ยิ่งกว่าในหนัง!! “ดาว Tiktok” จับมือ “ดีเจมะตูม” วางแผน “จัดฉากล่อจับมิจฉาชีพ” หลอกร่วมลงทุน พบเหยื่อหลงเชื่อเพียบ มูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้าน ด้านทนายดังเตือนระวัง “จับโจรเอง” ต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ไม่อย่างนั้น “ผู้เสียหายอาจจะกลายเป็นผู้ต้องหา?!”
ระทึก!! “จัดฉากล่อจับมิจฉาชีพ”
กลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังตามติดอยู่ในขณะนี้ กับกรณีแฮชแท็ก #ก้งมะตูมจับโจร จากคลิปวิดีโอสุดไวรัล ที่เผยให้เห็นความชุลมุน ของการ “จัดฉากจับมิจฉาชีพ” เป็นหญิงสาวที่ใช้ชื่อว่า “วาวา” เธอผู้นี้ที่มีวีรกรรมหลอกผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในธุรกิจมากมาย จนมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมหาศาล
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นจากการร่วมมือกัน ระหว่างผู้เสียหายอย่าง “ก้ง - ณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส” ดาว Tiktok และเจ้าของธุรกิจสกินแคร์ และ “เตชินท์ พลอยเพชร” หรือ “ดีเจมะตูม” ซึ่งเป็นผู้ถูกนำชื่อไปแอบอ้างเพื่อหลอกลวงคนอื่นอีกทอด พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระหว่างการโต้เถียงกันนั้น พบว่า วาวา สวมกำไล EM หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมผู้กระทำผิดแทนการจำคุก ติดอยู่ที่ข้อเท้าอีกด้วย
สำหรับสาเหตุของการวางแผนจับกุมครั้งนี้ ก้งได้เปิดเผยผ่านรายการ “โหนกระแส” ว่า มิจฉาชีพรายนี้เข้ามาตีสนิท ก่อนจะหลอกให้ลงทุนการซื้อ-ขายคอลลาเจน และวาวาได้ขายนาฬิกายี่ห้อหรู จำนวน 3 เรือน ให้กับก้ง ทั้งเธอยังอ้างชื่อของดีเจมะตูม ว่า เป็นหนึ่งในผู้เข้าหุ้นธุรกิจของเธออีกด้วย
ในเวลาต่อมา ก้ง สงสัยว่า ตัวเองถูกหญิงรายนี้โกง เพราะเช็คที่สั่งจ่ายค่าคอลลาเจนก็เป็นเช็คเด้ง เมื่อตรวจเช็กนาฬิกาหรูก็พบว่าเป็นของปลอมทั้งหมด เฉพาะตัวเขาเองที่ถูกมิจฉาชีพพรายนี้หลอกลวง มีมูลค่าความเสียหายถึง 8 ล้านบาท
ขณะที่ดีเจชื่อดัง ก็ถูกวาวานำชื่อและภาพที่เคยถ่ายคู่ด้วยไปแอบอ้าง เพื่อหลอกลวงให้ผู้อื่นมาร่วมธุรกิจ ซึ่งดีเจมะตูมเคยได้รับการติดต่อจากวาวาโดยตรง เพื่อไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าและร่วมลงทุนธุรกิจ แต่เขาสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในหลายเรื่อง จึงตีตัวออกห่าง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกนำชื่อไปแอบอ้างเพื่อหลอกลวงคนอื่นอีกที
ต่อมา ดีเจมะตูม ได้รับการติดต่อจาก ก้ง ซึ่งดีเจดังยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง และตนเองก็ถือได้ว่าเป็นผู้เสียหายอีกคน จนนำไปสู่การวางแผนจับกุมวาวา ดังที่ปรากฏเป็นข่าว
ส่วนวีรกรรมของ วาวา นั้น ยาวเป็นหางว่าว พบว่า มีคดีอื่นค้างเก่าถึง 34 คดี มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ที่สำคัญ เธอมีอายุไม่ถึง 30 ปีด้วยซ้ำ เรียกว่า “อายุน้อยร้อยคดี” ก็ย่อมได้
ด้าน ดีเจมะตูม ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์หลังจากในคลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวหญิงคนดังกล่าวไปที่ สน.บางซื่อทันที ก่อนจะถูกฝากขังและไม่ได้รับการประกันตัว และการจัดฉากล่อซื้อครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการทำตามอำเภอใจ หากแต่มีการวางแผนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดีแล้ว
เตือนระวัง “จับโจรเอง” เสี่ยงตกเป็นผู้ต้องหาเอง?!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการวางแผนล่อซื้อจับโจร หากยังจำกันได้ คดีดังที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว กับกรณีของดาราสาว “เกรซ - กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่เธอถูกขโมยขึ้นบ้านกลางดึก และนำทรัพย์สินออกไปได้หลายรายการ
แต่ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน ก็สามารถรวบตัวคนร้ายและได้ของคืนครบทุกอย่าง โดยเบื้องหลังนั้น มีดาราสาวร่วมกันวางแผนกับเจ้าหน้าที่และกับทางร้านรับซื้อของ
แต่จากเหตุการณ์ #ก้งมะตูมจับโจร ล่าสุดนั้น ทำเอาความเห็นบนโลกโซเชียลฯ แตกออกเป็นหลายมุมมอง โดยส่วนมากเห็นใจผู้เสียหาย ขณะเดียวกัน ก็มองว่า การกระทำของผู้เสียหาย อาจเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพหัวหมอดำเนินคดีกลับได้
เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง รัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “ทนายรัชพล ศิริสาคร Fanpage” ในมุมข้อกฎหมายถึงสถานการณ์จับโจรเองนั้น มีความเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ เขาให้คำตอบว่า หากทำเกินกว่าที่ขอบเขตของกฎหมาย ตัวผู้เสียหายอาจจะกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง
[ ทนายรัชพล ศิริสาคร ]
“ในทางกฎหมาย ขั้นตอนมันจะต้องให้เจ้าหน้าที่เขาเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนตัวผู้เสียหายเองจะไปจับ ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ว่าก็จะต้องอยู่ในกรอบ หรือว่าขอบเขตของกฎหมายเช่นเดียวกัน
การที่เราไปจับเอง ก็อาจจะเป็นการเข้าข่ายในเรื่องความผิดทางกฎหมายก็ได้ ถ้าหากว่าสมมติเรามีการข่มขู่ เพื่อให้เขาส่งมอบทรัพย์ คุกคาม หรือว่าถ้าเราบุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น มันก็เข้าข่ายเรื่องของบุกรุก หรือว่าทำให้เสียทรัพย์อะไรทำนองนี้ มันก็เข้าข่ายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งตัวผู้เสียหายอาจจะกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเองก็ได้นะครับ
เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ก็อยากให้ระมัดระวัง ในการที่จะไปดำเนินคดีเอง หรือว่าไปร่วมจับซะเอง เพราะว่ามันเสี่ยงที่เขาจะดำเนินคดีกลับครับ”
ขณะเดียวกัน หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเหตุการณ์ ก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การวางแผนล่อซื้อมิจฉาชีพ ก็ยังสามารถทำได้พอสมควรแก่เหตุ ซึ่งก็ต้องดูในรายละเอียดแต่ละกรณีไป
“ก็ต้องดูในลักษณะ ดูพฤติการณ์ครับ ถ้าเจ้าหน้าที่ไปด้วย ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่เขาดำเนินการ ถ้าหากว่ามันเป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่เขาสามารถที่จะจับกุมได้อยู่แล้วครับ ถ้าล่อซื้อก็สามารถทำได้ เพียงแต่ว่าเราก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายเช่นเดียวกัน
มันมีข้อกฎหมายบางความผิดที่ประชาชนสามารถจับกุมคนร้ายส่งตำรวจได้เอง เพียงแต่ว่าต้องดูในลักษณะว่าเข้าข่ายในเรื่องเหล่านั้นหรือเปล่า มันต้องดูรายละเอียดครับผม
ในทางกฎหมายมีเรื่องของการป้องกันตัว หรือว่าป้องกันทรัพย์สินอยู่ครับ สมมติมีการวิ่งราวทรัพย์หรืออะไร เราก็สามารถที่จะตามจับโจรได้เอง เพราะถือว่าเป็นการป้องกันทรัพย์สิน ป้องกันความเสียหายที่มันจะเกิดขึ้น
แต่ว่าพวกนี้มันต้องพอสมควรแก่เหตุ ถ้าเกินกว่าเหตุก็อาจจะเป็นเรื่องของการผิดกฎหมายก็ได้ หรือมันอาจจะต้องดูความผิดอื่นๆ ด้วย ว่า เราทำสมควรแก่เหตุหรือเปล่า ถ้าเกิดว่ามันอยู่ในกรอบของกฎหมาย เราก็ไม่มีความผิดครับ”
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป ทนายชื่อดังก็ได้ฝากย้ำเตือนถึงประชาชน หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับตนเอง ก็ไม่ควรดำเนินการโดยพลการเด็ดขาด
“การที่จะล่อซื้อ หรือว่าการที่จะไปจับโจรเอง อาจจะต้องศึกษาในเรื่องของกฎหมาย หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจซักนิดนึงครับ ไม่อย่างนั้น เราอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาเองก็ได้นะครับ ถ้าหากว่าเราไปเข้าข่ายเรื่องความผิดทางกฎหมายขึ้นมา เพราะฉะนั้นตรงนี้อยากให้ระมัดระวังนิดนึง ปรึกษาผู้ที่มีความรู้ก่อนดีกว่าครับ
ถ้าไม่ปรึกษา เดี๋ยวเผื่อว่า สิ่งที่เขาทำแล้วมันไม่เป็นความผิด จะกลายเป็นว่าเรากลายเป็นผู้ต้องหาซะเอง เขาแจ้งความกลับได้ครับ เรามีกฎหมายในเรื่องของการป้องกันตัว หรือการป้องกันทรัพย์สินอยู่ แต่ว่ามันก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายครับ ตรงนี้ต้องใช้ความรู้ซักนิดนึงนะ เพราะถ้าทำเองเสี่ยงเหมือนกัน”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ก้ง คน101” และอินสตาแกรม @dj_matoom
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **