จับตาคดี “แตงโม-นิดา” หลังเตรียมส่งชันสูตรรอบ 2 และอาจยื่นขอให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ ด้านนักอาชญาวิทยาสะท้อนเศร้า ถ้าคนมีชื่อเสียงยังไม่ได้รับความเป็นธรรม คนอีกหลายล้านก็ไม่อาจคาดหวังความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้...
ขอชันสูตรซ้ำเพื่อความกระจ่าง
ยังคงเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคมมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ กับกรณีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” ที่ล่าสุด ทางครอบครัวได้มีการขออายัดศพ เพื่อขอชันสูตรเป็นรอบที่ 2
ในเวลาต่อมาชื่อของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ก็เข้ามามีบทบาท เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตมีความต้องการให้ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผู้นี้ ร่วมชันสูตรด้วย
[ ภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของแตงโม นิดา ยืนยันที่จะอายัดศพแตงโม เพื่อชันสูตรรอบ 2 ]
ทั้งนี้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้ให้คำตอบว่า โดยส่วนตัวและมารยาท จะไม่ลงไปเป็นผู้ผ่าชันสูตรศพเอง เพราะตามข้อกฎหมาย ไม่ได้อยู่ในฐานะที่ทำได้ สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่ผลการชันสูตรรอบแรก เพราะผลบางอย่างไม่สามารถชันสูตรรอบ 2 ได้
เธอกล่าวว่า คดีนี้ถือว่าแปลกแต่แรก คือ ไม่มีการเก็บหลักฐานของคนทั้ง 5 คน และเรือทันที อีกทั้งเรือก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งขัดกับหลักนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนการชันสูตรรอบ 2 สามารถเข้าไปช่วยสังเกตการณ์ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เสียก่อน
ขณะที่ผู้คนในสังคมที่ตามติดอยู่นั้น เกิดข้อสงสัยว่า คดีนี้อาจถูกแทรกแซงในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจากมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ และกังวลว่า ความยุติธรรมจะไม่ปรากฏแก่นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าว MGR Live ได้ขอความรู้จาก รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ช่วยสะท้อนประเด็นที่เกิดขึ้น
“สังคมมีข้อกังขาหลายประเด็น เช่น บาดแผลบนตัวน้อง บาดแผลที่มีการสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า อาจจะต้องมีการชันสูตรซ้ำ เพื่อคลายความสงสัย ระยะเวลาในคดีนี้ก็ไม่ได้นานมาก เชื่อว่า เขามีขั้นตอน มีกระบวนการในการเก็บศพไว้ก่อน คิดว่า ไม่น่าเป็นปัญหาเท่าที่ควร ศพไม่ได้ข้ามปีหรือผ่านไปหลายปีแล้วมาชันสูตรซ้ำ อันนี้ยากแล้วครับ
เท่าที่ติดตามมา ในการชันสูตรศพครั้งแรก กระทำโดยคุณหมอนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เชื่อว่า คุณหมอมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหน่วยงานนิติเวช สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลตำรวจ ก็สังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนก็จะมองว่า เอ… จะมีความโปร่งใสมั้ย เพราะว่ามีการพูดเรื่องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปตำรวจ
[ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ]
โดยเฉพาะการสอบสวนของเรา มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ ว่า มีการถูกแทรกแซง ทั้งจากผู้บังคับบัญชา และจากบุคคลภายนอกองค์กร จากบุคคลที่มีอำนาจ มีอิทธิพลต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นข้อกังขานะครับ
แต่กรณีที่มีการชันสูตรศพครั้งที่ 2 ทราบว่า เขาจะมีการให้คุณหมอนิติเวช ที่ไม่ได้สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเฉพาะด้าน มาจากโรงพยาบาลของรัฐ ส่งไปทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรงนี้จะทำให้มีองค์กรภายนอกที่ไม่ได้สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาร่วมตรวจสอบ
พูดง่ายๆ เป็นเรื่องของความโปร่งใส คลายความคลางแคลงใจของสังคมที่ได้ตั้งคำถามไว้ครับ อย่างที่เราทราบกัน สื่อมีการนำเสนอต่อเนื่อง และประชาชนเองก็ติดตาม เพราะฉะนั้นอาจจะต้องมีความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น”
ระบบสอบสวนถูกแทรกแซงตั้งแต่ต้น?!
