xs
xsm
sm
md
lg

“สมายการช่าง” สาวฮอตซ่อมได้!! ไม่ใช่แค่ขายสวย แต่โตมากับเครื่องมือช่าง [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวย-แซ่บ-กตัญญู!! เปิดใจ “ช่างสมาย” ช่างซ่อมรถที่ฮอตที่สุดใน พ.ศ.นี้ จับประแจซ่อมรถตั้งแต่อายุ 14 เจ็บตัวเพราะงานช่างถึงขึ้นเย็บหลายเข็ม พร้อมเป็นกระบอกเสียง ไม่ว่าผู้หญิงจะแต่งตัวแบบไหน ก็ไม่มีใครควรถูกคุกคาม!!


“สมายการช่าง” สานต่องานอู่ กู้วิกฤตครอบครัว

“กิจการอู่ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เมื่อระยะเวลาผ่านไป ช่วงที่ครอบครัวลำบาก ทางบ้านมีปัญหา เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ร้านก็เหมือนจะไปไม่รอด เราก็เลยตัดสินใจเบรกการเรียนไว้ แล้วก็มาช่วยงานพ่อกับแม่ก่อน เพราะว่าเขา 2 คนอายุมากแล้ว

พี่สาว 2 คน ก็เลยต้องออกไปหารายได้เสริมจากส่วนอื่นๆ ที่พอเข้ามาจุนเจือครอบครัวได้ ทีนี้รายได้มันไม่พอ เราก็เลยต้องออก (ลาออกจากโรงเรียน) มาช่วยเหลือ เราก็อยากสานต่อกิจการของพ่ออยู่แล้ว เลยรับช่วงต่อตรงนี้

จะว่าไปตอนนั้นมันก็เหมือนคนล้มแล้วลุกขึ้นยืนลำบาก มันต้องใช้เวลาและความอดทนมาก กว่าจะมายืนได้แบบนี้ก็นานพอสมควรค่ะ"



หญิงสาวหน้าตาสวยคมในชุดช่างซ่อมรถสุดทะมัดทะแมง เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง ผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าทีมข่าว MGR Live คือ “สมาย - ชุติกาญจน์ เหิรอดิศัย” ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ วัย 22 ปี ที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้าเธออยู่บ้าง เพราะเรื่องราวของ “ช่างสมาย” กลายเป็นที่โด่งดังบนโลกโซเชียลฯ ในฐานะ “สาวน้อยช่างซ่อมสุดกตัญญู” ที่ต้องช่วยเหลืองานครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง ขณะนั้นเธอได้อายุ 18 ปี

เวลาผ่านไป 4 ปี ปัจจุบันเธอกลายเป็นสาวแซ่บไปแล้ว แต่ที่ยังเหมือนเดิม คือ การสานต่ออาชีพ “ช่างซ่อมรถ” แห่งร้าน “เหิรการช่าง” ย่านพุทธมณฑลสาย 8 อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่เป็นกิจการของทางบ้านมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อยังหนุ่ม ควบคู่ไปกับงานรีวิวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ และการไลฟ์สดโชว์ทักษะการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สมายการช่าง” ที่ผู้ติดตามกว่า 188,000 คน

ด้วยหน้าตาที่สะสวยและฝีมือการช่างที่ไม่ธรรมดา อาจกล่าวได้ว่า ช่างสมาย คือ ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่ฮอตที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้!!



แต่กว่าที่ชื่อเสียงของสมายจะกลายเป็นที่รู้จัก และครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอกล่าวว่า ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวในตอนนั้น ทำให้ตนเองต้องตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพื่อมาช่วยทำงานตั้งแต่อายุได้เพียง 14 ปี ขณะนั้นไม่มีแม้แต่หน้าร้านทำรถ ต้องอาศัยพื้นที่ฟุตปาธแคบๆ ริมถนนที่เสี่ยงต่อการถูกเฉี่ยวชนได้ทุกเมื่อ

“ช่วงที่ลำบากอยู่ในช่วงย้ายบ้านพอดี ที่ที่เราไปอยู่มันไม่ได้มีหน้าร้าน แล้วก็ไม่สามารถทำร้านรถได้ มันจะโดนตัดกำลังเรื่องร้านซ่อมรถไปเลยส่วนนึง กลายเป็นพี่สาว 2 คน ที่ช่วยเหลือพวกเราอยู่ในครอบครัวใหญ่ รายได้จากพี่สาวเข้ามาหนุนที่บ้านแทนหน้าร้านซ่อมรถ

ด้วยว่าเรามีภาระหนี้สินต่างๆ นานา ทีนี้พอไม่มีรายได้จากร้านซ่อมรถ เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรแล้ว ก็เลยไปเปิดร้านซ่อมรถอยู่ริมถนน ที่เขามีการจับจองที่เอาไว้ก่อน แล้วก็ใช้ทำร้านข้าวแกง ร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ มันอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดี ช่วงนั้นลำบากค่ะ มีแค่ไฟ หลังคาเป็นหลังคาเตี้ยๆ แล้วก็ร้อนมาก อยู่ติดถนน เป็นริมฟุตปาธลึกแค่ประมาณเมตรครึ่ง หน้ายาวประมาณ 3-4 เมตร ถ้าเกิดนั่งออกไปนิดนึง รถก็อาจจะปาดก้นเราได้เลย



มีมายกับพ่อ แล้วก็หลานมาคอยช่วยเก็บร้าน เราเปิด 2 ธุรกิจพร้อมกัน เพื่อที่จะยืนขึ้นมาให้ได้ ธุรกิจนึงคือเป็นของแม่จะขายพวกตุ๊กตาหิน ตุ๊กตาแต่งบ้าน แต่งสวน ส่วนอีกร้านเล็กๆ ก็จะเป็นร้านซ่อมรถ เปลี่ยนยาง ถ่ายน้ำมันเครื่อง

พ่อจะออกไปเปิดร้านตั้งแต่ตี 5 พ่อเขาจะมีคติว่า ไปหากินก่อน เราก็จะมีพื้นฐานมากกว่าคนอื่นเขา เผื่อใครยางรั่วมาก็จะได้เก็บก่อน เพราะร้านแถวนี้เขาเปิด 2 โมง พ่อจะออกไปก่อน ส่วนสมายจะตื่นตี 5 ครึ่ง แล้วออกไปประมาณ 6 โมง”

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็น 7 ปี ที่ครอบครัว “เหิรอดิศัย” ล้มลุกคลุกคลานกันมาจนสามารถลืมตาอ้าปากได้อย่างภาคภูมิ กิจการของร้านเติบโตขึ้นตามลำดับ และสมายเองก็มีรายได้จากงานอื่นๆ จุนเจือครอบครัวอีกทาง

“จากวันนั้นที่ครอบครัวลำบากจนมาถึงวันนี้ ก็ต้องบอกว่ามันมีหลายอย่างที่มันเปลี่ยน แต่ก่อนร้านสมายจะมีสต๊อกยางใน-ยางนอกแค่เบอร์ละ 1 เส้น มันเป็นขั้นต่ำมากๆ ถ้าเกิดอยากจะเปลี่ยนยางแล้วลูกค้ามา 2 คันพร้อมกัน ต้องวิ่งไปซื้อ

[ ช่างสมายและคุณแม่คุณพ่อ]

แต่ตอนนี้ถามว่ามันดีขึ้นมั้ย มันดีขึ้นมากๆ น้ำมัน ยาง อะไหล่ อุปกรณ์เบสิกพื้นฐาน เรามีสต๊อกในร้าน โตขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับค่ะ เรามีลูกค้าประจำคอยซัปพอร์ตและมาใช้บริการเราอยู่เรื่อยๆ ด้วยจากสปอนเซอร์ที่เข้ามาสนับสนุน

สิ่งที่ทำให้เราพ้นวิกฤตได้ ก็คือ งานที่เราทำ คือ งานรีวิว ออกงานอีเวนต์ ถ่ายแบบ ถ่ายซีรีส์ จากสินค้าที่เราเอามาโปรโมต จากทางสื่อต่างๆ ที่นำเสนอข่าวไป แล้วก็งานหน้าร้านของเราเองด้วย

เสาหลักของครอบครัว สมายอยากยกให้พ่อนะคะ พ่อเป็นช้างเท้าหน้า สมายก็แค่เดินตามและทำในสิ่งที่พ่อทำไว้อยู่แล้ว หนูทำงานหาเงินเข้ามา แล้วแม่เป็นคนดูแลเรื่องบัญชี ก็ประมาณ 6 หลักได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นเงินเก็บซะทีเดียว เพราะเรามีค่าใช้จ่าย มันก็ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน ก็ทำให้เรามีรายได้ขึ้นมาจุนเจือในร้าน ต้องขอขอบคุณมากๆ เลย ณ จุดนี้ มันสามารถช่วยพลิกให้หนูจากจุดที่เหมือนจะจมแล้ว ให้มีลมหายใจแล้วก็ฟื้นขึ้นมาได้”

วางหนังสือ มาจับประแจ

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ด้วยวิกฤตที่เกิดขึ้นกับครอบครัวขณะนั้น ทำให้ ด.ญ.สมาย ในวัยเพียง 14 ปี ต้องหันหลังให้กับการศึกษาในระบบเพื่อมาทำงานช่วยที่บ้านเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนเสียทีเดียวเพราะปัจจุบันเธอเรียนจบ กศน.ชั้นมัธยมปลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ก่อนหน้านี้ ก็เรียนมัธยมทั่วไป หลังจากนั้น ออกมาจากโรงเรียน เริ่มทำงาน แล้วก็ต่อ กศน.เอาวุฒิการศึกษา ไม่ได้ทิ้งเลย ก่อนที่จะออกมาทำงานหน้าร้านเต็มตัว ก็ช่วยอยู่แล้ว หยิบๆ จับๆ หยิบยาง ถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่แล้วแต่ไม่ได้ลงมาเต็มตัว ตั้งแต่นั้นมาลงมาเต็มตัวเลย ทำเครื่อง งัดยาง ทำเองทุกอย่าง

