xs
xsm
sm
md
lg

เจาะบทเรียน #พิมรี่พาย จาก “ความปัง” สู่ “ความพัง” ปากร้าย-เหยียดอาชีพ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กะเทาะเคส “พิมรี่พาย” ดรามาใหญ่ช่วงข้ามคืน วิจารณ์ยับ-ไม่ตรวจสอบ-เหยียดอาชีพบิวตี้บล็อกเกอร์ พา #พิมรี่พาย ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 กูรูการตลาด ชี้ มีเอกลักษณ์เป็นเรื่องดี แต่ต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น อย่าต้องตกเป็นเหยื่อของตัวเอง!?




ระวัง! ทั้งปัง-ทั้งดับในชั่วข้ามคืน!!


“มีคนโทร.มาหารัวๆ เลย บอกว่า อายตารีวิวแป้ง ด่าก่อนแล้วค่อยชม เป็นธรรมดา เขาต้องด่าก่อน เพราะถ้าชมก่อนเขาจะดูปลอมไง…แต่ว่ามึงก็โง่เนอะ มึงก็เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร 10 ปีแล้ว ก็ไม่ดังสักที

มึงเอาพัฟ กดๆ แป้ง แล้วบอก ‘อุ้ยหนา’ ลูกกู 6 ขวบ ยังทำเป็นเลย เอาแปรงปัดเอา ถ้าอยากได้บางก็เอาแปรงปัด แค่นั้นเอง เรื่องมันมีแค่นั้นเอง แป้งของดีๆ ต้องได้ด่าสักนิด ถึงจะมีคนดู คือ กูไม่ได้ดูก่อนหรอกนะ แต่เพื่อนบอกว่า เขาด่าก่อนค่อยชม”


กลายเป็นกระแสดรามาในโลกโซเชียล จนพา #พิมรี่พาย ติดเทรนด์อันดับหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ หลังจากแม่ค้าสาวคนดัง “พิมรี่พาย-พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์”ออกมาพูดถึง “อายตา” บิวตี้บล็อกเกอร์สาวรายหนึ่ง ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านบัญชี กลางไลฟ์ เพราะได้รีวิวแป้งแบรนด์ตัวเองว่า มีเนื้อค่อนข้างหนาและมีความทึบ

ดูเหมือนจะไม่จบเพียงเท่านี้ ยังลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ เพราะระหว่างขายของ ผู้ชมรายหนึ่งถามในช่องคอมเมนต์ว่า ควรดูข้อมูลความจริงก่อน และควรขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอก็ให้คำตอบไว้ว่า...

“อ๋อ ไม่ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้พูดขอโทษ เนื่องจากว่าเราขอโทษจนเราช้ำไปหมดแล้วค่ะ (หัวเราะ) ขอโทษจนลูกค้าจะอ้วกอยู่แล้วค่ะ”


เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง “วีรพล สวรรค์พิทักษ์” นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารทางการตลาด ให้ช่วยสะท้อนถึงดรามากับการแสดงความคิดเห็นถึงบิวตี้บล็อกเกอร์ ด้วยคำไม่สุภาพ จนถูกกระแสโซเชียลฯ โจมตีกลับอย่างหนัก โดยมองว่า เป็นเพียงจุดขายของเขา

“ผมมองในมุมมองของการตลาด คือ การที่เราทำธุรกิจทำการตลาด แน่นอนมันจะต้องมีจุดขาย ในมุมมองของการตลาด เรียกว่า positioning หรือว่าการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ คือ จุดขายที่คุณพิมรี่พายเขามีจุดขายแบบนี้อยู่แล้ว เราก็เข้าใจได้ ว่า เป็นแม่ค้าพูดตรง พูดแรง อาจจะมีคำหยาบคายขึ้นมาบ้าง มันก็เป็นจุดขายของเขา


จริงๆ ในอดีตที่ผ่านมา พอมีเรื่องมีราวขึ้นมา ถ้าเขารู้ว่าเขาผิดจริงๆ เขาก็ขอโทษ ในประเด็นที่เกิดขึ้น เราก็เห็นว่า มันมีเรื่อง มันก็กระทบกับคนหมู่มาก เพราะว่าฐานเสียงของทั้งคู่ เอาจริงๆ ก็ถือว่า เป็นระดับ Macro Influencer (กลุ่มที่มียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมากเกิน 1 แสนคนขึ้นไป) ทั้งคู่

คุณพิมรี่พาย ก็เยอะ อีกฝ่ายก็เยอะ เป็นล้านเหมือนกัน ก็ถือว่า เป็น Macro Influencer ทั้งคู่ ก็เลยทำให้เกิดกระแสของทั้ง 2 ฝั่ง

แต่ในมุมมองการตลาด ผมคิดว่า คุณพิมรี่พาย เขาก็ยืนอยู่ใน positioning ของเขา คือ เขาเป็นแบบนี้ เขาคงลักษณะแบบนี้ คนที่เป็นแฟนคลับคุณพิมรี่พาย ผมว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กลุ่มคนฟัง ก็ชอบเขาที่เป็นแบบนี้ จะไม่แปลกที่เขาจะเชียร์กัน ในขณะของคนอีกฝั่งนึง ก็อาจจะไม่ได้ชอบ ทำให้เกิดเป็นกรณีพิพาทเกิดขึ้นบนออนไลน์”

[อายตา]
แน่นอนว่า ความปังย่อมมาคู่กับดรามา เมื่อมีสังคมตั้งคำถาม และได้ออกมาท้วงติงถึงการกระทำดังกล่าว เป็นการเหยียดอาชีพคนอื่น เพราะไม่พอใจที่เขาพูดความจริง และเป็นเพราะเธอ ให้ค่าแค่ “คนดัง” หรือไม่ ด้านกูรูการตลาด มองว่า ด้วยคาแรกเตอร์ที่ตรงๆ แรงๆ ทำให้การแสดงออกต่างๆ ออกมา ดูมีอารมณ์รุนแรง ซึ่งจริงๆ อาจจะไม่ได้ต้องการสื่อให้เกิดดรามาในครั้งนี้

“ผมคิดว่า เรื่องนี้ เขาอาจจะไม่ได้หมายความว่า แบบนั้นจริงๆ ผมว่าจริงๆ แล้ว เขาเคยไม่ดังมาก่อน เคยไต่เต้ามาจากการแม่ค้าทั่วไป ผมว่าพิมรี่พายเขาก็เข้าใจว่าเป็นยังไง เพียงแต่ว่าด้วยในมุมการตลาด ด้วย positioning ของเขา ด้วยการแสดงออกต่างๆ ของเขา เป็นลักษณะแบบนั้น เขาก็เลยต้องแสดงออกแบบนั้นไป


จริงๆ อาจจะไม่มีอะไร ผมว่าเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น หรือว่าเขาไม่ได้ต้องการจะสื่อออกมารุนแรงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าในมุมของการที่ Live หรือเวลาที่ต้องพูดออกไป ทุกคนมันเป็นหมด คนที่ดังๆ คนที่เป็นเซเลบ ตอนนี้เป็นประเด็นแบบนี้หมด คือ พอมีประเด็นขึ้นมา มันก็กลายเป็นการพูดเอามัน”




หมดยุค จุดขาย “พ่นคำหยาบ-ปากร้าย”?


แต่งชุดสีสัน เป๊ะปัง ปากร้าย ตรงไปตรงมา มักจะตอบโต้กับลูกค้าของเธออยู่ใน Live บ่อยๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์การขายของเธอไปแล้ว ทว่า ในอีกเสียงสะท้อนของสังคมมองถึง “ความหยาบคาย” และ “ปากร้าย” ในครั้งนี้ ว่า ไม่ควรเป็นเอกลักษณ์ แต่ควรน้อมรับคำวิจารณ์ไปพัฒนางานของตนเอง และการทำธุรกิจอาจจะไม่ได้ไปต่อ หากยังไม่มีการพัฒนา และปรับปรุงแบรนด์ให้ดีขึ้น

ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ให้ความรู้ไว้ว่า จุดขายเดิมยังคงต้องมีอยู่ แต่ก็ควรจะเพิ่มความระมัดระวังต่อสังคมมากขึ้น

[วีรพล สวรรค์พิทักษ์]
“ผมมองว่า พอเราเป็นสื่อที่เป็นระดับ Macro Influencer เป็นเบอร์ใหญ่อย่างพิมรี่พาย ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า จะพูดอะไรไม่ได้เลย ฉันต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น


positioning หรือจุดขายเดิมมันยังคงต้องมีอยู่ แต่ก็ควรจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะว่าเราเข้าถึงคนจำนวนมาก ระดับ Macro Influencer มันเข้าถึงคนเป็นล้าน ทุกสิ่งที่เราทำมันเกิดผลกระทบเสมอ


นอกจากมุมของการตลาดแล้ว ต้องมีมุมของสังคม บางคนเขาอาจจะไม่เข้าใจว่า ที่ทำเป็นการตลาด เป็น positioning เขาไม่ได้เข้าใจแบบนั้น ในมุมของสังคมเขาก็มองถึงว่า ทำไมต้องแรง ทำไมต้องด่ากลับ ทำไมต้องหยาบคาย

ดังนั้น ผมคิดว่า คนที่เป็น Influencer ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในระดับ Macro จะเป็นระดับไหน ผมว่าเราอาจจะต้องมองทั้ง 2 มุม คือ มุมของทางด้านการตลาด และมุมผลกระทบกับทางสังคมด้วย”


ทั้งนี้ เขายังอธิบายต่อการทำธุรกิจ และการตลาดที่ดีในปัจจุบันอีกว่า นอกจะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน จะต้องมีแนวคิดทางการตลาดที่ยั่งยืน

“ผมว่าแนวคิดการตลาดในปัจจุบัน มันเป็นเรื่องของยุคของความยั่งยืน มันไม่ใช่ยุคของการตีหัวเข้าบ้าน หรือว่าดุด่าแล้วก็จบ มันไม่ใช่แบบนั้น

การตลาดที่ดี มันต้องเป็นการตลาดที่ยั่งยืน ยาวนาน ดังนั้น หมายความว่า ถ้าเราจะทำธุรกิจที่ให้มันอยู่ยาวนานได้ แน่นอนมันต้องมี 2 มุม คือ เรื่องการตลาดของธุรกิจ อีกมุมคือต้องระวังเรื่องผลกระทบของสังคม

เพราะว่าพอเราเข้าถึงคนหมู่มากแล้ว มันก็จะมีกลุ่มคน target audience (กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์) มันก็จะมีกลุ่มของคนที่รักเรา กับกลุ่มคนที่ไม่ชอบเรา มันก็มีเหมือนกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ เราต้องทำให้คนที่รักเรา เขารักเรามากขึ้น


และในขณะคนที่ไม่รักเรา เราทำให้เขาอย่างน้อยรู้สึกเฉยๆ กับเราก็ยังดี ถ้าทำแบบนี้ได้ ผมเชื่อว่า การตลาดมันก็จะยั่งยืนขึ้น”


สุดท้าย อ.วีรพล ได้ฝากถึงผู้ที่สนใจการค้าขายออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ และในมุมของร้านค้าที่ต้องรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ไม่ให้บกพร่อง

“c-commerce (การซื้อขายผ่านทางแชต) มันกำลังเติบโตในประเทศไทย ยิ่งการ Live เติบโตมาก ติดอันดับโลก เพราะฉะนั้นในอนาคตเราก็จะเห็นคน Live แบบนี้เยอะขึ้นไปอีก ในทุกๆ ประเภทของสินค้า ดังนั้น ผมอยากจะฝากว่า มันมี 2 มุม คือ มุมของธุรกิจ กับอีกมุมคือเรื่องของสังคม จริยธรรมต่างๆ

ถ้าคุณอยากทำการตลาดแบบยั่งยืน คุณอยู่ได้ในระยะยาว ผมเชื่อว่ามันต้อง balance ทั้งสองมุมให้ดี ทั้งมุมที่เป็น positioning ของธุรกิจ และจุดขาย คุณจะพูดจาแบบตรงๆ คุณจะ Live ด้วยการมีคาแรกเตอร์ที่มันชัดเจน อันนี้ไม่ติดเลยครับ เพราะมันเป็นการตลาด มันทำได้หลากหลายแบบ


แต่ในมุมของสังคม จริยธรรมก็ไม่ลืม ไม่ทิ้งตรงนี้ เราลองดูดารา พิธีกรหลายๆ คนที่ยืนระยะได้ยาวๆ เราจะเห็นพิธีกรระดับนั้น เขามีทั้ง 2 มุม เขามีตัวตนที่ชัดเจน และมีในเรื่องสังคมจริยธรรม ดูแลรับผิดชอบสังคมโดยส่วนรวมด้วย เพราะเขามีคนที่รักเขาจำนวนมากนั่นเองครับ”




สกู๊ปข่าว : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **







กำลังโหลดความคิดเห็น