ลวงข้อมูล-สร้างเรื่องราว เจาะกลโกงคอลเซ็นเตอร์ ผ่านปากเหยื่อ “influencer” คุยกับโจร เสียหายหลักล้าน เพราะระบบ "call center" ที่ไร้การตรวจสอบข้อมูล จนเป็นช่องโหว่ของโจร!!?
อุทาหรณ์ “influencer” เสียรู้ สูญเงิน 4 ล้าน!!
“ทุกคนคะ ช่วยเรารีทวีตให้ถึงสื่อหน่อยได้ไหมคะ เราโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไป 4 ล้านบาท ตอนนี้ไม่เหลือเงินเลยสักบาท เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตตอนนี้ไม่เหลือเลย
ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ เราแจ้งความไปแล้วแต่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เราตามข่าวตลอดไม่นึกว่าจะโดนเอง”
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกรีทวีตกันออกไปกว่า 79,000 ครั้งบนโลกทวิตเตอร์ เมื่อ account "@psmark1821" ผู้มีคนติดตาม 7 แสนกว่าคนของ “ป๊อป” influencer วัย 23 ปี ได้ออกมาทวีตถึงมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ หลังต้องเสียรู้ตกเป็นเหยื่อ สูญเงินเก็บในบัญชี 4 ล้านบาท ทำให้เงินในบัญชีไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่ระมัดระวังมาโดยตลอด
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทีมข่าว MGR Live ไม่รอช้า จึงติดต่อพูดคุยกับ “ป๊อป” ผู้เสียหายเหยื่อมิจฉาชีพนี้ ช่วยให้ข้อมูลขบวนมิจฉาชีพที่แฝงตัว เพื่อให้รู้เท่าทันก่อนตกเป็นเหยื่อ
“เหมือนเขาเป็นละครเรื่องหนึ่ง เชื่อมโยงไปเชื่อมโยงมา ข่มขู่ทำให้เรากลัว ใช้หลักจิตวิทยาแล้วเหมือนหลอกสอบถามข้อมูลเรา สร้างความเชื่อถือต่างๆ
บวกกับการที่หนูเป็น influencer หนูเคยโดนข้าราชการโทร.มาติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เข้ามา หรือเป็นฝ่ายติดต่อเองก็มี มันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้น เลยทำให้หนูหลงเชื่อได้ในเรื่องนี้”
โดยตอนเกินเหตุ เกิดขึ้นในช่วงตื่นนอน ส่งให้ระยะเวลา 4 ชม. ทางมิจฉาชีพได้ใช้วิธีการหลักจิตวิทยา สร้างเรื่องราว ความเชื่อถือ โดยออกอุบายอ้างกับเหยื่อว่าติดหนี้บัตรเครดิตธนาคารสีเขียว พร้อมระบุรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทำให้ตกใจ เพราะที่ผ่านมาไม่มีบัตรเครดิต ก่อนลวงข้อมูลไปทั้งหมด
ก่อนมีการพูดคุยหลอกถามข้อมูลส่วนตัว และให้เปิดกล้องเพื่อจะได้เห็นว่ากำลังรอรหัส OTP เพื่อทำการโอนเงินให้จริงๆ โดยอ้างว่าจะบันทึกเสียง และหน้าจอ ให้ไปแสดงความบริสุทธิ์ในชั้นศาล จนกระทั่งต้องเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะความตกใจทำให้เชื่อ
“เหตุเกิดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 คือเป็นช่วงส่งท้ายปี ตอนนั้นเป็นช่วงเวลา 9 โมง จู่ๆ มีคนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารสีเขียว บอกว่าเราติดหนี้บัตรเครดิตค่ะ
เราก็แจ้งไปว่าไม่มีบัตรเครดิต เขาก็เลยบอกว่านำเอกสารไปเพื่อเปิดบัตรเครดิตรึเปล่า บัตรเครดิตติดเงินเกือบ 50,000 บาท หลังจากนั้นเขาก็แจ้งมาว่าทางบัญชีที่ถูกเปิดเป็นของสาขาเชียงราย ซึ่งเราก็บอกว่าเราอยู่กรุงเทพฯ ค่ะ เขาก็ถามว่าเราทำอาชีพอะไร เราก็บอกว่าเป็น influencer เขาก็บอกเลยว่าเราถูกเอาบัตรประชาชนไปแอบอ้างรึเปล่า เพราะเวลาเรารับรีวิวสินค้า เราก็ใช้บัตรประชาชนในการรับเงินค่ะ
เขาเลยบอกว่าเกิดเคสนี้บ่อยมากเลยในการแอบอ้าง เราต้องรักษาสิทธิของเรา โดยการที่ธนาคารให้เราสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ ไม่ต้องเดินทางไปที่เชียงราย แล้วเขาก็ทำการโอนสาย จากนั้นก็มีตำรวจอีกนายมารับเรื่อง พอรับเรื่องเสร็จเขาก็ถามมาทำอะไร เราก็บอกโดนแอบอ้างบัตรเครดิต
เขาเลยให้แจ้งบัตรประชาชน 13 หลัก พอเราแจ้ง เขาก็บอกว่าแจ้งความไม่ได้นะ เพราะเราถูกพัวพันในคดีฟอกเงิน เนื่องจากมีบุคคลหนึ่งทำคดีฟอกเงิน แล้วถูกตำรวจจับกุมได้ แล้วมีสมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพของเรา ถูกโอนของเขามาในบัญชีของเรา แล้วบอกว่าคนที่ถูกจับกุม อ้างว่าเราขายบัญชีให้เขามูลค่า 50,000 บาท และเมื่อเขาฟอกเงินมาแล้ว เราได้ส่วนแบ่งจากเขามาอีก 10%
เราตกใจ เขาก็เลยบอกเราว่าเขาทำการบันทึกเสียงอยู่นะ เพื่อให้เรานำไปโต้เถียงได้ในชั้นศาล ห้ามมีใครรับรู้เรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเอกสารทางราชการลับ มีผู้ต้องหาอยู่เกินกว่า 100 คน ถ้าเราเกิดแพร่งพรายออกไปแล้วทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีได้ เราจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
แล้วเขาเรียกสารวัตรเป็นผู้หญิงอีกนายมา แล้วคนนี้ทำให้เราทำการรวมเงินในทุกบัญชีแล้วโอนไป จนหมดบัญชีเลย”
ไร้การตรวจสอบ-ทำงานช้า!!
ก่อนจะทราบในภายหลังว่า คนที่พูดคุยทั้งหมดเป็น “ตำรวจเก๊-พนักงานธนาคารปลอม” ก็กลายเป็นเหยื่อสูญเงินไปเสียแล้ว
เนื่องจากคนร้ายมีการพัฒนารูปแบบไม่ให้ซ้ำแบบเดิมทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงอาละวาดไม่หยุด แม้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง และการออกมาเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คนในสังคมเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น จากการหลอกลวงออกอุบายในหลายรูปแบบ รวมทั้งการระมัดระวังของประชาชน
“คือจากที่ไปแจ้งความมาตั้งแต่วันที่ 31 จนถึงวันนี้ คือผ่านไป 11 วันแล้ว ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตำรวจ ก็ไม่ได้มีการติดตาม หรืออัปเดตอะไรเลย ส่วนทางธนาคารก็ดำเนินการช้าไปหมด
เหมือนทางเราพยายามที่จะออกสื่อ ออกทวิตเตอร์แล้ว คนเห็น 5 ล้าน คนรีทวีตเกือบ 80,000 แต่ผลสุดท้ายทุกอย่างก็เงียบอยู่ดี
นี่ขนาดเราเป็น influencer นะคะ แล้วมันก็มีคนธรรมดาที่ direct message โดน 5 แสน โดน 1 ล้าน ทุกคนก็บอกว่าหมดหวัง สิ้นหวังมาก เพราะไม่มีหน่วยงานรัฐในการช่วยเหลือตรงนี้เลยค่ะ”
ไม่เพียงแค่นั้น ป๊อปผู้เสียหายรายเดิมเล่าอีกว่า ถึงแม้ว่าจะระมัดระวังอย่างดี ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อ หากไม่มีหน่วยงานมาตรวจสอบ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอ ยังไม่ได้รับเงินที่สูญหายไปทั้งหมด และยังจับกุมคนร้ายไม่ได้
“ที่อยากบอกคือห้ามโอนทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานจริงหรือหน่วยงานปลอมโทร.มา คือถ้าเป็นไปได้ ถ้าเกิดเขาพูดเริ่มให้กด 9 เริ่มพูดให้ทำการโอนเงิน ให้ตัดสายทิ้งไปเลย ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ก็ให้หมายมาส่งที่บ้านน่าจะดีกว่า
อยากฝากถึงทางธนาคาร ถ้าเกิดเรื่องควรดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะว่าทุกอย่างคืออยู่แค่ปลายนิ้วมือคุณ แค่คุณตรวจสอบก็เห็นแล้วว่าเส้นทางการเดินเงินเป็นยังไง คุณสามารถจัดการได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่จำเป็นต้องมีการส่งจดหมายจากหน่วยงานหนึ่งไปอีกหน่วยงานหนึ่ง เทคโนโลยีมีเยอะ แค่แคปฯ หน้าจอมีการยืนยันในตัวของการ log in
แค่แสดงตัวตนว่าคุณคือพนักงาน และตำรวจไซเบอร์ก็ตรวจได้ ส่วนตำรวจก็ควรมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ ไม่ใช่พอเกิดเรื่องก็รับๆ เป็นปึก แล้วไม่ดำเนินการต่อ แล้วกว่าจะดำเนินการต่อคือเงินไปถึงไหนแล้ว
ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้หน่วยงานภาครัฐบาลควรเป็นผู้ครอบคลุมข้อมูลของบุคคลที่อยู่อาศัยในประเทศไทย จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่เขาทำให้มันยาก”
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **