xs
xsm
sm
md
lg

รับเทรนด์ “เต่ายักษ์” บูม!! เจาะใจรุ่นบุกเบิก “ฟาร์มเต่าซูคาต้า” แปลงความชอบ-สร้างรายได้-วางแผนเกษียณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากความชอบสู่รายได้หลักเลี้ยงครอบครัว!! เปิดเคล็ดลับ “ReptileHiso” ฟาร์มเต่าซูคาต้า สัตว์เลี้ยงมาแรง ทางเลือกของคนชอบเลี้ยงสัตว์แปลก แสนเชื่อง เลี้ยงง่าย อายุยืน สร้างธุรกิจจากรุ่นบุกเบิก ลองผิดลองถูก ศึกษา ขวนขวายด้วยตัวเอง ตั้งแต่สมัยข้อมูลที่ยังไม่มีในอินเทอร์เน็ตมากนัก ทำได้ดีจนต้องลาออกจากงานประจำ พร้อมกลายเป็นกูรูเลี้ยงเต่าตัวจริงได้ในวันนี้

จากความชอบสู่รายได้หลักเลี้ยงครอบครัว

ไม่ได้คิดว่าจะมาถึงเป็นธุรกิจ หรือเป็นรายได้หลักของครอบครัว เพราะวันที่คุณวิวบอกว่า ให้ออกจากงานประจำ แล้วมาอยู่บ้าน มาดูแลบ้าน มาดูแลลูก แล้วก็มีธุรกิจตรงนี้ที่จะช่วยกันดูแล เรายังมีความรู้สึกไม่มั่นใจเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนนั้นมันก็ขายได้นะ ขายได้เรื่อยๆ แต่ไม่มั่นใจเลยตอนนั้นบอกตรงๆ

แต่ว่ามันก็เดินทางไปได้เรื่อยๆ อาจจะไม่ได้หวือหวา หรือว่าเป็นเงินกอบกำอะไรขนาดนั้น แต่ก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นรายได้หลักของครอบครัว”

นี่คือ เสียงบอกเล่าจาก คุณหญิง-ชิดชนก ศุขพัฒน์ เจ้าของฟาร์มเต่าซูคาต้า ReptileHiso ที่มองเห็นช่องทางการสร้างรายได้ โดยเกิดจากความรักที่ชอบเลี้ยงเต่า และได้สั่งสมประสบการณ์ ศึกษา ทดลองเลี้ยงด้วยตนเองกว่า 10 ปี จนเกิดเป็นธุรกิจสร้างรายได้หลักให้ครอบครัว

คุณหญิงเล่าถึงจุดเริ่มต้นในธุรกิจเลี้ยงเต่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของฟาร์ม เริ่มจาก คุณวิว-พิริยะ ศุขพัฒน์ สามีที่ชอบเลี้ยงสัตว์ exotic จนสัตว์ที่เลี้ยงมีการออกลูกออกหลานมากมาย จึงมองเห็นช่องทางการการสร้างรายได้ในที่สุด


“จุดเริ่มต้นแรกๆ เลย ก็คือ ทำงานประจำทั้งคู่ ตอนนี้คุณวิวก็ยังทำงานประจำอยู่ แต่หญิงก็ออกมาดูแลในส่วนตรงนี้แล้ว คุณวิวเขาก็จะชอบเลี้ยงสัตว์อะไรแปลกๆ ที่เราเรียก exotic ก็มีเต่า งู วันหนึ่งเหมือนเลี้ยงไปด้วย ก็ศึกษาไปด้วย จนพอเลี้ยงไป ก็เริ่มออกลูกออกหลาน เราก็เริ่มการขาย เริ่มเข้าสู่เศรษฐกิจ

ตอนนั้นยังไม่ได้มีคนช่วย นอกจากคุณพ่อคุณแม่ ตอนนั้นจะเลี้ยงเฉพาะบ้านในกรุงเทพฯ ก็จะเป็นบ้านของคุณพ่อ เพราะจะมีพื้นที่กว้างกว่าที่เราอยู่ตอนนี้ แต่อยู่ไม่ไกลกัน ทุกเย็นเวลาเลิกงานคุณวิวก็จะแวะไปที่นั่นเพื่อไปดูแล ตอนเช้าให้อาหาร หรือดูแลความสะอาดอย่างอื่น คุณพ่อเขาก็จะมีการช่วยด้วย ด้วยความที่มันโตมาจากสัตว์เลี้ยงของเราเอง แล้วพอถึงวันหนึ่งเริ่มเป็นธุรกิจ เริ่มมีการขยับขยาย

เริ่มขยายจาก 4 คู่ เป็น 5 คู่ เป็น 10 คู่ เป็น 30 คู่ เนื่องจากตัวมันใหญ่ด้วย พื้นที่บ้านเดิมที่เคยเลี้ยงก็จะไม่พอแล้ว ก็เริ่มคุยกันว่า เรามีที่อยู่ที่ต่างจังหวัด เราก็เริ่มที่จะขยาย เริ่มทำบ่อ แล้วก็เอาพ่อแม่พันธุ์ไปเลี้ยงที่โน่น แล้วก็มีคนเข้ามาช่วยดูแลจัดการ ก็จะมีฟาร์มใหญ่ที่สระบุรี ตอนนี้ก็มีลูกน้อง มีคุณพ่อช่วยดูแลอยู่ทางนั้นด้วย”

 
โดยเต่าที่เริ่มนำมาเลี้ยง จะเป็น “เต่าซูคาต้า” เป็นเต่าบกที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีลักษณะกระดองที่แบนราบ เมื่อยังอยู่ในวัยเล็ก ลำตัวมีสีขาวไปจนถึงสีน้ำตาลเหลือง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและวัยเต็มวัย สีของกระดองจะพัฒนาเป็นสีน้ำตาลและสีเหลือง ขาทั้งสี่ข้างแข็งแรง โดยเฉพาะขาคู่หน้ามีเกล็ดขนาดใหญ่

“เต่าที่เริ่มเลี้ยงก็จะเป็นซูคาต้า เพราะว่าซูคาต้าตอนนั้น ก็มีการนำเข้ามาในประเทศไทยด้วย แล้วก็เป็นสัตว์ที่ดูแลง่าย และก็เป็นเต่าบกเป็นเต่าที่กินผัก 100% กินผัก กินหญ้า เรียกว่าเป็น Vegetarian ไม่ได้กินเนื้อเลย นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่เขาดูไม่ได้อันตรายด้วย”

คุณวิว-พิริยะ ศุขพัฒน์ (ซ้าย)
ลองผิดลองถูก จนเป็นฟาร์มคุณภาพ

กว่าจะมาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับครอบครัว คุณหญิงก็เล่าอีกว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย เกิดการลองผิดลองถูก ศึกษาด้วยตนเอง จากนั้นก็นำความรู้ที่ได้มาต่อยอดเป็นธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการและความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อย่างสำเร็จ

พร้อมสร้างฟาร์มคุณภาพด้วยการจดทะเบียนเพาะพันธุ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับอนุญาตจากกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชป่าตามอนุสัญญา CITES โดยเต่าที่เพาะพันธุ์ได้ในเมืองไทย จะมีความแข็งแรง ไม่ต้องมาปรับตัวเหมือนเต่านำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งยังใช้ระบบการฟักไข่ที่ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล มาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ เน้นการดูแลตามธรรมชาติ เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสุขภาพที่ดีของเต่า


ในความชอบตอนนั้นเป็นเพียงแค่กลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้นเอง บทความ หรือความรู้อะไรต่างๆ หรืออินเทอร์เน็ตในสมัย 20 ปีก่อน ก็ไม่ได้หาข้อมูลที่ง่ายเหมือนตอนนี้ เกิดจากการลองผิดลองถูกเอง วิธีเลี้ยงแบบนี้โอเคไหม มีการแชร์กันในกลุ่มเล็กๆ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็เรียกว่า เป็นการลองผิดลองถูกกันมา

อีกอย่างคุณวิวเองก็จะเป็นคนที่ชอบที่จะเขียนบทความ แล้วก็แชร์ความรู้อันนี้ออกไป คุณวิวก็เป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่เลี้ยง exotic หรือ Reptile ในประเทศไทย เป็น Niche Market เล็กๆ เอง ที่เขาชอบเลี้ยงกัน พอวันนั้นที่เราเกิดการลองผิดลองถูก เดินทางมาจนถึงวันนี้ คุณวิวก็จะเอาความรู้ตรงนั้นมาเขียนเป็นบทความ ลงในเว็บไซต์ของ ReptileHiso ไปหาอ่านกันได้

บางทีลูกค้ามีทักเข้ามา ใครอยากเลี้ยง ยังไม่เลี้ยงตอนนี้ เราก็แนะนำว่า ลองไปอ่านบทความดูก่อน ติดขัดตรงไหน สงสัยตรงไหนก็ทักเข้ามาถามได้ เพราะเป็นการเตรียมตัวของคนเลี้ยงอีกช่องทางหนึ่งด้วย เพราะเรามองว่า หนึ่งชีวิตที่เขารับไป มันไม่ใช่แค่เลี้ยงแล้วจบ ตายก็ไม่เป็นไร เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้เลี้ยงให้มีความสุข ทั้งคนเลี้ยง และสัตว์เลี้ยงด้วย การเลี้ยงที่ถูกวิธีก็จะทำให้เขาอายุยืน เราเลี้ยงเราก็จะมีความสุขด้วย”


คุณหญิงเล่าไปอีกว่า ไม่ได้มีความรู้และจบทางนี้โดยตรง ความรู้ส่วนใหญ่ที่ได้มาจากคุณวิว ที่เป็นคนชอบอ่าน ดังนั้น ธุรกิจเหล่านี้จึงเริ่มจากผู้เป็นสามีเป็นส่วนใหญ่

“ธุรกิจพวกนี้ คุณวิวก็จะเรียกว่าเป็นพ่อแรงสำคัญ เขาเป็นคนชอบอ่าน ชอบศึกษา สนใจอะไรก็จะไปให้สุด เหมือนช่วงนี้ไปชอบศึกษาหินธรรมชาติ หินสวยๆ มาจากภูเขา ก็ศึกษาไปจนสุด ซึ่งคุณวิวส่วนใหญ่ก็จะเอามาเล่าให้ฟัง เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันค่อนข้างเยอะ หญิงก็จะได้ความรู้จากตรงนั้น หรือจากเพื่อนๆ คนอื่นๆ ไปด้วย บวกกับการที่เราต้องดูแล เพราะเราทำตรงนี้เป็นธุรกิจ การดูแลเราก็ได้ศึกษาไปด้วยในอีกวิธีหนึ่ง”

นอกจากนี้ คุณหญิงยังอยากแชร์ความรู้เหล่านี้ไปให้คนที่สนใจทำธุรกิจนี้อีกด้วย เพราะมองว่าไม่อยากให้ใครต้องมาลองผิดลองถูกแล้ว เหตุผลหลักๆ คือ เรื่องของชีวิต หากเลี้ยง หรือมีการเพาะพันธุ์ไม่ถูกวิธี ผลเสียที่ตามมาคืออันตรายต่อชีวิตสัตว์

“ถ้าเราเลี้ยงเขาไปในทางที่ผิด เขาก็ไม่มีความสุขแน่ๆ แล้วถ้าเขาปรับตัวไม่ได้ แล้วมันเกิดผลเสียมากๆ มันก็อันตรายต่อชีวิตเขาด้วย เพราะฉะนั้นกลุ่มคนแรกๆ ที่เขาได้รู้แล้วว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดี เขาก็จะแชร์กัน ฝากถึงกลุ่มคนเลี้ยงรุ่นหลังๆ หรือกลุ่มที่เข้ามาเพาะพันธุ์ ทุกวันนี้ความรู้หาได้หลากหลายช่องทางมาก”


คิดจะเลี้ยงสัตว์ต้องมี “ความรัก” และ “ความรับผิดชอบ”

เนื่องจากเต่าซูคาต้าเป็นสัตว์ต่างประเทศ ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย โดยมีการกระจายพันธุ์บริเวณพื้นที่แห้งแล้ง บริเวณขอบทะเลทรายซาฮารา ตั้งแต่มาลี และเซเนกัล ในแอฟริกาตะวันตก ไปจนถึงเอธิโอเปีย ในแอฟริกาตะวันออก 

ดังนั้น คนเลี้ยงนอกจากความรักสัตว์ที่มีแล้ว ต้องรู้จักรับผิดชอบสัตว์ที่ตนเองอยากนำมาเลี้ยงด้วย โดยต้องรู้พื้นฐานชีวิตของสัตว์ว่ามีการดำรงชีวิตอยู่อย่างไรบ้าง

“เมื่อก่อนสัตว์เหล่านี้ยังไม่ได้เพาะพันธุ์ในประเทศไทย แต่ถามว่า ภูมิอากาศในบ้านเราก็เหมาะแก่การเพาะพันธุ์นะ เนื่องจากเขาเป็นเต่าที่อยู่ในที่แห้งๆ ค่อนข้างร้อน นำเข้ามาการปรับตัวก็แทบจะไม่ได้เยอะ จะสังเกตได้ว่า ช่วงหลังๆ บ้านเราจะเพาะพันธุ์พวก exotic pet เรียกได้ว่า เกือบทุกอย่างเลย เริ่มจากการเอาเข้ามา เอามาเลี้ยงเป็นความชอบก่อน และหลังจากนั้น ภูมิอากาศที่มันโอเค เขาดำรงชีวิตต่อไปได้ มันก็เริ่มมีการผสมพันธุ์แพร่พันธุ์ในบ้านเรา

พื้นฐานของเต่าซูคาต้า รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ คนเลี้ยงต้องเข้าใจก่อนว่าสัตว์เลื้อยคลายต้องการแสงแดดในการดำรงชีวิต แสงแดดที่แตกต่างจากหลอดแสงไฟด้วย แสงแดดจะมีความร้อน มี UVB UVA พวกนี้จำเป็นในการดำรงชีวิตทั้งนั้นเลย ความร้อนในการย่อยอาหาร UVB UVA การสร้างกระดูก กระดองของเขา

ซูคาต้าจะเป็นเต่าที่กินผัก 100% ผัก หญ้า เรียกว่า เป็น Vegetarian คนเลี้ยงต้องทำความเข้าใจ ไม่ชอบอยู่ในอุณหภูมิที่เย็น บางทีลูกค้าบางท่านอาจจะเข้าใจผิด แล้วก็เอาไปไว้ในห้องแอร์ คือเอาไว้ประเดี๋ยวประด๋าว หรือมีความจำเป็นบางช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็เอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าเราไม่วางไว้ในตรงแอร์โกรก แต่โดยธรรมชาติแล้ว เราจะเอาเขาไว้ในอุณหภูมิปกติค่ะ”

[ใช้ระบบการฟักไข่ที่ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล มาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ]
อีกอย่าง สิ่งที่คุณหญิงยืนยันว่า ซูคาต้านอกจากจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแล้ว เขายังมีขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวได้มากกว่า 36 นิ้ว น้ำหนักกว่า 105 กิโลกรัม มีอายุยาวกว่า 100 ปี เรียกได้ว่า เป็นสัตว์ที่อายุยืนยาวอีกด้วย

“ซูคาต้าไม่ได้เป็นสัตว์ที่ตายง่าย เป็นสัตว์ที่อึด ถึก ทน เหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเด็กๆ เพราะดูแลง่าย ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมค่อนข้างง่ายๆ อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 80-100 ปี ก็เรียกว่า ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของหนูๆ ก็โตไปด้วยกันได้เลย”

[ฟาร์มเต่าซูคาต้าที่ จ.สระบุรี]
ราคาขึ้นอยู่กับความพอใจผู้ซื้อ-ขาย ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งแพง

สำหรับเรื่องราคา คุณหญิงบอกว่า ในตอนนี้มีคนเพาะพันธุ์ได้มากขึ้น ดังนั้น ความต้องการก็เป็นไปตาม Demand Supply ราคามันก็มีขึ้นลงตลอดเวลา และถ้าเทียบกับ 5-10 ปีที่แล้ว เรตราคาของเต่าซูคาต้าในฟาร์ม ReptileHiso จะสตาร์ทอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาท

ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาท ก็แล้วแต่อะไรหลายๆ อย่าง และราคาอาจจะแตกต่างในเรื่องความพิเศษของลายด้วย

“สำหรับซูคาต้านะคะ ลายโดยปกติธรรมชาติของเขาจะเป็นเหมือนลายกระเบื้อง มี 3 แถว 4 ช่อง มันก็จะเป็นสูตรที่เราเรียกกันว่า 4 : 5 : 4 อันนี้คือซูคาต้าที่สวยปกติ ส่วนอันที่เรียกว่าเบิ้ล คือ เป็นลายที่แทรกขึ้นมา อาจจะเกิดตรงไหนก็ได้ 

อันนี้ราคาอาจจะดรอปลงไปนิดหนึ่ง ไม่เกี่ยวอะไรกับสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของลาย กับอีกแบบถ้าเบิ้ลอีกแบบ มันอาจจะมีความพิเศษ มีความสมมาตรแบบที่มันไม่ได้จะหาได้ง่ายๆ เบิ้ลแบบนั้นอาจจะราคาแพงกว่าตัวสวยปกติ”


นอกจากนี้ ความพิเศษของสัตว์ในกลุ่ม Reptile จะไม่มีกำหนดอายุว่าตอนนี้จะขายไม่ได้ เพราะยิ่งอายุเยอะ หรือขนาดที่เพิ่มขึ้น ก็ยังสามารถซื้อขายได้ ซึ่งจะมีลูกค้าบางคนที่ไม่อยากเลี้ยงตัวเล็ก ก็จะซื้อตัวใหญ่ไปในราคาที่แพงขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ เรื่องราคานั้น คุณหญิงยังบอกอีกว่า สัตว์แปลกเหล่านี้เรื่องราคาบางทีก็ขึ้นกับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายที่ตกลงกันเองอีกด้วย

“สัตว์เลี้ยงพวกนี้เป็นความพอใจของผู้ซื้อ และผู้ขาย ลูกค้าบางคนอาจจะชอบในความแปลกแบบนี้ ในขณะอีกคนก็บอกว่าก็ไม่ได้ชอบ แล้วก็ไม่ได้จะจ่ายในราคานี้ แต่บางคนอยากได้ลายนี้มาก แต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน

หรือบางทีต่างชาติมา เขาก็จะมาเอาตัวเกลี้ยงๆ ตัวขาวๆ เราก็ไม่รู้ว่ายังไง บ้านเราก็มองว่าปกติ แต่เขาบอกว่าบ้านเขาชอบ เขาก็เอาไปปล่อยขายต่อ”





ดึงดูดด้วย 
“บริการหลังการขาย” จนได้รับความไว้วางใจ

 
 “ReptileHiso ถ้าถามว่าทำไมยังขายอยู่ได้ มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ หลักๆ ของเราอาจจะด้วยเรื่องของแบรนด์ ถามว่า แบรนด์สำคัญยังไง ทำไมลูกค้าถึงต้องเป็นเรา ซื่อสัตย์กับลูกค้า สิ่งที่เราบอกลูกค้าเสมอ คือ เต่าที่เราวางให้เลือกวันนี้ มันไม่ใช่ทั้งหมดที่เรามี 

แต่เราเลือกสิ่งที่แข็งแรงที่สุดในวันนี้ให้คุณได้เลือกก่อน เต่าอาจจะมี 100 ตัว แต่เราคัดให้คุณเลือกวันนี้20 ตัว เพราะเราเห็นแล้วว่า ทั้งหมด 20 ตัว แข็งแรง ทั้งหมดก็เกิดจากการที่เราดูแลเองทั้งหมด เราบอกว่า ในฟาร์มเพาะพันธุ์เรามีคนช่วยดูแล แต่เมื่อไหร่ที่มันเป็นไข่ และฟักออกมา อันนี้คุณวิวจะลงงานเองทั้งหมด ดูแลทุกตัวด้วยตัวเอง หญิงก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเขา

เพราะฉะนั้นเราก็จะรู้ว่าเต่าตัวไหนแข็งแรง เต่าหลักๆ ก็จะดูเรื่องพื้นฐานนิดหน่อย เรื่องการกินการเดิน ไม่นอน ไม่ซึม ถ้าเต่าตัวไหนที่ยังไม่พร้อม หรืออาจจะมีการป่วย ก็จะมีการอนุบาลดูแลก่อน

และหลังจากลูกค้าซื้อไป เราก็จะไม่ขาดจากกัน เราจะมีช่องทางให้ลูกค้าได้ติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟนเพจ LINE Official สามารถติดต่อ สอบถามกันได้ตลอดเลย

อย่างบางคนเพิ่งเลี้ยงครั้งแรก ก็จะมีความกังวลหลายๆ อย่าง คุยกันจนเป็นเพื่อนกัน จนบางคนลูกค้ารุ่นแรกๆ ซื้อไปจนเต่าตัวเล็ก จนเต่าโตแล้วก็ยังทักมาหา เต่าออกไข่ทำยังไงบ้าง คือ เรายัง contact กันอยู่ตลอดเวลา

ถ้าใช้คำว่าบริการหลังการขายก็ได้ ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของเรา ลูกค้ายังติดต่อกับเราได้เสมอ อย่างที่ผ่านมา คุณจาพนม-ทัชชกร ยีรัมย์ ก็มาเป็นลูกค้าของที่นี่ ล่าสุด ก็ 2 ปีที่แล้ว คุณลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน ก็มาดูให้น้องดีแลน (ลูกชาย)

เท่าที่ดูจากลุ่มลูกค้าของ ReptileHiso ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาหาเราจะเป็นกลุ่มครอบครัว ส่วนใหญ่คนที่เริ่มเลี้ยงก็เป็นลูกๆ อายุเฉลี่ยน่าจะประมาณ 7-8 ขวบ เริ่มอยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นครั้งแรก exotic ก็จะเป็นเหมือนทางเลือกหนึ่งของคนสมัยนี้ ด้วยการดูแลที่ง่าย มันไม่ส่งเสียง ไม่ค่อยวุ่นวายในพื้นที่สำหรับบางครอบครัว”


คุณลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน ก็เคยมาซื้อเต่าจากฟาร์มให้น้องดีแลนไปเลี้ยง



น่าเสียดายเต่าไทย
ไม่ได้ออกสู่สายตาชาวโลก

 
 “อย่างซูคาต้า เนื่องจากเป็นสัตว์สายพันธุ์ต่างประเทศ เราก็จะขออนุญาตในการจดทะเบียนเพาะพันธุ์ซื้อขายได้ อันนี้ก็คือถูกกฎหมาย บวกกับเขาก็จะจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ไซเตส 2 (CITES) ก็คือ จะเป็นสัตว์ที่สามารถครอบครอง เพาะพันธุ์ ซื้อขายได้

สำหรับเต่าไทยเอง น่าเสียดายไหมที่เราไม่สามารถครอบครอง หรือเราไม่สามารถเพาะพันธุ์ หรือซื้อขายได้ เข้าใจว่า กฎหมายที่ออกมาในช่วงอดีต มันก็อาจจะมีความจำเป็นในเวลานั้นๆ แต่เนื่องจากมันก็อาจจะเนิ่นนานมาหลายปี หลาย 10 ปีแล้ว บวกกับโลกมันก็กว้างขึ้น

จริงๆ มุมของการเพาะพันธุ์มันก็ช่วยให้สัตว์ไม่สูญพันธุ์ไป จริงๆ มันอาจจะดีไหมถ้าเราสามารถมีหน่วยงานที่ดูแลตรงนี้ ร่วมกับผู้ประกอบการ ทำให้สิ่งเหล่านี้ การเพาะพันธุ์ หรือการร่วมกันดูแล ระหว่างราชการและเอกชน ทำร่วมกัน ทำให้สัตว์เหล่านี้ไม่สูญพันธุ์

นอกเหนือจากเต่า สัตว์หลายๆ ชนิด พอติดเรื่องข้อกฎหมายหรืออะไรแบบนี้ เรื่องการเพาะพันธุ์ ต้องบอกว่าคนไทยเก่งมากนะ ที่สามารถเพาะพันธุ์สัตว์ได้หลายๆ ชนิด แต่บางชนิดก็จำกัดเรื่องข้อกฎหมาย เขาก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ หรือว่าเพาะพันธุ์ในปริมาณที่แบบให้มันจริงๆ จังๆ ได้

หญิงมองว่า เรื่องการเพาะพันธุ์ ด้วยศักยภาพคนไทยเราเอง เราสามารถที่จะดำรงสัตว์พันธุ์นั้นๆ ให้มันดำเนินต่อไปไม่ให้สูญพันธุ์ได้ ในการเพาะพันธุ์สัตว์ เราสามารถช่วยให้เขาไม่สูญพันธุ์ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะติดเรื่องข้อกฎหมายบางอย่าง หรือ หลายๆ เหตุผล รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจเองด้วย มันก็มีกฎหมายบางอย่างที่ยังจำกัดไม่ให้เราส่งออกสัตว์บางอย่างออกไป ทั้งที่เราสามารถเพาะพันธุ์ได้

และคนไทยถือว่าเก่งมากด้วย สามารถเพาะพันธุ์สิ่งใหม่ๆ ได้ อาจจะเป็นสีที่ใหม่ สายพันธุ์อาจจะเป็นสายพันธุ์เดิมที่มีมาอยู่แล้ว แต่ว่าสามารถเพาะพันธุ์สีใหม่ๆ ได้ เป็นคนแรกของโลกอะไรแบบนี้ มันก็เคยเกิดขึ้น แต่ว่ามันก็ไม่ได้ออกไปสู่สายตาชาวโลก เพราะว่าเรายังติดปัญหาเรื่องการส่งออกตรงนี้อยู่”





วางแผนอาชีพเลี้ยงเต่า สร้างรายได้หลังเกษียณ

 
 “มองว่า สัตว์เหล่านี้จริงๆ มันเป็นอาชีพในเมื่อเราเกษียณอายุได้ เพราะว่าการดูแลก็ง่าย แต่ถามว่าคำว่าง่าย มันก็ไม่ได้บอกว่าใครจะเลี้ยงก็ได้ มันก็เกิดจากการต้องศึกษา และรู้ประมาณหนึ่งด้วย 

คือ คำว่าง่าย เราต้องเข้าใจพื้นฐานชีวิตเขา เราก็ต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่แค่ว่าซื้อเขามาแล้วก็ปล่อยเขาไป ถึงเวลาให้อาหาร แต่ไม่ได้ให้เขาได้รับแสงแดด หรือช่วงเวลาที่ฝนตก เราต้องเอาหลอดจำลองแสงอาทิตย์เข้ามาช่วย เราต้องรู้ เพียงแต่ว่าทุกอย่างทำให้เป็นระบบได้ พอเรารู้แล้ว เราเข้าใจ ก็เลยมองว่าอาชีพพวกนี้มาเป็นอาชีพหลังเกษียณอายุได้นะ

เพราะฉะนั้นการเกษียณอายุของเรา น่าจะมีอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ คือ นอกเหนือจากการวางแผนเกษียณวันนี้ที่เราต้องเตรียมเอาไว้ แต่ว่าพอถึงวันนั้นจริงๆ ที่เขาบอกว่า บางคนอาจจะมองในเรื่องของกองทุนที่เตรียมเองไว้ในเรื่องการเกษียณอายุ กองทุนเกษียณจากเรา เราก็มองว่ามันเพียงพอไหม เราอายุยืนขนาดไหน ค่าใช้จ่ายที่มันเกิดขึ้นที่หลายๆ คนอาจจะรู้ว่า เรื่องของค่ารักษาพยาบาลอาจจะแพงขึ้น

ดังนั้น อาชีพเกษียณ หญิงมองว่า ถ้าเรามีรายได้เข้ามาบ้าง ถึงแม้จะเกษียณอายุแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี อันนี้ก็เป็นส่วนคุยกันกับคุณวิวอยู่ แล้วเราก็มองว่า มันเป็นงานที่เราคุ้นเคย แล้วเราก็ไม่ได้ใช้เวลาทั้งวัน หรือทั้งเดือนในการที่จะดูแลเขา ไม่ได้วางไข่ทั้งปี

มันเหมือนกับงานของเราจะจบแล้วในช่วงนั้น ระหว่างปีเราก็อาจจะดูแล หรือจ้างคนเข้ามาดูแล แล้วเราก็ใช้ชีวิตกันในการไปท่องเที่ยว ที่คุยกันไว้แบบนั้นนะ แต่ว่าสถานการณ์จริงๆ มันก็คงต้องปรับเปลี่ยนกันไป”





แนะทริกวางแผนชีวิตก่อนเกษียณ

 
 “สำหรับเรื่องเกษียณเขาก็จะบอกกันว่า ถ้าอยากรู้เรื่องการเตรียมเงินเกษียณเอาไว้เท่าไหร่ ให้ดูจากไลฟ์สไตล์ ค่าใช้จ่ายของเราวันนี้ สมมติว่า วันนี้เราใช้จ่ายอยู่ที่ 1 แสนบาท หลังเกษียณมันก็จะยังอยู่ที่ประมาณ 70% บางอย่างเราอาจจะมองว่าเราแก่ขึ้น แต่ไลฟ์สไตล์บางทีเราไม่ได้เปลี่ยน หรือเราไม่อยากเปลี่ยน ยังอยากไปท่องเที่ยว อยากกินร้านอะไรดีๆ อยู่เหมือนเดิม เราก็คำนวณไป เราก็คิดดูว่าเราจะอยู่อีกสักกี่ปี แต่บอกเลยว่า เฉลี่ยของอายุขึ้นเยอะขึ้น ยาวขึ้น เงินที่เตรียมอาจจะต้องมากหน่อย

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า เกษียณอายุเริ่มคิดได้เมื่อไหร่ หญิงคิดว่าเริ่มคิดตั้งแต่เราเริ่มทำงานและมีรายได้เลยแหละ เงินมันจะต้องแบ่งออกเป็นหลายๆ กอง โดยเฉพาะเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ทุกคนรู้ว่าถ้าเราอยากได้ความสะดวกสบาย มันต้องแลกมาด้วยในการจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าต้องวางแผนเกษียณยังไง ฉันไม่ได้เรียนการเงินมา

ตอนนี้มันมีเยอะแยะเลยที่เขาสามารถให้คำแนะนำได้ เรียกว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ สามารถคุยได้ฟรีๆ เลย เรายังไม่ต้องไปถึงจุดที่ต้องไปจ่ายเงินให้เขามาวางแผนอะไรให้เลย เรามีคนอยู่ในตลาดพร้อมจะแชร์ข้อมูล

เงินรายรับที่บ้านจะต้องถูกแบ่งว่าสิ่งนี้ทำอะไร อย่างรายได้จากเต่าคือค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเทอมลูกจะมาจากส่วนอื่น เงินเกษียณก็จะมาจากรายได้อีกที่หนึ่ง ทุกอย่างจะต้องถูกแบ่งเอาไว้ และพยายามจะไม่ยุ่งซึ่งกันและกัน เพราะไม่งั้นเป้าหมายที่วางไว้ก็จะไปไม่ถึง

เราก็มองเอาไว้ว่า เราจะเป็นครอบครัวที่ไม่พึ่งพาลูก ลูกควรมีชีวิตของเขา วันนี้เราให้เขาได้คือ การศึกษา และให้เขาไปให้สุด เท่าที่ความสามารถของเขาจะไปได้ สิ่งที่เขาจะกลับมาหาเรามันควรเป็นเรื่องของความผูกพัน ความรักของครอบครัว แต่ไม่ใช่เรื่องของการเงิน หรือการเจ็บป่วยของพ่อแม่จะต้องโทร.ไปบอกลูกว่า พ่อไม่สบาย ลูกมาจ่ายเงินให้หน่อย เราไม่วางแผนกันไว้แบบนี้ เราวางแผนเกษียณของเรา เราวางแผนพวก Long-term care ซื้อประกันของเราเองไว้

ลูกพอโตขึ้น เขาไปมีชีวิตของเขา เราไม่กระทบเงินซึ่งกันและกัน เรามีเงินเกษียณของพ่อแม่ ลูกหารายได้มาได้ ก็เป็นสิ่งที่เขาจะต้องสร้างอนาคต สร้างครอบครัวของเขาต่อไป”


สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ภาพ : กัมพล เสนสอน
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ “ReptileHiso ฟาร์มเต่ายักษ์ เต่าซูคาต้า เต่าบก อาหารเต่า วิธีเลี้ยงเต่า”, เว็บไซต์ “http://reptilehiso.com/”, “http://www.1stone.life




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น