ตอนนี้อยากทำงานให้เต็มที่ก่อน งานในร้านเป็นงานกงสี เราก็ช่วยกันในครอบครัวแล้วก็จุนเจือกัน เพราะฉะนั้นครอบครัวเป็นเมนหลักที่เราต้องโฟกัสค่ะ แล้วช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโควิดระบาดด้วย มันลำบากไปหมดทุกที่เลย เพราะฉะนั้นเราก็เลยโฟกัสงานก่อน แล้วเดี๋ยวเรื่องเรียนจะตามมาทีหลังค่ะ”



เธอเล่าต่อว่า ในเวลานั้นไม่ได้รู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ที่ต้องเสียช่วงเวลาวัยรุ่นไปกับการทำงาน เพราะสิ่งที่ได้กลับมาคือ ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“หนูไม่ได้เฟลมากค่ะ ไม่ได้เครียดถึงขั้นที่ว่านั่งร้องห่มร้องไห้ แค่อาจจะรู้สึกว่าไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ไปเรียน ไปเจอเพื่อน ไปกินหมูกระทะ เราไม่ได้ใช้ แต่ถามว่ามันมีปัญหากับหนูมั้ย ไม่มีปัญหา

สมายมองว่าวันนี้ไม่ได้ใช้ แต่เดี๋ยววันที่เราโอเคแล้ว สบาย ลอยตัว เราจะได้ใช้ให้เต็มที่ ช่วงนี้อาจจะยังไม่ใช่เวลาของเรา เพราะสิ่งที่ได้มาคือได้ครอบครัวที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

หนูมองว่า หนูเริ่มก่อนก็ได้เปรียบ คนที่ยังเรียนอยู่อาจจะเรียนเพื่อไปต่อยอดของเขาให้มันสูงขึ้น แต่หนูสตาร์ทเร็วกว่าแค่นั้นเอง ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการด้อยค่าหรืออะไร ทุนแต่ละคนก็ไม่เท่ากันด้วย”



ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นอีกคนที่ต้องออกจากการเรียนกลางคัน เนื่องเพราะต้องช่วยเหลือครอบครัว ช่างสมายได้ใช้โอกาสนี้ฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ ที่เผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกันว่า กับการเรียนไม่มีคำว่าสาย มีความพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปเรียนต่อก็ยังทัน

“จริงๆ ต้องบอกแบบนี้ การเรียนมันไม่ได้ช้าเกินไปที่เราจะเรียน อายุเท่าไหร่ก็สามารถเรียนได้ ถามว่าเรียน กศน.มันแย่มั้ย จริงๆ มันไม่ได้แย่นะคะ เรามีเพื่อนที่เป็นคนที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหมือนกัน แต่ละคนอาจจะมีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็เป็นเพื่อนที่ดีค่ะ

อย่างเรียน กศน.มีพี่สาวคนนึง เรียกว่าพี่สาวได้มั้ยเอ่ย เพราะว่าอายุประมาณ 52 แต่เขาเพิ่งจะมาเริ่มเรียนมัธยมต้น เขาก็จะพูดกับมายเสมอว่า “การเรียน เรียนไปเถอะ มันไม่ได้ช้าเกินไปหรอก ไม่มีคำว่าสายเกินไปด้วย” เพราะฉะนั้นถ้าเราได้เรียนและได้ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วย มันก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ

สำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังเจอปัญหา ต้องออกจากโรงเรียนในช่วงนี้เพราะต้องมาช่วยพ่อกับแม่ อยากให้ตั้งใจทำให้เต็มที่ ช่วยพ่อแม่ให้เต็มที่

เรื่องเรียนเราสามารถหาและเก็บเกี่ยวความรู้ได้จากหลากหลายที่เลย สามารถเรียนได้ใน Youtube หรือในช่องทางต่างๆ ก่อนก็ได้ พร้อมเมื่อไหร่ มีกำลังใจที่ดีขึ้นเมื่อไหร่ แล้วก็สถานะทางบ้านดีขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยลงเรียนแบบจริงจังอีกทีก็ไม่สายเกินไปค่ะ สู้ๆ นะคะ”

เจ็บหนักถึงขั้นเย็บ 8 เข็ม!!

มาถึงช่วงเวลาเจาะลึกด้านงานช่างซ่อมกันบ้าง ต้องบอกว่า พี่น้อง 3 ใบเถาของบ้านเหิรอดิศัย ไม่ได้โตมากับการเล่นตุ๊กตาอย่างเด็กหญิงบ้านอื่น เพราะสาวๆ บ้านนี้จับประแจ เล่นเครื่องมือช่างกันมาตั้งแต่จำความได้

บ้านอื่นจะซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ให้เล่น แต่บ้านสมายให้เล่นประแจนะคะ ตัวก็เลอะๆ มอมแมม ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแตกแยกหรือไม่เท่าเทียมกับคนอื่นเลย เราแค่มีเล่นในสิ่งที่พ่อกับแม่มีให้เล่นแค่นั้นเอง

ตอนเด็กๆ จำได้เลยว่าพ่อให้เอาตูดไขควงถูกับยางตอนปะยาง พ่อเป็นคนสอนให้ทั้งหมดค่ะ ไม่ได้เรียน พ่อเป็นคนเอาประสบการณ์จริงๆ ของพ่อมาบอกเราและให้เราเรียนรู้เอา จริงๆ ชอบอยู่แล้วค่ะ เป็นอะไรที่สนุกถ้าเรามองว่าเป็นเรื่องที่สนุก ถ้าเราชอบเราก็สามารถทำได้เรื่อยๆ สมายเป็นคนชอบอะไรหลากหลาย ก็เลยทำนู่นนี่นั่นไปด้วย



งานแรกที่จับประแจทำหลังจากที่ออกมาเลยคืองานเปลี่ยนยางค่ะ จำได้ว่าวันนั้นใช้เวลานานกว่าปกติมากๆ เลย ปกติจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หนูใช้เวลาไป 45 นาที

พ่อเป็นคนจีน เขาจะสอนโหดๆ หน่อย พ่อโยนประแจให้แล้วบอกให้หนูงัดยาง เปลี่ยนยาง เขาไม่ได้อธิบายอะไรมากเขาพยายามให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย พยายามศึกษาด้วยตัวเอง จะได้จำได้แม่นๆ ถ้ามาบอกว่าอันนี้ใช้ประแจเบอร์นี้ๆ บางทีเลขมันเยอะเกินไปเราก็อาจจะจำไม่ได้ นี่คือหลักการสอนของพ่อหนู ไม่รู้ว่าที่อื่นสอนแบบนี้รึเปล่า”

และกว่าที่ฝีมือด้านการช่างจะเชี่ยวชาญก็ต้องอาศัยเวลาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไม่น้อย เนื่องจากต้องคอยรถจากลูกค้าในการฝึกปฏิบัติจริง

ระยะเวลาที่ใช้กว่าจะเชี่ยวชาญใช้เวลานานพอสมควรเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ แล้ว งานหน้าร้านมันจะเข้ามาไม่เหมือนกันในแต่ละวัน สมมติเราอยากเรียนอันนี้ให้ทะลุแจ้งไปเลย เราไม่สามารถทำได้

เราทำได้แค่ว่าทำอันนี้ให้ดีที่สุดแล้วจำว่าต้องทำยังไง เราฝึกจากงานภาคสนามจริงๆ ก็จะใช้เวลานานนิดนึง สมมติเราอยากจะทำเครื่องตัวนี้เป็น เราก็ต้องรอเครื่องตัวนี้มาแล้วก็ทำซ้ำๆ ไปจนกว่าจะคล่อง

ถนัดเป็นพิเศษ จริงๆ ต้องบอกว่า ถนัดเรื่องของงัดยาง งานเบสิค มายเชื่อว่า ช่างทั่วๆ ไปก็ถนัดเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นในจำพวกเครื่องที่ถนัด ส่วนใหญ่จะถนัดตระกูล Honda Wave125 Wave110i ประมาณนี้ จะสันทัดมากกว่า



คนอื่นทำเป็นค่ะ พี่สาวหนู 2 คนทำรถเป็นทุกอย่าง เขาก็มีครอบครัวแล้ว พวกเขาอาจจะมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าเรา เขาก็เลยอยากทำงานในสิ่งที่เขาอยากจะทำ แต่ว่าจุดที่อยู่ตรงนี้ มายสบายมากเลย เพราะมายเองก็อยากทำ”

ดังคำกล่าวที่ว่า “นักรบย่อมมีบาดแผล” เพราะกว่าที่ช่างสมาย จะเป็นช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่เชี่ยวชาญอย่างทุกวันนี้ ก็มีเรื่องที่ทำให้เจ็บตัวอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดนั้น ถึงขั้นต้องเย็บนิ้วไป 8 เข็มเลยทีเดียว!!

“อุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุดเป็นตอนที่หนูกระทุ้งโช้ก มันจะเป็นเหล็กแหลม แล้วโช้กหน้ามันจะเป็นกระบอก หนูก็ต้องกระทุ้งให้มันลงเพื่อให้มันจับหน้ากัน วันนั้นหนูกระทุ้งพลาด โช้กไม่ได้เข้าเหล็กแหลมแต่นิ้วหนูเข้า มันเถือหนังหลุดไปเป็นทรงสามเหลี่ยม เนื้อด้านในนิ้วฟูออกมาเป็นสีชมพู โดน 2 มือ เย็บไป 8 เข็ม มันก็อันตรายนิดหน่อย แต่มีประสบการณ์ก็ไม่กระทุ้งพลาดแล้ว (หัวเราะ)

แต่ถ้าเกิดเป็นเล็กๆ น้อยๆ มีบ่อยมากๆ ค่ะ เป็นตอนลูบยางตรวจตัวตำ ตัวทิ่ม ก็จะโดนข่วน โดนบาดบ้าง แล้วแต่ว่ามันคมขนาดไหน เราต้องใช้มือรูด ต้องรูดหนักๆ ด้วย บางทีมันโผล่มานิดเดียวเราอาจจะไม่รู้สึก อันนี้แผลใหม่ล่าสุดเลย (โชว์นิ้วที่ถูกขูด) ก็ขูดไปแล้วรอยนึง ถ้าเราทำบ่อยๆ ก็จะรู้ เราเจอแล้วเราต้องชักมือออกให้ทัน ไม่งั้นมันก็จะเลือดออก ประสบการณ์มันจะบอกเราเองว่าต้องระวังตัว”



และการที่เธอเป็น “ช่างผู้หญิง” ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ในช่วงแรก ลูกค้าอาจจะไม่เชื่อมั่นทั้งในด้านฝีมือและด้านพละกำลัง แต่ช่างสมายก็ไม่ละความพยายาม เพียรพิสูจน์ตนเองจนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาในที่สุด

“มันจะเป็นเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ถ้าเกิดเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะถามหาพ่อ ถามย้ำกับเราว่าทำได้จริงใช่มั้ย หรือแค่รับรถ เคยมีผู้หญิงคนนึงขี่รถเข้ามา อยากจะถ่ายน้ำมันเครื่อง มายก็เป็นคนรับงาน ทีนี้มายติดคิวถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ก่อนหน้านี้ เขาก็เลยฟึดฟัดประมาณว่า ผู้หญิงทำรถมันจะช้า ไม่ทำแล้ว แล้วก็ขี่รถออกไปเลย

เพราะว่าเราเป็นผู้หญิง หลายๆ คนเขาก็อาจจะไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเราเท่าไหร่ กลัวแรงเราขันแล้วไม่ถึง ต่างๆ นานา เราก็พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าด้วย เราต้องเร่งให้คนเขาเห็นว่าเราทำงานไว ทำงานดี เนี้ยบ ถ้าเกิดเขายังไม่ได้ลองให้เราทำหรือเขายังไม่ได้ดูผลงานเรา การตัดสินใจจากสิ่งที่เห็นก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกอยู่แล้ว

หนูเชื่อว่า การพูดคุยแบบตรงไปตรงมาเป็นอะไรที่ดี หนูก็เลยจะคุยและอธิบายให้ลูกค้าทราบ ช่วงแรกๆ หนูอาจจะพูดไม่ค่อยเก่ง พอเริ่มอธิบายได้ ก็จะอธิบายให้ลูกค้าฟังว่ามันเป็นอย่างนี้นะ สาเหตุมันเป็นอย่างนี้ ลูกค้าจะต้องใช้รถและดูแลรถตามแบบนี้ด้วย
เราอธิบายให้เขาเข้าใจว่าจริงๆ แล้ว มันอาจจะไม่ได้พังก็ได้ถ้าคุณไม่ใช้งานแบบนี้ ไม่ใช่แค่ซ่อมแล้วส่ง เพราะถ้าเกิดซ่อมไปวันนี้แล้วเขาเอากลับไปใช้แบบเดิม มันก็จะมีโอกาสที่พังอีก เราก็เลยบอกวิธีแก้ให้เขาด้วย เขาจะได้ใช้ได้ถูกต้อง”

แต่งตัวแบบไหน ก็ไม่ควรมีใครถูกคุกคาม!!

แม้งานช่างจะเป็นอาชีพที่ต้องพร้อมเลอะตลอดเวลา แต่ด้วยความที่เป็นคนรักสวยรักงาม ทำให้เวลาแขกไปใครมาที่ร้าน จะพบว่าช่างสาววัย 22 ปีผู้นี้ สวยจัดเต็มอยู่เสมอ

รักสวยรักงามแน่นอนอยู่แล้วค่ะ เลอะได้ตั้งแต่คอลงไปแต่หน้าอย่าเลอะนะคะ หวงมากค่ะ (หัวเราะ) ถ้าปกติก็จะมัดรวบผม เก็บให้เรียบร้อย แต่หน้าก็จะแน่นมาก บางทีถ้าไปถ่ายงาน กลับมาก็คือเล็บยาวมาก นั่งงัดยาง เปลี่ยนยาง ใส่ยาง ก็จะมีเป็นบางครั้งเหมือนกัน เคยไว้เล็บยาวทีแต่คนเป็นห่วงกลัวเล็บฉีก



ยังเป็นตัวเราอยู่ค่ะ เล็บทาสีตามปกติทุกอย่าง ไม่เสียดายเลยค่ะ เพราะมองว่ามือเลอะก็ล้างมือได้ เล็บหักก็ทำใหม่ได้ มันไม่ใช่อะไรที่ติดตัวเราไปตลอด ก็แต่งสวยอยู่ร้าน (หัวเราะ)

หนูไม่รู้ว่าใครจะมา ออกมาหน้าสดลูกค้าถาม ‘น้องสมายไม่สบายเหรอ’ เปล่า ไม่ได้แต่งหน้า บางทีมีรายการเขาไม่ได้นัดมาก่อน มาถึงก็ถ่ายเลย หนูก็พร้อมค่ะหน้าแน่นมาก (หัวเราะ)”

การรับงานซ่อมของที่ร้านนั้น นอกจากจะต้องระวังตัวจากเครื่องไม้เครื่องมือช่างที่อาจทำให้เจ็บตัวแล้ว เธอก็ยังต้องคอยระวังตัวจากผู้ประสงค์ไม่ดีที่แฝงตัวมาในคราบของลูกค้าอีกด้วย

“ตอนนั้นโควิดยังไม่ระบาด เคยมีลูกค้าอายุมากหน่อย เขาก็จะ.. ‘น้องมายมาดูจานหน้าให้หน่อยเหมือนมันจะเบี้ยวๆ ส่ายๆ’ มายก็ตั้งขาตั้งคู่แล้วก็หมุนล้อดู เขาก็ประกบหลัง หน้าเข้ามาใกล้ๆ ตอนที่เจอหนูปลีกตัวออกมาแล้วให้พ่อเป็นคนทำแทน เพราะถ้าเราอยู่ต่อเขาก็คงจะคิดว่าเราอาจจะชอบ แต่เราไม่ชอบไง เขาน่าจะรู้สึกตัวเพราะหนูก็กระชากตัวเองหลบ”

เธอยอมรับว่า ตนเองเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งกายแนว sexy แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่คนคนหนึ่งจะถูกคุกคาม หรือถูกโยนความผิดให้ว่าเพราะแต่งตัวโป๊เองจึงถูกกระทำไม่ดี สิ่งที่ควรทำคือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน



“ส่วนตัวหนูเป็นผู้หญิงแต่งตัวแรง แต่งตัวจัดจ้าน แต่เราอยู่ในพื้นที่ของเรา ไปไหนก็จะมีแม่ไปด้วยตลอด เราเองก็โตแล้ว ในเรื่องของหน้าร้าน หนูก็จะทำรถแล้วก็จะลุยๆ มอมๆ ไม่ได้นุ่งสั้น เปิดบ่า ผ่าอก แต่ถ้าเราไปถ่ายแบบหรือไปเที่ยว ไปกับครอบครัว เราอาจจะแต่งได้เต็มที่ เพราะมันเหมือนมาชดเชยในสิ่งที่เราไม่ได้มีในช่วงเวลานึง ก็ต้องแยกส่วนกัน

หนูเจอบ่อยมาก ‘ไหนทำรถโชว์นมชัดๆ’ จริงๆ ผู้หญิงแต่งตัวแบบไหนมันเป็นสิทธิของผู้หญิงนะคะ สิ่งที่คุณควรทำคือไม่ควรมองจ้องแบบน่าเกลียด ไม่ควรจะใช้สายตาลวนลามใครอยู่แล้ว แม้กระทั่งคำพูดเองก็ไม่ควร

ตั้งแต่แฮชแท็ก #nobra หนูก็เป็นคนออกมาพูดตลอดว่า เราควรจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผู้ชายเองไม่ใส่กางเกงใน ใส่บ็อกเซอร์ เดินไปหน้าปากซอย หนูยังไม่มองเลย เพราะฉะนั้นคุณเองก็ควรให้เกียรติเราด้วย

สำหรับคนที่อาจจะมองเหยียดผู้หญิง อยากจะบอกว่าเก็บความคิดของคุณไว้ในสมองก็พอแล้ว ถ้าโพล่งออกมาคนอื่นเขาไม่ได้แค่รู้สึกไม่ดี แต่เขาจะมองคุณเป็นคนไม่ดีไปด้วย

มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอาชีพอะไร มายก็ไม่ได้อยากให้ผู้ชายคนไหนทำ อีกอย่างนึง ถ้าไม่ได้เจอมายแต่ว่าไปเจอคนที่หัวรุนแรงก็อาจจะมีเรื่องมีราวมีปากเสียงกันได้ ไม่ควรทำดีกว่า”

ไม่เพียงแค่ประสบการณ์การถูกคุกคามจากหน้าร้านเท่านั้น ช่างคนสวยยังเล่าเพิ่มเติมถึงการถูกคุกคามผ่านโลกออนไลน์ที่แย่ไม่แพ้กัน จนเคยถึงขั้นแจ้งความร้องทุกข์มาแล้ว



“แต่ก่อนเราจะเคยได้ยินผู้ชายบีบแตรแซว มันน้อยลง แต่ตอนนี้กลายเป็นการลวนลามผ่านทางออนไลน์มากขึ้น เป็นการลวนลามผ่านการใช้การพิมพ์มากขึ้น อันนี้มายมองว่าก็ยังไม่ดีอยู่ดี มันเป็นการคุกคาม อย่าทำเลยดีกว่า

เจอมีมาบอก ‘น้องมายครางชื่อพี่หน่อย’ หนูก็บอกว่า ‘พี่คะ พี่ต้องแหกตาดูว่าหนูนั่งทำเครื่องอยู่’ แล้วตอนนั้นหนูก็ไม่ได้เปรี้ยวขนาดนี้ด้วย ถ้ามาตอนนี้หนูจะฟาดให้หนักกว่านี้อีก จัดการทันทีค่ะ แต่ว่าพวกนี้บล็อกไปแล้วเขาก็สมัครมาเล่นใหม่ เราก็ทำได้เต็มที่แค่บล็อกค่ะ บางคนโรคจิตก็คือโรคจิตจริงๆ

เรามีอินบ็อกซ์ในช่องทางต่างๆ เขาจะใช้คำพูดจาลวนลามมาเลย น้องมายอย่างนั้นอย่างนี้ สวยหุ่นดีมาก เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปอวัยวะเพศส่งมา หนูก็… ช็อก ไม่รู้จะทำยังไง ไม่อยากพิมพ์ด่าเพราะรู้ว่าคนแบบนี้ว่าไปก็เท่านั้น เขาไม่รู้สึก บางทีเขาอาจจะรู้สึกเสียวซ่านด้วยก็ได้เวลาเราด่ากลับ ก็เลยบล็อกไป ไม่วายสมัครแอคเคาท์มาใหม่อยู่ดี อันนี้ไม่รู้จะแก้ไขยังไง

จริงๆ แล้วเคยแจ้งความค่ะ แต่เราไม่สามารถจับเขามาเพื่อปรับทัศนคติได้ หรือว่าเรียกมาคุยได้ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่แจ้งความ บล็อกไปเลยดีกว่าค่ะ”

ออฟไลน์-ออนไลน์ ก็ซ่อมได้

ช่างซ่อมคนสวย ยังได้เล่าต่อถึงเส้นทางชีวิตตนเอง ด้วยความที่เป็นคนคุยเก่งจึงกลายมาเป็นอีกทักษะที่สามารถต่อยอดทำงานอื่นๆ มาจุนเจือครอบครัวได้อีกทาง และความสำเร็จที่ได้มาในทุกวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีผู้ที่เชื่อมั่นใจตัวเธอคอยให้การสนับสนุน ทั้งสปอนเซอร์ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ต่างๆ และผู้ติดตามบนเพจ “สมายการช่าง”

“ถ้าเป็นแต่ก่อนก่อนหน้าโควิด ลูกค้าจะนั่งใกล้ๆ เพื่อที่จะได้คุยเมาท์มอย ถามสารทุกข์สุขดิบเกี่ยวกับรถ บางทีทำรถอยู่ คุยไปคุยมาเป็นญาติกันเฉยเลย (หัวเราะ) มีคนรู้จักเรามาประมาณ 4 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ก็จะเริ่มมีงานรีวิวสินค้า ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ ยาง น้ำมันเครื่อง หัวเทียน ต่างๆ นานา เรามีฐานสปอนเซอร์ด้วย เราก็คัดสรรมาแล้วว่าสินค้าที่เรานำมาโปรโมตเป็นสินค้าที่ดีและได้คุณภาพ ก็เลยกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ



ในส่วนของเพจทำมาประมาณปีนิดๆ ค่ะ ลูกค้าหลายๆ คนตามมาจากไลฟ์สด เขาบอกว่าชอบที่เราอธิบาย ชอบที่เราบอกปัญหาต่างๆ นานา แจกแจงให้ฟัง อย่างผู้หญิงบางทีฟังจากช่างผู้ชายแล้วอาจจะไม่เข้าใจ หนูคุยกับลูกค้าสไตล์เป็นตัวเองเลย ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้แทบจะไลฟ์ทุกวันเลย แต่พอเป็นโควิด ทำงานหน้าร้าน แล้วมีการพูดคุย เดินไปเดินมา ใส่มาสก์ด้วย อาทิตย์เลยก็จะมี 2-3 วันแทน เพราะพูดเป็นต่อยหอยเลยค่ะ ใส่แมสก์แล้วหายใจไม่ทัน (หัวเราะ)

ช่วงนี้มันเป็นช่วงโควิดด้วย เพราะฉะนั้นการไลฟ์สดตอบสนองมากๆ ลูกค้าสามารถดูผ่านไลฟ์สดได้เลย อะไรเสีย สมายจะหยิบขึ้นหน้ากล้องให้ดู แล้วก็สรุปไฮไลต์อีกทีแต่ว่าบางอย่างถ้าเกิดเขาถามผ่านไลฟ์มา เราไม่ได้เห็นรถ เราไม่ได้ฟังเสียง ไม่ได้ดูหน้างานเอง อันนี้เราประเมินได้แค่เบื้องต้น อาจจะไม่ได้ถูก 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณากันอีกที”

นอกจากงานด้านการซ่อมรถแล้ว ช่างคนสวยยังมีผลงานในวงการบันเทิงอีกด้วย เธอยืนยันว่า แม้จะมีงานอื่นเข้ามาแต่ก็จะไม่ทิ้งอาชีพที่สืบทอดมาจากพ่ออย่างแน่นอน



“ก็จะมีเล่นซีรีส์เรื่อง บ้านนามหานคร ออนแอร์ทางช่อง 5 ตอนนี้สามารถดูได้ใน LineTV งานซีรีส์สมายจะไม่ค่อยได้รับมาก เพราะช่วงนี้มันเป็นช่วงโควิดด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นงานออกอีเวนต์กับบริษัทต่างๆ ที่เป็นสปอนเซอร์ ออกบูธ ซึ่งตอนนี้ก็เบรกอีกแล้วเพราะโควิด

งานในวงการบันเทิงถ้ามีก็อยากทำค่ะ เป็นคนชอบลองแล้วก็หาอะไรใหม่ๆ ทำอยู่เสมอ ถ้าเกิดมีใครสนใจก็บอกได้ แต่ตรงนี้ไม่อยากทิ้ง จริงๆ เป็นอาชีพที่พ่อเป็นคนทำไว้ให้ตั้งแต่เริ่ม แล้วเรามาสานต่อ มายคิดว่ามายจะไม่หันเหไปทางใดทางหนึ่งเพราะมายสามารถทำได้หลายๆ อย่างพร้อมกัน มันสามารถไปด้วยกันได้ค่ะ”

เมื่อบทสนทนาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย ช่างสมายก็ได้ฝาก “ร้านเหิรการช่าง” กิจการของครอบครัว เผื่อใครก็ตามที่สนใจอยากไปซ่อมกับเธอ โดยร้านตั้งอยู่ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาของรถจักรยานยนต์ ก็สามารถขอความรู้ได้ที่เพจ “สมายการช่าง”



“ที่ร้านสมายถ้าเปลี่ยนยางในตั้งแต่เบอร์ 200-250 ร้านสมายเริ่มที่ 100 บาท ขนาดล้ออยู่ที่ 17 แต่ถ้าเป็นขอบ 14 ก็จะเริ่มต้นที่ 120 บาท ขอบ 13 เริ่มต้นที่ 130 บาท ถ้าเกิดเป็นยางนอกเบอร์ 200-250 จะอยู่ที่ 320 บาทค่ะ ว่ากันตามไซส์เบอร์ไป แล้วก็ถ่ายน้ำมันเครื่องเริ่มต้นที่ 100 บาท สูงสุด 160 บาท จะอยู่เรทราคาประมาณนี้

ทางร้านของสมายเน้นสินค้าที่มีคุณภาพดี ได้มาตรฐาน เป็นสินค้าโรงงานได้รับการรับรอง มายมั่นใจว่า สินค้ามายโอเค เราอยากให้ลูกค้ามาทำกับเรา คุยง่ายๆ สบายๆ ตรงนี้ก็จะเป็นจุดขายของเรา ร้านไม่มีวันหยุดถ้าเกิดไม่มีเหตุจำเป็น แต่หลังๆ ช่วงโควิดมันจะเงียบ ทางร้านก็เลยจะมีหยุดวันอาทิตย์ครึ่งวันบ่ายค่ะ

ร้านเปิดอยู่ที่จังหวัดนครปฐม อำเภอนครชัยศรี สี่แยกไฟแดงสาย 8 ทางมาโรงนม ใครมาไม่ถูกสามารถเสิร์จได้ “ร้านเหิรการช่าง” หรือถ้ามาไม่ถูก สามารถอินบ็อกซ์เข้ามาในเพจเพื่อสอบถามเส้นทางได้ค่ะ

ใครที่อยากจะติดตามสมาย ก็สามารถติดตามผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ เฟซบุ๊ก “Chutikan Heradisai” ใครอยากติดตามเพจก็ติดตามได้ที่เพจ “สมายการช่าง”ค่ะ (ยิ้ม)”





View this post on Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





สัมภาษณ์: ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ: วชิร สายจำปา
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพเคลื่อนไหว: อิสสริยา อาชวานันทกุล, กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม: เฟซบุ๊ก “สมายการช่าง” และ “Chutikan Heradisai”
ขอบคุณสถานที่: ร้าน “เหิรการช่าง” พุทธมณฑลสาย 8 อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **






กำลังโหลดความคิดเห็น