xs
xsm
sm
md
lg

เตือน!! ล้างแอร์ทุก 6 เดือน ถ้าไม่อยากเสี่ยง “ปอดอักเสบ-โรคทางเดินหายใจ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพทย์ระบบทางเดินหายใจเตือน!! ไม่ล้างแอร์ เรื่องใหญ่กว่าที่คิด เสี่ยง “โรคลิเจียนแนร์” และ “ไข้ปอนเตียก” ถึงขั้นปอดอักเสบรุนแรงจนเสียชีวิตได้

“โรคลิเจียนแนร์” และ “ไข้ปอนเตียก” ภัยเงียบจากการไม่ล้างแอร์

ใครจะไปคาดคิดว่า การละเลยการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตได้?!

จากกรณีที่กรมอนามัย โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัยอธิบดีกรมอนามัย ได้ออกมากล่าวถึงช่วงฤดูร้อน แน่นอนว่า เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ เป็นตัวช่วยสำคัญในการบรรเทาความร้อน

ขณะเดียวกัน หากแอร์สกปรก หรือไม่ล้างแอร์เป็นเวลานาน ความชื้นจากตัวแอร์และท่อน้ำทิ้ง จะส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ตลอดจนเชื้อรา


โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ลีจิโอเนลลา นิวโมฟิลา (Legionella pneumophila)ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ถ้าหากหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนดังกล่าวเข้าไป

สำหรับอาการที่พบมี 2 แบบ คือ “โรคลิเจียนแนร์” (Legionellosis)จะมีอาการปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น และ “ไข้ปอนเตียก” (Pontiac fever) จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่

เพื่อเป็นการรู้เท่าทันโรคและป้องกัน ก่อนที่สุขภาพจะอยู่ในความเสี่ยงอย่างไม่รู้ตัว ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อขอความรู้ถึงผลกระทบด้านสุขภาพ จากการที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นเวลานาน จาก นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ


[ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ]

โรคลิเจียนแนร์ โรคนี้เป็นโรคที่เรารู้มานานพอสมควรครับ เขาเจอที่ประเทศอเมริกาเมื่อซักประมาณ 40-50 ปี ตอนนี้มันเป็นได้ทุกประเทศ ช่วงนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเชื้ออะไร แต่ตอนหลังเขาก็รู้แล้วว่ามันมาจากในน้ำ มันเป็นแบคทีเรีย ไม่ใช่เป็นเชื้อรา

เขาก็เอาไปตรวจหาในน้ำที่อยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ตามตึกเก่าๆ ที่ไม่มีการบำรุงรักษา ส่วนใหญ่มันอยู่ในระบบปรับอากาศ ใน Cooling tower เขาก็ไปเอาน้ำมาตรวจดู พบเชื้อเกือบทุกแห่งในประเทศไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอยู่ในตึกต่างๆ ที่มันไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว ก็ไม่ได้เปิดแอร์ พอเราเปิดปุ๊บ แบคทีเรียก็จะลอยออกมาในอากาศ แล้วคนหายใจเข้าไปก็จะเกิดปอดอักเสบ

ส่วน ไข้ปอนเตียก ก็เป็นโรคกลุ่มเดียวกัน ที่เกิดจากเชื้อลีจิโอเนลลา นิวโมฟิลา โรคนี้ก็พบในประเทศไทยได้เหมือนกัน”

หากเป็นหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้!!

ทั้ง “โรคลิเจียนแนร์” และ “ไข้ปอนเตียก” เรียกได้ว่า เป็นภัยใกล้ตัวอย่างมาก เนื่องจากหากได้รับเชื้อไปแล้ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

“มันก็เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอีกโรคนึง ก็จะเข้าปอด มีไข้ มีไอ มีเหนื่อย หายใจลำบาก เอกซเรย์ปอดผิดปกติ ถ้ารักษาไม่ถูกต้อง ก็อาจจะถึงขั้นระบบหายใจล้มเหลว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เสียชีวิตได้เลย

แต่โรคนี้มันรักษาได้ด้วยก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะที่เรามีอยู่แล้ว คนไข้ก็จะดีขึ้น แล้วก็มีการตรวจได้ด้วยการส่งตรวจรหัสพันธุกรรม ในจมูก ในคอ

ตอนที่มีน้ำท่วม 10 ปีก่อน ตอนนั้นก็มีคนติดโรคนี้พอสมควรเลย แล้วก็มีคนต่างชาติที่เคยมาพักในประเทศ แล้วก็ติดเชื้อกลับไปประเทศเขา เจอได้ในนักท่องเที่ยวที่ไปอยู่ตามโรงแรมต่างๆ ชาวบ้านทั่วไปคงไม่ค่อยเจอครับ”



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ยังได้ฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของน้ำหล่อเลี้ยงแอร์ ที่ควรเปลี่ยนให้มีความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวในเบื้องต้นได้

“ระมัดระวังเรื่องน้ำที่หล่อเลี้ยงแอร์ ต้องมีความสะอาดนะครับ อย่างในโรงพยาบาลต่างๆ ที่เขามี Cooling tower ที่ตั้งหอคอยพักน้ำ เอาน้ำส่งมาตามระบบแอร์ต่างๆ ต้องทำความสะอาด ต้องมีการฆ่าเชื้อ ต้องมีการตรวจประจำ และมีการใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็สามารถแพร่ให้กับคนที่อาศัยอยู่ในตึกนั้นครับ”

ในส่วนของการทำความสะอาดแอร์นั้น ทางด้านของอธิบดีกรมอนามัย ได้แนะนำวิธีการสังเกต ว่าถึงเวลาที่ควรจะล้างแอร์แล้วหรือยัง คือ เมื่อเปิดแอร์แล้วมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์โชยออกมา โดยเบื้องต้นควรล้างแผ่นกรองอากาศด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค



หากเป็นแอร์แบบระบบรวม ทำความสะอาดขัดถูคราบต่างๆ และเติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในปริมาณที่เหมาะสม ควรเปิดน้ำทิ้งจากหอหล่อเย็นให้แห้งเมื่อไม่ได้ใช้ ทำความสะอาดหอหล่อเย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน ไม่ให้มีตะไคร่เกาะ

เช่นเดียวกับ ข้อมูลจาก การไฟฟ้านครหลวง ที่ระบุไว้ว่า การล้างแอร์ทุก 6 เดือน เป็นช่วงเวลามาตรฐานที่แนะนำ เพราะเมื่อใช้งานไปสักระยะ พัดลมแอร์จะเริ่มมีฝุ่นเกาะ จนทำให้ลมไม่สามารถผ่านออกมาได้

การล้างแอร์ นอกจากจะช่วยกำจัดฝุ่น ไม่เป็นแหล่งสะสมของเหล่าเชื้อโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ ทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10% เปอร์เซ็นต์

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น