xs
xsm
sm
md
lg

เจาะโปรหลอกขาย “ที่พักทิพย์” ไม่ตรงปก-สร้างความเชื่อถือ ตุ๋นเงิน 100 ล้าน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทาหรณ์ผู้บริโภค!! “คูปองร้านอาหารทิพย์” หลบไป เมื่อ “คูปองที่พักทิพย์” ทำโปร “ที่พัก-ที่เที่ยว” ดีแสนถูก สุดท้ายล่ม ไม่ตรงปก เจ้าของลอยแพลูกน้อง-ค้างเงินบริษัท เสียหาย 100 ล้าน คดีไม่คีบ!!




ที่พัก 1,500 ขายคูปอง 20!!


“ของถูกและดี มันคงไม่มีจริงในโลก ฟางเช็กแล้วเช็กอีก เพราะบริษัทเขาเปิดมา เขาดีลแต่ละบริษัทมา อย่างนึงเขาต้องมั่นคง ทุกที่ที่ดีลมา ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ

และมีนักร้องมาร่วมไลฟ์ขายบัตรด้วย เรายิ่งเกิดความมั่นใจอีกทีว่า เขาคงไม่เอาชื่อเสียงเขามาแลก ซึ่งเราพิจารณา เราใช้สติในการที่จะซื้อแล้ว แต่เราก็โดนจนได้”


ฟาง หนึ่งในผู้เสียหาย ถูกหลอกขายคูปองโรงแรมทิพย์ ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 6 หมื่นบาท จากบริษัทแห่งหนึ่ง บอกเล่าความรู้สึก แก่ ทีมข่าว MGR Live หลังคดีไม่คืบหน้า หน่วยงานต่างผลักภาระ 

จนล่าสุด ทาง รัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง พาผู้เสียหายร้องทุกข์ ปคบ. ชี้ความผิด จนในที่สุดก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ทว่า ผู้เสียหายยังไม่ได้รับเงินคืน


สืบเนื่องจากเป็นประเด็นที่กำลังเป็นที่น่าสนใจของผู้คนในสังคม กับการจัดโปรลดโลกตะลึงล่วงหน้า บัตรที่พัก 999 บาท เมื่อซื้อโปรในช่วงไลฟ์เหลือเพียง 22 บาทต่อใบ เท่านั้น พร้อมยังมีราคาถูกและมีโปรโมชันให้เลือกหลากหลาย ส่งให้มีการตอบรับจากผู้สนใจทั่วสารทิศอย่างล้นหลาม มีผู้เสียหายกว่าหมื่นราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท


“ฟาง คิดว่า ค่าเสียหายมันเกิน 100 ล้าน แน่นอน ไม่ใช่เฉพาะแค่ลูกค้าที่โดน กิจการที่เป็นที่พัก ที่ให้บริษัทเช่าก็โดน พวกร้านส่งวัตถุดิบ อาหาร หรืออย่างผ้าปูที่นอน คือ กิจการที่ดีลไว้กับเขา ต่างได้รับความเสียหายทั้งหมด แม้แต่พนักงานบริษัทเกือบ 200 ชีวิต ไม่ได้รับเงินเดือนเลย โดนลอยแพหมด


บริษัทนี้ทำคูปองมาจำหน่ายทั้งในส่วนของคอนโดฯ ที่มีสวนน้ำ บ้านพักพูลวิลลา แพตกหมึก ร้านอาหาร ล่องเรือเจ้าพระยา และ ซาฟารีเวิลด์

ราคาหน้าบัตรอย่างห้องพักราคาพันกว่าบาท แต่ราคา voucher คือ 99 บาท หรือบางบัตรขาย 20 บาท แต่ว่าจะมีค่าทำความสะอาด 500 อย่างบ้านพูลวิลลา ตีราคาหน้าบัตร ราคาหมื่นกว่าบาท แต่ราคาที่ขายจริงๆ อยู่ที่ 500-1,500 บาท