และจากกระแสข่าวว่า ญาติอาจยื่นขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามาสอบสวนคดี และสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ด้านนักอาชญาวิทยาคนเดิม กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
“เขาจะมีหลักเกณฑ์อยู่นะครับว่าคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับทำได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง เหตุผลก็ต้องการไม่ให้ทับซ้อนกับการสอบสวนคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน เป็นที่มีความคลางแคลงใจในหลายประเด็น อันนี้เชื่อว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ น่าจะรับไว้พิจารณา แต่ก็จะมีคณะกรรมการพิจารณาอยู่ ว่าจะรับเข้าเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องถามคณะกรรมการที่พิจารณาต่อ ถ้ารับไว้เป็นคดีพิเศษ ก็จะมีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการต่อครับ”
ทั้งนี้ เขายังอธิบายเพิ่มเติมถึงว่า เพราะในอดีตที่ผ่านมา เกิดการแทรกแซงในกระบวนการทำคดี จึงไม่แปลกที่สังคมจะตั้งคำถามและไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
“เป็นที่คลางแคลงใจว่า สังคมยังดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ก็เพราะเรื่องของความโปร่งใส เรื่องของการถ่วงดุลตรวจสอบ ตรงนี้ที่เป็นเรื่องสำคัญ
ในงานวิจัย ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่างๆ หรือทางออนไลน์ เขามีการพูดว่า ระบบงานสอบสวนของไทยเราถูกแทรกแซง ตั้งแต่ในองค์กรตำรวจเอง ทั้งจากบุคคลที่มีอำนาจแทรกแซงกระบวนการสอบสวน ถึงมีการกำหนดไว้ในเรื่องของความโปร่งใสในการสอบสวนคดีอาญา และมีการพูดถึงเรื่องควรจะต้องแยกงานสอบสวนออกมาจากตำรวจ
ประเด็นต่อมา เขาก็มีการพูดถึงเรื่องของทำอย่างไรให้ผู้เสียหาย หรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี สามารถตรวจสอบเข้าถึงได้ ทราบความคืบหน้าในการดำเนินคดีอาญาได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่า ปัจจุบันยังไม่มีการแก้ไขปรับปรุงเท่าที่ควรจะเป็น
ปัจจุบันสังคมเรามีการพูดคุยเรื่องปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปตำรวจ แม้จะมีการพูดน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบัน เป็นสัญญาประชาคมตั้งแต่ช่วงแรกตั้งแต่มีการรัฐประหารแล้ว จะมีการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งปฏิรูปตำรวจ ถึงกับมีการยกร่างและกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเลยนะครับ
เสียงสะท้อนจากตำรวจที่มาถึงผมเองเขาก็บอกว่า เขาก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเจริญเติบโตก้าวหน้าในวิชาชีพเขาเลย ก็วกกลับมาเรื่องปฏิรูปตำรวจ”
สุดท้าย รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความยุติธรรม ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน
“ตามหลักสากลโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว เขาให้ความสำคัญมาก ไม่ว่าคุณจะเกิดมาจากครอบครัวยากดีมีจน ครอบครัวร่ำรวยมากมายมหาศาล เป็นอัครมหาเศรษฐีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ได้อย่างเท่าเทียมเสมอภาคกัน คือ ความยุติธรรม ตรงนี้สำคัญ
ข้อมูลจากธนาคารโลก บอกว่า สังคมไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ยิ่งพัฒนายิ่งส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำ เรื่องสถานภาพทางสังคม ยิ่งพัฒนาคนรวยทำไมยิ่งรวยมากขึ้น คนจนยิ่งจนมากขึ้น ข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิด มีคนลงทะเบียนคนจนเกือบ 14 ล้านคน
คดีของคุณแตงโมเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ขนาดดาราหรือบุคคลมีชื่อเสียงเกิดเหตุลักษณะแบบนี้ ถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม เชื่อได้เลยว่า คนอีกเป็นหลายล้านคนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ไม่สามารถจะคาดหวังความยุติธรรมจะเกิดขึ้นในประเทศนี้ได้ครับ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
