนิชา บัวแก้ว” วัย 24 ปี เธอยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงจากชีวิตเธอ ไม่ใช่คอนเทนต์
“หนูโพสต์ไปช่วงเย็นๆ แล้วมาเจอช่วงเย็นๆ ของอีกวันนึง ก่อนหน้านั้นหนูก็เคยโพสต์ แต่ไม่ได้มีรูปเหมือนครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นโพสต์เป็นข้อความเฉลยๆ ก็มีคนมาคอนเมนต์ว่าเดี๋ยวจะช่วยตามหาให้นะ แต่ไม่ได้เยอะขนาดนี้ มีหนึ่งคนที่เขาบอกว่าเขาอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่ก็หายเงียบไปเลย
ตอนนั้นคลิปมันไม่แมส คนดูไม่เยอะ ก็เลยกลับมาโพสต์อีกครั้งนึง รอบนี้มีโพสต์รูปไปด้วย ก็มีคนเห็น คนดูเยอะขึ้น ทำให้น้องคุณแม่เขาเล่น TikTok พอดี แล้วเขาเห็น แล้วเขาบอกว่า เป็นพี่ของผมเอง ก็เลยส่งไปให้คุณแม่ดู พอดีคุณแม่เขาไม่ค่อยเล่นโซเชียลฯ ค่ะ”
และเมื่อถามถึงวินาทีที่ได้รู้ว่าคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็บอกว่า รู้สึกดีใจมาก ไม่คิดว่าโพสต์ไปวันเดียว จะได้เจอคุณแม่เร็วขนาดนี้ ขอบคุณพลังโซเชียลฯ ที่ทำให้ฝันของเธอเป็นจริง
“ก็อยากจะขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันตามหา คือเจอได้ไวมาก ไม่คิดว่าจะได้ไวขนาดนี้ ก็ตกใจค่ะ ทีแรกนึกว่าคลิปจะไม่แมส เพราะคนดูแค่สองร้อย พอมาตอนเช้ามันก็สองหมื่น ตอนเย็นมันก็เป็นแสน ก็ได้เจอ
ก็ดีใจค่ะ หนูก็แอดเฟซบุ๊กคุณแม่ไป แล้วคุณแม่เขาก็ทักมาในแชทค่ะ แล้วก็โทรมา แต่หนูไม่ได้รับสาย เพราะว่าหนูทำตัวไม่ถูกค่ะตอนนั้น
ตอนนี้ก็ได้คุยกับคุณแม่แล้ว แต่ว่ายังไม่ได้เจอตัวจริง ก็คุยกันแบบวิดีโอคลอค่ะพอดีวิดีโอคลอกับญาติฝั่งคุณแม่ด้วย ก็เลยร้องไห้ คุณยายเขาก็อยากเจอเราเหมือนกัน แม่ก็ถามเรื่องงานว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก
คุณแม่เขาก็บอกว่าตามหาเราเหมือนกันค่ะ แต่ว่าหาไม่เจอ ตามหาในเฟซบุ๊ก พิมพ์ไปก็ไปเจออยู่จังหวัดอื่น อายุ 30 กว่าแล้วเขาก็บอกว่าไม่ใช่เรา
ทางน้องๆ ของแม่บอกว่าเดี๋ยวเขาโตเขาก็ตามหาเราเองแหละ ทางนั้นก็ช่วยกันตามหา แต่ว่าหาไม่เจอ หากันในเฟซบุ๊ก
หนูอยู่นครสวรรค์ ตอนนี้คุณแม่อยู่สุราษฎร์ธานี พอดีแม่มีครอบครัวใหม่ และคุณแม่บอกว่าเดี๋ยวปีหน้ากลับไปหาค่ะ เพราะคุณแม่มีแพลนจะเดินทางมาหาปีหน้าช่วงสงกรานต์”
ไม่น้อยใจ ขอแค่รู้ว่ายังสบายดี
แม้จะต้องพลัดพรากจากแม่ตั้งแต่เด็ก จนจำหน้าผู้เป็นแม่ไม่ได้ แต่เธอก็ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาที่เธอต้องเจอ เพราะเธอมีพ่อ และคุณย่าคอยเลี้ยงดู พร้อมให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดี และไม่เคยโกรธผู้เป็นแม่เลย เพราะเธอเข้าใจว่าในตอนนั้นผู้ใหญ่อาจจะเหตุผลหลายๆ อย่าง
“พอดีว่าคุณแม่เขาคลอดหนูออกมาแล้วก็น่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างกับพ่อ แม่ก็เลยไม่ได้กลับมาค่ะ ไม่เคยเห็นหน้าแม่ หรือว่าจำไม่ได้หรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจ พอโตขึ้นทางครอบครัวของคุณพ่อก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับแม่ แต่ว่าหนูยังไม่เคยเห็นหน้าของแม่ ก็เลยโพสต์ตามหาค่ะ
หนูก็เข้าใจนะคะ เขาก็มีเหตุผลของกันและกัน ก็ไม่ได้เสียใจ เพราะว่าหนูก็มีพ่อ ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพราะอยู่ฝั่งของคุณพ่อก็เติมเต็ม มีคุณย่าด้วย ที่เลี้ยงมาแทนคุณแม่ คุณพ่อส่วนใหญ่ก็ไปทำงานแบบไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กับคุณย่า ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยติดต่ออะไรคุณแม่เลยค่ะ เพราะว่าไม่มีช่องทางติดต่อค่ะ เห็นแต่ในรูปค่ะ
ทางครอบครัวเขาก็เคยบอกนะคะว่า คุณแม่มีครอบครัวใหม่ที่ภาคใต้นะ แต่หนูก็ไม่ได้อะไร ช่วงนั้นน่าจะประมาณอายุ 15-16 ปีค่ะ ตอนนั้นหนูยังไม่ได้ลองตามหาดู เพราะว่าพอรู้ว่าแม่เขามีครอบครัวใหม่ก็เลยยังไม่กล้าตามหา กลัวครอบครัวใหม่เขารับไม่ได้”
เธอเล่าอีกว่า อยากตามหาแม่มาโดยตลอด แต่ด้วยตอนนั้นยังเด็ก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตามหาในช่องทางไหนได้บ้าง แต่พออยู่ในช่วงเรียนมัธยม เธอเริ่มเข้าถึงโซเชียลฯ มากขึ้น เธอจึงใช้ช่องทาง TikTok ให้เกิดประโยชน์ ด้วยความที่อยากเห็นหน้าคุณแม่สักครั้งในชีวิต เธอจึงตัดสินใจโพสต์ตามหา
“จนช่วงมัธยมค่ะ อยากรู้ว่าแม่เป็นยังไงบ้าง แต่ว่าช่วงนั้น ยังไม่มี TikTok เข้ามาเลย มีแค่เฟซบุ๊ก หนูก็เลยยังไม่รู้ต้องโพสต์อะไรยังไง แล้วช่วงเรียนจบแล้ว ก็เริ่มมี TikTok เข้ามาเลย หนูก็เริ่มลองโพสต์ดูไปครั้งนึง แต่ว่าก็ไม่เจอ
ปีนี้ก็เลยลองโพสต์อีก เพราะว่าอยากเห็นว่าแม่สบายดีไหมเพราะคนใน TikTok เขาเจอเพื่อน เจอแม่กันเยอะ หนูก็เลยลองหาดู”
ท้ายนี้ เธอจึงฝากเป็นกำลังใจไปถึงทุกคนที่พลัดพรากจากคนที่รักว่า “อย่าหมดหวัง” อยากให้ใช้เรื่องของเธอเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเธอเองก็เชื่อในพลังโซเชียลฯ เพราะมีอีกหลายคนที่ใช้พลังโซเชียลฯ เป็นกระบอกเสียงตามหาคนรักที่พลัดพรากถ้ารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์
“ก็อยากให้เขาได้ตามหาค่ะ เพราะว่าโซเชียลฯ ทุกวันนี้ก็ไวมาก แล้วก็คนไทยก็ช่วยกันจริงๆ เขามีน้ำใจที่จะช่วย พร้อมสนับสนุนให้ตามหาเถอะ ถึงแม้เขาอาจจะคิดว่าเขาไม่อยากเจอเรา แต่อย่างน้อยเราก็ได้เจอเขา ได้รู้ว่าเขาเป็นยังไงก็โอเคแล้วค่ะ
เชื่อพลังโซเชียลฯ เพราะว่าเห็นหลายๆ คนแล้วได้เจอจริงๆ อยากให้ทุกคนลองโพสต์หาคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนดูนะคะ หรือคนที่อยากเจอ ยังไงคนไทยก็ช่วยกันได้อยู่แล้วค่ะ อยากเป็นกำลังใจให้ อยากให้ทุกคนได้เจอเหมือนที่น้ำได้เจอค่ะ”
เรื่องนี้ ถือเป็นหนึ่งปรากฏการณ์ที่ย้ำให้เห็นว่า โลกโซเชียลฯ ไม่ใช่มีแต่ความบันเทิงเท่านั้น แต่พลังการสื่อสารในโซเชียลฯ ถ้ารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็ช่วยชีวิตคนได้หลากหลายทางจริงๆ
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
