xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประสบการณ์ตรง!! “ป่วยติดเตียง-เกือบตาย” ในวัย 20!! เพราะ “นอนดึก-ตามใจปาก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เผยเคส "ป่วยติดเตียง-เกือบตาย" เพราะมัวแต่สนองพฤติกรรม "ดีต่อจิตใจ-อันตรายต่อร่างกาย" เน้นกินของหวาน-ชอบนอนดึก กระทั่งสร้าง "โรคเส้นเลือดสมองตีบ" ในวัยเพียง 20!!




เหตุเพราะ "นอนน้อย-ตามใจปาก"


“...อุทาหรณ์คนตามใจปาก นอนน้อย เราเกือบตายจากโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เราอายุ 20 กว่า ตอนนี้เป็นอัมพาตครึ่งซีก เพราะไปโดนเส้นที่ควบคุมการทรงตัว ทำให้เดินเหมือนคนเมาตลอดเวลา


เมื่อก่อนเรานอนตี 2 ทุกวัน กินน้ำน้อย ทานของหวานเยอะมากๆ เข้าขั้นตามใจปาก…”


ใครจะไปคิดว่าเรื่องใกล้ตัวที่มีมานานอย่าง “โรคเส้นเลือดสมองตีบ” จะเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ถ้าหาข้อมูลดีๆ จะรู้ว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นอันตรายใกล้ตัวที่หลายคนประมาท

โดยหลังจากสาวเจ้าของทวิตเตอร์ @TXT_JONGJARERN โพสต์เล่าอุทาหรณ์ของตัวเองในวัย 20 ปี ที่ชอบกินของหวาน อาหารตามใจปาก และนอนดึก สุดท้ายมีอาการ “ชาครึ่งซีก” จนขยับตัวและพูดไม่ได้ กระทั่งหมอให้ใส่เครื่องหายใจเพื่อช่วยชีวิต


“ตอนเป็น รู้สึกว่าตัวเองเดินไม่ตรง บวกกับปวดหัวมากๆ ตอนไปหาหมออาการค่อนข้างหนัก แล้วคือเดินไม่ได้ จำได้ว่าคืนเเรกนอนไม่ได้เลย เรามีอาการชักอ้วกทั้งคืน

ความจริงโรคนี้ต้องรักษาภายใน 4 ชั่งโมงแรก ของเราไม่ทัน หมอก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ไม่มีใครคิดว่าเราเป็นโรคนี้เลย

เพราะโรคนี้คนส่วนใหญ่จะเป็นที่อายุ 50+ แต่เราอายุแค่ 20+ เอง โอกาสเกิดน้อยมาก จำได้ว่าคืนที่สองหนักมาก เรามีอากาชาครึ่งซีก ขยับตัวไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ กินข้าวเองไม่ได้


จนหมอให้เราใส่เครื่องช่วยหายใจ กับให้อาหารทางสายยาง ทรมาณมาก เราคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ”


ที่น่ากลัวไปกว่านั้น เธอกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอย่างกะทันหัน และผลของมันหนักจนต้องรักษาด้วยการกายภาพ ซึ่งถือว่ายังโชคดี เพราะถ้าหากไปถึงมือหมอ รักษาไม่ทัน อาจมีโอกาสเสียชีวิตไปแล้ว

หลังจากที่โพสต์ดังกล่าว ถูกส่งต่อกันไปบนโลกโซเชียลฯ ก็นำมาซึ่งความคิดเห็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เจ้าของเรื่องอายุยังน้อย ยิ่งทำให้วัยรุ่น-วัยทำงานหลายๆ ราย รู้สึกหวาดกลัวว่าตัวเองอาจเป็นกลุ่มเสี่ยง

นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นไม่น้อย ที่เล่าประสบการณ์ตรง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวฝากเอาไว้ว่า มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้มาแล้วหลายราย

[รศ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย (ฉันทวศินกุล) ]
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อสัมภาษณ์ไปยัง รศ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย (ฉันทวศินกุล) นักโภชนาการบำบัดและผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ ให้มาไขข้อสงสัย เพื่อช่วยเฝ้าระวังเรื่องอาหารการกิน ที่จะช่วยให้ห่างไกลจาก “โรคเส้นเลือดสมองตีบ”ไม่ว่าจะอายุน้อยแค่ไหนก็ตาม

โดยนักโภชนาการรายนี้ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า เนื่องจากพฤติกรรมการกิน หรือการใช้ชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป เน้นกินอาหารแปรรูป-อาหารสำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ และสารปรุงแต่งค่อนข้างเยอะ

“ ชีวิตในปัจจุบันในคนเมือง มีการกินอาหารจานด่วน (Fast Food) มากขึ้น ซึ่งอาหารเเคลอรี่สูง เครื่องดื่มหวานๆที่มีน้ำตาลเยอะจะทำให้เกิดโรคอ้วน เเละเกิดโรคเเทรกซ้อนของโรคอ้วนตามมา เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โดยโรคเหล่านี้เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเเละหลอดเลือดสมอง

ปัจจุบันคนไทยกินเค็มมากขึ้น ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงเพราะว่าวิถีชีวิตเราเปลี่ยนไป ก็ทำให้เขามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วน หรือ NCDS ได้ ในคนอายุน้อยลง”




ห่างโรค-ลดหวาน-จานด่วน


ความต้องการของผู้บริโภค ต้องยอมรับว่า ในความอร่อย ก็แฝงไปด้วยอันตรายซ่อนอยู่ หากกินบ่อยๆ หรือกินแบบหวานมาก เค็มมาก จึงต้องระวังอย่างมากในการรับประทาน เพราะอาจจะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงๆ อันตรายต่อชีวิตไม่รู้ตัว โดยเมื่อค้นข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขไทยระบุว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มมากขึ้น

และเสียชีวิตมากกว่า 30,000 ราย ปกติแล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 18-50 ปี ที่พบได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่มักเกิดในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ไม่เพียงแค่นั้นพบ โรคเส้นเลือดสมองตีบ เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs ยอดฮิตของคนไทย


“การกินอาหารตามใจปากอันตรายค่ะ เกี่ยวกับโรค NCDs ก็เจอคนในอายุน้อยเยอะขึ้นจริงพบว่าคนไทย เป็นโรคอ้วน เบาหวาน  เส้นเลือดในหัวใจตีบ

โดยการกินหวาน จะทำให้เราติดนิสัยเรื่องของการกินของแคลอรี่เยอะ ทำให้เราเป็นโรคอ้วน พอเป็นโรคอ้วนก็จะเกิดส่งผลแทรกซ้อนเกี่ยวกับเรื่องของเบาหวาน ความดัน ไขมัน และเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของที่จะทำให้เขาเป็นโรคสมองขาดเลือด เป็นผลโดยอ้อมของการกิน


ส่วนการกินเค็มไม่ได้ทำให้เกิดเส้นเลือดสมองแตก หรือตีบ แต่การกินเค็ม จะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง และทำให้เกิดเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดโรคไต

เพราะฉะนั้นการกินเค็มเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ NCDs ที่เพิ่มความเสี่ยงกับโรคเส้นเลือดในสมองแตก หรือโรคเส้นเลือดสมองตีบได้”


อย่างไรก็ดีในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการบริโภคมองว่า ปัจจุบันอาหารจะต้องมีรสชาติที่จะต้องอร่อย แล้วจะต้องมาจากการปรุงที่มีความเข้มข้น ทั้งไขมัน และน้ำตาลซึ่งผู้บริโภคเองจะสามารถกินได้ เพียงแต่จะต้องจำกัดปริมาณของกินพร้อมฝากความเป็นห่วง การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลโรค

“แนะนำควรกลับมากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ครบ 5 หมู่เน้นกินผักผลไม้เป็นหลัก และกินอาหารไม่แปรรูปเป็นหลักรักษารูปร่างให้เหมาะสม ไม่อ้วน กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หรือการกินโปรตีนจากพืชเป็นหลัก หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มหวานๆ เพราะอาจจะได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น และอาจจะทำให้เป็นโรคอ้วนได้ง่ายขึ้น”




สกู๊ปข่าว :ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น