เปิดใจ “มด” จากพนักงานออฟฟิศ พลิกวิกฤตจากการทำงานยุคโควิด เปิดฟาร์มไก่อารมณ์ดี สร้างรายได้เสริม-ขายไข่ไก่ สด ใหม่ มีคุณภาพ แค่ตื่นแต่เช้า เก็บไข่ไก่ - พบความสุขช่วงโควิด!!
ไก่มีความสุข - ไม่ใช้สารเร่ง-สุขภาพดี!!
“กำไรไม่เยอะเลยค่ะ เราทำด้วยความสุข มันสามารถที่จะผ่อนคลายเราได้ อาจจะเป็นงานอดิเรก แต่ก็เป็นอาชีพเสริมที่เรามีรายได้ อย่างน้อยก็มาช่วยค่าน้ำค่าไฟเราได้ กำไรไม่เยอะ”
มด-ปุญญิศา อั่วทู พนักงานออฟฟิศ วัย 26 ปี ที่ใช้เวลา work for home เปิดฟาร์มไก่ไข่อารมณ์ดี และเลี้ยงกบ ณ อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี สร้างรายได้ เกิดเป็นอาชีพเสริม จนทำให้เธอได้ค้นพบความสุข
ล่าสุด ลุยนำเสนอวิถีชีวิตทำฟาร์มไก่ เลี้ยงกบ ไม่ห่วงสวย ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ในชื่อ “@modty28” ทำให้ผู้ชมได้เห็นการใช้ชีวิตแบบจริงๆ ส่งให้มีผู้คนติดตาม 9 แสน แต่ละคลิปที่ลงไปยอดดูนับสิบล้าน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเบื้องหลังรอยยิ้ม ที่เปิดเผยความสุข ดาว TikTok คนนี้ เคยผ่านชีวิตยากลำบาก ที่ไม่เคยได้เปิดเผยที่ไหนมาก่อน
“ถ้าหักค่าอาหารแล้วนะคะ สำหรับน้องไก่จะตกเดือนละประมาณ 4,000-4,500 ค่ะ เฉลี่ยรายได้กำไรวันละร้อยกว่าบาท อย่างน้อยก็ได้เงินขึ้นมา เพราะว่าเราใช้เวลาไม่เยอะ
ราคาไม่แพง เราขายราคาจะต่ำกว่าในตลาด คือ เราจะขายเหมือนราคาส่งเลยค่ะ มีแผงละ 80-90 และ สูงสุดคือแผงละ 100 บาท”
สาวอารมณ์ดี แต่งตัวสุดแซ่บ ที่สะท้อนถึงการดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งภายในและภายนอก เปิดใจให้ฟังว่า ฟาร์มแห่งนี้ ไม่เน้นหวังผลกำไร แต่อยากส่งต่อผลผลิตดีๆ ให้แก่ชุมชนใกล้เคียง และผู้ที่สนใจ ซึ่งยอดขายในแต่ละวัน เมื่อได้หักลบต้นทุนไปแล้ว จะมีกำไรเดือนละ 4,000-4,500 บาท
“มีปริมาณไก่ 120 ตัวค่ะ คือ ที่เราเลือกไข่ไก่อารมณ์ดี เพราะเราอยากให้การเลี้ยงของเรา มีความสุขทั้งน้องไก่และเราด้วย เพราะว่ามันมีวิธีการเลี้ยงหลายอย่าง อาจจะอยู่ในกรงสัตว์ คือ เราเห็นแล้วว่าการที่อยู่ในกรง กินอาหารอยู่แต่ในกรงสีเหลี่ยม
ด้วยที่เราเลี้ยงเรารู้สึกว่า เราได้รายได้เยอะก็จริงนะ แต่ไก่ที่เราเลี้ยงเขาไม่มีความสุข เราก็เลยคิดว่าในส่วนตรงนี้ เราต้องวินๆ น้องก็ได้ เราก็ได้ น้องต้องอิสระด้วย และมีความสุขด้วย เราก็เลือกที่จะเลี้ยงไข่ไก่อารมณ์ดี
คือ น้องได้เดินเล่นในสวน ได้คุ้ยเขี่ยกินอาหาร ได้อยู่ใต้ร่มไม้ และได้ฟังเพลง น้องจะได้ผ่อนคลายค่ะ เวลาที่น้องผ่อนคลาย น้องอารมณ์ดี น้องก็จะไข่ให้เราดีด้วยค่ะ
อาจจะเป็นเพราะเรารักสัตว์ แล้วเราคิดว่าการเลี้ยงทุกอย่างของเราต้องเป็นแบบธรรมชาติ ให้น้องไก่อยู่กับธรรมชาติมากที่สุด เพราะวิถีของเขาต้องเป็นแบบนี้
อยากจะบอกว่าไข่ไก่ที่ลูกค้าจะได้รับ มันจะมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าไข่ไก่ปกติ เพราะว่าน้องไก่เขาไม่ได้กินแค่อาหารทั่วไป น้องได้กินพืชผัก ผลไม้ แมลงต่างๆ มันจะมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าปกติ
ส่วนมากเป็นในชุนชน ลูกค้าหลักๆ คือ จะเป็นพ่อค้า แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง คือ มันไม่พอขาย มันต้องจองคิว เราจะขายแบบสดๆ เลย เก็บเช้าส่งเย็นทุกวัน
ลูกค้าที่รู้จักกันก็จะ inbox ทางเฟซบุ๊กมาว่า วันนี้ขอไข่สักแผง สองแผง เราก็จะบอกว่าวันนี้ยังไม่ได้นะคะ ขอเป็นพรุ่งนี้ หรือว่าอาจจะเป็น 2 วัน เราก็จะรันคิวให้เขา เขาก็จะได้กินไข่สดๆ เลยค่ะ เราก็จะเก็บเช้าส่งเย็นให้เขาเลย
ไข่แดงก็จะกลมบึ๊กเลยค่ะ สดจริงๆ มันไม่เหมือนที่เราเคยไปซื้อมา เราเคยตอกมาแล้วไข่แดงมาเหลว หรือไข่ขาวมันเหลวค่ะ
เราก็มีความภาคภูมิใจในส่วนตรงนี้ ว่า ไข่สดมันเป็นอย่างนี้เอง แล้วด้วยตัวเราเองเราชอบกินไข่ไก่ เราก็อยากให้ทุกคนได้กินไข่ไก่ที่สดจริงๆ ไข่ตอนเช้า ได้กินตอนเย็น”
ปรับ Balance ชีวิต “สุขภาพ” ที่ดีต้องมาก่อน “ถ้าเราทำงานเก็บเงินอย่างเดียว แล้วไม่ดูแลสุขภาพ เราอาจจะมาเสียดายทีหลังก็ได้ แต่ในส่วนตรงนี้เราต้อง balance กันค่ะ ทำงานได้ สุขภาพก็ต้องดูแลด้วยค่ะ เพราะว่าทุกวันนี้สุขภาพสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินต่างๆ เราไม่รู้ว่าที่เรากินไปมีสารอะไรบ้าง ในส่วนตรงนี้เราก็ต้องดูแล เพราะเงินหากันได้ แต่สุขภาพเราต้องใช้เวลา มันไม่ใช่ออกวันสองวันจะแข็งแรงเลย มันต้องทำมาตั้งแต่เนิ่นๆ ทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ แล้วเราจะหลงรักในส่วนตรงนี้มากๆ” |
WFH สร้างรายได้ พบความสุขช่วงโควิด!!
