ตกวูบ …จากราคาหลักล้านสู่หลักพัน? ถึงเวลาอวสาน “ต้นกล้วยด่าง” ขึ้นลงเหมือนหุ้น ด้านกูรูกล้วยด่างสวนกระแส ลายสวย-หายาก รีบลงทุน วงการไม้ด่างความต้องการยังสูง!?
ลดราคาสุดโหด หลักแสนสู่หลักพัน!?
“ที่มันเงียบ เพราะว่ามันไม่ได้ฮือฮาเหมือนก่อน เอาที่ดินไปแลกกล้วยด่าง เอาคอนโดฯ ไปแลก ที่เป็นกระแส แต่ตอนนี้มันปรับตัวไปในราคาที่เหมาะสมครับ ที่จับต้องได้”
ศุภกฤษ มานิ่ม ประธานชมรมกล้วยแดงสยามแห่งประเทศไทย เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังมีกระแสที่สังคมกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะในวงการ “ต้นกล้วยด่าง” ในตอนนี้ ที่บอกว่า ราคาลดลงเกินครึ่งจากปี 64 จากราคาหลักล้าน เหลือหลักพัน ซ้ำลูกค้าหายเพียบ ส่งให้หลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ ก้าวเข้าสู่วงการนี้ ต่างถอยออกไปตั้งหลัก
ย้อนกลับไปเมื่อปี 64 กระแสมอนสเตอร่า, กล้วยด่างอินโด รวมไปถึงไม้ด่างเป็นที่นิยมอย่างมาก จนราคาซื้อขายพุ่งสูงถึงหลักล้านบาท และเกิดกระแสคนรักต้นไม้ ขอแลกโฉนดที่ดินกับกล้วยด่างมาแล้ว
ทว่า เมื่อทีมข่าวตรวจสอบพบว่า ราคาไม้ด่างกลับสลับลดลงอย่างสุดขั้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ กล้วยด่างอินโด จากราคาต้นละหลักหมื่นถึงล้าน เหล่าบรรดาพ่อแม่ค้าต่างออกมาประกาศขายไม้ด่าง เหลือแค่หลักพัน
“ที่มันตกเพราะว่าจำนวนที่ออกมาเยอะในลายเก่าๆ ในลายเดิมๆ ออกมากันเยอะ แล้วทุกคนมีกันหมดแล้ว และผสมกับพ่อพันธุ์ที่มีเนื้อเยื่อออกมาด้วย จำนวนเลยออกมาเยอะในตลาด
แต่ ณ วันนี้ กล้วยด่างที่ราคาแพงยังมีอยู่ แต่ออกมาเป็นลายสีดกจัด มันจะสวยเลยครับ มันจะแพงอยู่ แต่กลุ่มเก่าของปีที่แล้วจะราคาตกไปหมดเลยครับ พันธุ์เดิม คือ แดงอินโด แต่ตอนนี้เป็นลายใหม่ ขึ้นเป็นลายแดงสยามครับ”
เมื่อถามถึงราคาไม้ด่างบางตัว ที่ตอนนี้หล่นวูบแบบน่าตกใจ อย่าง “กล้วยด่าง” ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า กล้วยด่าง ที่ผ่านมาเป็นไม้กำลังการผลิตสูงมาก ทำให้ตลาดอิ่มตัวค่อนข้างเร็ว ความต้องการของคนจึงลดลง
แต่ขณะเดียวกัน หากกล้วยด่างที่มีอยู่นั้น เป็นลายที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงาม ไม่ซ้ำ และมีความต้องการของตลาด ก็ส่งให้ต้นไม้ราคาสูงถึงหลักล้านเช่นเดิม
“เมื่อก่อนเฟื่องฟูมาก โพสต์ไปปุ๊บไม่เกิน 10 นาที ขายได้ ปิดเป็นแสน ตอนนี้คนมีลายนี้เยอะแล้ว ลายมันซ้ำกันแล้ว ความต้องการก็เลยน้อย คนก็เลยไปหาลายที่แปลกๆ ลายใหม่ๆ ลายที่สวยกว่าเดิม ที่ยังมีราคาอยู่
เนื่องจากปีที่แล้ว กระแสไม้ด่างทุกตัวขายดีหมด ไม่ใช่เฉพาะกล้วยด่าง รวมทั้งเรื่องของโควิด-19 ที่คนอยู่บ้านกันเยอะ แล้วมันปิดประเทศด้วย
พอปิดประเทศมันไม่มี มันต้องหยุดหมด ทุกคนเริ่มมาทางสื่อโซเชียลฯ มากขึ้น วันนึงไม้ด่างเป็นกระแส ก็เลยมีราคาที่สูงขึ้นตามความต้องการของคน ด้วยกระแสตอนนั้นจำนวนมันมีน้อย ความต้องการมันเยอะ demand มันเยอะขึ้นมา มันเลยมีราคาที่แพงขึ้น
พอคนเริ่มจับจุดทิศทางได้ คนก็เริ่มขยายกันเยอะ พอขยายกันเยอะ supply มันก็เลยมีออกมาเยอะ ความต้องการมันเริ่มน้อยลง เป็นปกติครับ เหมือนดอกหมู่
ตอนนี้คนเริ่มหันมาปลูกกันเยอะมากขึ้น และทุกคนเริ่มรู้เรื่องของกล้วยแดงมากขึ้น ว่ามันเลี้ยงแล้วมันได้อะไร และเขามีเอกลักษณ์เป็นแบบไหนด้วยครับ”
หมดเวลา กล้วยด่าง!?
ความสวย ความด่างที่ใบ เป็นตัวแปรผันในส่วนของราคาค่อนข้างชัดเจน ผ่านสายตาของสังคมมองว่าตลาดแห่งนี้ กลับมองวงการนี้มีการเปลี่ยนแปลง และปั่นราคา จนทำให้ปัจจุบันมีคนผันตัวมาเพาะพันธุ์ เพื่อสร้างอาชีพในยุคของโควิด-19 กันมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามประธานชมรมกล้วยแดงสยามแห่งประเทศไทย คิดว่า ควรนำเงินมาลงทุนกับไม้ด่างหรือไม่นั้น เขาให้คำตอบไว้ว่า อยากให้คนลองเข้ามา เพราะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก และสามารถเติบโตได้
“จริงๆ มันตกไปนิดเดียวนะครับ เป็นลายทั่วๆ ไป ตกเยอะ แต่ถ้าเป็นลายที่ออกมาสวยๆ มันแทบจะไม่ตกเลย เมื่อก่อนตกเยอะเหมือนกัน ถามว่าซื้อหลักแสน หลักล้าน ก็ตก แต่เป็นลายเดิม
แต่ถ้าเป็นลายใหม่มันไม่ตกเลย มีแต่ขึ้น ถ้าพูดเป็นภาษาไม้กล้วย ลายเทพคือราคาหลักแสน แต่ถ้าเป็นลายทั่วๆ ไป ที่เป็นลายนิยม หรือเกือบขึ้นมานิยม จะเป็นหลักหมื่น แต่ถ้านิยมน้อยมาก จะเป็นหลักร้อย หลักพันครับ
วันนี้คนเข้าใจมากขึ้น เมื่อก่อนเข้ามาเพราะไม่เข้าใจกันเลย เพราะไม่มีใครรู้จักไม้ตัวนี้เลย มาเพื่ออยากเห็นคนอื่นทำได้ แล้วอยากทำได้บ้าง มันเลยเข้าไป แต่ไปในจังหวะที่ตลาดมันสูงสุดแล้ว ซึ่งไม้ชนิดนี้ราคาก็ลง เพราะว่าลายมันไม่สวยแล้ว
จะมีลายใหม่เกิดขึ้นมาแทน วันนี้คนหันไปเทรนด์ลายสวยหมดเลย ที่เป็นลายใหม่ วันนี้ทุกคนยังสามารถขายกันได้ live ก็ขายกันได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000-10,000 บาท
ตอนนี้ทิศทางมีถูกทาง เพราะ 1. เนื่องจากเราส่งออกด้วย 2. มีตลาดหลักรับซื้อ เราคัดเลือกเกรด สายพันธุ์ ก็เหมือนทุเรียน ที่มีการคัดเกรด A B C D ตอนนี้เขาก็มีการตัดเกรดในการตลาดหลักซื้ออยู่ วันนี้คุณคัดเกรดไม่ดี คุณก็ขายในราคาต่ำ ถ้าเกรดดีก็ขายได้ราคาแพง วันนี้เขาขายแบบนี้ครับ”
ไม่เพียงแค่นั้น ยังตอกย้ำ สวนกระแสจุดจบวงการไม้ด่าง ถึงการเปิดความนิยมการเพาะพันธุ์กล้วยด่าง ที่ยังสามารถพัฒนาไปต่อ สวนกระแสเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เพราะมีผู้เพาะเลี้ยงไทยได้พัฒนาสายพันธุ์จนเกิดชื่อสายพันธุ์ใหม่ “กล้วยแดงสยาม” (Musa Siam ruby) มีสีสัน และลวดลายที่สวยงามโดดเด่นมากกว่าพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม และกลายเป็นสายพันธุ์ที่หายากที่สุด
“แดงสยามที่เป็นลายใหม่เกิดขึ้นมาแรงที่สุดตอนนี้ วันนี้กล้วยแดงสยาม ทุกคนเล่นถูกทางมากขึ้น ทุกคนเน้นพัฒนา ไม่ใช่เพื่อมาเก็งกำไรกัน เมื่อก่อนมาเพื่อเก็งกำไร มาเป็นพ่อค้าแม่ค้า มาแป๊บเดียวก็ไป
แต่วันนี้มันเป็นเรื่องใหม่ แล้วทุกคนก็ทำเรื่องใหม่ให้เป็นอาชีพแบบยั่งยืน และต่อยอดไปจากจุดเดิม เป็นไม้ประดับ กล้วยประดับที่มีราคา เป็นพืชเศรษฐกิจไปเลยครับตอนนี้”
สุดท้ายผู้เชี่ยวชาญด้านกล้วยด่าง ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า การทำธุรกิจกล้วยด่างก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในสถานการณ์เช่นนี้ ควรศึกษาตลาดให้ดี ตัวไหนต้องการจริง อีกทั้งอยากผลักดันให้หน่วยงานรัฐสนับสนุน พร้อมมุ่งหวังที่พัฒนา และยกระดับกล้วยแดงสยามไทยให้มีคุณภาพสูง รองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้เราอยากให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนด้วย เพราะเราต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมในการเผยแพร่ไปทั่วประเทศเลย ตอนนี้ต้องการให้กล้วยแดงให้ทุกคนรู้จักมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้มีคนเล่นไม่เกิน 5 หมื่นคนครับ แล้ววันนี้เราต้องการขยับขยายจาก 5 หมื่น เป็นแสน เป็นล้านคน วันนี้เรามีสหกรณ์ วิสาหกิจ เรื่องกล้วยแดงสยาม เรามีการจัดตั้งบริษัทเกี่ยวข้องกับรับซื้อกล้วยแดงสยามโดยตรง
วันนี้ทิศทางดีมาก เพราะว่าเนื่องจากมีไม้ที่สะสมหายาก มีในตลาดน้อยมาก คนต้องการมาก ก็เหมือนพระที่หายาก ก็จะราคาแพงครับ
อยากให้คนลองเข้ามา เพราะเป็นอีกอาชีพทางเลือกหนึ่ง ไม่ได้ว่ามาเพื่อกระแส ถ้าหากลองมาศึกษาดูว่ากล้วยด่างมีแบบไหนบ้าง แต่ละลวดลายเขามีเสน่ห์แบบไหน ราคาแต่ละเกรดเป็นแบบไหน วันนี้รู้มากขึ้นจากเดิมมากเลย
เพราะตอนนี้นักวิจัยจะเข้ามาช่วยเรา เรื่องของพืชพันธุ์โดยตรงว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ และวันนี้นักวิจัยจะช่วยเราในเรื่องของสายพันธุ์มันมีแบบไหน สีสันเป็นแบบไหนด้วยครับ อยากให้ทุกคนเข้ามา เพราะกล้วยแดงกำลังจับต้องได้ครับ ตั้งแต่หลักร้อย หลักพัน หลักแสน แล้วแต่กำลังทรัพย์ และเราอยากได้ประเภทไหน”
สกู๊ปข่าว : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : FB “อ. เอ็กซ์”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **