xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร” นั่งแท่นบริหาร OKMD ความท้าทายบทใหม่ พร้อมกระตุกต่อมคิดคนไทย เพื่อสร้างสังคมแห่งโอกาส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร” กับความท้าทายบทใหม่ ผอ.สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สบร. หรือ OKMD พร้อมฟังแนวคิดการบริหาร ที่จะเข้ามาช่วยกระตุกต่อมคิดคนไทย ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มวัยให้เข้าถึงความรู้ เพื่อสร้าง“สังคมแห่งโอกาส”

ความท้าทายใหม่!! พร้อมกระตุกต่อมคิดให้กับคนไทย

เปิดแนวคิด“ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร” กับความท้าทายบทใหม่ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้
(องค์การมหาชน) สบร.หรือ
OKMD

พร้อมฟังแนวทางการบริหารที่สำคัญ ของผู้บริหารคนใหม่ ที่ยอมรับว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ก็พร้อมพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้สาธารณะ ตอบโจทย์คนไทยให้เข้าถึงความรู้ นำไปสร้างโอกาส ต่อยอด เพิ่มพูนทักษะ และเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ

“แน่นอนว่าถือเป็นความท้าทายใหม่ และได้รับความกรุณาจากท่านคณะกรรมการของสำนักงานที่ให้ความไว้วางใจ
และดีใจที่มีทีมงานที่ดีและเก่ง มารับตำแหน่งได้เดือนกว่าๆ ก็ฟังแต่ลูกน้องนี่แหละว่าทำอะไรบ้าง บรีฟอะไรบ้าง


เราก็เห็นภาพว่าOKMD เป็นหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งจัดทำงานเยอะมาก กิจกรรมเพียบ เดือนๆ กิจกรรมร่วมๆ 20 ครั้ง แล้วก็เป็นกิจกรรมที่มีแฟนคลับ มีคนติดตามอยู่มาก ซึ่งเป้าหมายต่อไปคือ ผมตั้งใจจะขยายผลให้OKMD กว้างขึ้น โตขึ้น แล้วก็เข้าถึงได้ง่ายขึ้นทุกคน ซึ่งจะทำให้คนไทยรับรู้มากขึ้นด้วยเช่นกัน”

[ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผอ.สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)]
แต่ก่อนที่จะไปฟังแนวคิดสำคัญ ของผู้บริหารคนใหม่ไฟแรง อยากให้ทุกคนได้ทราบถึงบทบาทหน้าที่ สำคัญของ OKMD นั้น มีหน้าที่สำคัญอะไรบ้าง

ดร.ทวารัฐ จึงช่วยขยายภารกิจสำคัญให้ชัดขึ้นว่า OKMD นั้น ถือว่าเป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศที่มีบทบาทและภารกิจ
ในการพัฒนาความคิด เพิ่มพูลความรู้ และสร้างสรรค์ภูมิปัญญาให้แก่ประชาชนผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะ ให้ก้าวทันสมัยมากยิ่งขึ้น

โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้เข้าหากันผ่านการบูรณาการจัดการการเรียนรู้ และบริหารหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลักดันให้เกิดความต้องการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง แรงบันดาลใจผ่านพิพิธภัณฑ์ การค้นคว้าเพื่อเข้าถึงความรู้ผ่านห้องสมุด และการเรียนรู้เพื่อการทำมาหากิน ผ่านกิจกรรมสร้างทักษะอาชีพต่างๆ

ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมเข้าใช้บริการในปีล่าสุด 2565 ณ ปัจจุบัน คือ 104,276,531 คน-ครั้ง และเชื่อว่ามีการนำความรู้เหล่านั้นไปต่อยอด และสร้างเป็นประโยชน์ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอีกมากมาย


นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่กระตุกต่อมคิดให้แก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บริบทของโลกยุคใหม่ ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมศักยภาพมากขึ้น ทั้งในด้านของการสร้างความอยากรู้ หรืออุปสงค์ของความรู้ (Knowledge Demand) ผ่าน“สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ”(Museum Siam: Discovery Museum) ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นความอยากรู้ และเป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ให้กับประชาชนที่พร้อมร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐาน กระบวนการเรียนรู้ และการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่ ด้านการสร้างอุปทานความรู้ (Knowledge Supply) ได้ดำเนินการผ่าน “สถาบันอุทยานการเรียนรู้” หรือ “TK Park” ซึ่งเป็นหน่วยงานสร้างสรรค์แหล่งการเรียนรู้ ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการในการแสวงหาความรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดของเยาวชนและประชาชน

ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นสถานที่ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่ทันสมัย ผ่านสื่อการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เช่น หนังสือ ดนตรี มัลติมีเดีย โดยมีการร่วมมือกับองค์กรภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน


ลดความเหลื่อมล้ำ มุ่งสู่การสร้าง“สังคมแห่งโอกาส”

การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด เทคโนโลยี ได้ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคมอย่างไม่มีขีดจำกัด

ดังนั้น ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งจำเป็นที่คนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องมี เพื่อใช้ในการพัฒนาตนเองและประกอบอาชีพในอนาคต เพราะความรู้ คือ โอกาส ผู้ที่เข้าถึงแหล่งความรู้ และสามารถคิดวิเคราะห์จนเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ก่อน จะสามารถเข้าถึงโอกาสในการทำมาหากินได้ก่อน

ดังนั้น OKMD ภายใต้การบริหารของผู้บริหารคนใหม่ ของ ดร.ทวารัฐ จึงมีเป้าหมายอันแรงกล้า ที่มองว่า “ความรู้ คือ โอกาส”ที่อยากสร้างให้คนไทยสามารถที่จะเรียนรู้ และเท่าทันการหมุนไปของโลกใบนี้ เพราะต้องการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมแห่งโอกาส

“ชัดเจนว่า คนที่จะมีโอกาสทำมาหากินได้ ต้องรู้เรื่องก่อน ไม่ใช่แค่โชคดี หรือส้มหล่นอย่างเดียว คนที่เขาทำมาหากิน ร่ำรวย หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนใหญ่ก็มาจากคนที่รู้เรื่อง คนที่รู้เรื่องก็คือถ้าไม่เรียนมา ก็ต้องรู้จากประสบการณ์ หรือเคยเจอเรื่องนั้น และทำบ่อยๆ จนมีทักษะ ที่สามารถจะทำมาหากินได้

ดังนั้นการให้บริการเรื่องความรู้ หรือการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ เพื่อให้เข้าถึงง่าย ต้นทุนต่ำ แล้วก็กระจายความรู้ไปอย่างทั่วถึง จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคม แล้วก็สร้างสังคมไทยแบบใหม่ ให้เป็นสังคมแห่งโอกาส


เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้ ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มวัย

นอกจากนี้ แนวคิดและเป้าหมายสำคัญในครั้งนี้ ดร.ทวารัฐ เล่าให้ฟังอีกว่าOKMD มีความตั้งใจที่จะเป็นหน่วยงานรับใช้สังคมไทยในทุกช่วงวัยของชีวิต ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย เพื่อตอบโจทย์ให้คนไทยทุกคน ซึ่งย้ำว่าทุกคน สามารถที่จะเข้าถึงความรู้ได้อย่างง่ายดาย

และต้องการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการตั้งแต่เด็ก ปฐมวัย จนถึงวัยเกษียณให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม

“เป้าหมายของ OKMD เราอยากจะเป็นหน่วยงานที่รับใช้สังคมไทยในทุกช่วงชั้นชีวิต ก็คือตั้งแต่เด็กจนโต เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ซึ่งตอนนี้เรามีบริการที่ทำอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว แต่โฟกัสอาจจะอยู่ที่เด็กและเยาวชน และผู้ใหญ่ในวัยทำงาน โดยช่วงวัยตรงกลางค่อนข้างตอบโจทย์ ผ่าน TK park กับมิวเซียมสยาม

ตอนนี้พยายามที่จะเติมในเรื่องของบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย เด็กอนุบาล ไปจนถึงคนที่เรียนจบแล้วที่ต้องการ Upskill ดังนั้นก็จะเป็นจุดเน้นต่อไป”


[สถาบันอุทยานการเรียนรู้ หรือ TK Park]


สำหรับ “สนามเด็กเล่นOKMD”ดร.ทวารัฐ เล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบให้คนที่สนใจที่เป็นเจ้าของสนามเด็กเล่น โดยเปลี่ยนพื้นที่เล่น เป็นพื้นที่เรียนรู้สร้างสรรค์ ใช้หลักการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-based Learning: BBL) มาออกแบบและพัฒนา เพื่อให้เกิดทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยจนถึงเด็กอายุ 9 ปี


[สนามเด็กเล่น OKMD]

 
 
 
 ส่วนจุดเน้นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของ OKMD ในอนาคตนั้น อย่างที่ทราบกันว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีที่แทบจะอัพเดตอยู่แทบทุกนาที บางทีก็เกิดปัญหา ทำให้ทักษะ และความรู้ของคนทำงานที่อัพตามไม่ทัน จนเกิด Skill Gap หรือการที่คนทำงานมีทักษะที่ไม่สอดคล้องกับที่องค์กรต้องการ เพราะกว่าจะเรียนจบ สิ่งที่เรียนมา ก็ล้าสมัยไปหมดแล้ว

ปัญหานี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ OKMD เล็งเห็น จึงพยายามหาวิธี Upskill และ Reskill เพื่ออัพเกรด ทั้งคนที่กำลังจะทำงาน คนที่เพิ่งทำงานใหม่ๆ และคนที่ทำงานอยู่เดิม มีทักษะที่ทันยุคสมัยและใช้ได้จริงในงานที่ตัวเองอยากจะทำ

“ในอนาคต OKMD พยายามที่จะทำ คือUpskill และReskill ก็คือตอบโจทย์ผู้ใหญ่ตอนโต หรือทำงานไปแล้ว จบไปแล้ว สมมุติถ้าเกิดอยากทำงานใหม่ หรืออยากเปลี่ยนชีวิตขึ้นมา จะไปเริ่มต้นที่ไหน จะ Upskill ได้ไหม จะ Reskill ได้หรือเปล่า

ปัจจุบันความต้องการของตลาดคืออะไร เราก็อยากจะทำเป็นช็อตคอร์ส ไม่จำเป็นต้องทำเองนะ เราเชื่อว่ามีเอกชน หรือว่ามีหน่วยงานภาครัฐบางแห่งเริ่มทำแล้ว ซึ่งการ Upskill และ Reskill ที่เราอยากจะทำขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถที่จะอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมั่นคง”

พัฒนา“การท่องเที่ยวเชิงความรู้” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ ดร.ทวารัฐ ยังบอกถึงอีกหมุดหมายสำคัญที่ OKMD สามารถที่จะเป็นกลไกสำคัญ เพื่อตอบโจทย์ประเทศให้ฟังอีกว่าOKMD เป็นแรงสำคัญในการพัฒนา“การท่องเที่ยวเชิงความรู้”

“เราอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจที่เรียกว่า“เศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้นมีหลายเรื่องมาก แต่ว่าหัวใจที่เรากำลังจะช่วยพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เรียกว่า“การท่องเที่ยวเชิงความรู้” ซึ่งถือเป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่ OKMD ตั้งใจจะสร้าง

ปัจจุบันเราก็มีไฮไลต์อยู่แล้ว เพราะอย่างชาวต่างชาติถ้ามาเที่ยวเมืองไทย แล้วต้องการไปเที่ยวย่านราชดำเนิน ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มต้นที่ มิวเซียมสยาม เพราะเป็นที่แรกที่เล่าประวัติ ว่ารากเหง้าความเป็นไทยคืออะไร ก็จะเห็นฝรั่งต่างชาติเข้ามาเยี่ยมที่มิวเซียมสยามที่เห็นกันคุ้นตา

ไม่เพียงเท่านี้ ในอนาคต OKMD ยังมีโครงการสำคัญ ที่จะสร้าง “ถนนแห่งความรู้”เพื่อเป็นมิติใหม่แห่งการเรียนรู้
ทั้งยังพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยในโลกยุคใหม่ให้น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ในอนาคตเรากำลังมีโครงการใหญ่ที่จะพัฒนาพื้นที่หนึ่งในเขตถนนราชดำเนิน ให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้แห่งชาติ แล้วก็ตั้งใจให้พื้นที่ราชดำเนินทั้งย่านให้กลายเป็น “ถนนแห่งความรู้”

[มิวเซียมสยาม]
จริงๆ แถวนั้นคือนิทรรศการเยอะมากนะ มีนิทรรศการรัตนโกสินทร์ มีพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยอาเซียน มีพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณ์ของกรมธนารักษ์อยู่ติดกับข้าวสาร มีมิวเซียมสยาม อันนี้ไม่นับไฮไลต์ของสำคัญที่ประเทศอยู่แล้ว เช่น พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งโซนนนั้นเป็นโซนที่สามารถสร้างสรรค์เป็นถนนแห่งการเรียนรู้ได้

การท่องเที่ยวเชิงความรู้ ก็จะเป็นมิติใหม่ อันนี้เราไม่ได้สร้างเฉพาะกรุงเทพฯ ตั้งใจอยากให้มีย่านลักษณะนี้ตามต่างจังหวัดด้วย เพราะว่าตามต่างจังหวัดก็มีเรื่องเล่าเป็นสตอรี่ของเขา เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต

โดยหน้าที่ของOKMD ก็คือ นอกจากกระตุ้นสร้างย่านการเรียนรู้แล้ว เราก็จะทำหน้าที่ในการที่จะเป็นคนให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่นั้น อันนี้ก็จะเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจสร้างสรรค์”
 



ท้ายนี้ ดร.ทวารัฐ ยังขอฝากไปถึงคนไทยทุกคนอีกด้วยว่า เชื่อว่าความรู้จะนำพามาซึ่งโอกาสดีๆ ดังนั้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้
“คนไทยทุกคนต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ หรือที่เรียกว่าdon't stop learning เรามีเรื่องใหม่ที่ต้องรู้ตลอดเวลาในทุกช่วงวัย มีเรื่องราวที่ควรรู้ หรือว่าต้องตามให้ทันอีกมากมาย ในบางเรื่องก็เพื่อป้องกันการถูกหลอก ในบางเรื่องก็เพื่อที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเอง ในบางเรื่องก็รู้เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น

ดังนั้น การเป็นสังคมแห่งโอกาส และสร้างฐานความรู้เป็นกลไกสำคัญ ที่จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ดีขึ้นต่อไป”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น