เปิดใจ “หมวยเล็ก - ดลพร” จากอดีตแอร์โฮสเตสป่วยง่าย สู่เทรนเนอร์และแชมป์เพาะกายหลายเวที ก้าวข้ามกรอบความงาม ผู้หญิงมีกล้ามก็สวย strong ไม่แพ้ใคร!!
นางฟ้าบนเครื่อง สู่นางฟ้าเพาะกาย
“เป้าหมายสูงสุดของตัวหมวยเอง หมวยต้องการเป็น inspiration หรือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ได้หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น หันมาออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งมากขึ้น เพราะว่าจากประสบการณ์ส่วนตัว เราเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพมาก่อน แล้วเรามาออกกำลังกายทางด้านนี้ เรารู้สึกสุขภาพดีขึ้น ไม่เพียงแต่สุขภาพนะคะ สุขภาพจิตเราก็ดีขึ้น
ต้องบอกตามตรงว่าผู้หญิงเล่นกล้ามในสมัยนี้ หลายคนก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัว มันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ควรทำนะ ผู้ชายสิควรจะมีกล้าม ซึ่งตรงนี้หลายคนเคยเข้ามาทำแล้ว แต่สุดท้ายก็หยุดไปเพราะเจอคำวิพากษ์วิจารณ์
ตัวเราเองก็เคยเจอมาก่อน แต่เราสามารถก้าวผ่านในจุดนั้นมาได้ และเราได้ในสิ่งที่มันดีกับเราจริงๆ เราก็เลยอยากเป็นแรงบันดาลใจ แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนกล้าที่จะทำอะไรที่แตกต่างค่ะ"
สาวสวยเจ้าของรอยยิ้มสดใส และร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามผู้นี้คือ “หมวยเล็ก - ดลพร แทนบุญไพรัช” เทรนเนอร์เวทเทรนนิ่ง วัย 29 ปี
แต่กว่าที่หมวยเล็กจะได้รูปร่างสุด strong นี้มาครองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นนางฟ้าของสายการบินแห่งหนึ่ง แต่ด้วยปัญหาสุขภาพที่มักป่วยอยู่เสมอ จึงทำให้เธอเข้าสู่วงการออกกำลังกายด้วยการเวทเทรนนิ่ง จนร่างกายแข็งแรงขึ้นตามลำดับ
แต่ความหลงใหลในเสน่ห์ของการออกกำลังกาย ทำให้เธอไม่หยุดแค่นั้น หมวยเล็กตัดสินใจก้าวเข้าสู่แวดวง “เพาะกาย” จนสามารถคว้าแชมป์เวทีใหญ่มาครองได้สำเร็จในเวลาต่อมา!!
อะไรทำให้เธอเดินมาถึงจุดนี้ได้ มารู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน ตามบรรทัดต่อจากนี้ ...
[ ชิมลางสายประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2011 ]
“หมวยเคยผ่านการประกวดมิสทีน (มิสทีนไทยแลนด์ 2011) มาตั้งแต่สมัยช่วง ม.ปลาย ประสบการณ์ในเรื่องของการทำงาน ได้มีโอกาสทำงานในวงการบันเทิงในลักษณะที่เป็นพิธีกร ถ่ายแบบต่างๆ จากนั้นเราก็ได้มาเรียนต่อที่คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ม.เกษตรศาสตร์ค่ะ
พอหลังจากที่เรียนจบแล้วก็มาทำงานตรงสาย คือการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อาชีพแอร์ฯ ก็เหมือนสาวๆ หลายคนที่ใฝ่ฝันว่าครั้งนึงอยากจะเดินสวยๆ ในสนามบิน มีอาชีพการงานมั่งคง เงินเดือนดี ได้ท่องเที่ยว หมวยก็มีความฝันเหมือนสาวๆ ทั่วไปเลย แล้วได้เรียนจบมาทางด้านเอกภาษาด้วย ก็เลยค่อนข้างที่จะตรงสายกับสิ่งที่เราเรียนมาค่ะ
เป็นแอร์โฮสเตสมาทั้งหมด 6 ปีก่อนจะลาออกมา ปัจจุบันหมวยเล็กเป็นเทรนเนอร์ฟรีแลนซ์อยู่ค่ะ แล้วก็ทำธุรกิจออนไลน์ ย้ายมาอยู่ จ.อุบลฯ เพราะว่าแต่งงานแล้วด้วยค่ะ”
[ อดีตนางฟ้าสายการบินดัง ]
เธอยอมรับว่า สมัยก่อนถือได้ว่าตนเองคือสาวปาร์ตี้ผู้ไม่เคยคิดดูแลตนเอง แต่เมื่ออาการป่วยรุมเร้าและคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น จึงเริ่มค่อยๆ เปิดใจให้กับการออกกำลังกาย
“จริงๆ หมวยเล็กออกกำลังกายมาประมาณ 4 ปีตั้งแต่ตอนเป็นแอร์ฯ แล้วค่ะ สาเหตุเป็นเพราะเรามีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ ตอนนั้นเดือนนึงเราจะป่วยอยู่ประมาณ 2-3 ครั้งได้ ความยากสำหรับหมวย มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยน lifestyle ทั้งหมดเลยค่ะ สังคม สิ่งแวดล้อมต่างๆ ของเราก็เปลี่ยนใหม่หมดเลย ก็เลยเรียกว่ามันยากจากตรงนี้
ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อไหร่ที่เราปาร์ตี้มันก็นอนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ มันก็ไม่ดีต่อร่างกาย อาหารการกิน กับแกล้ม ของทอด เราก็เลยเริ่มตระหนักแล้วว่ามันไม่ใช่แล้วนะที่เราจะป่วยแบบนี้ เริ่มออกกำลังกายมั้ย ก็เลยตัดสินใจที่จะมาออกกำลังกายประเภทของเวทเทรนนิ่ง
พอหมวยมามองเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ การที่เลิกปาร์ตี้ไปเลยมันก็เลยเป็นเรื่องเล็กไปเลย ถามว่ายากมั้ย ไม่ได้ยากมากแต่มันอยู่ที่สังคมที่เราคบ เพื่อนที่เราอยู่ ถ้าสมมติว่าเราย้ายตัวเองมาอยู่ในสังคมใหม่ๆ ชวนกันวิ่ง ชวนกันไปออกกำลังกาย ชวนกันไปเข้าคลาส มันก็จะทำให้เราปรับตัวโดยที่เราไม่รู้สึกฝืนหรือเคอะเขินอะไรค่ะ”
ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การรักษาสุขภาพเป็นเทรนด์ที่คนทั่วโลกหันมาใส่ใจกันมากขึ้น ซึ่งในฐานะที่ตนเองเทรนเนอร์ ก็ยอมรับว่าอาชีพนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามความนิยมในขณะนี้
“พอเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องที่หลายคน concern หรือว่าใส่ใจมากขึ้น การมาเทรนหรือการได้สัมผัสกับเทรนเนอร์โดยตรง แล้วก็ดีไซน์โปรแกรมได้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า หมวยก็เลยมองว่าอาชีพเทรนเนอร์เป็นอาชีพที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในสมัยนี้ค่ะ
(ทำอาชีพเทรนเนอร์) หลังจากออกจากแอร์ฯ ทำมาประมาณเกือบ 2 ปี รับแต่ผู้หญิงค่ะ ส่วนใหญ่ผู้หญิงเราก็จะชอบในเรื่องของหน้าท้องลีนๆ มี Six Pack แล้วก็ชอบในเรื่องของบอดี้ก้น อยากได้ก้นให้มันดูกระชับ ไม่ชอบก้นใหญ่ บางทีก้นใหญ่ไปแล้วมันหมดความมั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้า
หรือบางคนไม่ได้อยากได้กล้ามเนื้อไซส์ที่มันชัดเหมือนหมวย แต่อยากได้ในเรื่องของความกระชับของแขน เวลาที่จับไปแล้วมันไม่กระเพื่อม อะไรประมาณนี้ค่ะผู้หญิงเรา (ยิ้ม)”
สร้างกล้ามยากแล้ว รักษายากกว่า
แม้ในช่วงแรก หมวยเล็กตั้งใจให้การออกกำลังกายเป็นการทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น แต่หลังจากได้ชิมลางการประกวดเพาะกายในเวทีแรก ก็ทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“ณ ตอนนั้นเราแค่อยากได้เรื่องของสุขภาพที่ดี จากที่ป่วยบ่อยก็หลับนอนดีขึ้น อาหารการกินก็ดีขึ้น สุขภาพต่างๆ ก็คล่องตัว แต่ด้วยจังหวะเทรนเนอร์ของหมวยเขาเป็นผู้หญิง เป็นนักกีฬาเพาะกายด้วย บวกกับว่าเขาเห็นว่าเราเคยผ่านงานทางด้านสายประกวดมา
ตอนนั้นออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งได้ประมาณ 3 เดือน เขาก็ชวนเราไปประกวดเวทีแรกเลยที่ จ.อยุธยา นั่นเลยเป็นจุดเปลี่ยนของเรา จากที่อยากได้ในเรื่องของสุขภาพอย่างเดียว เราอยากได้ในเรื่องของหุ่นสวยด้วย
พอไปเห็นการประกวดตรงนี้มันเลยจุดประกายหลายๆ อย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้หมวยรู้สึกว่า จริงๆ แล้วผู้หญิงดูแลสุขภาพ มีกล้ามเนื้อมันดูเท่นะ มันดู healthy มากๆ แล้วเราชอบทางด้านนี้ด้วย มันก็เลยทำให้เรากลับมาออกกำลังกายที่หนักขึ้น เพื่อเป้าหมายในเรื่องของการมีรูปร่างที่สวยขึ้นค่ะ”
สำหรับชีวิตประจำวัน เทรนเนอร์สาวให้เวลากับการออกกำลังกายเป็นหลัก และด้วยอีกงานที่ทำคือธุรกิจขายของออนไลน์ ทำให้เธอสามารถจัดสรรเวลาชีวิตได้ค่อนข้างง่าย
“ชีวิตประจำวันหลักๆ เลยก็คือ กิน ออกกำลังกาย นอน อันนี้คือ 3 เมนหลักค่ะ ในแต่ละวันตื่นเช้ามาหมวยเล็กก็จะทำการคาร์ดิโอ 1 ชั่วโมง แล้วก็ทำอาหารเตรียมเอาไว้เลยทั้งวัน หลังจากนั้นเราก็จะไปออกกำลังกายใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ค่ะ ช่วงเย็นก็จะออกกำลังกาย คาร์ดิโออีก 1 ชั่วโมงค่ะ
แต่ด้วยอาชีพของหมวยมันทำงานออนไลน์ ก็จะสามารถทำผ่านโทรศัพท์ในระหว่างที่เราออกกำลังกาย ในระหว่างที่เราคาร์ดิโออะไรพวกนี้ได้อยู่แล้วค่ะ มันเลยทำให้เราสามารถเลือกเวลาชีวิตตัวเองได้มากขึ้น ทำให้เราสามารถโฟกัสจัดตารางการออกกำลังกาย การนอน การกิน ของตัวเองได้
แล้วบวกกับว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นสายขนมหวานจ๋ามากๆ มันก็เลยทำให้เวลาที่เราต้องลดไขมัน ตัดน้ำตาลออก หรือคุมอาหารหนักๆ มันไม่ได้ยากสำหรับหมวยมากค่ะ”
ถามถึงความยากกว่าที่จะได้หุ่นสุดเพอร์เฟคนี้มา แค่การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็ว่ายากแล้ว แต่การรักษาให้คงอยู่นั้นก็ยากไม่แพ้กัน
“ค่อนข้างยากนะคะเพราะหมวยเล็กเองมาจากคนธรรมดาเลย เราไม่ได้เป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ไม่ได้อยู่ในสังคมของนักกีฬา ดังนั้นมันค่อนข้างที่จะใช้ระยะเวลาปรับตัวพอสมควรค่ะ
ส่วนในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็ออกค่อนข้างที่จะหนักขึ้นพอสมควรค่ะ ถ้าสมมติว่าเราเล่นน้ำหนักที่มันไม่ได้หนัก กล้ามเนื้อก็ไม่ได้ถูกพัฒนาด้วยค่ะ จากตรงนี้เราก็จะต้องมีโค้ชที่ดูแลเป็นพิเศษ ที่ทำในเรื่องออกแบบโปรแกรมอาหาร โปรแกรมการออกกำลังกาย ทุกอย่างต้องสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน
เพราะว่าส่วนนึงกว่าที่เราจะได้หุ่นนี้มาต้องบอกตรงๆ ยาก (หัวเราะ) เราก็ไม่อยากให้มันหายไป ดังนั้นสิ่งที่สำคัญหลังจากที่ได้หุ่นมาแล้ว มันก็เรื่องของการ maintain คือสิ่งที่ยาก แต่พอเราทำมาได้ซักระยะนึง มันก็เริ่มติดเป็นนิสัยของเรา มันก็ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันในช่วงที่เรายังไม่ได้แข่ง เราก็จะระมัดระวังในเรื่องของการกิน แล้วก็มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
จากที่ปกติเราจะออกกำลังกายเพื่อในเรื่องของสุขภาพ ในบางวันที่เรารู้สึกป่วย เราก็จะไม่ออกกำลังกาย ในบางวันที่เรารู้สึกว่าเราไม่ว่างจริงๆ เราก็จะ skip วันออกกำลังกาย แต่พอมาเป็นนักกีฬา ต่อให้คุณป่วย คุณไม่สบาย คุณไม่ว่าง ยังไงการซ้อมคุณก็ต้องมาก่อนอันดับแรก”
[ ชั่ง วัด ตวงทุกอย่างที่รับประทาน ]
ส่วนความยากด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการออกกำลังกาย จะเป็นในส่วนของอาหารการกิน การพักผ่อน ตลอดจนการจัดการกับความเครียด ซึ่งทุกอย่างส่งผลสัมพันธ์กันหมด
“ในเรื่องของอาหารก็ใช้คำว่าค่อนข้างระมัดระวังพอสมควร เพราะว่าในการมาเป็นนักกีฬาเพาะกาย มันจะไม่เหมือนการไดเอตสำหรับคนทั่วๆ ไป เลี่ยงของมัน ทอด ของที่เรากินจะต้องมีคุณภาพ อาหารทุกมื้อของเราต้องชั่ง วัด ตวงทุกอย่างที่กิน ปริมาณจะต้องถูกกำหนดมาทุกอย่าง เครื่องปรุง ซอส เราก็จะคุมปริมาณโซเดียมทุกอย่างเลยค่ะ
จากที่เราเป็นคนไม่ทำอาหารเลย เราก็ต้องมาฝึกทำอาหาร จากคนไม่จ่ายตลาดก็ต้องไปจ่ายตลาด เลือกดูวัตถุดิบต่างๆ เอง ดังนั้นมันค่อนข้างเปลี่ยนนิสัยในเรื่องการทำอาหารของเรา
เรื่องของการหลับนอนที่ปกตินอน 6 ชั่วโมงคือเพียงพอแล้ว แต่พอเป็นนักกีฬาต้อง 8-9 ชั่วโมงต่อวันค่ะ รวมถึงในเรื่องของการจัดการความเครียดต่างๆ ถ้ามาเป็นนักกีฬา ของผู้หญิงเราจะมีในเรื่องของการลีนไขมันออกให้ได้เยอะที่สุด ดังนั้นถ้าเป็นคนที่เครียด มันก็ส่งผลต่อในเรื่องของฮอร์โมนในการลดไขมัน ก็ต้องจัดการในเรื่องของความเครียดตัวเองให้เก่ง
ครอบครัวก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจและซัพพอร์ตในจุดที่เราเป็นตรงนี้ เพราะเขาก็จะรู้นิสัยเราตั้งแต่เด็กว่าเวลาเราทำอะไร เราจะจริงจังในสิ่งที่จะทำ ส่วนคนใกล้ตัวเราอย่างแฟนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว เขาก็จะเข้าใจเรา ตรงที่ว่าถ้าเราหายไปยิม 3 ชั่วโมง เป็นเรื่องปกตินะ หรือบางวันที่เรากลับมาแล้วเราเหนื่อย เราไม่สามารถไปกินข้าวข้างนอกกับเขาได้ ก็เลยทำให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นด้วยค่ะ”
“ผู้หญิงมีกล้าม” ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร
จากที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าหมวยเล็กก้าวเข้าสู่วงการเพาะกาย ตั้งแต่สมัยที่เธอยังทำอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จากความสวยน่ารักแบบนางฟ้า เปลี่ยนมาเป็นสวย strong สไตล์นักกีฬาเพาะกาย ซึ่งรูปร่างที่เปลี่ยนไปก็ไม่ได้มีผลกระทบต่องานที่ทำในขณะนั้น
“จริงๆ ถ้ามองเรื่องของความสวย ความงาม มันก็อยู่ที่แต่ละคนจะมอง บางคนก็ชอบผู้หญิงอวบ ดูน่ารัก บางคนชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูผอมบางใส่เสื้อผ้าสวย แต่บางคนชอบแบบฟิตเฟิร์ม
ดังนั้นในเรื่องของความชอบตรงนี้มันเป็นเรื่องของแต่ละคน ว่าจะชอบในรูปร่างหรือในลักษณะแบบไหน แม้กระทั่งตัวหมวยเล็กเอง ในตอนที่หมวยเป็นแอร์ฯ แล้วก็ตอนที่เป็นเพาะกาย หมวยก็ชอบตัวเองทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
อย่างที่หมวยบอกว่าการมาเป็นนักกีฬาตรงนี้ เราไม่ได้เน้นในเรื่องของขนาดที่ใหญ่ ดังนั้นเวลาที่เราใส่เสื้อผ้าปกติ รูปร่างเราจะเหมือนคนธรรมดาเลยค่ะ มันจะไม่ได้ดูว่ากล้ามเป่งออกมานอกยูนิฟอร์ม หรือว่าท่าทางเราจะดูแมน มันก็ยังมีความเป็นผู้หญิง ยังมีความสวยงามเหมือนเดิม แต่แค่เวลาที่เราถอดเสื้อผ้าออกมาแล้วมันอาจจะเห็นกล้ามเนื้อที่มันชัดเจนค่ะ
เสน่ห์ของผู้หญิงมีกล้าม หมวยคิดว่ามันเป็นเรื่องของการดูแลตัวเองค่ะ คนชอบคนดูแลตัวเองอยู่แล้ว และมันก็เป็นสิ่งที่ดีในหลายๆ ด้านเลย ในฐานะที่เราเป็นลูก เราก็ไม่ต้องทำให้พ่อแม่เป็นห่วงว่าเราจะป่วยหรือไม่สบาย ในฐานะที่เราเป็นแม่คน เราก็จะรู้สึกว่าเราแข็งแรง มีอายุที่ยืน สามารถอยู่กับลูกได้ ในฐานะภรรยา เราก็สามารถยืนเคียงข้างสามี และรู้สึกว่าคนอื่นภูมิใจในตัวสามีเราที่มีแฟนเป็นเรา หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง เราก็ภูมิใจในตัวของเราเองด้วยค่ะ”
และหลังจากที่เรื่องราวของสาวสวยคนนี้ถูกส่งต่อออกไปบนสังคมออนไลน์ ก็ทำให้มีหลายคนเข้ามาความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปร่างของเธอในเชิงลบ หมวยเล็กกล่าวว่า ความชอบของคนเป็นเรื่องปัจเจก เธอยอมรับในความคิดที่แตกต่าง แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่ชื่นชม และยกให้เธอเป็นไอดอลเรื่องการดูแลตัวเอง
“หมวยจะคิดเสมอว่าความชอบคนเราไม่เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ได้ชอบในรูปลักษณ์ของเราแบบนี้ ก็ถือว่าไม่เป็นไร เพราะว่าบางทีในนิสัยของตัวเราเองเราก็ยังมีบางสิ่งที่เราก็ยังไม่ชอบเลย ดังนั้นพอเราคิดแบบนี้เราก็ยอมรับในความคิดที่แตกต่างได้
ที่เราทำ เราไม่ได้ทำแล้วมันเดือดร้อนกับใคร เราไม่ได้ออกกำลังกายจริงจังมาเป็นนักกีฬาแล้วเราไม่ทำงาน ไปกระทบต่อปัญหาครอบครัว ปัญหาทางด้านการเงินต่างๆ พอมันไม่ได้เดือดร้อนตรงนี้ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ในสิ่งที่เราทำ
และที่สำคัญมันได้ในเรื่องของสุขภาพ ถามว่าทุกคนอยากมีสุขภาพที่ดีมั้ย ทุกคนอยากมีค่ะ แต่ตัวเราเองเรามาทำตรงนี้ แม้ใครจะไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่เราทำเราได้กับตัวเราเองและเรารู้ว่ามันดีกับเรายังไง
ถ้าเรามีรูปร่างที่สวย ดีขึ้น มันจะสามารถต่อยอดอาชีพได้ และมีโอกาสหลายทางมากๆ ที่จะเข้ามาหาเรา ดังนั้นแค่คำวิจารณ์หรือคำติชมด้านลบ ก็เลยไม่ได้มีผลที่จะทำให้หมวยต้องหยุดความฝัน หรือหยุดที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบค่ะ
คนส่วนใหญ่พอเห็นหมวยในรูปจะดูว่าน่ากลัว แต่พอมาเห็นตัวจริง ทุกคนจะบอก ‘หุ่นสวยมาก ตัวเล็กนิดเดียวเอง พี่อยากได้หุ่นแบบนี้ น้องหมวยทำยังไง เป็นแรงบันดาลใจมากๆ เลยนะ เปิดเทรนเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่จะมาเลยนะ พี่อยากได้หุ่น ต้องหุ่นแบบนี้เลย ดูฟิต ดูเฟิร์ม ใส่ชุดว่ายน้ำสวยมากเลยพี่อยากได้ เป็นความฝันของพี่ซักครั้งนึง’ อะไรแบบนี้ค่ะ”
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างกล้ามเนื้อภาพนอกเท่านั้น แต่การต่อสู้กับจิตใจตัวเองก็สำคัญไม่แพ้กัน
“(อุปสรรค) ค่อนข้างเยอะเลยนะคะในการมาเป็นนักกีฬา เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเรามีเรื่องกระทบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่บ้าน ปัญหาการเงิน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความรัก ทุกอย่าง มันย่อมทำให้จิตใจเราห่อเหี่ยวอยู่แล้ว
กีฬานี้ต้องบอกตามตรง มันเป็นกีฬาที่แข่งขันในด้านของจิตใจ ดังนั้นหมวยเล็กเองเลยค่อนข้างที่จะวางแผนก่อนที่จะตัดสินใจมาเป็นนักกีฬาอยู่แล้วค่ะ ว่าถ้าเรามาเป็นตรงนี้ เราจะต้องไม่มีปัญหาด้านรายได้ เราจะต้องดูแลเรื่องของคนอื่นได้ดี
เวลาที่หมวยท้อหรือว่ามีปัญหา หมวยจะเป็นคนที่เสพสื่อพลังบวกค่อนข้างเยอะ ในเวลาที่คาร์ดิโอตอนเช้า หมวยก็จะเปิดคลิปจาก YouTube ฟังพวก mindset คนประสบความสำเร็จว่าเขาคิดอะไร เวลาที่เขาเจอปัญหาเขารับมือกับมันได้ยังไง ซึ่งตรงนี้เราก็เอามาปรับใช้กับชีวิตของเรา ทุกครั้งที่เรารู้สึกท้อหรือทุกครั้งที่มีเรื่องมากระทบจิตใจของเรา ที่ทำให้เราอยากล้มเลิกในสิ่งที่เรากำลังทำ มันก็ทำให้ผ่านอุปสรรคปัญหาจากตรงนั้นไปได้ค่ะ
เพราะว่าหลายคนที่ไม่สามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของการเป็นนักกีฬาได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถมีร่างกายที่แข็งแรงหรืออะไรพวกนี้นะคะ แต่บางทีมันมีเรื่องที่กระทบจิตใจ ที่ทำให้ไม่สามารถที่จะทำในด้านของตรงนี้ได้ดี”
ลุยฝัน “นักเพาะกายทีมชาติ”
ย้อนกลับไปราว 4 ปีที่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกกับประสบการณ์ การขึ้นเวทีประกวดเพาะกายของเธอ และนั่นก็เป็นการจุดไฟในเส้นทางการแข่งขันให้ลุกโชนมาจนถึงทุกวันนี้
“เวทีแรกของเรา ตอนนั้นเราไปแบบไม่ได้มีความรู้อะไรเยอะเลยค่ะ ณ ตอนนี้ก็ทำอาชีพแอร์ฯ อยู่ด้วยค่ะ แล้วเราก็ค่อนข้างที่จะใหม่ในวงการ อยากที่จะไปลองดูว่าเขาทำอะไรยังไง มีวิธีการแบบไหนยังไงบ้าง ด้วยความที่เราไปด้วยประสบการณ์ใหม่มากๆ มันก็เลยทำให้เรายังไม่ได้รางวัลอะไรเลยในการประกวดครั้งแรก
พอเรากลับมาจากประกวดครั้งแรกเสร็จ รู้สึกว่าเราเริ่มชอบ เราก็ออกกำลังกายหนักขึ้น แล้วก็อยากที่จะประกวดอีก เราก็ประกวดอีกประมาณ 2 เวทีได้ ณ ตอนที่เป็นแอร์ฯ อยู่ค่ะ แต่ละเวทีก็จะมีการพัฒนาตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ จากที่ได้ที่ 4 ก็ได้ที่ 3 ประมาณนี้ค่ะ
แต่พอหลังจากที่จบอาชีพแอร์ฯ มาแล้ว หมวยก็หยุดไปประมาณ 1 ปีครึ่ง เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงของโควิดด้วย ทำให้สถานที่ ยิมต่างๆ มันถูกปิด เราไม่มีสถานที่ซ้อม แล้วเราก็โฟกัสกับงานมากขึ้น ในช่วงนั้นก็เลยทำให้เราหยุดการเป็นนักกีฬาไปชั่วคราวค่ะ แล้วก็กลับมาประกวดใหม่เมื่อประมาณปีที่แล้ว”
การออกกำลังกายในชีวิตประจำวันว่าเคร่งครัดแล้ว ยิ่งเป็นช่วงของการเตรียมร่างกายเพื่อแข่งขัน ยิ่งต้องมีวินัยและรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าเดิมหลายเท่านัก
“สำหรับการแข่งขันครั้งนึง นักกีฬาจะต้องเตรียมตัวขั้นต่ำ 3 เดือนในการไดเอต หมวยก็กล้าพูดเลยว่า หมวยใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัว 1 ปีเต็มๆ เพราะว่าการประกวดครั้งนึงจะต้องมีการแก้บอดี้เราตลอดเวลา
การแก้บอดี้ก็คือการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการลดไขมันอีกรอบ เพื่อดูว่ากล้ามเนื้อที่เราสร้างขึ้นมามันเป็นยังไงบ้าง สวยมั้ย ขาดตกตรงไหนบ้าง เรียกได้ว่ามีการแก้บอดี้ เพิ่มขนาด ลดไซส์ กันแบบนี้ตลอดทั้งปีค่ะ
ถ้าอย่างรุ่นที่หมวยเล็กลงจะเป็นรุ่นโมเดลฟิสิค จะเน้นในเรื่องของความสวยงาม ความสมส่วนของกล้ามเนื้อเป็นหลัก จะดูในเรื่องของมัดกล้ามเนื้อ ว่าเรามีกล้ามเนื้อหัวไหล่หน้า กล้ามเนื้อไหล่หลังชัดมั้ย
เวลาที่เรากางปีกออกมา ดีเทลกล้ามเนื้อแต่ละมัดชัดเจนหรือเปล่า ดูแล้วสมส่วนมั้ย บอดี้ส่วนบน-ส่วนล่าง ดูโดยภาพรวมสวยสง่า ดูสบายตา เกณฑ์การตัดสินจะเป็นลักษณะนี้ค่ะ”
ถามถึงเรื่องของการสร้างกล้ามเนื้อในผู้หญิง เธออธิบายว่าค่อนข้างยาก เนื่องจากมีเรื่องทางกายภาพและฮอร์โมนมาเกี่ยวข้อง
“ถ้าเป็นการประกวดในไทย ส่วนใหญ่ในการแบ่งรุ่นการประกวด เขาจะใช้เกณฑ์ส่วนสูงมากกว่า ดังนั้นเรื่องของอายุอะไรพวกนี้ มีน้องแล้ว ไม่ได้เป็นปัจจัยอะไรค่ะ เยอะมากเลยค่ะที่มาสายนี้ แล้วก็บางคนเป็นคุณแม่แล้วก็มีค่ะ หรือบางคนอายุ 40 บวก ก็ยังประกวดค่ะ
การสร้างกล้ามเนื้อของผู้หญิงมันค่อนข้างใช้ระยะเวลามากๆ แต่ว่ารุ่นที่หมวยเล็กลง ไม่ได้ต้องการกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ แต่เราต้องการดีเทลกล้ามเนื้อที่ชัดมากกว่า แต่ของผู้หญิงจุดที่ยากเป็นเรื่องของการลดไขมัน เพราะว่าฮอร์โมนเพศของเรามันง่ายต่อการกักเก็บไขมันอยู่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงจึงมีปัญหาในเรื่องของการคุมอาหารค่ะ
(ส่วนที่ยาก) สำหรับตัวหมวยเล็กเลยคือเรื่องของก้นค่ะ เพราะหมวยมาจากคนที่ไม่มีสัดส่วน ไม่ได้มาจากคนอ้วนก็จริง แต่เป็นคนผอมที่ไม่มีสัดส่วน แขน ขา ไหล่ ลีบตรงไปหมด ก้นก็คือแบน ใส่กางเกงไม่สวย
กล้ามเนื้อก้นเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ต้องใช้ระยะเวลา บวกกับการกินในปริมาณที่มันเยอะ และการซ้อมที่มันต้องหนัก ดังนั้นส่วนนี้แหละค่ะเป็นส่วนที่ยากสำหรับเรามากๆ และสายออกกำลังกายทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการเล่นขาหรือเล่น lower body เป็นสิ่งที่มันหนักอยู่แล้วค่ะ”
[ ดีกรีแชมป์เพาะกาย ]
สำหรับรางวัลการันตีความสำเร็จในฐานะนักกีฬานั้น เธอเป็นเจ้าของแชมป์ ประเภทโมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงเกิน 164 ซม. จากเวที “ไทยแลนด์มัสเซิลแอนด์ฟิสิคแชมเปี้ยนชิพ 2022”และ “อีสานคลาสสิค โรด ทู มิสเตอร์ ไทยแลนด์ 2023”มาครอง
“ถ้าจากการมาเป็นนักกีฬาเต็มตัวหลังจากที่ประกวดมา หมวยเล็กก็คว้าตำแหน่งที่ 2 มา 2 เวที แล้วก็ที่ 1 มา 2 เวทีค่ะ เวทีที่แล้วก็จะเป็นเวทีอีสานคลาสสิคค่ะ เมื่อช่วงต้นกุมภาที่ผ่านมา
แล้วก็เป็นเวทีมิสเตอร์ไทยแลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นเวทีใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้วค่ะ เพราะเป็นเวทีที่คัดนักกีฬาติดทีมชาติของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งปีที่แล้วหมวยเล็กคว้าที่ 2 มาค่ะ ปีนี้ก็เลยตั้งใจมาว่าอยากจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วยค่ะ
เป้าหมายในปีนี้ของหมวยเลยนะคะ ก็อยากติดเป็นนักกีฬาทีมชาติให้ได้ค่ะ แล้วก็อยากเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งที่ต่างประเทศด้วยค่ะ”
ไม่สายเกินไปที่จะค้นพบตัวเอง
ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ตัดสินใจเข้าสู่วงการเพาะกาย กีฬาชนิดนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของอดีตแอร์โฮสเตส ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ
“เปลี่ยนไปเยอะมากๆ เลยนะคะ อย่างแรกอย่างที่หมวยบอกก็คือเป็นเรื่องของ lifestyle ต่างๆ อาหารการกิน การออกกำลังกาย การหลับนอนของเรา แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นมันเป็นเรื่องของ mindset เพราะการมาเป็นนักกีฬา พื้นฐานของการเป็นนักกีฬา สิ่งที่ทุกคนจะต้องมีเป็นเรื่องของวินัย
พอเมื่อไหร่ที่เรามีวินัย หมวยเชื่ออย่างนึงว่าทุกๆ ความสำเร็จในชีวิต ไม่ต่อให้ในเรื่องของการเพาะกายนะคะ จะต้องมีวินัยอยู่แล้วในตัวเอง คนสำเร็จทุกคน มันทำให้หมวยคิดว่า ถ้าหมวยทำได้สำเร็จในเรื่องนึง มันจะทำให้เรื่องอื่นๆ ของหมวยง่ายขึ้น ตราบใดที่เราเป็นคนที่มีวินัย
และการมาแข่งขันกีฬาตรงนี้ มันเป็นการแข่งขันที่ควบคุมตัวเองค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าเราสามารถควบคุมความคิด ควบคุมการกระทำของเราได้ ต่อให้เราจะไปทำอะไรที่มันยากหรือมันดู impossible เราสามารถทำได้ค่ะ”
[ หมวยเล็กและคู่ชีวิต ที่คอยซัพพอร์ตเธอทุกเส้นทาง ]
อีกทั้งการได้เป็นนักกีฬาเพาะกายในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นการค้นพบตนเองในอีกเวอร์ชัน ซึ่งช่วงที่แอร์โฮสเตสก็ถือว่าเป็นการทำตามความฝันเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าช่วงอายุไหน ก็ไม่สายเกินไปที่จะค้นพบตนเอง
“ค้นพบความชอบใหม่ของตัวเองเลยก็ว่าได้ เพราะแต่ก่อนเราเป็นสาว… ใช้คำว่าสาวปาร์ตี้แล้วกัน เรื่องออกกำลังกายอะไรพวกนี้มันเป็นสิ่งที่ไกลตัวเรา และเราก็ไม่ได้คิดว่าจะมาสายนี้ด้วย
แต่พอเราได้มาลองทำ เรารู้สึกชอบ รู้สึกแฮปปี้กับตัวเอง ตื่นมาทุกเช้า ส่องกระจก เห็นรูปร่างเรา มันเลยทำให้หมวยรู้สึกว่าจริงๆ ความสุขในชีวิตมันก็เกิดขึ้นได้จากการแค่ว่าเราดูแลตัวเอง เราไม่ต้องไปไขว่คว้าความสุขจากภายนอกหรือความสุขจากคนอื่น มันก็เลยทำให้หมวยมีความสุขในทุกอย่างที่ทำจากตรงนี้มากๆ
อย่างการมาเป็นเทรนเนอร์ แล้วก็มาเป็นนักกีฬาเพาะกาย มันก็เป็นคิดที่หมวยไม่เคยคาดฝันมาก่อน ว่าตัวเองจะมาทำ ดังนั้นก็เลยอยากฝากหลายๆ คนที่กำลังอยู่ในช่วงของการค้นหาตัวเอง อยากให้ลองทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เรายังไม่เคยทำ บางครั้งเมื่อเราได้เริ่มเข้าไปทำแล้ว เราอาจจะค้นพบในสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราถนัดจากตรงนั้นก็ได้
เพราะว่าเดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างมากๆ เราสามารถได้ทำอาชีพหรือในสิ่งที่เรารัก และสามารถเลี้ยงชีวิตของเราได้ เหมือนอย่างหมวยทำอยู่ การมาเป็นนักกีฬาเพาะกาย เราชอบทางด้านนี้ มันก็ทำให้เราอาจจะได้รับงานด้านการถ่ายแบบ ได้รับโอกาสต่างๆ อีกมากมาย สามารถทำเงินให้เราได้ด้วยเช่นเดียวกัน เปิดโลกให้ตัวเอง อย่าติดอยู่ในกรอบ ลองทำก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน เวิร์กไม่เวิร์กไม่เป็นไร ลองเลย ถ้าคิดว่าอะไรที่มันดี เริ่มเลยค่ะ”
สุดท้ายนี้ นักเพาะกายคนสวย ได้ใช้โอกาสนี้เป็นกระบอกเสียง ชักชวนให้ทุกคนในหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองกันให้มากขึ้น เพราะสุขภาพที่ดีคือสมบัติที่จะติดตัวผู้นั้นไปตลอด
“ถ้าคนที่สนใจมาเส้นทางนี้ หมวยแนะนำให้ลองมาดูพวกงานประกวดก่อนค่ะ มาดูเบื้องหลังว่าแต่ละคนเป็นอะไรยังไง เขามีการเตรียมตัวแบบไหนบ้าง นักกีฬาพวกนี้เขาก็สามารถให้ความรู้เบื้องต้น หรือว่าเป็น inspiration ให้เราได้
เหมือนกับหมวยเองที่ไม่มีประสบการณ์อะไร 3 เดือนเราก็ไปเลย แล้วเราไปเห็นตรงนั้น เราได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ กลับมา ซึ่งสาวๆ หลายคนที่อาจจะออกกำลังกายแรกๆ ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเห็นผล แต่ถ้าสมมติว่าเราไปเห็นในงาน เห็นคนที่เขามีรูปร่างที่สวยงาม ตรงนั้นมันอาจจะทำให้เรามีกำลังใจกลับมาออกกำลังกายแล้วก็ฟิตหุ่นสวยได้ค่ะ
จริงๆ กีฬาเพาะกายมันก็เป็นกีฬาประเภทหนึ่ง เหมือนฟุตบอล เหมือนกอล์ฟ ทั่วๆ ไป ก็อยากให้หลายๆ คนมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแล้วกันค่ะ ไม่อยากมองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว เป็นสิ่งที่ผู้หญิงไม่ควรทำ เพราะว่าเรื่องของสุขภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และในเรื่องของรูปลักษณ์ที่สื่อออกไปมันอาจจะดู hard ดูน่ากลัว แต่ถ้าได้มาสัมผัสจริงๆ คุณอาจจะชอบก็ได้ค่ะ
เรื่องของสุขภาพหมวยมองว่ามันเป็นความมั่งคั่งประเภทหนึ่ง ที่ต่อให้เราอายุมากเท่าไหร่ ถ้าเรามีสุขภาพที่ดี เราก็สามารถหาเงินได้ตลอด ก็อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพให้มากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้นด้วย เพราะว่าโลกภัยไข้เจ็บสมัยนี้ก็ค่อนข้างเยอะ แล้วก็ไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียคนที่รักเพราะโรคบางอย่างที่จริงๆ เราสามารถป้องกันมันได้ก่อน ก็อยากเป็นกำลังใจ แรงบันดาลใจ และอยากเชิญชวนทุกคนให้ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นค่ะ (ยิ้ม)”
สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Donlaporn Tanbunpairuch”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **