สายใยแห่งความรักและความผูกพันระหว่าง “แม่” และ “ลูก” เป็นความสัมพันธ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด เป็นแรงผลักดันที่ทำให้คนๆ หนึ่ง ยอมลำบาก และสามารถเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอีกฝ่าย เนื่องในโอกาสวันแม่ปีนี้ แกร็บ ชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับสองพาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสาวแกร่ง หมอน-ศรีสมร เจริญสุข คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ยอมลำบากล้มลุกคลุกคลานทำทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ มีอนาคตที่สดใส และ อ๋อย-สุจิตรา ปราชญ์เปรื่อง ลูกกตัญญูที่ไม่เคยหยุดทำงานเพื่อหาเลี้ยงแม่ผู้พิการ กับเรื่องราวที่สะท้อนความเสียสละและพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อกำลังใจให้กับคุณแม่และลูกๆ ทุกคน
คุณแม่นักสู้ ทำงานปลดหนี้เพื่อ “อนาคตที่ดีของลูก”
หมอน-ศรีสมร เจริญสุข คุณแม่ลูกสองวัย 57 ปี จากเชียงราย เล่าให้ฟังถึงชีวิตของการเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กอายุได้เพียง 3 ขวบ ว่า แต่ก่อนเธอหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำขนมไทยขาย แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่มากมายทำให้เธอต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อใช้หมุนเวียนในครอบครัวจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต รายได้ในแต่ละวันที่หามาได้กลายเป็นเงินที่พอใช้อยู่รอดไปวันๆ
จนเมื่อเกิดวิกฤตโควิด ชีวิตของคุณหมอนต้องถึงจุดพลิกผัน เมื่อรายได้จากขายขนมเริ่มไม่เพียงพอ และลูกสาวคนเล็กกำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก
“ในวันที่ลูกสาวบอกว่าสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในสาขาวิชาแอนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ พี่ทั้งปลื้มใจและภูมิใจในตัวเขามาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเครียดและกดดัน เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตามมา คือ ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
แม้ว่าตอนนั้นลูกสาวจะกู้ กยศ. อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในฐานะคนเป็นแม่เราจะยอมแพ้ไม่ได้ เพราะอนาคตของลูก คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นรู้สึกมืดแปดด้านมาก เพราะรายได้จากการขายขนมเริ่มจะไม่พอ จนวันหนึ่งเรามองไปบนถนนเห็นคนขับแกร็บขับส่งอาหาร เลยคิดว่าเราน่าจะขับได้นะ จึงตัดสินใจลองมาขับแกร็บหารายได้เสริมดู”
เมื่อเริ่มขับแกร็บไปสักพัก คุณหมอน เริ่มเห็นว่า รายได้จากการขับแกร็บดีกว่าการขายขนม จึงตัดสินใจมาขับแกร็บเต็มตัว ด้วยรายได้และสิทธิประโยชน์ด้านสินเชื่อของแกร็บ ทำให้คุณหมอนสามารถปลดหนี้นอกระบบได้ในที่สุด มีเงินส่งเสียลูกสาว มีเงินเก็บที่ไม่เคยมีมาก่อน และที่สำคัญ คือ มีเวลาให้กับลูกสาวของเธอมากขึ้น
“อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ลูกสาวจะเรียนจบแล้ว ในฐานะแม่การได้สนับสนุนให้ลูกสามารถเดินตามเส้นทางที่เขาเลือกและได้ทำในสิ่งที่เขามีความสุข ถือเป็นความสำเร็จที่เราภาคภูมิใจที่สุด การขับแกร็บทำให้วันนี้เราไม่ต้องลำบากเหมือนแต่ก่อน จากที่เป็นหนี้นอกระบบมาตลอด วันนี้เรามีเงินและเวลามากพอที่จะพาลูกไปเที่ยว และกินอาหารอร่อยๆ นี่เป็นความสุขที่หาอะไรมาทดแทนไม่ได้เลยจริงๆ” คุณหมอน กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
“รอยยิ้มของแม่” คือความสุขที่หาสิ่งใดแทนไม่ได้
อ๋อย-สุจิตรา ปราชญ์เปรื่อง ลูกสาวกตัญญูวัย 39 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่กับแม่อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช และมีความพิการทางขา เล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเธอให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ แม่ก็ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชมาตลอด แต่ก่อนพ่อจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลแม่ในช่วงก่อนและหลังเลิกเรียน จนเมื่อคุณพ่อจากไปตอนเธออยู่ ม.5 เธอจึงกัดฟันสู้เรียนให้จบ ม.6 และตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อทำงานหาเงินมาดูแลคุณแม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชีวิตของสองแม่ลูกดำเนินมาอย่างเป็นปกติ จนเมื่อสามปีที่แล้ว คุณแม่ของคุณอ๋อยหกล้มจนกระดูกหัก แม้จะได้รับการผ่าตัดแล้วแต่ด้วยภาวะกระดูกพรุนจึงไม่สามารถเดินได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“ก่อนที่คุณแม่จะเดินไม่ได้ แม้ว่าจะมีอาการป่วยทางจิตเวชแต่แม่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ยังกินข้าวเองได้ ทำงานบ้านต่างๆ ได้ แม่ชอบซักผ้าให้เราด้วยนะ แต่พอแม่เดินไม่ได้ เราเลยต้องมองหาอาชีพใหม่ที่ทำให้มีเวลาดูแลแม่ได้มากขึ้น จริงๆ เราได้ลองทำมาหลายอาชีพแล้วนะ แต่ไม่มีอาชีพไหนที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลามากเท่ากับการขับแกร็บ
เพราะอาการของแม่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เราเลยต้องการงานที่สามารถจัดสรรเวลาได้เอง และแกร็บตอบโจทย์ในเรื่องนี้ คงไม่มีอาชีพไหนที่ทำให้เราได้กลับมากินข้าวที่บ้านกับแม่ในทุกๆ วันเหมือนการขับแกร็บอีกแล้ว”
การเติบโตมากับคุณแม่ที่ไม่เหมือนคนอื่นได้หล่อหลอมให้คุณอ๋อยเป็นคนคิดบวกเพื่อที่จะก้าวผ่านสายตาและคำนินทาของคนอื่นไปได้ ซึ่งพลังใจสำคัญของเธอก็คือคุณแม่ของเธอนั่นเอง
“อาการที่แม่เป็นคือการพูดคนเดียว บางครั้งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็จะอาละวาด แม่อาจจะน่ารักบ้างไม่น่ารักบ้างในบางวัน บางทีเราเองต้องลุ้นว่าวันนี้เราจะเจอกับแม่เวอร์ชั่นไหน ฟังแล้วดูเหมือนเราดูแลเขาเยอะ แต่บางทีแม่ก็เป็นคนดูแลเราเหมือนกันนะ
ทุกวันนี้แม่ก็ยังชอบทำงานบ้านอยู่ และมีประโยคนึงที่เเม่เคยพูดให้กำลังใจในวันที่เรามีปัญหาชีวิตเมื่อสิบปีที่แล้วว่า ‘ไม่เป็นไรลูก เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ’ อาจจะดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่สำหรับคนที่ป่วยทางจิต การที่เขาจะคิดอะไรแบบมีตรรกะเป็นสิ่งที่ยากมาก มันจึงเป็นประโยคที่เราจำไว้ใช้เตือนใจตัวเองจนทุกวันนี้”
เพราะเป็นสินเชื่อแบบผ่อนจ่ายคืนรายวัน ทำให้เราไม่รู้สึกได้ลำบากที่จะใช้คืน เพราะเราออกไปขับแกร็บทุกวันอยู่แล้ว อีกอย่างเราตั้งใจว่าจะพาเขาไปเที่ยวไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน อาจจะไม่ได้เป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากที่เคยทำมา แต่ก็เป็นการสร้างความสุขเล็กๆ ตามภาษาเราสองคนแม่ลูก การได้เห็นรอยยิ้มของคุณแม่ในทุกๆ วันถือเป็นกำไรชีวิตที่เอาอะไรมาแลกไม่ได้เลยจริงๆ” คุณอ๋อยพูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ
เรื่องราวของสองชีวิตที่แม้จะมีบทบาทต่างกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การที่ทั้งคู่มีพลังใจล้นเหลือที่ไม่ยอมแพ้ให้กับบททดสอบใดๆ ของชีวิตและการตามหาความสุขในแบบฉบับของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความสุขของคนเป็นแม่ในการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาเป็นคนดีในสังคม และได้เดินตามความฝันของตนเอง หรือความสุขของคนเป็นลูกที่อยากมีเวลามากขึ้นเพื่อดูแลและตอบแทนแม่ให้ดีสุดความสามารถ วันแม่ปีนี้ แกร็บ ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่และคุณลูกทุกคนที่กำลังเจอกับบททดสอบในชีวิตให้ก้าวผ่านไปให้ได้ ขอเพียงมีกำลังใจและอย่ายอมแพ้เหมือนอย่างเรื่องราวของคุณหมอนและคุณอ๋อยสองสาวนักขับแกร็บที่พบกับอุปสรรคในชีวิต แต่ยังมีรอยยิ้มและมีชีวิตที่มีความสุข
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **