สรุปดราม่า #หุ่นพยนต์ สร้างความเสื่อมเสียให้ศาสนา!?เลื่อนฉายไม่มีกำหนด กูรูสะท้อน ภาครัฐไม่มีสิทธิ์มาปิดหูปิดตาประชาชน
กำลังเป็นประเด็นร้อน ถกกันสนั่นโซเชียลฯ สำหรับวงการหนังไทย เรื่อง “หุ่นพยนต์” หนังสยองขวัญ ที่ได้รับเรต ฉ.20- คือห้ามผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดูเด็ดขาด และจะต้องตรวจบัตรประชาชนหน้าโรง ขนาดตัวนักแสดงบางคนยังเข้าโรงไปดูไม่ได้เลย
ส่งผลให้ทางค่ายหนังตัดสินใจเลื่อนฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่จะฉายใน 9 มี.ค. 2566 ทำให้หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา จนส่งให้แฮชแท็ก #หุ่นพยนต์ พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1
สำหรับหนังเรื่อง “หุ่นพยนต์” เป็นหนังสยองขวัญวัยรุ่น เรื่องราวของชายหนุ่มที่ เดินทางมาหาพี่ชายในวัดแห่งหนึ่ง แต่กลับมาเจอเรื่องราวที่ดูแปลกๆ กับหุ่นปั้นพ่อปู่สิงธรรมที่ดูเหมือนภูติผีมากกว่าเทพที่คอยปกปักรักษา จนกระทั่งเกิดเหตุอาเพศในหมู่บ้าน
ส่วนเหตุผลที่หนังเรื่องนี้ไม่ผ่านเซ็นเซอร์รอบแรกเพราะ ถูกมองว่าสร้างความเสื่อมเสียให้ศาสนา และก่อให้เกิดความแตกแยกสามัคคี หลังจากปรับเปลี่ยนบางฉากก็ผ่านเซ็นเซอร์รอบสอง แต่ได้เรต ฉ.20- และต้องตรวจบัตรก่อนดู
สำหรับความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลฯ หลายคนมองว่า หนังไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียให้ศาสนา เพราะเป็นเรื่องจริงที่เห็นกันบ่อยอยู่เเล้ว และถ้าจะเสื่อมก็คงไม่ได้เสื่อมเพราะหนัง
อีกฟาก ก็เห็นด้วยกับกฎหมายที่กำหนดไว้ พร้อมกับโทษไปที่ผู้สร้างหนังว่า ถึงแม้ผู้ชมจะแยกแยะได้ก็จริง แต่ผู้สร้างหนังควรคิดถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะตามมาทีหลัง ไม่ใช่แค่ว่าจะต้องการผู้ชมเยอะๆ เท่านั้น
ก่อนที่หนังเรื่องนี้จะได้ เรต ฉ.20- ค่ายหนังต้องปรับแก้ ดังต่อไปนี้ 1. ตัดฉากชื่อวัดเทพหุ่นพยนต์ 2. ตัดฉากเณรชกกันในชุดผ้าเหลืองและให้มีการลดคำหยาบให้น้อยลง 3. ตัดฉากคลุกอาหาร เหมือนรังแกให้เด็กชื่อเต๊ะทาน 4. ตัดฉากเณรกอดผู้หญิงในการต่อสู้ 5.ตัดฉากท่องศีล 5 ในขณะที่ฆ่าคนที่ขโมยของ 6. มีข้อสังเกตว่าพระหรือเณรในเมืองไทยต้องโกนคิ้ว แต่ทั้งเรื่องไม่มีพระเณรที่โกนคิ้วเลย
ผู้กำกับหนังชื่อดัง “ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ” ได้ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังหนังถูกกองเซ็นเซอร์จัดเรต ฉ.20- ทำให้เลื่อนฉายอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับงงว่าหนังที่ตัวเองสร้างขึ้นมานั้น ทำลายศาสนาตรงไหน?
“งงในงง หนังเราทำลายศาสนาตรงไหนเนี่ย เห้อ เราทำงานอย่างที่ตั้งใจสุดๆ ทุกตัวละครจะมีเหตุผลของมัน เราไม่ได้ใส่ไปเพื่อทำลายอะไร แต่ผลที่ได้คือ หุ่นพยนต์ เกือบไม่ได้ฉาย เซ็นเซอร์รอบแรก ได้ผลห้ามฉาย เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้ศาสนา และก่อให้เกิดความแตกแยกและสามัคคี
รอบ 2 โดน เรตติ้ง 20+ จะบ้าตาย ยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว โลกเปลี่ยนไปแค่ไหน เรื่องจริงในสังคมเป็นอย่างไร นั่งมึนงง หนังเรา ไปทำลายศาสนาตรงไหน ใครได้ดูแล้วมาบอกหน่อยครับ”
ด้านกูรูหนังหลายคน ก็ออกมาวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า เป็นการจัดเรตเกินกว่าเหตุ
ด้านนักวิจารณ์ภาพยนตร์มืออาชีพที่ยืนหยัดในแวดวงวิจารณ์เกือบ 30 ปี และได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ไปแล้ว อย่าง “ประวิทย์ แต่งอักษร” ก็ได้ออกโพสต์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Prawit TaengAksorn” รู้สึกว่ามันเป็นการจัดเรตที่เกินกว่าเหตุไปมาก
“พูดแฟร์ๆ หนังมีฉากที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ปริมาณก็ไม่ได้มากมายอะไร หนังอย่าง จอห์น วิค หรือ ลองของ สยดสยองกว่านี้เยอะ และส่วนที่เห็นจะแจ้งว่าเป็นปัญหาก็คือเรื่องเกี่ยวกับเณรในเรื่อง ซึ่งบางรูปหรือหลายรูป ก็มีพฤติกรรมคึกคะนอง เล่นของ ฝักใฝ่มนต์ดำ
มีฉากชกต่อย ทะเลาะเบาะแว้ง มีตัวละครฝ่ายดี ตัวละครฝ่ายเลว แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของปมขัดแย้ง ความลี้ลับของหนังแนวลึกลับสยองขวัญ และข้อสำคัญ ตัวหนังหรือคนทำหนังก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจาบจ้าง กระด้างกระเดื่อง ให้ท้าย หรือสนับสนุนพฤติกรรมแต่อย่างใด
ตรงกันข้าม บทสรุปมันก็เป็นไปในทำนองหนังไทยที่ยึดเหนี่ยวศาสนา หยิบยื่นหลักคิดในลักษณะสั่งสอนที่เราก็รู้ๆ อยู่แล้วเรื่องความดีความชั่ว ศาสนาไม่ปกป้องคนผิดบาป และการให้รู้จักปล่อยวาง
เห็นได้ชัดว่าคนทำหนังไม่ได้อยากเปิดศึกกับเซ็นเซอร์ แต่น่าคิดจริงๆ ว่า คนจัดเรตใช้ดุลพินิจตัวเองผูกขาดความถูกต้องเหมาะควรในทางศาสนา โดยไม่แคร์ว่าโลกความเป็นจริงนอกโรงหนังมันหมุนไปไกลแค่ไหน รวมถึงมองเห็นคนดูที่อายุต่ำกว่า 20 เหมือนเด็กทารก คิดเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่ในมุมมองส่วนตัว ประเด็นล่อแหลมทางศาสนาในหนังเป็นเรื่องหน่อมแน๊มมากๆ”
อีกฟากของเพจวิจารณ์หนังชื่อดัง “JUST ดูIT.” ช่วยสะท้อน ในฐานะที่ได้เข้าไปดูหนังมาแล้ว ก็มองว่า ภาครัฐไม่มีสิทธิ์มาปิดหูปิดตาประชาชน
“ในภาพยนตร์ยังตีแผ่ความจริงของธุรกิจของพระที่หากินกับความเชื่องมงายของชาวบ้าน ซึ่งเอาจริงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในสังคมไทย จุดมุ่งหมายของผู้สร้างคือการปกป้องศาสนาเสียด้วยซ้ำไม่ใช่บ่อนทำลาย แต่คนที่กำลังบ่อนทำลายอยู่คือ คณะกรรมกรรมคร่ำครึกลุ่มนี้ต่างหาก”
สอดคล้องกับเพจ “Kanin The Movie” ช่วยสะท้อนในฐานะกูรูหนัง และได้เข้าไปดูหนังรอบสื่อมาแล้วเช่นกัน รู้สึกว่าการจัดเรท 20+ ให้กับหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ เพราะมองว่าปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวหนัง แต่เป็นกระบวนการพิจารณาที่มองว่าฉากเหล่านี้ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม
“การที่หนังเลือกจะเล่าปัญหาบางสิ่งในสังคมโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้ชมตระหนัก และเข้าใจถึงการมีอยู่ของมัน กลับถูกมองว่าเป็นเนื้อหาที่ต้องถูกเซนเซอร์ออกไป ในทางหนึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาในสังคมของเรานั่นแหละ เอาจริงๆ ถ้ามอง หุ่นพยนต์ ในฐานะหนังชำแหละวงการสงฆ์ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแรง หรือหนักข้อกว่าบางเรื่องที่เคยดูมาด้วยซ้ำ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหนังถึงต้องโดนเรตนี้ จริงๆ ข่าวพระที่นั่งดูในทีวีทุกวันนี่แรงกว่าเยอะมากๆ เลย”
ล่าสุด สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ก็ได้ออกมาคัดค้านการจัดเรตของหนัง “หุ่นพยนต์” พร้อมเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายภาพยนตร์อย่างจริงจัง เพราะตอนนี้จากพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. 2551 ไม่เพียงแต่ไม่ก่อให้เกิดการสนับสนุนวงการภาพยนตร์ไทยอย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้น
ยังเน้นเพียงแต่ให้ภาพยนตร์ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบราชการ จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปกฎหมายนี้เพื่อคืนสิทธิเสรีภาพในการผลิตและรับชมภาพยนตร์ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ เพื่อให้กฏหมายฉบับนี้เป็นประโยชน์กับวงการภาพยนตร์และประชาชนอย่างแท้จริง
หนังเรื่องหุ่นพยนต์ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแรกที่ถูกทางกองเซ็นเซอร์แบน เพราะมีเนื้อหากระทบของวงการศาสนา
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 หนังไทยเรื่อง “อาบัติ” ก็ถูกทางกองเซ็นเซอร์แบนห้ามฉาย เนื่องทางกองฯ มองว่ามีฉากที่ทำลายพุทธศาสนา ทั้งพระสงฆ์ สามเณรเสพของมึนเมา ใช้ความรุนแรง ชู้สาว ทำให้ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ถูกทำลายอย่างร้ายแรง
ตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่พูดถึงสะเทือนวงการหนังไทยเลยทีเดียว เพราะมีกระแสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เถียงกันไปมาอยู่นาน จนสุดท้ายหนังก็ได้เข้าฉาย โดยการตัดต่อบางฉากที่ล่อแหลมออกไป และเปลี่ยนชื่อใหม่จาก “อาบัติ” เป็น “อาปัติ” ก็หมดปัญหาเข้าโรงฉายได้
อีกหนึ่งเรื่องที่สะเทือนใจวงการผ้าเหลืองก็คือ “นาคปรก” หนังดราม่าตีแผ่ด้านมืดของพระสงฆ์ ที่เกือบถูกกองเซ็นเซอร์แบนห้ามฉายเช่นกัน เพราะมองว่า เรื่องราวของหนังที่เกี่ยวกับโจรในคราบพระแบบนี้ จะมาทำให้ภาพลักษณ์ดีๆ ของพระสงฆ์เสื่อมเสียกันไปหมด จึงสั่งห้ามฉายหนังเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
ทำให้ผู้สร้างต้องดองหนังเรื่องนี้นานถึง 3 ปี เพราะต้องกลับไปแก้ไขเพื่อให้ภาพออกมารุนแรงน้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังถูกจัดอยู่ในเรท น18+ เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องได้รับคำแนะนำและใช้วิจารณญาณในการรับชม
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ“หุ่นพยนต์”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **