เปิดใจหม้ายลูกสามขอตามเทรนด์ “เสื้อแหวกอก-โนบรา” ควงตะหลิวขายผัดไทย ทำยอดขายพุ่งเท่าตัว เผยป่วยมะเร็งรังไข่ระยะที่ 3 สู้ชีวิตทำหน้าที่เสาหลักของครอบครัว
แม่ค้าผัดไทย เซ็กซี่จนตำรวจลง!
เทรนด์ “เสื้อแหวกอก-โนบรา” ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมู่แม่ค้าหลายเจ้าที่ขอตามกระแสแฟชั่นสุดเซ็กซี่นี้ด้วยหวังกระตุ้นยอดขาย
อย่างล่าสุดโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก “Tiw Rungsie” แม่ค้าผัดไทยใน อ.เมือง จ.พังงา ที่นอกจากหน้าตาอาหารจะดูดีแล้ว แม่ค้าในเสื้อแหวกอกสีเขียวก็แซ่บไม่แพ้กัน!!
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าว MGR Live ได้พูดคุยกับ “ติ้ว-จันทิมา รังษี” แม่หม้ายลูกสาม วัย 34 ปี เจ้าของร้าน “ผัดไทยเคาะทะ” เธอเล่าถึงที่มาที่ไปก่อนจะมาจับตะหลิวปรุงผัดไทยว่า ค้าขายมาหลายอย่างแต่สุดท้ายต้องเป็นอันล้มเลิกไป ต่อมาเจ้าของร้านข้าวแกงได้เสนอให้มาช่วยงานที่ร้าน และเป็นคนแนะนำให้ขายผัดไทยที่หน้าร้านข้าวแกงอีกด้วย
“ทำงานตั้งแต่อายุ 17 ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยค้าขายค่ะ ก่อนที่จะเกิดโควิด ติ้วไม่สบายเป็นมะเร็งก่อน ทำงานไม่ได้เต็มที่ ขายน้ำยอดแค่วันละ 15-20 แก้ว พอรักษาตัวปุ๊บไปขายหมู ขายได้แป๊บหนึ่งไม่ได้กำไรเพราะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องจ้าง
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจทำแกงถุงขาย ขายผัดไทยด้วย แต่สู้ไม่ไหวมันไม่มีคน ขายได้แค่วันละ 400-500 มันก็ไม่ได้ทุน ทางร้านข้าวแกงป้าต้อยเขาก็บอกว่ามาช่วยงานที่ร้านมั้ย จันทร์-ศุกร์ ก็เลยได้ไปเป็นลูกจ้างประจำอยู่ที่ร้าน “ข้าวแกงฅนฅอน” ประมาณเกือบปีหนึ่งได้ค่ะ
ตอนขายร้านแรกที่เจ๊งแค่คิดอยากจะขายผัดไทยแล้วก็คิดค้นสูตรเอง แต่มันไม่เป็นผล ป้าต้อยบอกมาลองขายผัดไทยที่หน้าร้านมั้ย วันเสาร์ แกว่าจะได้มีรายได้เสริม ก็เลยมาขาย ขายได้ค่ะ ลูกค้าของแกก็มี เขาเห็นผัดไทยก็เลยลองชิม ตอนนี้ก็มีลูกค้าประจำด้วยนะคะ ขายมาประมาณ 8 เดือนได้ค่ะ”
เธอเล่าต่อว่า จากเดิมขายผัดไทยก็พอที่จะสร้างรายได้เสริมให้เธอได้ แต่หลังจากที่เห็นกระแส “เสื้อแหวกอก-โนบรา” ประกอบกับเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว จึงลองแต่งมาขายของดูบ้าง ผลปรากฏว่ายอดขายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
และเพราะความเซ็กซี่นี้เอง ทำให้เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแวะเวียนมาที่ร้าน เพื่อเตือนเรื่องการแต่งกายอีกด้วย!!
“ปกติแต่งทุกแนว เซ็กซี่ก็มีบ้าง ชอบแต่งตัวค่ะ ก่อนที่จะมีกระแสข่าว ช่วงแรกขายได้ประมาณ 30-40 จาน ติ้วลงทุนประมาณ 1,500 บาท ได้กำไรประมาณ 500-600 บาทค่ะ เอาจริงๆ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร นึกสนุก เห็นเขาถ่ายเราลงบ้างดีกว่า ตอนแรกสูงสุด 40 จาน ตอนนี้ 80-90 จานค่ะ ครึ่ง-ครึ่ง
เสื้อเขียว (เสื้อแหวกอกที่ใส่จนถูกแชร์เป็นจำนวนมาก) หลังจากนั้นตำรวจมา เลยเซฟตัวเองใส่เป็นเกาะอกข้างในค่ะ ก็จะแต่งแนวนี้แต่แค่เซฟ เพราะตำรวจมาเตือน เขาก็บอกว่าให้แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย
ไม่คิดว่ามันจะไปไกลขนาดนี้ค่ะ มีคนแชร์บอกนมเล็กบ้าง แก่จัง ไม่ได้รู้สึกอะไรก็แค่รู้สึกขำๆ ค่ะ เวลาเห็นใครใส่เสื้อนี้แล้วไปอ่านคอมเมนต์ บางคนก็โดนหนักกว่าติ้วอีก ติ้วเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้โกรธเขาด้วย”
แม่ค้าผัดไทยชาวพังงายอมรับว่าแต่งเสื้อแหวกอกนั้นช่วยกระตุ้นยอดขายให้ดีขึ้นจริง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนติดใจจนกลายเป็นลูกค้าประจำ นั่นก็คือรสมือของเธอ
“เป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว เห็นอะไร จับอะไรง่ายไปหมดเรื่องทำอาหาร เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยอยู่แล้วค่ะ มั่นใจมาก อันนี้การันตีเรื่องรสชาติว่าอร่อยค่ะ อร่อยแน่ๆ
ขายผัดไทย ติ้วก็หวังว่าวันหนึ่งจะมีแฟรนไชส์ ให้สูตรเขาไป 2 คนแล้ว ภูเก็ต 1 คน เกาะสมุย 1 คน ไม่ได้ขาย เขาขอเลยให้ไป แต่หลังจากนี้คิดว่าจะทำน้ำซอสขายค่ะ
ผัดไทยของติ้วขายเฉพาะวันเสาร์กับวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดประมาณ 8 โมง ขายจนผัดไทยหมดค่ะ อย่างช้าสุดก็บ่าย 3 พิกัดอยู่พังงา ออกจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร จะอยู่ตรงข้ามกับโรงไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อยู่ที่ร้านข้าวแกงฅนฅอนค่ะ”
สู้มะเร็ง สู้ชีวิต
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ติ้วมีปัญหาสุขภาพมาราว 1 ปี เนื่องจากพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่ 3 แม้ในตอนนี้การรักษาจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังต้องมีการพบแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจดูค่ามะเร็งว่าลุกลามไปยังส่วนอื่นเพิ่มเติมหรือไม่
“เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลพังงาอยู่ประมาณเกือบปีนะคะ หมอก็บอกว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ้าง เป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มะเร็ง จนล่าสุดไม่ไปหาหมอสูติฯ ไปหาหมอเฉยๆ เขาก็ตรวจหน้าท้องว่าทำไมท้องมันโต หมอก็ให้นอนโรงพยาบาล เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ไปเจอก้อนเนื้ออยู่ที่รังไข่ทั้งสองข้าง ฝั่งละ 11 ซม.
ที่โรงพยาบาลพังงารักษามะเร็งไม่ได้ ก็เลยส่งไปที่ มอ.หาดใหญ่ ก็ทำการรักษา ให้คีโม แล้วก็ผ่าตัด ตอนนั้นที่ถามหมอ หมอบอกเป็นระยะ 3 ค่ะ มันรักษาผ่านไปแล้ว ค่ามะเร็งของติ้วยังมีอยู่ประมาณ 6-7 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
ตอนนี้มันรู้สึกว่ากระดูกมันจะชาๆ เหมือนคนแก่ไปเลย เริ่มปวดเมื่อย อย่างอื่นไม่ค่อยมีผลกระทบอะไร แค่เฝ้าระวังอย่าให้มันเกิดตรงอื่นค่ะ ตอนนี้ 6 เดือนหมอก็นัดครั้งหนึ่งค่ะ”
นอกจากนี้ แม่ค้าใจแกร่งยังเป็นเสาหลัก รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดและดูแลลูกทั้ง 3 ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น โดยทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเธอคนเดียว ทำให้เธอต้องเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ในการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว
“มีลูก 3 คน ลูกสาวอายุ 16 ตอนนี้อยู่ ปวช.2 แล้วก็มีฝาแฝดอายุ 14 อยู่ ม.2 เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายต่อวัน ค่าอาหารก็ประมาณ 500-600 บาทต่อวัน แล้วก็มีผ่อนรถ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ ค่าต่างๆ
พ่อเขาก็ให้นะคะ แต่อนาคตเรายังไม่รู้ว่าพ่อเขาจะให้หรือเปล่า เพราะเขาก็ไปมีครอบครัวใหม่แล้ว ลูกอยู่กับติ้วคนเดียว (เป็นหัวหน้าครอบครัว) พูดได้เต็มปากว่าใช่ค่ะ
ติ้วทำงานจันทร์ถึงเสาร์ ตอนแรกขายวันอาทิตย์ด้วยแต่ลูกบอกแม่ไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลย ก็เลยตัดสินใจหยุดวันอาทิตย์ เด็กๆ ดีมากค่ะ ที่บ้านเขาก็จะดูแลบ้าน กวาดขยะ พอกลับไปถึงแม่ไม่ต้องจัดการเลย ลูกคือกำลังใจสุดๆ ค่ะ
ตอนรักษาไม่มีน้ำตาเลย ติ้วไม่เคยเสียน้ำตา ทรมานมากแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แล้วลูกก็ไม่เคยรู้ว่าติ้วเจ็บมาก ติ้วเพิ่งมาเล่าให้ลูกฟังตอนที่รู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้ว ลูกยังร้องไห้เลยว่าทำไมแม่เจ็บขนาดนี้แล้วไม่บอก ติ้วแค่บอกว่าไม่อยากให้ใครมองว่าเราอ่อนแอค่ะ”
ติ้วยังทิ้งท้ายไว้ว่า อาการป่วยมะเร็งกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ ให้หันมารักตัวเอง และฮึดสู้จวบจนถึงทุกวันนี้
“ติ้วเคยไปอยู่จุดที่รักคนอื่นมากกว่ารักตัวเองค่ะ พอเราไปเจอเหตุการณ์ที่เราต้องกลับมารักตัวเองแล้วมันจะทำให้เราเข้มแข็งค่ะ แล้วจะมองโลกในแง่ดีไปเลย กลายเป็นคนไม่ใจร้อน เราต้องมีความพยายามที่จะทำอะไรให้มันสำเร็จ อย่าลดความพยายาม สักวันหนึ่งมันต้องเป็นของเราค่ะ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Tiw Rungsie”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **