แชตแทบแตก-พลิกวิกฤตเป็นโอกาส!! เปิดใจเฮียสัก เจ้าของฟาร์มจระเข้ เปิดขายจระเข้ราคาถูก สะท้อนวัตถุดิบ-เนื้อสัตว์แพงทั้งแผ่นดิน ประชาชนไม่ไหว มองหาทางเลือก แห่ซื้อเนื้อจระเข้มากินประทังชีวิต
ทางเลือกยุคหมูแพง ซื้อจระเข้กิน!!
“ผมว่ามีความสนใจจระเข้มากขึ้น แต่ว่ายอดขายก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าไหร่ แต่มีคนสนใจเยอะ มีคน โทร.มา มีคน inbox เข้ามาเป็นหมื่นๆ คน ไม่ใช่แค่เป็นพัน…”
“เฮียสัก” หรือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “จำหน่ายเนื้อจระเข้ ลอกหนังแบบยกตัว – เฮียสักฟาร์ม” วัย 49 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาเนื้อหมู, เนื้อไก่ และอื่นๆ ทะยานราคาพุ่งสูงขึ้นตามกันมาติดๆ ในขณะนี้
ล่าสุดออกมาโพสต์ประกาศขาย “เนื้อจระเข้” ทางเฟซบุ๊ก กิโลกรัมละ 70 บาท ส่งผลให้มีคนสนใจ เป็นที่ฮือฮา สั่งซื้อเป็นจำนวนมาก
ทว่า เฮียสักยอมรับว่าปกติจะส่งออกเนื้อจระเข้ไปยังประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เมื่อได้รับผลกระทบพิษโควิด เพื่อความอยู่รอดจึงต้องปรับเปลี่ยนราคาลดลงให้คนไทยจับต้องได้ ซึ่งร้านเฮียสักจะขายเนื้อจระเข้ในราคากิโลกรัมละ 70 บาท
สำหรับราคานี้เป็นราคาส่งของทางฟาร์ม เมื่อซื้อตั้งแต่ 30 กิโลกรัมขึ้นไปจึงจะได้รับราคาส่งที่กิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งเนื้อจระเข้ที่นำมาจำหน่ายในราคานี้จะเป็นช่วงตัวและช่วงหางเท่านั้น
"ผลกระทบโควิดก็ได้รับเต็มๆ เลย ยอดขายก็ลดลงไป และส่วนที่ส่งออกขายไม่ได้ ส่งได้แต่ช้ามาก อย่างจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ปกติลูกค้าเราจะเป็นลูกค้าต่างชาติ พอต่างชาติเข้าไม่ได้รายได้ก็ลดลง เมื่อก่อนเราขายกิโลฯ ละประมาณ 250 -300 บาท ตอนนี้ต้องขายกิโลฯ ละ 70 บาทในราคาส่ง"
อย่างไรก็ดี เมื่อทำการตรวจสอบราคาตลาดทั่วไป พบว่าเนื้อหมูมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 220-250 บาทต่อกิโลกรัม เนื้อไก่ตัวละ 80 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนเนื้อจระเข้เฉลี่ยราคากิโลกรัมละ 70-120 บาท มีราคาถูกกว่าเนื้อหมู 1 เท่าตัว ส่งผลให้ฟาร์มเลี้ยงจระเข้หลายแห่งเริ่มปรับรูปแบบการผลิตทดแทนการส่งออกต่างประเทศกันมากยิ่งขึ้น
รสชาติดี-ไร้ไขมัน คุณค่าที่คู่ควร
ผ่านประสบการณ์ในระยะเวลา 40 ปี ผ่านมุมมองของเฮียสักยังให้ข้อมูลอีกว่า เนื้อจระเข้สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู มีความสะอาดปลอดภัยไม่มีสารเจือปน เนื้อนุ่ม แคลอรีต่ำ และจระเข้ยังเป็นสัตว์ทนทานต่อโรค ทำให้ไม่มีโรคแทรกซ้อนอีกด้วย
“จริงๆ แล้วจระเข้สรรพคุณของมัน ถ้าทางด้านโปรตีนก็เทียบเท่ากับหมูเลย ไม่มีความต่าง เทียบใกล้เคียงกันมาก และเรื่องของไขมันแทบจะไม่มีเลย ส่วนหมูจะเยอะมาก
“สรรพคุณของมันโดยมีผลวิจัยทางการแพทย์ คือ เนื้อของจระเข้ และเลือดของมันสามารถที่จะรักษา บรรเทาอาการหอบหืด รวมทั้งอาการของคนที่เป็นภูมิแพ้ได้ อันนี้คือที่เขาใช้รักษากัน
และคนที่ต้องการที่จะลดน้ำหนักแต่ไม่อยากขาดโปรตีน อันนี้เหมาะอย่างยิ่ง เพราะว่าไขมันมันน้อยมาก แต่ว่าโปรตีนค่อนข้างที่จะสูง นี่คือประโยชน์ของจระเข้
อีกเรื่องหนึ่ง คือ จระเข้เป็นสัตว์ที่ทนทานต่อโรค ไม่มีโรคแทรกซ้อน เพราะฉะนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพื่อที่จะรักษา หรือเร่งการโต เป็นการเลี้ยงออร์แกนิกล้วนๆ ธรรมชาติล้วนๆ เลย ฉะนั้นสารตกค้างใดๆ แทบจะไม่มีเลย อันนี้คือข้อได้เปรียบ”
ทั้งนี้ แม้เนื้อจระเข้จะเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาก จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนรักสุขภาพ และเริ่มเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ค้าเนื้อสัตว์ที่เริ่มมองหาเนื้ออื่นทดแทนเนื้อหมูและเนื้อไก่ เฮียสักยังคงยืนยันว่าไม่มีนโยบายขึ้นราคาเนื้อจระเข้ พร้อมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหันมาดูแลเกษตรกร และแก้ไขปัญหาของประชาชนที่เกิดขึ้นนี้
“คนไทยเรายังไม่ได้เปิดใจกับเนื้อจระเข้เท่าไหร่ เพราะว่าเขาก็ยังฝังใจว่าจระเข้เป็นสัตว์ดุร้าย และเป็นสัตว์เลื้อยคลาน เพราะฉะนั้นการที่คนจะหันมากินจริงๆ มันก็ทำใจลำบาก....เราเข้าใจ
ในส่วนของหมูที่มันแพงขึ้น แล้วจะหันมากิน แนวโน้มมันมีคนเข้ามาสอบถามเยอะมาก แต่ยอดขายมันไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ ผมยังคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นลูกค้าคนจีนมากกว่าที่ยังหมุนกลับมากินอยู่ เพราะส่วนใหญ่คนจีนเขากินกัน
แต่คนไทยเขายังไม่เปิดใจสักเท่าไหร่ ผมคิดว่าโอกาสข้างหน้า ถ้ายอดขายมันเพิ่มขึ้น ของเรามันก็ขายได้ ราคาก็ยังคงไม่ขึ้นครับ
อย่างฟาร์มผมก็อยู่ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เรามีฟาร์ม เราเลี้ยงจระเข้ประมาณ 30,000-40,000 ตัวที่อยู่ในรั้วบ้าน
อย่างที่บอกเราได้รับผลกระทบจากโควิดค่อนข้างจะเยอะ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากไปถึงรัฐบาลจริงๆ ช่วยลงมาดูเกษตรกรอย่างพวกผมด้วย ส่วนเรื่องของราคายืนยันถ้าคนไทยเปิดใจกินจระเข้มากยิ่งขึ้น ผมไม่ขึ้นราคาแน่นอน”
สกู๊ปข่าว : MGR Live
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ “จำหน่ายเนื้อจระเข้ ลอกหนังแบบยกตัว - เฮียสักฟาร์ม”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **