คนไทยเรื่องกินเรื่องใหญ่!! โซเชียลฯแห่ติดแฮชแท็ก #saveแกงส้ม หลังเว็บไซต์ดังด้านอาหาร ส่งเมนู “แกงส้ม” ติดอันดับอาหารยอดแย่ ด้านเชฟดังสะท้อน แกงส้มไทยหลากหลายกว่าที่คิด แนะประยุกต์ให้คุ้นปากก่อน “สุดท้ายเขาก็จะเข้าถึงอาหารไทยแบบลึกๆ ด้วยตนเอง”
อย่าว่าแต่ต่างชาติ คนไทยเองอาจไม่ถูกปาก?!
“ผมไม่รู้ว่าเขาไปชิมแกงส้มที่ไหนมา เพราะว่าแกงส้มของคนไทยจริงๆ มันมีหลากหลายมาก เราก็คงไม่อยากให้อาหารไทยมีชื่อในด้านลบ อย่าว่าแต่ชาวต่างชาติ คนไทยเองบางคน กินแกงส้มต่างพื้นที่ก็ยังไม่ถูกปากเลย ผมว่าน่าจะเป็นจุดนี้ ชาวต่างชาติเขาอาจจะไปเจอแกงส้มที่ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ถูกปาก แต่ผมมองในมุมที่ดีว่าอย่างน้อยเขาก็ยังสนใจอาหารเรา
แต่โดยตัวรสชาติของแกงส้ม ถ้าถามว่าในนั้นมีอะไรที่ต่างชาติอาจจะไม่ชอบ อาจจะเป็นกะปิ ซึ่งบางสูตรอาจจะไม่ใส่ หรือถ้าเกิดเขาไปชิมแกงส้มที่เป็นแกงส้มชะอม ก็มีโอกาสที่จะไม่ชอบกลิ่นของชะอม มันก็อาจเป็นไปได้ แต่โดยพื้นฐานเครื่องปรุงอื่นในแกงส้ม ในอาหารหลายๆ ประเภทก็มีอยู่แล้วครับ”
"เชฟบุ๊ค - บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต" เชฟและพิธีกรชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจ "Chefbook เชฟบุ๊ค" ที่มีผู้ติดตามกว่า 4.5 แสนคน กล่าวกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นเดือดบนโลกโซเชียลฯ หลังจากที่ เว็บไซต์ TasteAtlas.com เว็บไซต์ด้านอาหารชื่อดัง ได้มีการจัดอันดับเมนูอาหารยอดแย่จากทั่วโลก (อัปเดตเดือน ก.พ.66)
ผลปรากฏว่าอาหารไทยอย่าง "แกงส้ม"ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 12 ของเมนูอาหารยอดแย่!!
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตคนไทยสามัคคีกันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าให้ลองมากินแกงส้มแบบต้นตำรับก่อน พร้อมกับพากันติดแฮชแท็ก #saveแกงส้ม อีกด้วย
สำหรับการจัดอันดับเมนูยอดแย่ Top 3 ของเว็บไซต์ TasteAtlas.com มีดังนี้
อันดับ 1 Indigirka Salad จากรัสเซีย
อันดับ 2 Pizza Cake จากแคนาดา
อันดับ 3 Hakarl จากไอซ์แลนด์
นอกจากนี้ เมนูในอันดับอื่นๆ ก็มีชาวเน็ตมาคอมเมนต์ในเชิงไม่เห็นด้วยกับการจัดอันดับนี้เช่นกัน
เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น เชฟบุ๊ค สะท้อนถึงการจัดอันดับอาหารดังกล่าว ที่อาจจะเกิดจากการรับประทานผิดวิธีก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมองในหลายๆ แง่มุม
“กรณีนี้ ทางเว็บไซต์เขาคงมีรูปแบบการให้คะแนน แต่ผมคิดว่ามันสะท้อนถึงว่า ที่มาของอาหารไทย ข้อมูลของอาหารไทยของเรา เขาอาจจะยังไม่มีเต็มที่
ผมว่าเคสการให้คะแนนครั้งนี้ น่าจะเกิดจากการไปกินผิดที่หรือกินผิดวิธี อย่างเช่น ต่างชาติอาจจะคิดว่าแกงส้มคือซุป แล้วซดเปล่าๆ เป็นน้ำ แน่นอนถ้าซดแบบนั้นเขาก็ต้องบอกว่าอาหารเรารสชาติแย่ เพราะแกงส้มมันเอามาเป็นกับข้าว
ผมว่าอาจจะเป็นเรื่องของวิธีการนำเสนอที่ผิดด้วย ถ้าเกิดนำเสนอให้ถูกต้อง Full course มีแกงส้มที่ให้กินเคียงกับข้าวสวย ผมว่ามันก็จะมีโอกาสที่ทำให้มันไปกันได้”
[ "เชฟบุ๊ค - บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต" ]
ทั้งนี้ เขายังเสนอให้ลองประยุกต์เมนูแกงส้ม ให้มีรสชาติที่ถูกปากชาวต่างชาติมากขึ้น เพื่อเป็นการค่อยๆ ซึมซับ ก่อนจะไปสู่การเปิดใจลองแกงส้มแบบต้นตำรับ
“การเริ่มต้น ผมว่ามันยากที่จะให้เขามากินอาหารไทย ที่เป็นรสชาติไทยแท้ดั้งเดิม มันก็คงทำให้คนที่ไม่เคยรับประทานมาก่อนในชีวิต เปิดใจได้ยากครับ เราอาจจะต้องมองอาหารไทยอีกมุมนึง ว่าอาหารหลายๆ ชาติที่เติบโตได้บนเวทีโลก เพราะอาหารเขาสามารถประยุกต์หรือปรับเปลี่ยน ไปเข้ากับอาหารของแต่ละประเทศได้ มันก็เลยทำให้เป็นที่ยอมรับ
ย้อนกลับไปคนไทย 10-20 ปีที่แล้ว ก็ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นเป็นกันทุกคน แต่เราก็เริ่มจากการกินอาหารญี่ปุ่นที่ถูกประยุกต์มาให้ถูกปากคนไทย แล้วก็กินไปเรื่อยๆ จนในที่สุด เราก็เริ่มตามไปอยากกินอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ
ผมมองว่าตรงนี้มันเป็นโอกาสดีนะครับ เราก็ไม่เคยมีแกงส้มที่เป็นเมนูที่จะเหมาะให้ต่างชาติกิน อย่างวันนี้ที่ผมลองเอาแกงส้มมาทำในลักษณะใส่เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่กิมจิ ใส่หมูสไลด์ แล้วก็ตอกไข่ เหมือนกินรามยอนรสแกงส้มเลย
จริงๆ แล้วมันมีความคล้ายกับซุปกิมจิมากๆ มันก็เลยจะเป็นการเหมือนทำให้ต่างชาติเขารับรสชาติอาหารเรา ในแบบที่มันมีการประยุกต์ก่อน แล้วพอเขากินไปเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็จะเข้าถึงอาหารไทยแบบลึกๆ ด้วยตนเอง”
ดันแกงส้ม สู่เทรนด์อาหารสุขภาพโลก
หากยังจำกันได้ เมื่อราวเดือน ส.ค.ของปีที่แล้ว เว็บไซต์ TasteAtlas เจ้าเดิม ก็ได้มีจัดอันดับ 50 Best Soups ซุปที่ดีที่สุดจากนักรีวิวทั่วโลก ผลที่ออกมา เมนู "ข้าวซอย" ของไทยคว้าอันดับ 1 และเมนู “ต้มยำกุ้ง” และ “ต้มข่าไก่” ติดอันดับที่ 13 และ 14 ตามลำดับ
เมื่อให้เชฟรายเดิม ลองเปรียบเทียบการจัดอันดับทั้ง 2 กรณีที่ผลต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาก็ให้ความเห็นว่า แกงส้มนั้นมีความหลากหลายและแตกต่างของส่วนผสม ตามแต่สูตรของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ชาวต่างชาติเปิดใจรับยากมากกว่า
“เราต้องยอมรับอย่างนึง ว่าแกงส้มมันเป็นอาหารพื้นบ้านของคนไทยที่มีความหลากหลายมาก ที่ผมเดินทางเรื่องแกงส้มมา อย่าง แกงส้มแตงกวากับหมูสามชั้น เป็นแกงส้มโบราณที่คนไทยเองยังไม่เจอ
ถ้าทางมุสลิม มีแกงส้มที่ใส่เนื้อกับกะหล่ำปลี เราก็ไม่ค่อยเจอในชีวิตประจำวัน และจะมีที่ได้รับอิทธิพลมาจาก อินโดนีเซีย เป็นแกงส้มที่มีการใส่ไข่ลงไปด้วย แล้วคนให้น้ำข้นๆ ก็มี เพราะฉะนั้นผมว่าแกงส้มค่อนข้างมีความหลากหลาย
อย่างข้าวซอย เป็นอาหารที่ค่อนข้างมีรูปแบบเดียว ได้รับอิทธิพลมาจากทางพม่า ก็จะเจอข้าวซอย ที่มี หมู เนื้อ ไก่ น้ำเหมือนเดิม เส้นเหมือนเดิม เวลาไปกินข้าวซอยที่ไหน ความต่างกันค่อนข้างน้อย
และจริงๆ แล้วแกงส้มกับต้มยำ มันไม่ได้ต่างกันมาก เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด เบสรสชาติประมาณนี้ แต่ผมคิดว่าด้วยหน้าตาของแกงส้ม มันทำให้เขาเปิดรับยาก เพราะว่าคนต่างชาติเขาจะไม่ชินกับซุปที่เป็นผักประมาณนี้ ทางนิวออร์ลีนส์ ก็จะมีซุปชนิดนึงที่คล้ายๆ แบบนี้ ทางยุโรปก็จะมีซุปที่ทำจากมะเขือเทศและผัก ที่รสชาติมีความใกล้เคียงแกงส้มเหมือนกัน
ผมคิดว่าถ้าเราปรับเปลี่ยนหน้าตาของมัน ถ้าเกิดเรามีแกงส้มที่เป็นกุ้งล็อบสเตอร์ เหมือนที่เอาไปทำต้มยำกุ้ง หรืออาจจะทำเป็นซุปมักกะโรนีที่มีรสชาติของแกงส้ม เพื่อให้เขาลองสัมผัสว่าแกงส้มสามารถเข้ากับอาหารในแบบของคุณได้”
ท้ายที่สุดนี้ กูรูอาหารชื่อดัง ได้ฝากว่า เนื่องจากเมนูดังกล่าวอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร อีกทั้งเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะผลักดันแกงส้มสู่ช้อนของนักชิมทั่วโลก
“ผมว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจครับ มันเป็นโอกาส ถ้าวันนี้เขาจัดอันดับเรามาแบบนี้ แล้วเราสามารถหาแกงส้มที่นำเสนอได้ว่า ลองกินในรูปแบบนี้ดู ที่เหมาะกับชาวต่างชาติ ผมว่ามันอาจจะต่อยอดไปได้
และตัวแกงส้มเองจริงๆ แล้วสำหรับคนไทยมันคืออาหารเพื่อสุขภาพเลย ผมคิดว่าจะเป็นมุมนึงที่มันน่าจะส่งผลดีต่อแกงส้มมากๆ ในเรื่องของสรรพคุณหรือความมีประโยชน์กับคนที่รักสุขภาพ
เพราะว่าตอนนี้เทรนด์อาหารสุขภาพ ถือว่าเป็นเทรนด์ที่สำคัญมาก ไม่ใช่ในประเทศไทย ต่างประเทศอาจจะให้ความสำคัญมากกว่าเราอีก ซึ่งจริงๆ แล้วแกงส้มเป็นอาหารสุขภาพ เป็นอาหารลดน้ำหนัก ที่ค่อนข้างดีเลยครับ
และผมอยากบอกว่า จริงๆ แล้วพวกเรานี่แหละ มีแรงที่จะผลักดันมัน เราลองนำเสนอแกงส้มในรูปแบบที่คุณคิดว่าชาวต่างชาติจะชอบ เพื่อให้เขาได้ลองชิมดูว่าจริงๆ แล้วแกงส้มมันหลากหลายกว่าที่เขาเคยกินนะ เขาไปกินแบบไหนมาเราไม่รู้หรอก แต่วันนี้ลองมากินแบบนี้ เราเชื่อว่าคุณจะติดใจแกงส้มของไทยแน่นอน”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพบางส่วน : แฟนเพจ "Chefbook เชฟบุ๊ค"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **