xs
xsm
sm
md
lg

“อย่าตัดสิน” เกิร์ลกรุ๊ปสาวอวบวงแรกของไทย!! ปลดล็อกนิยามใหม่ “สาวพลัสไซส์ = พลัสความสุข”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สวรรค์ให้ฉันมาเป็นหุ่นนี้” เปิดใจ 4 สาว “Notype” เกิร์ลกรุ๊ปสาวอวบ ทำเพลงกันเองแบบไร้ค่าย หวังจุดประกายให้คนทุกรูปร่าง ได้ส่องแสงในแบบที่เป็นตัวเอง โดยไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน “Don’t Judge Me!”

โซเชียลฮือฮา “เกิร์ลกรุ๊ปสาวอวบ”

กลายเป็นกระแสฮือฮาอย่างมากบนโลกออนไลน์ กับการเปิดตัว “วง Notype” เกิร์ลกรุ๊ปที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน 4 สไตล์ ได้แก่ “มด - สุรดา เรือนทองดี” อินฟลูเอนเซอร์และเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ “Meatygals”, “คิม - วรษา คาฮิลล์” นักเต้นและนางแบบฟรีแลนซ์

“พลอย - พลอยพิชชา ตริ่งถิ” นางแบบฟรีแลนซ์ และ “แพร - ณัฐรดา พูลทรัพย์” นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ชั้นปีที่ 6 มหาวิทยาลัยรังสิตและนางแบบฟรีแลนซ์ ทั้งหมดรู้จักกันจากการได้ร่วมงานเป็นนางแบบแบรนด์ Meatygals ของมด



[ คิม, มด, แพร และพลอย ]
สำหรับจุดที่ทำให้สังคมให้ความสนใจ “วง Notype” นั้น ก็เพราะพวกเธอเป็นการรวมตัวกันของ “สาวอวบ” ที่เรียกได้ว่าสลัดภาพจำของเกิร์ลกรุ๊ปแบบที่คุ้นเคย โดยเฉพาะในวงการเพลงของบ้านเรา

ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการทำวงนั้น จะใช้คำว่าเกิดจาก “ความบังเอิญ” ก็ย่อมได้ เมื่อ มด ได้โพสต์ภาพลงบนทวิตเตอร์ เป็นภาพที่ 4 สาวสวมชุดจากแบรนด์ “Meatygals” ของมด ในคอลเลกชันแนว Y2K ภาพนั้นได้ถูกรีทวีตไปหลายหมื่นครั้ง นำมาซึ่งคำชื่นชมในความน่ารัก สดใส และมั่นใจของพวกเธอไม่ว่าจะมีหุ่นแบบไหน

นอกจากนี้ ยังมีผู้คนที่พากันคิดว่า ‘นี่คือการเดบิวท์เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่หรือเปล่า?’

จากความเห็นของโลกโซเชียลในครั้งนั้น ทำให้ 4 สาวพูดคุยกัน ถึงความเป็นไปได้ในการทำวง เพราะนี่อาจเป็น “เกิร์ลกรุ๊ปสาวอวบวงแรกของเมืองไทย” เลยก็ว่าได้ กับอีกเหตุผลคือ อยากเพิ่มความมั่นใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพวกเธอ



[ ภาพที่กลายเป็นกระแส ]
อีกทั้งแต่ละคนนั้นก็มีประสบการณ์ในด้านนี้อยู่บ้าง อย่างคิมเคยเป็นแดนเซอร์มาก่อน แพรก็เคยเต้น Cover ส่วนมดและพลอยก็เคยการประกวดร้องเพลง ใช้เวลาตกผลึกไม่นาน “วง Notype” ก็ถือกำเนิดขึ้นในเวลาต่อมา...

“จริงๆ แล้วเราทั้ง 4 คนร่วมก็งานกันอยู่แล้ว ตอนนั้นมดก็ได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ เป็นรูปของเราทั้ง 4 คน เป็นรูปเสื้อผ้าของ Meatygals ใส่กระโปรง ใส่เสื้อเหมือนๆ กัน คนรีทวีตกันเยอะมาก คนเขาก็เลยคิดว่าเดบิวต์ คิดว่าเป็นวง ซึ่งเราก็ตกใจกันมากเลยส่งเข้ากรุ๊ปแล้วก็คุยกัน เรายังไม่เคยมีวงสาวอวบเลย เรามาลองกันดูซักตั้ง” มดเล่าถึงความเป็นมาของวง

“เรารู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นโอกาสด้วยค่ะ เพราะว่าถ้าเราทำแค่แบรนด์เสื้อผ้าสาวอวบ มันก็จะเห็นแค่ในคนที่อวบด้วยกัน หรือสินค้าที่เป็นสาวอวบ แต่พอมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ป มันเหมือนขยายตลาด ขยายกลุ่มเป้าหมาย ขยายมุมมองได้มากยิ่งขึ้น มันน่าสนใจด้วยค่ะเพราะยังไม่มีใครทำในประเทศไทย” แพรกล่าว

อย่าตัดสินกันที่ภายนอก “Don’t Judge Me!”

ล่าสุด พวกเธอก็ได้มีการปล่อยผลงานชิ้นแรกออกมา กับเพลง “Don’t Judge Me!”โดยเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ ให้เต้นตามได้ มีเนื้อหาพูดถึงการไม่สนใจคำวิจารณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ และการไม่ควรตัดสินใครจากภายนอก

ทั้งนี้ สาวๆ Notype ได้นิยามคำว่า “Don’t judge me”ตามแบบฉบับของตนเองไว้ ตามบรรทัดต่อจากนี้


[ “มด - สุรดา เรือนทองดี” และ “คิม - วรษา คาฮิลล์” ]
คิม - “จริงๆ ในเพลงก็ไม่ได้หมายถึงแค่ว่าต้องเป็นสาวอวบ ก็คือ หมายถึงทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะรูปร่างยังไง หรือเพศไหน รสนิยมยังไง คนชอบตัดสินเราก่อนจากรูปลักษณ์ภายนอก

ถ้าอย่างคิม คนจะ judge ว่า คิมเป็นคนแซ่บๆ เป็นตัวแม่ ตัวเฟียส คนดุ คนหยิ่ง คนแรงแน่ๆ คนไม่กล้าเข้าหาเราเท่าไหร่ตอนแรก ถ้าหน้าเฉยๆ ปกติก็จะเป็นอย่างนี้ บางทีเวลาเราเหม่อหน้าก็จะดูดุหน่อย แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นค่ะ คิมก็เป็นคนโก๊ะๆ คนนึง”

พลอย- “เราก็เป็นเหมือนคนทั่วไป เป็นปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ มีผอม มีปกติ มีอวบ มี plus-size เป็นไซส์ที่มีในโลกนี้ไม่ใช่ไม่เคยมี การ judge มันเป็นอะไรที่อยู่คู่กับคนไทยมาแสนนาน ยิ่งเราเป็นคนอ้วน คนอวบ เราโดนหนักกว่าเดิม เราถูกทวีตเป็นตัวตลก เป็นตัวประหลาด เราเจอมาทั้งชีวิต

เราไม่อยากให้ตัดสินว่าคนที่มีรูปร่าง plus-size เป็นตัวตลก เขามีความสามารถมากกว่านั้น เขาอาจจะเป็นโมเดล เป็นอินฟลูเอนเซอร์ สอนแต่งหน้าก็ได้ มันหลากหลายมากในปัจจุบัน เราอยากให้ทุกคนไม่เริ่มจากการตัดสินกันค่ะ

อย่างพลอยที่โดนว่า ‘เป็นสาวอวบแต่ก็สวยนี่’ จะบอกว่าเราเคยผ่านยุคมืดสมัยเด็ก พอเรารู้สึกว่าอยากรักสวยรักงามมากขึ้น เราก็เริ่มดูแลตัวเอง ดูแลผิวหน้า ดูแลร่างกาย อาจจะมากกว่าเพื่อที่จะให้ออกมาดูดีที่สุด

บางคนเขาคิดว่าตัวเองไม่สวยเพราะเป็นคนอวบ แต่จริงๆ การเป็นคนอวบเราสวยได้ เริ่มจากการที่เราดูแลตัวเอง ต้องบอกเลยว่ามั่นใจนี่เลยความสวยไปเยอะมากจริงๆ”


[ “พลอย - พลอยพิชชา ตริ่งถิ” และ “แพร - ณัฐรดา พูลทรัพย์” ]
แพร - “แพรรู้สึกว่า ประมาณ 10 กว่าปีก่อน โฆษณาส่วนใหญ่ไม่มีเลยที่เอาคนอวบหรือคนที่รูปร่างไม่ตรง standard มาเป็นเมนหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นตัวตลก เขาก็อาจจะ judge ว่าคนอ้วนเป็นคนที่ไม่มีวินัย ไม่กินผัก ไม่ดูแลตัวเองหรือเปล่า

ด้วยความที่แพรเรียนด้านสุขภาพ สิ่งที่แพรอยากจะบอก สุขภาพ หรือ wellness มันไม่ได้ฟิกส์ว่าคุณต้องเป็นรูปร่างอย่างนี้ คำว่าสุขภาพดีมันมีได้ในหลายๆ รูปร่าง รูปร่างอย่างแพรอาจจะไม่ได้ตรงตาม standard แต่แพรก็ตรวจสุขภาพทุกปี เรารู้ว่าตอนนี้สุขภาพเราเป็นยังไง แล้วเราก็ออกกำลังกาย”

มด - “มดว่าบางคนอาจจะโดนเหมือนมด การโดนปฏิบัติแตกต่างกันมากๆ ในการรวมญาติ ไม่ว่าเราจะเรียนเก่ง ทำงานเก่งแค่ไหน แต่เวลาไปเจอญาติเขาก็จะโฟกัสกันแค่ที่หุ่น ความอ้วน ความผอม ความสูง ที่รูปร่างหน้าตา ก่อนความเก่งในด้านนั้นๆ ของเรา

มดก็เลยอยากบอกว่าอย่า judge กันเลยค่ะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เหมือนกับท่อนนึงที่ชอบมากๆ ‘don't judge me ไม่ใช่ผู้พิพากษา’ เราไม่ใช่ผู้พิพากษาที่จะไป judge ใคร อยากสื่อไปถึงตรงนั้นด้วยค่ะ”

มือใหม่-ไร้ค่าย เก็บทุกคำติชมมาพัฒนา

จากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การทำกันเองแบบ ‘ไร้ค่าย’ คือ ความท้าทายใหญ่ในการทำเกิร์ลกรุ๊ปครั้งนี้ ซึ่งทุกคนมีส่วนรวมในการทำงานทุกกระบวนการ ตั้งแต่การประสานงาน งานเบื้องหลัง การเต้น เป็นสไตลิสต์ในการดูแลเสื้อผ้า หน้า ผม ให้กันและกัน ตลอดจนการตัดต่อ Music Video ก็ผ่านมือพวกเธอมาทุกช็อต ทุกซีน!!



มด เป็นตัวแทนในการเล่าถึงขั้นตอน กว่าจะได้เพลง “Don’t Judge Me!” ออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“แต่ละคนก็อยากร้องเพลงกันอยู่แล้ว แล้วก็ชอบเต้น ความคิดเห็นก็ตรงกัน โอเคเริ่มเลย เราอยากลองดู แต่พอมาทำจริงๆ เราถึงรู้ว่า process เยอะมาก ยากจริงๆ ซึ่งความรู้ในการทำเพลงเราไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ อย่างการมิกซ์เสียง อัดเสียง ก็ค่อนข้างที่จะใช้การ research พอสมควรค่ะ

เริ่มแรกเราต้องหาคนแต่งเพลงก่อน รวมทั้งซาวน์เสียงให้ตรงไทป์กับเรา แล้วก็มี choreograph ในการเต้น ส่วนเรื่องอัดเสียง มิกซ์เสียง เราก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญ อย่างสตูดิโอที่มีผลงานเยอะ ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างเยอะนิดนึง

เราตั้งงบไว้กองนึงประมาณ 6 หลักค่ะ แต่พอทำจริงๆ แล้วเกินงบไปไกลเหมือนกัน เกินมาประมาณเท่านึง เพราะว่าเราไม่ได้มีคอนเนกชันในวงการเพลงใดๆ เลย อันนี้พูดตรงๆ เราเริ่มจากศูนย์จริงๆ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจะเยอะกว่าปกติค่ะ”



ถามถึงฟีดแบกหลังจากที่เพลงแรกถูกปล่อยออกไป พวกเธอก็ได้รับกำลังใจมากมายจากแฟนเพลงทั้งไทยและต่างชาติ ที่รอให้การสนับสนุน พร้อมทั้งให้คำแนะนำพวกเธอ ในจุดที่ที่ควรเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“คนไทยก็มีทั้งคอมเมนต์ที่ให้กำลังใจ คอมเมนต์ติชม หลายๆ คนก็ช็อกที่รู้ว่าไม่มีค่าย เขารู้สึกว่าอยากจะซัปพอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม เรายังไปได้ไกลอีกนะ แล้วก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพลงที่ 2 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ



อย่างที่บอกเราไม่ได้อยู่ในวงการเพลงแต่แรก เราเป็นนางแบบ ทำธุรกิจส่วนตัว แพรเป็นนักศึกษาเภสัช แต่เราไม่ได้เอาตรงนั้นเป็นข้ออ้าง เราพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด เต้นไม่ได้เลยจากวันแรก เราซ้อมจากบ่าย 2 ถึง 4 ทุ่ม แพรเองก็เรียน คนอื่นทำงาน ก็พยายามหาเวลามาซ้อม ก็ทำให้ดีที่สุด เป็นอีก process นึงว่าเราต้องพัฒนาต่อไปค่ะ

บราซิลเขาเหมือนมีทวิตเตอร์ที่เป็นช่องรายการบันเทิง แชร์ข่าวพวก T-pop K-pop แล้วเขาก็เอาวงเราไปโพสต์ คนสนใจกันเยอะมาก เขาก็ชมว่ามีอะไรแบบนี้แล้ว เขาค่อนข้างสนับสนุนพวกเรามาก

อย่างบราซิลจะเจอบ่อยมากคำว่า Linda แปลว่า beautiful เขาจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้นะ ยินดีด้วยสำหรับการเดบิวต์ของพวกคุณ รอติดตาม รอพัฒนาการวง รู้สึกว่าบราซิลเขารักฉัน เวลาเราไลฟ์กัน 4 คนก็จะมีแฟนบราซิลมา ทั้งที่เวลาต่างกัน ก็ตื่นมาดูเรา” แพรให้คำตอบ



“(ตอนไลฟ์) ถ้ามีคนเข้ามาคอมเมนต์ Ola เขาจะรู้เลยว่าเป็นแฟนบราซิล ก็จะ Ola กลับไป หรือเขามีคำถาม เราก็จะตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไปค่ะ พอเป็นอย่างนี้มันไม่เล่นๆ แล้วนะ ตอนนี้ไปไกลจนถึงต่างประเทศเลย บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลี ก็ยังแชร์โพสต์ของเรา เขาก็ติดตามเราเหมือนกัน มันไปอินเตอร์แล้ว

เราตัด MV กันเองค่ะ เลือกช็อต เลือกซีนกันเอง ด้วยความที่ว่ามี accident เกิดขึ้น บวกกันฟีดแบกที่มันมาแรงมากๆ จากในทวิตเตอร์ ผลงานมันจะต้องดีขึ้นกว่านี้ เราก็เลยต้องมาโละให้และ recheck อีกทีแล้วตัดกันเอง

ฟีดแบกจริงๆ มีทั้งดีและมีทั้งแนะนำ ส่วนมากจะเป็นติเพื่อก่อ ซึ่งเราก็รับฟังและยินดีมากๆ เป็นอะไรที่น่ารักมากจริงๆ เขาอยากที่จะผลักดันเราให้ไปต่อ อยากเห็นผลงานเราเพิ่มเติม ซึ่งเราเอาคำเหล่านี้มาพัฒนาในซิงเกิล 2 ให้ดีขึ้น” พลอยเสริม

ขณะเดียวกัน คอมเมนต์อีกด้านที่ไม่น่ารักก็มีปรากฏให้เห็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้บั่นทอนกำลังใจแม้แต่น้อย

มด - “คอมเมนต์ส่วนมากจะเป็นให้กำลังใจ แต่ก็จะเป็นส่วนน้อยที่พิมพ์มาว่า ‘เหม็นเปรี้ยว’ แรงมาก เราก็จึ้ดนิดนึง แต่ว่าก็ไม่ได้เอาใจไปใส่ แต่เขาก็โดนคอมเมนต์ตอบกลับจากแฟนคลับ หรือคนที่เห็นแล้วเขารู้สึกไม่โอเค ไม่รู้ว่าเขาเคยเจอประสบการณ์แบบไหน หรือว่าเขาโดนความเจ็บปวดกดหรือเปล่า แต่ว่าเราก็ไม่ควรพ่นคำแบบนี้ออกมาใส่ใครทั้งนั้นค่ะ

ความคาดหวังเยอะนิดนึง แต่เราก็จะพยายามให้ดีที่สุด อย่างที่บอกงบเราออกกันเอง ดังนั้น ค่อนข้างที่จะจำกัดมากๆ ในการจะทำอะไร อย่างโปรดักชัน ต้องใช้งบเยอะมากๆ ในการทำงานออกมาเป็น process นึง

พอเขารู้ว่าเราทำกันเอง เขาก็จะ… โอเคทำได้ดีแล้วในมุมของการทำกันเอง แล้วเขาก็จะบอกว่า ควรปรับตรงไหน เรื่องโปรดักชัน เรื่องสตอรี่ MV เรื่องเสียง เรื่องเพลง ก็ทำให้เรามีกำลังใจทำต่อค่ะ”



คิม - “คิมเจอเรื่อง ‘ก็หุ่นนาฬิกาทราย มีหน้าอก ไม่เห็นจะแปลก beauty standard ทั่วไป ไม่ได้ต่างจากเดิม’ เราก็งง โดนประเด็นนี้เหมือนกัน เราไม่ได้หุ่นนาฬิกาทรายขนาดนั้นถ้ามาดูจริงๆ เราก็อวบ เขาคงคิดว่าต้องเป็นอีกแบบนึง เราผิดตรงไหนเราดูแลตัวเอง แต่ไม่ต้องจัดการอะไรเลยนะคะจริงๆ มีคนจัดการให้ (หัวเราะ)”

พลอย - “เห็นชัดว่าคอมเมนต์ของต่างประเทศแทบไม่มีที่มาติเราเรื่องหุ่น ที่เจอเยอะสุดก็เป็นชาติเรา แต่เราเข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา สังคมกำลังเปลี่ยน หลายๆ ที่ก็เริ่มยอมรับมากขึ้น mindset เริ่มเปลี่ยน

เรามี dance practice ออกมา ก็โดนว่า ‘อย่าเรียกว่าเต้นเลย เรียกว่าขยับดีกว่า’  คือ เราซ้อมหนักมาก จากบางคนที่ไม่เคยเต้นเลยหรือเคยเต้นเมื่อนานมาแล้ว แต่มันอาจจะไม่ตรงตามความคาดหวังที่เขาวางไว้ เขาอาจจะคิดว่าจะแซ่บกว่านี้

พลอยห่างการเต้นไปนานมาก พอมาเต้นอีกทีก็รู้สึกมันถูกปลุกขึ้นมา แล้วก็มี energy มากขึ้น คอนเซปต์ของเรา ทุกคนสามารถเป็นได้ ทุกคนสามารถเต้น-ร้องเพลงเหมือนเราได้ อยากบอกเขาว่าบางที standard ไม่จำเป็นต้องยึดที่ตัวของเขา เราต้องดู standard ของทั้งหมด อยู่ที่ว่าเราจะพรีเซนต์ออกมายังไง อย่างที่เราพรีเซนต์ออกมา มันเต็มที่สำหรับเรามากๆ”



แม้การมีคอนเสิร์ตจะเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของพวกเธอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อย่างการเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายคน ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว

“ตอนนี้ถึงแม้ว่าเรายังเพิ่งแค่ก้าวแรก แต่ก็มีหลายคอมเมนต์แล้ว บอกว่าพวกพี่เป็นแรงบันดาลใจนะ ทำให้หนูกล้าลุกขึ้นมาแต่งตัว มันเกิดอะไรแบบนี้แล้วนะในประเทศไทย เหมือนเป็นพื้นที่ให้ทุกคนสามารถที่จะ shine ในแบบของเราได้

ถ้าในอนาคตเป็นอย่างนั้นก็ดี การที่เรามีแรงซัปพอร์ตจากความพยายามเป็นอะไรที่ดีอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ การที่มีคนมาซัปพอร์ตเรา แสดงว่าเราได้รับการยอมรับจากเขา เราได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา” แพรกล่าว

“มีคุณแม่คอมเมนต์บอกว่า ตอนแรกจะให้ลูกสาวลดน้ำหนัก แต่พอเห็นวงนี้ ไม่ต้องลดแล้วลูก เราก็รู้สึกว่า ผู้ใหญ่เขาก็เปิดด้วย มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เราก็ดีใจมากๆ ค่ะ บางคนเขาอยากจะให้ลูกเป็นดารา เป็นอินฟลูฯ แล้วเมื่อก่อนต้องผอม พอเราทำวงนี้ขึ้นมาเขาเห็นโอกาสตรงนี้ คุณไม่ต้องผอมก็เป็นได้ เขาก็เลยไม่บังคับลูกแล้วค่ะ

บางคนแชร์โพสต์เราแล้วบอก ‘เมื่อไหร่เปิดออฯ รุ่นที่ 2 จะส่งใบสมัคร’  ก็เยอะเหมือนกัน ซึ่งเราก็ตกใจ มีแบบนี้แล้ว ก็ดีใจที่ได้เป็นแรงบันดาลใจ” มดตอบพร้อมรอยยิ้ม

เผยประสบการณ์เฉียดตาย... เมื่อสังคมบีบให้อยู่ใน “มาตรฐานความสวย”

แต่กว่าที่สาวๆ Notype จะยิ้มได้อย่างเข้มแข็งแบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละคนผ่านอดีตที่เจ็บปวด เริ่มกันที่ คิม เธอโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุน้อย และแทบทุกครั้งที่รูปร่างของเธอ ถูกยกขึ้นมาตัดสินก่อนได้แสดงความสามารถ



“คิมโดนสังคมกดดันมากกว่า เทียบความคิดคนในสมัยก่อนกับตอนนี้ก็คือต่างกัน คิมจะโดนมาจากโรงเรียน ตอน ม.ปลายคือช่วงที่ผอมเลยประมาณ 50 กว่าๆ แต่ก็โดนทางผู้ใหญ่บอกว่าอ้วน ไหนจะต้องมาดูดไขมัน ทางวงการบันเทิงสมัยก่อนก็จะกดดัน ต้องลดอีกๆ บางทีเรามาแคสงาน เปิดประตูมาถึงก็จะบอก ‘หน้าสวยแต่อ้วน’ เราโดนคำนี้คำแรกทุกครั้ง

จนมาอยู่มหา’ลัย มาเรียนแอกติ้ง คลาสแรกที่เรียนเรียนเกี่ยวกับร่างกายตัวเอง เขาจะถามว่าเกลียดร่างกายส่วนไหน เราก็บอกเกลียดส่วนนี้ๆๆ เกลียดต้นขา เกลียดหน้าอก พอจบคลาสเขาก็บอก ถึงจะเกลียดยังไงมันก็คือร่างกายของตัวเอง

เราก็ต้องอยู่กับตัวเอง ต้องรักร่างกายนั้นของเรา แล้วครูก็พูดว่า ‘อาทิตย์หน้าใส่ขาสั้นมาเรียน’ หลังจากนั้นเราก็ใส่ขาสั้น สายเดี่ยวตลอดเลย (หัวเราะ) ปลดล็อกมาก (เน้นเสียง) มากกว่าสมัยก่อนเลยค่ะ กลายเป็นคนมั่นใจขึ้นกว่าเดิมค่ะ”



ทางด้านของ แพร เด็กกิจกรรมตัวยงของโรงเรียน แต่กลับถูกผู้ใหญ่กดดันให้ฝึกหนัก เพียงเพราะต้องการให้ผอม มากกว่าให้พัฒนา

“แพรเป็นคนที่อวบอ้วนตั้งแต่เกิดค่ะ คลอดมาก็ 4 โลแล้ว แพรเป็นเด็กกิจกรรม แล้วก็อยากเป็นดรัมเมเยอร์ พ่อแม่เราก็สนับสนุน ลูกฉันหุ่นยังไงก็น่ารัก แต่เราจะโดนกักตัวให้ซ้อมนานกว่าคนอื่นเพราะอยากให้เราผอม ไม่ใช่อยากให้เราเก่งขึ้น ทั้งที่เราเต้นได้คนแรกๆ เวลาไปงานรับน้อง สังเกตได้เลยว่าเขาจะให้ความสำคัญกับคนที่เป็นดาวเด่น คนอ้วนก็จะเป็นแค่ someone เท่านั้น รูปก็จะไม่ค่อยมี ไม่ใช่แค่แพร คนอื่นก็โดนเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าความอ้วนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ

เราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับ ตอนนั้นขึ้นมาประมาณ 20 กิโล กินด้วย เครียดด้วย ร้องไห้เลย เพิ่งเข้ามาเรียนคณะเภสัช ใส่แต่เสื้อ oversize เพื่อจะปิดบังรูปร่าง จนคนอื่นมองว่าไม่ดูแลตัวเอง เราก็มานั่งคิดว่า โอเคจริงๆ เหรอ

จุดปลดล็อกก็คือ งั้นลองแต่งหน้าดูซิ สมัยนี้มีเสื้อผ้าสาวอวบเยอะ ลองหยิบมาใส่ดู เรารู้สึกว่ามันดูดีกว่าเดิม ถ่ายรูปลงไปเลย ฉันปลดล็อกแล้วนะ วันนี้เป็นวันแรกที่เรากล้าใส่ชุดรัดรูปลายงูเหลือมออกไปกินข้าวข้างนอก หลังจากนั้น ชีวิตก็เปลี่ยนเลยค่ะ เรา shine ขึ้นกว่าเดิมเยอะเมื่อเรา accept ความเป็นตัวเอง อ้วนขึ้นแล้วไงก็หาเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นเองค่ะ

แต่มีทวีตนึงเขาบอกว่า ‘ใช่สิ อวบที่คนชอบต้องผิวขาว มีทรวดทรง มีนม มีตูด’ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แพรเป็นคนที่เคยหนัก 80 มาแล้ว เคยแตะ 40 ก็มี เคยล้วงคอเหมือนกัน แพรรู้แค่ว่าเวอร์ชันนี้คือเวอร์ชันที่แพรโอเคที่สุด เราไม่ได้เป็นตาม standard ใคร ถึงคนอื่นไม่ยอมรับแต่เรายอมรับตัวเอง ยังไงมันก็ดีกว่าการที่เรานั่งร้องไห้ในห้อง ลุกขึ้นมามั่นใจจะดีกว่า”



ขณะที่ พลอย หญิงสาวผู้เคยใช้ชีวิตให้อยู่ในกรอบของ beauty standard เพื่อการประกวดนางงาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ทำเอาเธอถึงขั้นเข้าใกล้ความตายมาแล้ว!!

“พลอยเพิ่งจะเป็นสาวอวบได้ปีนึง ก่อนหน้านี้ มีคนบังคับให้ผอม เมื่อก่อนพลอยเป็นสายนางงาม ต้องตรงมาตรฐานของนางงามถึงจะลงประกวดได้ ตอนนั้นมันเป็นโอกาสของเรา อินฟลูเอนเซอร์ยังไม่ได้เยอะขนาดนี้ เราก็หาเงินเรียนเองด้วย

เริ่มประกวดตั้งแต่เรียนอยู่ ม.3 เลยค่ะ ด้วยความที่พลอยเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อเป็นชาวอเมริกัน ไม่เคยมีช่วงชีวิตผอม มีแต่คนบอกว่าหน้าสวย แต่จะสวยกว่านี้ถ้าผอม พลอยไม่ได้กินข้าวเลยถ้ารู้ว่าตอนไหนจะมีประกวด กินน้ำทั้งวัน ได้มากสุดแค่ชาเขียวมัทฉะไม่ใส่นม ให้มันเป็น energy

ตอนนั้นเรียนด้วย สอบด้วย ต้องซื้อออกซิเจนกระป๋องพกเพื่อไปนั่งดม รู้สึกว่าเราหายใจถี่ เราบอกเพื่อนว่า ถ้าไม่เห็นเราไปเรียน โทร.มาหรือไม่ก็มาหาที่หอหน่อย มันถึงจุดที่เรากลัวตายจริงๆ เป็นอะไรที่กดดันมากที่ต้องอยู่ในมาตรฐานของเขา เขาอยากให้พลอยหนัก 52-48 เราทำได้มากที่สุดแค่ 55

พอถึงวันประกวด สุดท้ายเราไม่แม้แต่จะเข้าซักตำแหน่ง ทั้งหมดที่เราเกือบจะตายทำไปเพื่ออะไร ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ได้แต่สุขภาพจิตที่เสีย ร่างกายที่เสีย เราดิ่งเกือบเป็นซึมเศร้า ไม่อยากให้หลายๆ คนไปอยู่จุดนั้น มันทรมานตัวเองค่ะ

ช่วงโควิดที่ผ่านมา เราได้อยู่กับตัวเอง กิน นอน กิน นอน อยากทำอะไรทำ ขึ้นมา 75-80 กิโล แต่สุขภาพจิตดีมาก (หัวเราะ) จนได้มารู้จักกับมด มดบอกลองมาถ่ายเสื้อผ้าสาวอวบดูมั้ย เธอสวยมากตอนนี้ เราก็บอกบ้ารึเปล่า

ถ่ายเสร็จปุ๊บกลายเป็นว่าเหมือนได้ปลดล็อกอะไรเยอะมาก แล้วโอกาสคือแบรนด์ต่างๆ เริ่มติดต่อเข้ามา เขาเริ่มให้ความสำคัญกับสาวอวบมากขึ้น จนเรารู้สึกว่านี่แหละ สวรรค์ให้ฉันมาเป็นหุ่นนี้แหละ It’s time to shine”



ส่วน มด สาวผู้ซึ่งเคยใช้ยาลดน้ำหนัก แต่สุดท้ายก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มถึง 20 กิโลกรัม

“เมื่อก่อนอยากผอม อยากน้ำหนัก 48 แต่ตอนนั้นมดน้ำหนักประมาณ 57 ค่ะ ด้วยความสูงถือว่าสมส่วนแล้วตามค่า BMI คนอื่นก็มาพูด ‘ถ้าผอมจะสวยกว่านี้นะ’ เราก็เลยซื้อยาลดความอ้วนมากิน

ผลคือนอนไม่หลับ กินแค่โกโก้แก้วเดียวก็อิ่มแล้ว มันเลยทำให้น้ำหนักลดไว กินตอนแรกก็ลงนะคะ แต่พอเราหยุดยาปุ๊บ กินปกติ เหมือนค่าเผาผลาญมันเปลี่ยนตามยา น้ำหนักก็เลยดีดขึ้น แล้วทำให้เรานอยด์มากๆ ประสบการณ์ตรงจริงๆ คือน้ำหนักดีดขึ้นมา 20 โลค่ะ อย่าใช้อย่าลดความอ้วนเลย

ย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีที่แล้ว ที่น้ำหนักมดดีดขึ้นมา จริงๆ มดทำรีวิวอยู่แล้ว แล้วเจอพี่คนนึงบอกว่า ‘ลองแต่งตัวดู แล้วก็ลองโพสต์เป็นแรงบันดาลใจ’  โพสต์เล่าเรื่องตัวเองด้วย แล้วก็แชร์ไอเดียการแต่งตัวด้วยค่ะ

พอโพสต์ไปปุ๊บ ชาวทวิตเตอร์ซัปพอร์ตดีมากๆ ค่ะ 4 ปีที่แล้วสังคมยังไม่ได้เปลี่ยนขนาดนี้ ซึ่งมันค่อนข้างจะใหม่ แล้วคนก็ยังเป็นแบบเราเยอะมากๆ มันก็เลยทำให้เราปลดล็อกตัวเองขึ้นเรื่อยๆ มดก็ขอบคุณชาวทวิตเตอร์มากๆ”



ส่วนหนึ่งของความเข้มแข็งที่มีในทุกวันนี้ เป็นเพราะทุกคนต่างเป็นพลังบวกให้แก่กัน โดยมี มด เป็นจุดศูนย์รวมของเพื่อน จากการเริ่มชักชวนให้มาร่วมงานในฐานะนางแบบเสื้อผ้าสาวอวบเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว ด้วยเคมีที่ตรงกัน ทำให้สาวๆ แต่ละคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว

ด้านฝ่ายที่ถูกเอ่ยถึงอย่าง มด ก็กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เป็นศูนย์กลางพาให้เพื่อนๆ ทุกคนมารู้จักกัน และพร้อมส่งต่อกำลังใจดีๆ สู่ทุกคน

“มดดีใจนะคะที่ได้มาเป็นจุดเริ่มของคนอื่นๆ และได้ส่งต่อพลังบวกให้กับเขา ให้เขามีแรง มั่นใจในตัวเองมากขึ้น ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ บอกตรงๆ ว่าทุกวันนี้ความสุขของเรามันค่อนข้างหาได้ยาก อย่างมดเอง ความสุขของมดคือการกิน เวลากินแล้วตาจะเป็นประกาย

แล้วมดเห็นความ shine ของทุกคน เฮ้ยเธอ เธอดีมากเลยนะถ้าเธอไปทางนี้ เธอมากับฉัน ทำแบบนี้สิ แต่เราไม่ได้ไป judge เขานะคะ แค่บอกว่าคุณอวบแล้ว shine มาก ไม่ได้มีแค่มาตรฐานที่เคยเจอ ซึ่งมดดีใจมากๆ และมดคิดว่าในการทำวงรอบนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของหลายๆ วงการ ที่ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วยค่ะ”

ส่งต่อแรงบันดาลใจ “พลัสไซส์-พลัสความสุข”

แม้ในตอนนี้สาวๆ Notype จะเป็นก้าวเล็กๆ ของการเปลี่ยนแปลงในวงการเพลงบ้านเรา แต่การมีอยู่ของเธอ ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจ และเปิดพื้นที่ให้คน plus-size มีจุดยืนอย่างความสุข กับการเป็นตัวเองได้อีกหลายชีวิต

“ของแพรมีคนทักมาใน DM ว่าติดตามน้องแพรมา ก่อนหน้านี้ พี่ผ่านมรสุมชีวิตมา เขาท้องแล้วเหมือนเป็นภาวะหลังคลอดที่น้ำหนักดีดขึ้น ต้องหย่ากับแฟนเพราะแฟนนอกใจ พอมาดูแพรแต่งตัวปุ๊บ เขาเหมือนมีความกล้ามากขึ้น คอยติดตามว่าแพรใส่เสื้อผ้าจากร้านไหน อยากจะแต่งตัวตาม อยากจะสวย ก็เลยรู้สึกว่า การที่เราแต่งตัวมันไม่ได้สวยไปวันๆ นะ มีคนเอาเราไปเป็นแรงบันดาลใจให้เขาผ่านช่วงเวลา เปลี่ยน mindset ตรงนั้นได้ ให้ชีวิตเขาแฮปปี้ขึ้น เราก็รู้สึกดีมาก



ด้วยบทบาทของเรา ต้องบอกว่าเราไม่ใช่นักขับเคลื่อนสังคม เราเป็น community นึงที่เข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องบอกอะไรเลย เราแฮปปี้ที่สังคมยอมรับ ถ้าสังคมยอมรับหรือเปิดกว้างได้ จะเป็นอะไรที่เรา success มาก เราคิดว่าเราสามารถเป็น role model ได้ มีน้องๆ รุ่นใหม่ อาจจะมีวง Notype เป็นไอดอลก็ได้ ฟินแล้วค่ะ ชื่นใจ” แพรเล่าด้วยรอยยิ้มถึงประสบการณ์ที่พบเจอ

“เด็กๆ ที่มีไซส์แบบเราก็เยอะ แต่เราไม่อยากให้ไปกดดันน้องๆ ต้องผอมนะ อยากให้น้องๆ ที่เห็นเรา ให้เขา enjoy life ทำให้ตัวเองมีความสุข ดีกว่าปล่อยให้กดดันตัวเองจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า รวมถึงคนรอบข้างด้วย ถ้าได้รับ energy หรือเห็นเราในวันนี้ อยากให้เข้าใจน้องๆ หรือคนแบบเรามากขึ้น อันนี้ก็ถือว่าเรา success แล้ว ที่เห็นน้องๆ แฮปปี้กันค่ะ

เราก็เลยอยากเป็นพื้นที่ให้หน้าจอโซเชียลมีเดีย ที่หลายๆ คนดูและได้แรงบันดาลใจจากเราไป ไม่ว่าจะช่วงอายุไหน อยากให้รู้ว่ายังมีเราอยู่ที่คอยให้กำลังใจ ไม่อยากกดดันตัวเอง และไม่อยากให้เอาตัวเองไปอยู่ในมาตรฐานที่ใครกำหนดไว้ค่ะ

และอยากบอกว่าอยากให้ไปอีกหลายๆ วงการ ไม่ใช่แค่วงการเสื้อผ้า ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมบันเทิง อย่างผู้ประกาศข่าว เราไม่เคยเห็นเลยเนอะ ผู้ประกาศข่าวหรือพรีเซ็นเตอร์ที่ chubby ขึ้นบิลบอร์ด เครื่องสำอาง สกินแคร์ อยากให้เป็นเรื่องปกติเลยค่ะ” พลอยฝากมุมมองของเธอ

ถามถึงผลงานเพลงชิ้นถัดไป พวกเธออัปเดตว่าดีใจมากที่ในตอนนี้มีผู้ใหญ่ใจดี ยื่นมือเข้ามาให้การสนับสนุน ซึ่งในขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังยืนยันว่าจะยังคงเป็นศิลปินอิสระดังเดิม



พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้กัน สัญญาว่าจะพัฒนาตนเองเพื่อผลงานที่ดีขึ้นต่อไป

“พอมีกระแสออกไปแล้ว เราก็ดีใจมากเลย พอมาเป็นแบบนี้ก็เริ่มมีคนเห็นว่ามันไปต่อไป อยากซัปพอร์ต บางคอมเมนต์เขาบอกว่าอยากให้มีค่ายมาช่วยมากเลย เพราะน่าจะไปได้ไกลมากจริงๆ

แต่เราชอบอะไรที่ freedom ชอบอะไรที่เป็นอิสระ อยากทำแนวไหนก็ทำได้ เราอยากจะทำอะไรให้มันตรงกับจุดมุ่งหมายเราจริงๆ ไม่เครียดจนเกินไป ไม่กดดันจนเกินไป มันถ่ายทอดออกมาผ่านผลงาน เราเลยอยากทำให้มันดี

เสร็จแล้วก็มีสปอนเซอร์มา เขาก็เริ่มให้ความสนใจคนกลุ่มแบบเรามากขึ้น มันเป็นกระแสที่ดีมากๆ แล้วก็อยากให้ซิงเกิลที่ 2 เราดีขึ้นด้วย สปอนเซอร์ก็เข้ามาอีกได้นะคะ (หัวเราะ) มันจะต้องดีขึ้นแน่นอน

เพราะเรารู้ว่ามีอีกหลายๆ คนที่รอดูเราอยู่ แล้วก็มีน้องๆ เยาวชนอีก เราก็คิดว่าต่อไป ถ้าค่ายไหนหรือบริษัทไหนที่อยากจะสานต่อเหมือนเรา อยากจะให้เปิดโอกาสให้เด็กๆ กลุ่มแบบนี้ด้วยนะคะ

ขอบคุณสื่อด้วยที่ให้พื้นที่สื่อกับเราเพื่อส่งต่อพลังบวกดีๆ คอยดูการเติบโตของวงไปเรื่อยๆ นะคะ แล้วก็ฝากติดตามวง Notype ของเราด้วยนะคะ เราจะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”

สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : “วง Notype”, อินสตาแกรม @meatygals, @moedii_, @kimkardash19, @ployrinnn และ @snowwyprae




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น