เขาจะเอาบัตรมาขายในราคาที่ถูกมากๆ เลย แรกๆ มีคนซื้อแล้วได้จริงในทุกส่วน ในทุกบัตร ทุกประเภทเลย คือ ใช้งานจริง แต่คนที่ซื้อมาใช้แล้ว พอใช้ได้ปุ๊บ ก็มีการซื้อมาเพื่อไปพักเอง หรือซื้อมาเพื่อขายต่อ เป็นกลุ่มแม่ค้า และเป็นกลุ่มตัวแทนบริษัท ที่จะซื้อออกมาลอตใหญ่ๆ เป็นพันๆ เป็นแสนๆ ใบ แล้วเอามาจำหน่ายต่อ


หลังๆ มา ทุกกิจกรรมเริ่มทยอยปิด เริ่มเกิดปัญหา อุปสรรค แรกเริ่ม คือ ร้านอาหาร ไม่มีอาหารทะเลไปส่ง เพราะทางบริษัทมีการค้างค่าสินค้า ค่าวัตถุดิบ ก็เริ่มมีปัญหาการไม่มีของทะเล อาหารไม่สด ผลสุดท้ายก็ต้องปิดไป

อย่างที่สอง คือ ห้องพักคอนโดฯ ที่มีสวนน้ำ ห้องพักพูลวิลลา คือ จะเริ่มจากการมีเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็น อย่างผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดเท้า ที่ต้องมีบริการ service ให้ลูกค้าอยู่แล้ว แต่ตรงนี้กลายเป็นว่าไม่มี

บริษัทก็แจ้งว่า ร้านซักอบรีดมีปัญหา แล้วเขาหาบริษัทใหญ่ๆ ที่มารับผ้าจำนวนมากไม่ได้ ก็เลยให้ลูกค้านำผ้ามาเอง ตอนหลังมาทราบว่า บริษัทไปค้างชำระค่าบริการเขาเหมือนกัน เขาเลยไม่รับผ้าไปซัก ไปรีด ไปอบให้แล้ว

และบ้านพัก คอนโดฯ วิลลาต่างๆ คือ เกิดการค้างชำระ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ทำให้บ้านพักแต่ละที่ หรือแม้แต่คอนโดฯ สวนน้ำ แต่ละที่ปิดให้บริการไม่ให้ลูกค้าเข้า

แต่ว่าเจ้าของบ้านพัก ทั้งบ้านพูลวิลลา และคอนโดฯ ตอนนี้เขาก็เปิดกิจการอยู่ แต่ลูกค้าที่เอาบัตร voucher ไปใช้ คือ ไม่สามารถเอาไปใช้ได้”


ทว่า เมื่อถึงเวลา กลับถูกปฏิเสธห้องพักให้บริการได้ เพราะอยู่ในช่วงปรับปรุง จากนั้นต้นปีที่ผ่านมา บริษัทดังกล่าวได้ประกาศยกเลิกให้บริการการจองที่พักด้วย voucher ทั้งหมด




เหยื่อหลักหมื่น ซ้ำรอย “ดารุมะ”?


อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อ หลอกขาย “voucher ทิพย์”ผู้เสียหายได้เปรียบเทียบถึงกรณี “ดารุมะ ซูชิ”ให้เห็นอีกแง่มุมที่น่าสนใจ ว่า ไม่ใช่แค่ร้านอาหารที่ใช้ “โปรหลอกขาย” ที่พัก (ทิพย์) ก็เหมือนกัน

“ตอนนี้ผู้เสียหายจากที่เขารวมตัวกัน ในเฟซบุ๊กมีสมาชิกเป็นหมื่นคน และจะมีตามในกลุ่มไลน์ย่อยๆ 3,000 คน แต่เวลานัดรวมตัว หรือจะแจ้งความ คือ ไม่เหมือน ดารุมะ ซูชิ ที่ผู้เสียหายส่วนมากจะอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ voucher ที่พักส่วนมากจะกระจายอยู่ทั่วประเทศค่ะ


ทำให้การที่จะนัดรวมตัวกันเพื่อที่จะพูดคุย หรือเรียกร้องทุกอย่าง ก็ยาก อย่างบางคนอยู่ต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต ซื้อ voucher ไปพันกว่าบาท แต่ต้องเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ซึ่งการจะนัดรวมตัวกัน จึงเป็นไปได้ค่อนข้างลำบาก

อีกอย่างคือ เทียบกับทางเคส ดารุมะ ซูชิ ทางสำนักงานตำรวจฯ เขามีเอกสาร ส่งให้ตาม สภ.พื้นที่ ในการที่จะสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อจะรวบรวมกลับมายังสำนักงานตำรวจฯ แต่ทางเคส voucher นี้ คือ มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะฉะนั้น ผู้เสียหายจึงกระจาย และเมื่อเราไปแจ้งความตามพื้นที่ สภ.ต่างๆ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะรับ


และเรื่องเงียบกว่าดารุมะมากๆ ก็งงเหมือนกัน เพราะมีลูกค้าอีกเยอะที่ไม่ทราบว่าเป็นเหยื่อ เพราะมีบางคนซื้อไปเหมือนจองไม่ได้ คือ บางคนไม่ถึงวัน ก็ไม่หยิบบัตรขึ้นมาดูวันหมดอายุหรอก

เหมือนพอใกล้ๆ วัน ถึงวันที่จองไว้แล้ว พอเช็กคอนเฟิร์มถึงรู้ว่าบริษัทติดต่อไม่ได้แล้ว บางคนเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายก็มีค่ะ

และยอดผู้เสียหายมันก็กระจาย มันก็เสียเวลาที่จะต้องมานั่งขึ้นมาที่กรุงเทพฯ มันยิ่งเป็นไปได้ยาก ที่เราจะรวมยอดความเสียหายได้”


ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เสียหายจะเคยเข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) และ สภ.เมืองพัทยา เมื่อช่วงเดือนก.พ. ที่ผ่านมา

แต่จนถึงตอนนี้คดีกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่ทราบว่าติดขัดปัญหาอะไร เธอในฐานะผู้เสียหาย จึงอยากให้มีหน่วยงานมารองรับ การลอยแพของบริษัทแห่งนี้ เพื่อจะเป็นอุทาหรณ์ ไม่ให้มีผู้เดือดร้อนไปมากกว่านี้

“ไม่รู้ว่าบริษัทจะปิดอีกวันไหน แล้วการที่เราถือบัตรไว้คนเดียว 300-500 ใบ เมื่อไหร่เราจะใช้บัตรหมด และเจตนาของบางคนที่ซื้อมา เขาก็ซื้อมาหารายได้เพิ่ม แต่ถ้าจะให้เขาไปนั่งใช้บริการทุกวัน เขาก็ไม่ต้องทำมาหากิน จะต้องเอาบัตรไปใช้ทุกวันเลย มันก็เป็นไปไม่ได้

และหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน ผลักภาระและปัญหากัน คือ ไม่ได้มีหน่วยงานไหนที่จะเข้ามารับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ตอนนี้เขาเปิดให้บริการเท่าไหร่ มีจำนวนห้อง จำนวนบ้านพัก ต่อการใช้รึเปล่า อย่างตอนนี้คนที่เข้าไปใช้บริการได้ มีเพียงแค่ 20% แล้วต้องใช้อีกกี่ปีถึงจะหมด

หนูไม่รู้ว่าการที่บริษัทออกมาเยียวยาตรงนี้ มันจะใช้ในการบรรเทาโทษในชั้นศาล หรือเขาเอาไปใช้ประโยชน์ในด้านใด แต่ว่าถ้าบริษัทมีเจตนาดีจริงๆ คิดจะคืนเงินจริงๆ อยากจะชดเชยจริงๆ มันต้องเปิดให้เพียงพอต่อการจำหน่ายออกไป มันต้อง make sense กัน อันนี้มันไม่ใช่เลย”




สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น