สิงห์อาสา ร่วมกับ 8 คณะแพทยศาสตร์ 3 คณะทันตแพทยศาสตร์จาก 8 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักวิชา แพทยศาสตร์, สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, คณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,คณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา,คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี,คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจรักษาใน 8 พื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมี ความยากลำบากในการเดินทางในหลายจังหวัด ภายใต้ โครงการ “ไกลแค่ไหน จะไปให้ถึง” 35ปี หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา
โดยในครั้งนี้ สิงห์อาสาและเครือข่ายนักศึกษา 3 สถาบัน ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พื้นที่ห่างไกล ดูแลสุขภาพชาวบ้านบนดอยสูง จ.เชียงราย พร้อมมอบเสื้อกันหนาว ให้กับชาวบ้านที่ต้องเผชิญกับวิกฤตภัยหนาวเป็นประจำทุกปี
ถึงจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน ก็จะไปให้ถึง สิงห์อาสาร่วมกับ 3 คณะแพทยศาสตร์ 2 คณะทันตแพทย์ ได้แก่ สำนักวิชาแพทยศาสตร์, สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะทันต แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยาออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา
นำทีมแพทย์พร้อมนักศึกษาแพทย์ขึ้นดอย เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งขาดโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุข
ออกตรวจสุขภาพทั่วไป ฝังเข็ม ตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก ตลอดจนออกตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนให้แก่ชาวบ้านกว่า 400 คน พร้อมให้ความรู้ที่จำเป็นอย่างการทำ CPR การห้ามเลือด การทำแผล การดาม เพื่อส่งต่อความรู้รวมไปถึงทักษะต่างๆ ในการดูแลเบื้องต้น ณ โรงเรียนบ้านทุ่งนาน้อย ต. เวียง อ.เชียงของ จ. เชียงราย
“นพ.สมปรารถน์ หมั่นจิต” หัวหน้างานส่งเสริมสุขภาพชุมชน สำนักวิชาแพทยศาสตร์ ม.แม่ฟ้าหลวง อดีตแพทย์ชนบทดีเด่น เผยว่า มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับทีมสิงห์อาสามานานหลายปี และในฐานะที่เป็นแพทย์อยู่ในจังหวัดเชียงรายมากว่า 30 ปี จึงมีโอกาสได้สัมผัสและเข้าใจปัญหาที่ชาวบ้านเผชิญ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่า ชาวบ้านใน อ.เชียงของ จะมีปัญหาเรื่องโรคเบาหวาน ความดัน ดังนั้นจึงเชื่อว่ากิจกรรมนี้ จะเป็นโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดี
อดีตแพทย์ชนบทดีเด่น ยังเผยอีกว่า ถึงแม้ว่าการออกหน่วยแพทย์อาจจะเป็นครั้งเดียวในหนึ่งปี แต่ก็มั่นใจว่า สิ่งที่ตามมาคือชาวบ้านที่ห่างไกลระบบสาธารณสุขจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น รวมถึงกิจกรรมนี้ยังเป็นโอกาสในการปลูกจิตสำนึกการเสียสละและอยากช่วยเหลือสังคมแก่นักศึกษาแพทย์ทุกคน เพื่อต่อยอดในการปฏิบัติหน้าที่อาชีพแพทย์ในอนาคต พร้อมกับบอกอีกว่า กิจกรรมดีๆ เหล่านี้ ควรคงอยู่คู่สังคมต่อไป
"ทางสำนักวิชาแพทยศาสตร์ ได้นำอาจารย์แพทย์และนักศึกษาแพทย์ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลรักษาสุขภาพให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ห่างไกลมาโดยตลอด และได้ทำงานร่วมกับทีมสิงห์อาสามานานหลายปี เพราะการออกหน่วยแต่ละครั้งสามารถช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บป่วยได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และยังเป็นการช่วยคัดกรอง ให้ชาวบ้านได้เรียนรู้การป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคร้ายแรง
ในปีนี้ได้มีการจัดเตรียมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มเติมให้สามารถคัดกรองโรคได้มากขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการสร้างประสบการณ์ รวมถึงปลูกจิตสำนึกในการดูแลสังคมให้กับนักศึกษาแพทย์ที่เข้าร่วมกิจกรรมเมื่อเรียนจบไปประกอบอาชีพจะได้เป็นแรงสำคัญที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป"
นอกจากนี้ “สิงห์อาสา” ยังนำเสื้อกันหนาวไปแจกจ่ายให้กับนักเรียน และชาวบ้านบ้านทุ่งนาน้อย ต.เวียง อ.เชียงของ จ. เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งอยู่บนดอยสูง และต้องเผชิญกับวิกฤตภัยหนาวเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทุกคนผ่านหน้าหนาวไปได้อย่างปลอดภัย
“รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์” ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เผยว่า “การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ถือเป็นภารกิจหลักที่ทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดและมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดีได้ทำต่อเนื่องมากว่า35 ปี
จนปีนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะแพทยศาสตร์ 8 มหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทย์3 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงระบบสาธารณสุข มีสุขภาพดี ห่างไกลโรคภัย
พร้อมกับมอบเสื้อกันหนาวให้กับชาวบ้านหมู่บ้านทุ่งนาน้อยซึ่งอยู่บนดอยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยหนาวที่เคยมีอุณหภูมิต่ำสุดเพียง10 องศาอีกด้วย"
สำหรับการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจหลักที่ทาง “มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี” และบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทำต่อเนื่องมากว่า 35 ปี โดยเริ่มต้นที่จ.เชียงราย เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2530 จนปัจจุบันขยายสู่โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ 8 มหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทย์ 3 มหาวิทยาลัย
ทำให้สามารถนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยได้หลายพื้นที่มากขึ้น และยังช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงระบบสาธารณสุข มีสุขภาพดีขึ้น พร้อมที่จะออกไปดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขต่อไป