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ที่ชาวโลกต้องเผชิญกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในยามที่ประเทศไทย กำลังเผชิญกับวิกฤตเรื่องของราคาไก่ไข่ที่แพงขึ้น หาซื้อกันแทบไม่ได้ ครอบครัวของเธอแทบไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหารเลย
ขณะเดียวกัน นอกจากไม่ต้องกักตุนไข่ไก่แล้ว ไข่ไก่ของที่นี่ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้า ขายแทบไม่ทันจนต้องจองคิวซื้อ
“จุดเริ่มต้น คือ ได้กลับมา work from home ที่บ้านค่ะ ก็เลยอยากหาเวลาว่างหลังจากเลิกงาน ว่าจะทำยังไงดี เป็นรายได้เสริม ก็เลยอยากหาเวลาว่างหลังจากเลิกงาน ว่าจะทำยังไงดี เป็นรายได้เสริม
จริงๆ มันก็มีให้ทำเยอะเหมือนกัน แต่ว่าเวลาในส่วนตรงนี้มันมีแค่ตอนเย็น กับตอนเช้า เราก็เลยคิดว่าจะเลี้ยงอะไรที่มันเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะว่าเราเป็นคนที่ชอบสัตว์อยู่แล้วด้วย
เราก็อยากเห็นผลผลิตมัน แล้วก็อยากเห็นการเจริญเติบโต และอยากเห็นรายได้ทุกๆ วัน ตัวก็เล็กนะ จากที่ทำอะไรไม่เป็น จนทำเป็นทุกอย่างค่ะ
เหมือนเราก็มีไปศึกษามาบ้าง ว่าจะเลี้ยงไข่ไก่ ก็ไปดูงานจากเพื่อนบ้าน พี่ๆ ที่เขาเคยเลี้ยง เราก็ไปดูงาน แล้วไป search จาก google และ youtube ด้วย
แล้วเมื่อค้นหาไปเรื่อยๆ มันก็รู้สึกว่าเราชอบจริงๆ เราอยากจะเลี้ยงมันเลย ก็เพราะว่าไข่ไก่ทุกครัวเรือนมันต้องกินอยู่แล้ว ยังไงตลาดต้องมีรองรับอยู่แล้ว แล้วช่วงนั้นก็เป็นช่วงโควิดด้วย ยังไงไข่ไก่ทุกบ้านก็ต้องกินอยู่แล้ว ส่วนตัวก็เป็นคนชอบกินไข่มากๆ ถ้าไม่มีเมนูอะไร ก็คือ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม ก็กินได้หมดเลยค่ะ”
จากก่อนหน้าเธอเคยลองเลี้ยงกบมาก่อน จนมาลงตัวที่เลี้ยงไก่ พร้อมงานประจำที่เธอยังคงทำควบคู่ ในรูปแบบ “work from home”
“เลี้ยงมาจะ 1 ปี แล้วค่ะ กลับมา work from home มาได้ 2 ปี คือ ปีแรกยังไม่ได้ทำอาชีพเสริม เพราะว่ายังวุ่นอยู่กับงาน คือ ยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ พอเข้าปีที่ 2 คิดว่าต้องมีรายได้เสริมแล้ว
อย่างน้อยเราอยู่ตัวแล้ว เราทำงานอยู่ที่บ้าน เรารู้จุดข้อผิดพลาดต่างๆ ว่า เข้างาน 8 โมงครึ่ง เลิกงาน 5 โมง เราก็มีเวลาว่างในส่วนตรงนี้ เราอยู่ตัวแล้ว ก็เลยคิดว่าต้องหารายได้เสริมให้กับตัวเอง
ตอนแรกศึกษา 3 เดือนเลย ก่อนจะมาศึกษา ค้นคว้า วิธีการ การจะไปหาพันธุ์ไก่ที่ไหน วิธีการเลี้ยง เลี้ยงยังไง โรงเรือนต่างๆ และวิธีการให้อาหารน้องไก่ คือ เราดูหลายๆ อย่าง และดูสถานที่หลังบ้านเราด้วย ว่ามันเหมาะสมกับการเลี้ยงไข่ไก่อารมณ์ดีของเราไหม
รู้สึกดีเลยค่ะ เพราะมีสวนหลังบ้านอยู่พอดี และมีต้นไม้หลังสวน คือ เป็นต้นมะนาว ก็เป็นที่ร่มให้กับน้องไก่ด้วย เวลาน้องไก่เดินออกมาข้างนอกแบบนี้ เราจะเลี้ยงเชิงไข่ไก่อารมณ์ดี ปล่อยให้น้องเดินเล่นในสวน ได้คุ้ยเขี่ยกินอาหารต่างๆ
จริงๆ เลี้ยงน้องกบก่อน น้องกบดูแลไม่ยาก เลี้ยงไปประมาณ 3-4 ชุดแล้ว แล้วเหมือนความรู้สึกเราอยากเลี้ยงอีกสักอย่างหนึ่ง ตอนแรกทำน้องกบไว้ 2 บ่อ แต่ไปๆ มาๆ ก็เลี้ยงน้องไก่ด้วย ก็ลดน้องกบเหลือแค่บ่อเดียว เพราะเราจะไปดูแลน้องไก่แทน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หมดยุคมีรายได้ทางเดียวอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ เพื่อเสริมแกร่งรายได้มนุษย์เงินเดือนยุค 4.0 ต้องมีอาชีพที่ 2 มารองรับ ให้เลือกเมกมันนี่ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
“ความแตกต่าง แตกต่างกันมากๆ เลยค่ะ มันเป็นงานคนละด้านเลยค่ะ จากหน้ามือเป็นหลังมือเลย อย่างเช่น งานประจำของเรา มันเป็นงานของเราที่ต้องใช้สมาธิ จดจ่อกับหน้าจอ ต้องใช้ความคิดนิดนึง ละเอียดอ่อนนิดนึง และห้ามทำผิด งานต่างๆ ต้องเป๊ะๆ
แต่ถ้าเป็นการเลี้ยงไก่ของเรา มันจะปล่อยใจของเราไปเลย ปล่อยใจไปกับธรรมชาติ การเลี้ยงไก่ไม่เชิงเป็นการทำงาน เรารู้สึกว่าได้ผ่อนคลายหลังเลิกงานมากกว่า ได้อยู่กับน้องไก่ ได้อยู่กับธรรมชาติ มันมีความสุขที่มาเติมเต็มในส่วนตรงนี้มากกว่า
สำหรับน้องปรับตัวไม่เยอะเลยค่ะ เป็นคนอยู่กับธรรมชาติ คือ เมื่อก่อนถ้ายังไม่ได้ไปเรียนในเมือง หรือไม่ได้ทำงานในเมือง เป็นคนที่เติบโตมาในชนบท ที่เต็มไปด้วยเกษตรอยู่แล้ว เราก็อยู่กับดิน ต้นไม้ ธรรมชาติ อยู่แล้ว การปรับตัวไม่เป็นสิ่งที่สำคัญเลยค่ะ ปรับตัวง่ายมากๆ”
เรียกได้ว่าอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตแล้ว ที่สำคัญเลย คือ ได้ทำกิจกรรมกับครอบครัว และได้อยู่บ้าน เจ้าของฟาร์มไก่อารมณดีมองว่า การวางแผน และการแบ่งเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ
“คิดว่าแบ่งเวลาได้ คือ ดูแลเองทุกขั้นตอน และครอบครัวช่วยด้วย บางวันฝนมันตกช่วงหน้าฝน เราก็ทำงานอยู่เลย เราก็บอกแม่ให้ออกไปต้อนน้องไก่เข้าเล้าให้หน่อย ฝนตกถ้าน้องไก่โดนฝนอาจจะไม่สบาย ก็มีครอบครัวช่วย หลานก็มาช่วย อย่างเก็บไข่ไก่บางทีแย่งกันเก็บ
คือ ต้องเป็นคนที่วางแผนดีมากนะ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ไหนจะงานประจำ ไหนจะต้องให้อาหารไก่ ออกกำลังกายดูแลตัวเองด้วย
ต้องตื่นขึ้นมาไวกว่าเดิม เพราะว่าเราเข้างาน 8 โมงครึ่ง เราก็ต้องตื่นเช้า เราก็ต้องไปให้อาหารน้องไก่ก่อนอันดับแรก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เคยจับเวลาประมาณ 15-20 นาที คือให้อาหารน้องไก่ เติมน้ำให้น้องไก่ มีเปิดเพลงให้น้องไก่ และเก็บไข่ไก่ช่วงเช้า แล้วเราก็กลับมาทำงาน
ก็กินข้าวหน้าโต๊ะทำงานเลยค่ะ กินข้าวเสร็จก็เริ่มทำงาน บางทีเราก็ลงงานก่อนเวลา เวลาพักเที่ยงมีเวลาพัก 1 ชั่วโมง เราก็ไปเปลี่ยนน้ำให้น้องไก่ และมีเก็บไข่อีกรอบนึงช่วงเที่ยง
คือ ไข่น้องไก่เขาจะไข่ตลอดทั้งวันอยู่แล้ว เราก็เก็บ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ค่ะ ตอนเที่ยงก็เปลี่ยนน้ำ แล้วก็กลับไปดูน้องไก่นิดหน่อย แล้วกลับมาทำงานต่อ
ส่วนตอนเย็นก็ไปให้อาหารน้องไก่ค่ะ เดิมเราให้อาหารน้องไก่แค่ 2 รอบ คือ ช่วงเช้ากับช่วงเย็น ระหว่างวันเราก็จะปล่อยให้น้องได้เดินเล่นในสวน ได้คุ้ยเขี่ยกินอาหารหญ้า ในสวน แมลง พืชผักต่างๆ ที่เราชอบเลี้ยงไก่ ก็เพราะว่าไม่ต้องดูแลยาก ถ้ามันลงตัวแล้ว คือ ปล่อยได้เลยค่ะ”
สู้ชีวิต ผลักดันส่งตัวเองจนจบ!!
“ถ้าพูดจริงๆ ลองมองย้อนกลับไป ด้วยความรู้สึกตั้งแต่เด็กน้อยคนนึง รู้สึกมาไกลมากๆ เพราะเมื่อก่อนจะกินไม่มีกิน มีเงิน 5 บาท ต้องซื้อขนมปังเท่านั้น เพื่อจะได้อิ่ม แต่ทุกวันนี้ถามว่ามีไหม ก็อยากกินสิ่งนี้ก็ได้กิน เพราะว่าเราทำงานแล้ว เรามีเงินเดือนแล้วค่ะ
เราก็รู้สึกว่า เราย้อนกลับไปดูเมื่อก่อน จะกินอะไรก็ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน จะกินไม่ได้ ทุกวันนี้ถามว่ามีไหม ก็ไม่ได้มีนะคะ แต่ก็อยากทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน
รู้สึกแยกแยะได้แล้วว่าเราต้องทำชีวิตให้มีความสุข เพราะว่าทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงค่ะ แต่เราก็มาไกลมากๆ แล้วนะคะ ถ้าเรามองย้อนกลับไป”
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้สาววัย 26 ปี คิดหันมาทำฟาร์มไก่ในพื้นที่หลังบ้าน มาเกือบ 1 ปีแล้วนั้น เมื่อได้อ่านเรื่องราวหลังจากนี้ พูดได้เลยว่า เธอเป็นสาวแกร่งคนหนึ่ง ที่มีแบบแผนในชีวิต ต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
“คือ เป็นคนที่ strong มากๆ เอาจริงๆ เรียนมหา’ลัย เป็นคนส่งตัวเองเรียนจนจบ คือ จบ ม.6 พ่อกับแม่บอกว่าไม่ต้องเรียนแล้ว จะไม่มีค่าเทอมให้ ถ้าเรียนมหา’ลัยจะต้องใช้เงินเยอะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปหางานทำเอง
ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่รู้ว่า จะมีงานรึเปล่า ณ ตอนนั้น จบ ม.6 ก็ออกจากบ้านเลย คือ จริงๆ เป็นคน จ.ราชบุรี มันเรียนมหา’ลัยใกล้ๆ บ้านก็ได้ อย่างเช่น จอมบึง
อีกอย่างสาขาที่น้องเรียน คือ โลจิสติกส์ แต่ที่นี่มันยังไม่เปิด เพื่อนก็ชวนไปเรียนโลจิสติกส์ ตอนนั้นสาขานั้นบูมมาก คือ มาแรงเลย
เราก็ไป ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่รู้ว่าจะไปรอดรึเปล่า แต่ก็ไปสมัคร ไปสอบด้วยตัวเองทุกอย่าง แล้วตอนจบ ม.6 ใหม่ๆ เป็นช่วงใกล้ๆ กับที่เขาเปิดอาเซียน มันก็จะมีช่วงที่เขาปิดเทอมนานนิดนึง ประมาณเกือบ 3 เดือน
เราก็มีเวลาตรงนี้หาค่าเทอม และก็หาค่าเช่าห้อง น้องก็เลยไปทำโรงงาน แต่ได้เป็น part time จบ ม.6 เข้าไปสมัครที่ไหน เขาก็ไม่เอา ถ้าเป็น part time เพราะถ้าสอนไปแป๊บนึง 1-2 เดือน ก็ออก เขาก็เสียเวลาเขา
ส่วนมากเขาจะไม่ค่อยรับ แต่ดีหน่อย โรงงานที่น้องไป มีญาติที่รู้จัก เขาก็เลยไปบอกให้หลานทำนิดนึง 3 เดือน ก็ยังดี คือ ตอนนั้นมันเหนื่อย มันร้อนมาก แต่ความรู้สึกเรา เราอยากได้เงินก้อนตรงนี้เพื่อที่จะได้ไปเรียนต่อ คือ เขามีโอที เราทำหมด
เสาร์-อาทิตย์ เขามีการเร่งยอด เขาถามว่าทำโอไหม เราทำหมด ทำทุกอย่างเลยค่ะ เก็บเงินตรงนี้มาก้อนนึงแล้วได้ค่าเทอมมา แล้วก็ได้ค่าหอมา”
ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าของฟาร์มที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องผ่านการลองผิดลองถูก ต่อสู้มาไม่น้อย จึงทำให้ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยของเธอนั้น ไม่สุขสบาย และขาดชีวิตช่วงวัยรุ่น เหมือนกับใครคนอื่น นั่นก็เพราะอยากแบ่งเบาภาระของทางบ้านเธอเอง
“คือ เป็นคนที่ทำอาหารกินเอง เช่าหอที่เป็นบ้านเช่า มันไม่ใช่หอที่เขาอยู่กันทั่วไป ไม่มีแอร์ เอาของตัวเองไปทุกอย่างเลยค่ะ แล้วเพื่อนข้างห้องที่เป็นป้า ไม่ได้เป็นนักศึกษาด้วยกัน
เขาเป็นป้าห้องซักรีด หนูก็ถามว่า มีงานอะไรให้หนูทำไหม แบบเสาร์-อาทิตย์ เขาก็บอกว่ามีนะ มีงานโต๊ะจีน ไปไหม ไปล้างจาน เราก็บอกไปสิๆ คือ ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่างานจะเป็นแบบไหน แล้วเราอยู่แถวบ้าน เราก็ไม่รู้ว่างานโต๊ะจีนมันเป็นแบบไหน
เขาบอกไปล้างจานตามงานบวช งานแต่ง เขาจะมีทำอาหาร ไปถึงปุ๊บเขาบอกคนล้างจานมันเต็มแล้ว แต่ให้ไปเป็นพวกเด็กเสิร์ฟอาหาร ยกของขึ้น ปูผ้า คลุมผ้าที่เป็นผ้าคลุมโต๊ะ และวางจาน เราก็ลุยเราก็เอาหมด
เราไปกันตั้งแต่เช้ามืดเลยนะคะ อย่างเช่น ตี 5 เพราะงานบางทีมันมีงานเย็น บางทีเราต้องเดินทางต่างจังหวัด ก็เป็นประสบการณ์ที่ว่า คือ ทำโรงงานว่าเหนื่อยแล้วนะ โต๊ะจีนคือเหนื่อยกว่าอีก แต่มันสนุก มันท้าทาย ยกของลง ช่วยกันวางโต๊ะ วางจานทุกอย่าง คุมผ้าเสร็จบ่าย 2
แต่บางงานมันร้อนมาก บางงานจัดตามสนามฟุตบอล สนามโรงเรียน มันไม่ได้อยู่ในร่ม มันอยู่ outdoor เราก็ร้อน เราก็ต้องโพกหน้าโพกตาทุกอย่าง เสร็จแล้วอาบน้ำ แล้วเราก็รอเตรียมเสริมอาหารเย็น
งานมันก็เริ่มเหมือนโต๊ะจีนที่เราไปงานต่างๆ งานเริ่ม 6 โมง แขกก็เริ่มมา เราก็เสริมอาหาร โต๊ะของแต่ละตัวเขาก็ให้เราจองไปแล้วว่าคนละ 10 ตัว เราก็ต้องเสิร์ฟ เราก็ตัวเล็กเสิร์ฟได้ทีละ 2 ถาด ก็ต้องเดินให้เร็วกว่าคนอื่นหน่อย
ผู้ชายเขาก็เรียงตามแขน 3-4 ถ้วน ไป 3 รอบเขาก็เสร็จแล้ว เราก็ต้องเดินเยอะนิดนึง บางทีเจอหม้อไฟ มันก็ต้องควันขึ้นตา น้ำหูน้ำตาไหลเลย เราทำจนจบมหา’ลัย เลยนะ 4 ปี เรารู้สึกว่ามันเป็นเงินที่ส่งตัวเองเรียน และแบ่งเรื่องเรียนด้วย
แต่ถ้าสมมติว่าเราใกล้จะสอบ เราก็จะไม่ค่อยได้รับ บางทีเลิกเรียนมา เราจะไปตอนเย็นก็มี อย่างมหา’ลัยก็จะมีเรียนเช้า ครึ่งวันหลังก็จะไม่มีเรียนแล้ว เราก็ไปนัดงานไว้ เสาร์-อาทิตย์บางงานก็ไปกลับมาอีกวันนึงเลยนะคะ จนใกล้ๆ สอบ เราจะเคร่งเรื่องสอบเรื่องเรียนมาก เพราะว่าเราตั้งเป้าไว้ว่า เราจะต้องได้เกียรตินิยมอันดับ 1
คือ เอาจริงๆ 4 ปี ที่เรียนไม่ได้เที่ยวไหนเลยค่ะ เราไปมหา’ลัยกลับหอ จนคนอื่นถามว่าถ้าไปเที่ยวนครปฐมมีที่แนะนำให้เที่ยวไหม เราบอกว่าไม่มีหรอกค่ะ รู้จักแค่องค์พระปฐมเจดีย์อย่างเดียวที่เราไป ที่มีงานวัดทุกปีเราได้ไป (หัวเราะ)
เพื่อนๆ ชวนไปเที่ยว เราก็บอกไปไม่ได้หรอก เราก็บอกเขาไปว่าเราไม่มีเงิน เราต้องเก็บเงินไว้เรียน บางทีเขาชวนไปกิน เราก็บอกไปกันเถอะ คือ คนอื่นเขาก็เข้าใจเรา เราก็ตั้งใจเรียน แต่ก็มีเพื่อนที่สนิทเข้าใจเรา
แต่เราจะบอกว่าไม่มีเงินตลอดเลยนะ แล้วเพื่อนก็บอก ถ้ามดไม่มีเงิน คนอื่นจะมีเงินไหม เพื่อนเขามีพ่อแม่ให้เงิน แต่เรามีเงินของเราเอง ในส่วนนั้นถ้าเราทำงานโต๊ะจีน เราก็จะมีเงินเก็บของเราเองแล้ว แต่เราจะคอยบอกว่าไม่มี เพราะว่าเรารู้ว่าเราต้องวางแผนเงินก้อนนี้ เราต้องใช้จ่ายยังไง
บางเดือนตอนเรียนมหา’ลัย อาทิตย์นึงใช้เงินแค่ 250 บาท ตกวันละ 50 บาท บางทีก็ซื้อข้าวในมหา’ลัย เป็นข้าวสารแล้วหุงเอง ซื้อกับข้าวเป็นถุงๆ แล้วก็สนิทกับพ่อค้าแม่ค้าที่เขาขายแกง
คือ เขาขายข้าวราดแกงในมหา’ลัย เราก็ขอซื้อเป็นถุง เอากลับไปกิน เขาก็จะใจดี แล้วเราก็หุงข้าว มันก็ประหยัดในส่วนนี้ได้”
เปิดรับ เรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ
“วางแผนตลอดเลยค่ะ เป็นคนที่ชอบวางแผน ชอบคิดอะไรล่วงหน้า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ต้องทำยังไง ถ้าเกิดขึ้นอย่างนี้ต้องทำยังไง วางแผนตลอด ชอบคิดถึงอนาคตตลอด”
หลังจากที่เดินหน้าเอาดีในด้านการฟาร์มไก่อารมณ์ดี อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และความสุขอย่างเต็มตัวที่บ้านเกิด เธอก็ได้ค่อยๆ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรียนรู้ และมีความจริงใจกับสิ่งที่เธอรัก
“ของน้องคือความจริงใจเลยค่ะ ตอนแรกน้องไม่คิดว่ามีคนรู้จัก ที่คนรู้จักเยอะๆ เลย คือ ใน TikTok ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจให้ใครเห็น เราลงคลิปวิดีโอจะเก็บไว้ดูของเรา ว่า ขั้นตอนแรกที่เราเริ่มต้นเลย ตั้งแต่การสร้างโรงเรือน การลงน้องไก่ไข่
ลงทุกอย่างเลยจนทุกคนสนใจ ทุกวันนี้คือเปิดเผยหมดทุกอย่าง คือ ความจริงใจที่เราให้กับทุกคนที่ได้ดู และบางคนก็อาจจะไปทำตามได้ ไปเป็นแบบอย่างได้ มาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงไก่ไข่
เพราะด้วยตัวเราเองก็เป็นคนใหม่ เป็นคนเลี้ยงใหม่ ไม่มีความรู้ในส่วนตรงนี้ ก็เอามาแบ่งปัน คือ ความจริงใจที่เรามอบให้ทุกวัน อาจจะเป็นกลยุทธ์ในส่วนตรงนี้ว่า เราเร็วนะ เราให้ดูทุกวัน เราลงคลิปทุกวัน การเก็บไข่ไก่ การให้อาหาร บอกทุกขั้นตอน คือ อาจจะเป็นจุดเด่นของเรา จริงใจ และเปิดเผยค่ะ”
ทั้งนี้ ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าคนหันมาทำเกษตรมากขึ้น มีทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ส่วนตัวมดสาวออฟฟิศ ที่มีใจรักการทำฟาร์มไก่ มองว่า โอกาสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากใครสนใจจะเข้ามาเรียน หรือปรึกษาก็ยินดี พร้อมพิสูจน์ตัวเอง เปิดรับ เตรียมพร้อม เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ
“ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ต้องปรับตัวเองให้อยู่ได้กับปัจจุบัน กับเหตุการณ์ต่างๆ ...อยากจะบอกว่าถ้าเราชอบอะไร ให้ศึกษาดู ให้หาวิธีการต่างๆ ศึกษาไว้ก่อน ถึง ณ เวลานี้เราอาจจะไม่พร้อม แต่ว่าไม่จะด้วยอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรายังไม่พร้อม แต่บั้นปลายชีวิตเราทุกคนต้องเกษียณ คือ ทุกคนเขาก็อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน
ไม่ว่าจะทำงานที่กรุงเทพฯ ก็อยากกลับไปทำงานที่บ้านต่างจังหวัด ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เลี้ยงไก่ ก็อยากให้ ณ ตอนนี้ให้เขาศึกษาไว้ก่อน ว่าตอนนี้เขาชอบอะไร เพราะถึง ณ เวลานั้นจะได้ลงมือทำเลยค่ะ มีความพร้อมเมื่อไหร่ ก็ลงมือทำเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวอะไรเลย”
สัมภาษณ์:ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: ภูริฉัตร ปริยเมธานัยน์
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก “Punyisa Aowto”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **