กลายเป็นประเด็นร้อนสนั่นโซเชียลฯ เมื่อมีคนออกมาแฉเจ้าของ โรงเรียนกวดวิชาชื่อดังในย่านชลบุรี ที่เปิดสอนติวพิเศษเตรียมสอบเข้ามหา'ลัย
มีการไลฟ์สดผ่านTikTok ตอนที่ทำการเรียนการสอนด้วย แต่ที่กลายเป็นวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียลฯ เพราะดูจะไม่ใช่การติววิชาการแบบทั่วไป แต่เป็นการให้เด็กมานั่งสมาธิ ยืนด่า และเหมือนพยายามเอาความคิดของตัวเองครอบงำเด็ก
ทำให้หลายคนมองว่านี่เข้าข่าย เป็นการล้างสมองและชักจูงเด็ก เพราะเด็กๆ ตั้งใจมาเรียนพิเศษหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งสิ่งที่ติวเตอร์ควรทำคือ ตั้งใจสอนให้เด็กได้ความรู้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่มาพูดจากดดันหรือทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าใคร จึงทำให้แฮชแท็ก#ลัทธิส่าย ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์
“พี่ค่อนข้างกังวลกับเด็กสาธิตฯ เราเป็นเด็กบ้านรวย ค่าเทอมสามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้เลย พ่อแม่คุณสามารถส่งเรียนเอกชนได้สบายๆ
สิ่งที่น่ากลัวของเด็กสาธิตฯ คือ พวกคุณไม่เคยเจอความลำบาก การฝึกมันต้องฝืน น้องเหมือนเด็กพิการที่ถูกใส่รถเข็นแล้วพาไปเที่ยวทั่วโลก ลืมไปว่าไม่ได้เดินด้วยตัวเอง แค่ร้องขอแล้วก็ได้ เลยอยากให้น้องยอมรับสิ่งที่พี่ทำก่อน ว่าคือการพัฒนาตามขั้นบันได”
หลังจากคนแห่คลิปวิดีโอบางช่วงออกไป กลายเป็นไวรัล ทำเอาหลายคนเดือดกันสนั่น เพราะโรงเรียนที่อ้างว่าสอนด้านวิชาการ แต่คลิปที่แชร์กันมาและกลายเป็นดราม่า กลายเป็นว่าต้องให้นักเรียนทนนั่งฟังเรื่องของตัวเองไปเรื่อยๆ รวมถึงเอาแต่พูดเรื่องสมาธิการใช้ชีวิต ไม่ยอมเข้าบทเรียนสักที
#ลัทธิส่าย มีที่มาที่ไปจากชื่อเจ้าของ โรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง ซึ่งตอนทำการสอน มักจะเรียกตัวเองว่า “พี่ส่าย” ทำให้ชาวโซเชียลฯ แห่เรียกพฤติกรรมนี้ว่า “ลัทธิส่าย”
สำหรับติวเตอร์ดัง ที่มักจะเรียกตัวเองว่า “พี่ส่าย” มีประสบการณ์สอนมากกว่า 20 ปี พ่วงด้วยดีกรีปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมโยธา เกียรตินิยมอันดับ 1 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
นอกจากนี้ พอเรื่องเริ่มดังขึ้น ก็มีเหล่าบรรดาอดีตนักเรียน ออกมาแฉพฤติกรรมของติวเตอร์คนนี้อีกมาก ทั้งชอบพูดคำหยาบกับเด็ก สั่งให้เด็กขอโทษโดยการเขียนเรียงความส่งในกลุ่มแชท พูดสอนในเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่น ความเชื่อหรือการเมือง
“พูดคำหยาบกับเด็กเพราะอยากให้เด็กได้เรียนรู้โลกความจริง เด็กขอไม่เรียน บอกไม่โกรธเเต่เเซะ และไม่คืนค่ามัดจำ”
นอกจากนี้ หลายคนยังมองอีกว่า พฤติกรรมเช่นนี้ ถือเป็นภัยสังคม และมีบางส่วนตั้งคำถามอีกว่า คุ้มค่ากับการไปเรียนพิเศษหรือไม่ เด็กๆ ต้องการไปติว เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม แบบนี้จะทำให้ผลการเรียนดีขึ้นจริงหรือไม่?
“เตือนภัย พวกที่ชอบทําคอร์สเรียนนู่นนี่นั่นเป็นภัยสังคมนะ เด็กต้องเสียเงินมาเรียน แต่สุดท้ายมานั่งฟังครูที่ไม่รู้ว่าจบอะไรมาก็ไม่รู้ มานั่งพูดเรื่องชีวิตตัวเองให้ฟัง สรุปไม่ได้อะไรเลยคอร์สพวกนี้คือควรโดนจับ”
“องค์ประกอบการสร้างลัทธิ และหนึ่งในเป้าหมายที่ลัทธิพวกนี้ชอบก็คือเด็กนี่แหละ ภัยสังคมสุด”
ล่าสุด ติวเตอร์ดัง เจ้าของฉายา ลัทธิส่าย ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ยืนยันไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็นการสอนเด็กให้รู้จักใช้ความจริงในการดำรงชีวิตไม่ให้ไปยึดติด ส่วนคำหยาบที่มีการพูดออกไปสอนที่สอนนั้น ก็ขอโทษด้วย
“พี่ส่ายสอนเด็กให้รู้จักใช้ความจริงในการดำรงชีวิตไม่ให้ไปยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างเช่นตัวอย่างในคลิปที่พูดถึงเรื่องเงิน ก็ถือเป็นแค่เศษกระดาษ คนเอาไปยึดติดกับเงินจนมากเกินไป สมมุติอยากได้รถ มีเงินก็ไปซื้อมาจนเป็นหนี้ ถูกครอบงำโดยเงิน
ส่วนที่บอกว่าเป็นลัทธินั้นไม่จริงเพราะคลิปไม่ได้มีการกราบไหว้บูชาแต่อย่างใด แต่คำพูดที่ใช้สอนออกไปนั้นจะมีคำหยาบบ้าง ก็เลยทำให้มีคนไม่พอใจก็ขออภัยด้วย ทั้งหมดนั้นคือเจตนาที่ดีกับเด็ก”
อีกมุม เมื่อเทียบกับ #ลัทธิพระบิดา ที่กลายเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ช่วงนึง ที่มี “สำนักลัทธิประหลาดอ้างตัวเป็นพระบิดาทุกศาสดา” สั่งสอนให้คนที่นับถือ กินฉี่ กินอึ โดยอ้างว่า เพื่อบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนเจ้าของลัทธิโดนจับ และพิสูจน์ว่าเป็นเพียงเรื่องที่ทำให้หลงเชื่องมงายเท่านั้น
ผ่านสายตานักวิชาการศาสนา “ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา” อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ โดยมองปรากฏการณ์ พร้อมสะท้อนปัญหาเรื่องความเชื่อลัทธิในสังคมไทย ผ่านลัทธิพระบิดา ไว้ว่า
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และลัทธิเหล่านี้ มักวางภาพตัวเองเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและจิตใจ ซึ่งอาจมาในรูปแบบการขจัดความกลัว การสร้างวิถีชีวิตที่ดีกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่กำลังมองหาวิธีพัฒนา หรือเปลี่ยนตัวเอง รู้สึกคล้อยตามและเข้าร่วมกลุ่มได้
“แม้ว่าบ้านเมืองเจริญไปไกลเพียงใด ตราบใดที่เราไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ความเชื่อ และความศรัทธา จึงยังเป็นที่พึ่งยามชีวิตลำบาก คอยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้คนไทยอยู่คู่กันตลอดไป
ดังนั้น กลุ่มผู้เล่นกับความเชื่อเหล่านี้ จึงเป็นช่องทางหาประโยชน์สร้างรายได้ บางสำนักทำเงินร่ำรวยหลายร้อยล้านบาทด้วยซ้ำ
สุดท้ายความเชื่อเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ไม่สามารถห้ามกันได้ แต่ควรเชื่ออย่างมีสติโดยไม่เป็นอันตรายต่อตนเอง และคนรอบข้างต้องไม่เดือดร้อนไปด้วย”
อีกมุมของแนวความเชื่อที่แตกต่าง สะท้อนไว้ผ่านบทความเรื่อง “ศาสนาในสังคมโลกสมัยใหม่” โดย “ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์” อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการเผยแพร่บทความทางเว็บไซต์ www.human.cmu.ac.th
ได้ฉายภาพสาเหตุ และปัจจัย ที่กระตุ้นทำให้ลัทธิใหม่ๆ เกิดขึ้นในสังคมไทย ไว้ว่า เนื่องจากสังคมสมัยใหม่ มีความต้องการการอธิบายกระบวนการของชีวิตอย่างที่มีความแตกต่าง และหลากหลายมากกว่าคำอธิบายจากความเชื่อตามศาสนาเดิม
เหตุผลนี้ จึงทำให้มีคนจํานวนไม่น้อยหันเข้าหา “ลัทธิใหม่ๆ” หวังจะแสวงหาคำตอบชีวิตที่ไม่เหมือนกับคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม
เช่นเดียวกับเคสติวเตอร์ชื่อดังคนนี้ สรุปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าพฤติกรรมเช่นนี้ เข้าข่ายการสร้างลัทธิหรือไม่? แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ใช่
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **