xs
xsm
sm
md
lg

สุดปัง!! "ครอบครัว Augustzii" ใช้ “ความสุข” เป็นเกราะป้องกัน “ลูก LGBTQ+” [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจพ่อแม่ยุคใหม่ "ครอบครัว Augustzii" โฟกัสในสิ่งที่ลูกชอบ ใจกว้างซัปพอร์ตลูกที่มีหลากหลายทางเพศ ปรับทัศนคติ เมินคำติ ขอแค่ลูกมีความสุข






จัดเต็ม! แม่จัดชุด-พ่อถ่ายรูป สนับสนุน LGBTQ+


ภาพเด็กผู้ชายสวมชุดเดรสสีเขียวเอวลอยกำลังแช่น้ำในอ่างพร้อมฟองสบู่ มีคุณพ่อกำลังถ่ายรูปสวยๆ ให้ลูก โดยมีคุณแม่ผู้เก็บภาพเบื้องหลัง

[เบื้องหลังจัดเต็ม ไวรัล ดัง]
กลายเป็นอีกหนึ่งคลิปที่เป็นไวรัลในโลกโซเชียลฯ ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงชื่นชม ได้จากชาวโซเชียลฯ จนพากันแห่แชร์คลิปวิดีโอการแสดงนี้ไปหลายหมื่นครั้ง

“เราไปเที่ยวกัน เราก็ถ่ายรูปชุด แล้วเขาชอบชุดแม่เขา เขาก็เลยเอามาใส่ แล้วเราก็เอามาถ่าย ก็ดีใจนะ คนแชร์เยอะคนชมเยอะว่าครอบครัวน่ารัก ดีใจ และภูมิใจ

เขาชอบครับ เขาชอบแนวชุดพวกนี้อยู่แล้ว บางทีเขาก็จะเลือกซื้อลายของเขา เรื่องสนับสนุนก็เป็นบางอย่างครับ ไม่ใช่ว่าจะสนับสนุนทุกอย่าง ก็ให้เป็นความน่ารักตามวัยของเขาครับ” พ่อบอลกล่าว

คุณพ่อบอล-สิทธา กลิ่นแย้ม และคุณแม่จิฟ-ศศิธร ผดุงเดช เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก"ครอบครัว Augustzii" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน ได้เปิดใจกับผู้สัมภาษณ์ MGR Live ถึงเรื่องราวความอบอุ่นของครอบครัว เลือกเป็นพื้นที่ “save zone” เรียนรู้ เข้าใจ ไม่ปิดกั้น “เพศ” ให้กับ “น้องออกัส” ผู้เป็นลูกวัย 8 ขวบ

มีเสียงเพลงพร้อมการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ มีความอ่อนโยน รักสวยรักงาม แถมมีตุ๊กตาโพนี่สีชมพูเป็นเพื่อนรู้ใจ มาพร้อมความน่ารักสดใสที่แฟนคลับหลงรัก


เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่มีความอบอุ่น และเข้าใจตัวตนของลูกได้เป็นอย่างดี จนทำให้ลูกกล้าที่จะเป็นตัวเอง และมีความสุขกับครอบครัวได้อย่างเต็มที่

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่ ต้องเคยเผชิญความคิดต่างๆ นานา บวกกับความคิดทางสังคม ที่มีกำแพงถึงความหลากหลายทางเพศ พ่อบอลและแม่จิฟเลือกจับมือเผชิญข้ามการตีตราจากสังคม

“เราเห็นพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของเขา อยู่ประมาณอนุบาล 3 เขาเริ่มที่จะชอบเต้น cover เพลงตาม Youtube หรือว่าชอบดูเจ้าหญิง ตัวผมตอนแรกมีความเครียดนิดหนึ่ง คือผู้ชายได้ลูกผู้ชาย ก็มีความเครียดบ้างนิดหน่อย

เขาไม่ปกปิดครับ เขาก็จะแสดงพฤติกรรมของเขาออกมาเอง คือเขาไม่ได้ปกปิดหรือแอบทำ เขาจะทำอะไรเขาก็ทำเลย”


ดังนั้นแล้ว การทำความเข้าใจเรื่องเพศหลากหลาย สำหรับคนที่เป็นพ่อแม่จึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะความคาดหวังที่พ่อแม่มักสร้างขึ้นมานั้น

เมื่อกลายเป็นความผิดหวังไปแล้ว ก็จะส่งผลกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวได้เหมือนกัน ทำให้พ่อบอล และแม่จิฟ ปรับ mindset ปรึกษากันเสมอๆ

“ผมเปลี่ยนความคิดจากที่ปิดกั้นลูก มันไม่ได้จะเปลี่ยนขนาดนั้นนะครับ น้องเขาก็เล่นของผู้ชายได้ และเล่นของผู้หญิงกับเพื่อนผู้หญิงได้ เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนขนาดนั้น เราก็ค่อยๆ เปลี่ยนตามนิสัย หรือตามพฤติกรรมของเขามาเรื่อยๆ”

แม่จิฟเสริม “เหมือนไม่โอเค ทำไมต้องทำตัวเป็นผู้หญิง คือไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เหมือนยังเข้าใจว่าลูกยังเป็นผู้ชายนะ ทำไมทำตัวแบบตุ้งติ้งอย่างนี้

เขาก็ยังไม่เข้าใจ แล้วพอนานไปลูกเริ่มไม่ใช่แกล้งทำแล้ว คือลูกชอบจริงๆ แล้ว เขาก็เลยรู้สึกว่ามันก็เป็นธรรมชาติของเขาไปแล้ว ก็ไม่อยากไปปิดกั้น ถ้าเขาเป็น ก็ปล่อยเขาเลยค่ะ เลี้ยงลูกแบบตามธรรมชาติไปเลย

เราก็คุยกับเขา (คุณพ่อ) แรกๆ ที่รู้ว่าลูกเราชอบเจ้าหญิง ชอบเต้น cover ชอบทำตัวเหมือนผู้หญิง ตอนแรกก็คิดเหมือนพ่อเขาเลยค่ะ ก็แค่เขาดู Youtube เยอะ เขาคงชอบเกี่ยวกับผู้หญิงเฉยๆ

เราก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ เราเป็นคนเลี้ยงลูกตามธรรมชาติ ให้เล่น ให้ทำตามวัยของเขา แต่เริ่มมากขึ้น เริ่มไม่ใช่แล้ว เริ่มอยากได้ตุ๊กตาเจ้าหญิง


พ่อเขาก็มองว่าทำไมต้องซื้อให้ลูก เอ๊ะ! ทำไมต้องอย่างนั้น ทำไมต้องอย่างนี้ จะเลี้ยงลูกให้เป็นแบบนี้เหรอ เราก็เลยหยุดที่จะซื้อ แล้วลองดูลูก พฤติกรรมลูกจะเป็นแบบไหนค่ะ

พอดูไปเรื่อยๆ คือลูกก็ยังชอบเจ้าหญิงอยู่ ก็ยังเต้น cover อยู่ เราก็มองว่าไม่ใช่แล้ว เพราะการกระทำเขาก็เป็นแนวผู้หญิงเลย เราก็เลยคุยกับพ่อเขาว่า ถ้าวันหนึ่งลูกจะเป็น เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้ เพราะว่าอนาคต คือเขาก็ต้องเป็นในสิ่งที่เขาเลือก สิ่งที่เราให้เขาไม่ได้

เหมือนพ่อก็เข้าใจมากขึ้น จนเขาลืมไปแล้วว่าลูกเขาเป็นผู้ชาย มันเป็นการกระทำที่เลี้ยงลูกตามวัย ตามธรรมชาติค่ะ ก็เลยอันนี้แหละ ...คือสัญชาตญาณของลูกเรานะ การกระทำของลูกเรานะ ตัวตนของลูกเรานะ ก็ดูเป็นความน่ารักไปเลยค่ะ”





สร้างคอนเทนต์ “เลี้ยงลูกให้เป็นตุ๊ด”?



“จะมีคอมเมนต์ว่าเลี้ยงลูกให้เป็นตุ๊ดเหรอ เลี้ยงลูกให้เป็นกะเทยเหรอ เป็นคอนเทนต์ที่ดีนะ แต่ไม่ควรทำ

เราก็งง เพราะมันเป็นชีวิตเรา fc เราก็ไปเมนต์ว่าไม่ได้เป็นคอนเทนต์นะ เขาเลี้ยงลูกตามธรรมชาติ ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ ไปติดตามเพจเขาได้เลย เราก็จะบอกว่าลองมาติดตามเพจเราก่อนเนอะ คนที่ไม่เคยติดตามเรา เราก็จะบอกแบบนี้ค่ะ

ถ้าลูกโตก็จะถามเขาว่าอยากจะทำอยู่ไหม หนูยังอยากทำอยู่ไหม เขาโอเคอยากทำอยู่ ก็ทำไปเรื่อยๆ เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แล้วเราก็ไม่ได้เอาเวลาเรียนของเขามาทำ หรือกินเวลาส่วนตัวเขา จะใช้เวลาว่าง

เป็นชีวิตประจำวันของพวกเราเลยค่ะ ก็แค่ถ่ายคลิปลง กินข้าว ไปเที่ยว คุยกับครอบครัว ตลกเฮฮา อันนี้คือคอนเทนต์ของเราเลยนะ

เราก็ทำเพจไปพร้อมๆ กันกับการเจริญเติบโตของลูกเลย คือเลี้ยงลูกไป ทำเพจไป ถ่ายคลิปไป คลิปเราก็เรียลๆ เลยค่ะ เรียลแบบไม่ได้ตัดต่อเลยค่ะ

ทำแบบว่ารู้ว่าทุกคนรักครอบครัวเราที่เป็นเรา เป็นความธรรมชาติของครอบครัวเราจริงๆ นี่คืออนาคตของเราเลย เราไม่ได้ fix ว่าอีกหน่อยลูกฉันต้องเป็น influencer จะเป็นดารา”






ไม่ว่าเพศไหนรับได้หมด ขอแค่มีความสุข


"ครอบครัว Augustzii" เป็นหนึ่งครอบครัวที่เป็นเพียงครอบครัวธรรมดา ที่มักจะนำเสนอมุมที่ความสุขของการเป็นครอบครัว ให้ทุกคนมองเห็นด้านบวกจากสิ่งเล็กๆ ซ่อนอยู่ในเพจ ซึ่งคำตอบที่มักจะได้รับมาเสมอจากผู้เป็นแม่ของลูกวัย 8 ขวบ คือ การเป็นพื้นที่ปลอดภัยของลูก ก่อนที่เขาจะเผชิญโลกภายนอก

เพราะยังมีสังคมที่ยังไม่เข้าใจเรื่องเพศหลากหลายว่าไม่ได้มีเพียง “เพศชาย” หรือ “เพศหญิง” แต่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งไม่ว่าเพศสภาพแบบไหน ควรจะได้รับความเคารพ และการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน

“เราก็ถามค่ะว่าหนูอยากเป็นผู้หญิงเหรอ น้องก็บอกว่า ใช่ หนูเป็นผู้หญิง พอลูกพูดมาอย่างนี้ ก็รู้สึกว่าเราก็ไม่ควรไปปิดกั้นเขา เราก็ควรเลี้ยงเขาตามวัย ถ้าเราไปปิดกั้นเขา เราก็ไม่รู้เลยว่าเขาชอบอะไร เขาอยากทำอะไรเราสนับสนุนไม่ได้เต็มที่


เราก็เปิดใจเลยค่ะ ปล่อยให้เขาอยู่ในวัยของเขา หมายความว่า ถึงแม่จะเปิดใจ เปิดดูพฤติกรรมทุกอย่าง ปล่อยให้ฟรีสไตล์ แต่แม่จะเลี้ยงลูกตามวัยค่ะ

คือ ยังไม่ถึงเวลาก็อย่าเพิ่งทำ และจะคอยเตือนเขาว่าอันนี้ยังไม่ถึงเวลานะลูก อย่างเช่น ไว้ผมยาวยังไว้ไม่ได้ เพราะเรายังเรียนหนังสืออยู่ เราต้องตัดผมก่อน

เขาจะงอแงว่าทำไมหนูต้องไปตัดผม อยากไว้ผมยาว ก็ต้องอธิบายให้เขาฟังว่า เรายังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวรอมหาวิทยาลัยก่อนนะ เขาจะ open เลย

อย่างอยากใส่กระโปรง เราก็ใส่กระโปรงไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นผู้ชายอยู่ตอนนี้ แค่นั้นเองค่ะ เราก็จะเลี้ยงตามวัย” แม่จิฟตอบ

เช่นเดียวกับพ่อบอลให้คำตอบว่า ไม่ว่าสังคมภายนอกจะเป็นอย่างไร คนเป็นพ่อแม่ต้องพร้อม support ลูกให้เต็มที่

“เราอยู่กับเขาก็กลายเป็นความรัก มันก็กลายเป็นความน่ารักของเขา เราก็ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติของเราไปเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติของในบ้านเราไปแล้ว

ทุกๆ คนก็เปลี่ยน ปู่ย่าตายายก็เปลี่ยน คือ กลายเป็นความน่ารักของเขา เล่นกับเขาไปเป็นปกติไปแล้วครับ”



เพราะมีความเชื่อว่าความสุขของลูกเริ่มต้นจากครอบครัว แม่จิฟ แม่ยุคใหม่จึงมีสไตล์การเลี้ยงลูกแบบเพื่อน เพราะคิดว่า การเลี้ยงลูกแบบเพื่อน จะทำให้เด็กเกิดการเปิดใจ และไว้ใจ

“เราเชื่อมากค่ะว่า LGBTQ เขาจะมีความสามารถเฉพาะด้าน ด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้ว คือทำได้ดีกว่า เราก็รู้สึกว่าอันนี้แหละคือความสามารถของลูกเรา

มันจะมีจุดจุดหนึ่ง มีเสี้ยวหนึ่ง ที่ลูกเราเก่งกว่าจุดอื่น เหมือนชอบวาดรูป ศิลปะ คือ รายละเอียด detail เขาก็จะเยอะ มีความคิดน่ารัก มุมมองรายละเอียดจะเยอะกว่า ทั้งการแต่งตัว นิสัยอ่อนโยน 

เพราะว่าทุกวันนี้เราก็เลี้ยงลูกแบบเพื่อน เราไม่ควรเสียใจใดๆ เลยนะคะ คือเราควรจะภูมิใจด้วยซ้ำ ว่าลูกของเรามีความสามารถพิเศษ ที่ทำได้ดีในด้านหนึ่งเลย

และรู้สึกภูมิใจที่เขามี detail เล็กๆ น้อยๆ อ่อนโยน หรือว่ามีความสามารถพิเศษไปอีกด้านที่เราไม่เคยเห็น อันนี้คือเขาจะทำได้ดี”

ส่วนพ่อเผยคำตอบให้ผู้สัมภาษณ์ฟังหลังจากบรรทัดต่อจากนี้... “จริงๆ แล้วเราเป็นพ่อเป็นแม่ เราไม่ควรแสดงความเสียใจ ในด้านนี้ให้ลูกเห็น เราควรที่จะเป็นเกราะป้องกัน และคอย support ลูกมากกว่า เพราะว่าลูกเราจะต้องเจออะไรอีกเยอะครับ”

ตลอดเวลาการพูดคุยนั้น ทีมสัมภาษณ์สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจากแววตาของพ่อบอล แม่จิฟ ที่สะท้อนถึงความรัก และความสุขในการเลี้ยงดูลูก




เปลี่ยนมุมมอง มองเรื่อง “เพศ” เป็นเรื่องปกติ


แม้ว่าน้องออกัสจะได้รับความรัก และความเข้าใจจากคุณแม่, คุณพ่อ รวมไปถึงครอบครัวอย่างเต็มเปี่ยม แต่ใช่ว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้จากคนอื่นด้วย

“ตอนนี้ทัศนคติเราบวกสุดๆ พร้อมบวกจริงๆ นะคะ เพราะเรารู้สึกว่าอนาคตลูกเราต้องมีความสุข อนาคตลูกเราจะต้องแข็งแกร่ง แข็งแรง ทางด้านจิตใจ และร่างกาย

หมายความว่าวันนี้เราเป็นเกราะป้องกันให้เขามากๆ เลยค่ะ เพราะเรารู้ว่าสังคมมันยอมรับไม่ได้ 100% เพราะว่าคนบางกลุ่มบางก้อนที่ยังคิดถึงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ยังแอนตี้เรื่องแบบนี้อยู่


แต่เราเชื่อว่าไปในถึงจุดที่ลูกเติบโตมา เราคือพื้นฐานครอบครัว เราส่งให้เขาไปเจอสังคมภายหน้า อย่างน้อยความคิดบวกของเขา ความที่เขามีเกราะป้องกันของเราไว้อยู่แล้ว เขาก็จะ happy ใครมาว่าอะไรเขา เขาไม่สนใจอยู่แล้ว

พ่อแม่เรายังไม่ว่าเลย แล้วทำไมคุณเป็นใครถึงจะมาว่าเรา เพื่ออะไร ขอแค่ให้ไปอยู่ในสังคมที่ดี ทำตัวดีๆ เป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้เองค่ะ”

[ครอบครัวคือเกราะป้องกัน]
แม้ทุกวันนี้ภาพของประเทศไทยจะดูมีเสรี เปิดกว้างให้กับเพศทางเลือก พบ LGBTQ+ ได้ทั่วไป ไม่ต้องหลบซ่อนใดๆ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สังคมไทยกลับยังมีพื้นที่ที่ปิดกั้น และไม่ได้เปิดออก มีพื้นที่ยอมรับคนเหล่านี้อย่างเต็มที่ หรือหากจะยอมรับ ก็เป็นการยอมรับแบบมี ‘เงื่อนไข’ ถามแม่จิฟถึงการเตรียมความพร้อมถึงการก้าวผ่านสู่โลกความจริง ตั้งรับ และเตรียมพร้อมอย่างไรบ้างแล้วนั้น เธอตอบตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้เตรียมความพร้อมใดๆ มองในอนาคตการบูลลี่ หรือไม่ยอมรับในสังคมไทยคงหมดไป ซึ่งเธอจะปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขารัก เพราะเชื่อว่าถ้าไปกีดกันลูก เราจะไม่รู้เลยว่าลูกชอบอะไร

“ไม่ได้เตรียมพร้อม ที่ไม่เพราะว่าเราเป็นโลกภายในบ้าน เป็นเซฟโซน และพยายามสอนให้เรียนรู้ชีวิต ให้รู้จักชีวิตมากที่สุด ไม่ว่าจะต้องใช้ชีวิตยังไง ต้องทำมาหากินยังไง ต้องเติบโตมาในสังคมยังไง

เราจะสอนด้วยกัน เราจะเลี้ยงเขาด้วยการใช้ชีวิตค่ะ จิฟคิดว่าอนาคตถ้าเขาจะต้องเป็น เขาก็ต้องเก่ง คือคิดว่าเขาต้องอยู่ในสังคมได้ และอีกหน่อยสังคมมันจะเปิด คิดว่าน่าจะเปิด 100%

มันถือว่าเป็นการเหยียดมากๆ ถือว่าไม่ให้เกียรติจริงๆ อนาคต 10-20 ปี น่าจะหายไปหมดแล้ว เราคิดไว้อย่างนี้ แล้วลูกเราก็ถูกเลี้ยงมา เราเป็น save zone ด้วย ก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วค่ะ

ส่วนเรื่องการสมรสเท่าเทียม ในอนาคตมันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ คือ เราเป็นวัยรุ่นเลี้ยงลูก คือเปิดใจ แต่ถ้าถึงวันนั้น พอถึงจุดนั้นเราว่าก็คงปกติแล้ว ถ้าเขาเปิดใจจริงๆ

อันนี้จิฟว่าไม่น่าจะยากนะคะ แต่ถ้า ณ ปัจจุบันเวลานี้มันก็ยังไม่โอเค ประมาณ 50 : 50 แต่ถ้าอนาคตอีก 10 ปี 20 ปี เราคิดว่าน่าจะ open แบบสุดๆ แล้วค่ะ

เลยรู้สึกว่าไม่... เราก็เลี้ยงลูกแบบมีความสุขจริงๆ เราเลยไม่คิดว่าคนภายนอกจะรู้สึกยังไงแค่นั้นเอง เพราะว่าเรารู้สึกดี และรู้สึกรักลูก รู้สึกภูมิใจในตัวลูก เราก็ใม่ได้แคร์คนอื่นเลย”


ขณะที่พ่อบอลก็มีความคิดเช่นเดียวกัน คือ ไม่เตรียมความพร้อมถึงอนาคต เพราะมองว่าในปัจจุบันสังคมการบูลลี่พบได้น้อยมากๆ

“ณ ตอนนี้มันก็แทบจะไม่มีแล้ว เรื่องบูลลี่ ผมมองว่าการที่ลูกถูกยอมรับจากครอบครัว เขามีความสุขมากๆ ครับ คือ เขาอยากจะทำอะไรเขาก็ทำตามใจเขาที่เขาอยากจะเป็น เขาไม่ต้องมากลัวหรือว่าจะแสดงออกในด้านนี้ หรือด้านใดด้านหนึ่ง เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ อะไรที่เขาทำแล้วมันเกินวัย ที่ไม่น่ารัก เราก็จะติเตือนเขาบ้าง”

สุดท้ายนอกจากออกมาเปิดเผยตัวตนให้สังคมได้รับรู้ ถึงการอบรมเลี้ยงดู ในมุมมองของการเปิดเพจ "ครอบครัว Augustzii" ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ยังออกมาแชร์ ให้ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเพศอีกด้วย เพื่อหวังว่าจะสื่อสารให้แก่ครอบครัวที่ยังไม่เข้าใจ หรือเปิดรับ

“เราเป็นพ่อเป็นแม่ และเป็นครอบครัว คนที่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด เราควรที่จะเป็นเกราะป้องกันให้เขา ควรที่จะรับลูกเราให้ได้มากกว่าคนอื่น

ไม่ใช่ว่าลูกมีปัญหาอะไร ไปปรึกษาคนอื่น ไม่ปรึกษาพ่อแม่ มันก็มองไปถึงความรุนแรง รับลูกไม่ได้ เราเปิดใจคุยกับลูก รับลูกให้ได้ดีกว่า เราจะเห็นความน่ารักและความเปลี่ยนแปลงของเขาไปในทางที่ดี”




เช่นเดียวกับแม่จิฟให้คำตอบว่า อยากให้มองว่าทุกคนเป็นคนเหมือนกัน ความหลากหลายทางเพศก็เป็นเพียงคนหนึ่งในสังคม อยากให้มองเป็นเรื่องปกติในสังคม

“อย่างที่คุณพ่อพูดเลยนะคะ เพราะว่าลูกเรามาปรึกษาเรา นั่นคือเรายิ้มแล้วนะคะ ดีกว่าเขาไปปรึกษาคนอื่นที่เราไม่รู้จัก คือมันไม่ happy แต่ถ้าลูกกลับมาปรึกษาเรา จะรู้ว่าบ้านคือ save zone ที่ดีที่สุด เราก็มีความสุขค่ะ

อย่างน้อยเราได้เป็นเกราะป้องกัน ให้ความคิด ให้สติ ให้การใช้ชีวิตว่าอันไหนผิดหรือถูก เราจะแนะเลยค่ะว่าไม่ถูกนะ อันนี้ถูกนะลูก เราจะแนะว่าเราควรจะเดินไปแนวทางไหน

ที่ทำเพจเพราะว่าทุกคนจะได้รู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง ผู้ชาย เพศที่เกิดมา แต่คือมันมีหลายเพศมากมาย ที่เราต้องรับรู้แล้วเราก็ต้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน

และคนสมัยก่อน คนที่มีลูกที่เป็น LGBTQ มันรู้สึกว่าเขาปิดกั้น แต่เราไม่ปิดกั้นเลย เราก็รู้สึกดีในการถ่ายทอดการเลี้ยงลูกของเราค่ะ ว่าเลี้ยงแบบนี้

พูดได้เลยว่าไม่มีบ้านไหนถูก บ้านไหนผิดในการเลี้ยงลูก แต่คือจะบอกว่าเราเลี้ยงอย่างนี้ เราเลี้ยงลูกแบบธรรมชาติแบบนี้ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิต เพราะอนาคตมันคือชีวิตของเขา ไม่ใช่ชีวิตของเรา เราเลี้ยงเขาแค่ตัวค่ะ จิตใจเราเลี้ยงเขาไม่ได้ แค่นี้เอง”










ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : ภูริฉัตร ปริยเมธานัยน์
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ “ครอบครัว Augustzii”, อินสตาแกรม @a.augustzii, ยูทูบ @augustzii956 และ TikTok @augustziifamily



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น