ฮอตกว่าแดดประเทศไทย! “แดดดี้ภาสวีร์” คุณพ่อ “น้องมีเธอ” ดาว Tiktok คนสวย ที่ทั้งหล่อและแซ่บจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือคนอายุ 56 แล้ว กับเรื่องราวชีวิตในบทบาท คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวและเจ้าของบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เผย “มีเธอ สร้างแรงบันดาลใจให้เราเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้”
“แดดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ”
“ใน Tiktok คลิปเป็นไวรัล ที่ทำให้เกิดกระแสขึ้นมา ก็คือพี่อยู่บ้านแล้วก็ถอดเสื้อ เขาก็ถ่ายคลิปนั้นเอาไปลง แคปชันของคลิปนี้ประมาณว่า “ใครบอกว่าหน้าเหมือนพ่อ แต่ไม่เห็นจะเหมือนเลย”เป็นคลิปแรก แล้วก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นเพื่อนกันบนเฟซบุ๊ก เขาก็เอาไปแชร์ต่อ ก็ทำให้มีการแชร์ต่อกันไปเยอะมาก”
หนุ่มใหญ่บุคลิกภูมิฐาน ผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าผู้สัมภาษณ์คือ “ตูน - ภาสวีร์ ลพอุทัย” คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 56 ปี ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาดูอ่อนกว่าวัย ประกอบกับรูปร่างสุดฟิตแอนด์เฟิร์ม ที่ทำเอาคนหนุ่มเห็นแล้วยังต้องอิจฉา และไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคนวัยใกล้เกษียณแล้ว
ทำให้ทันทีที่เขาได้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่วินาที ในคลิปวิดีโอบนแอปพลิเคชัน Tiktok ของลูกสาว “น้องโนวเนม - มีเธอ ลพอุทัย” ชื่อบัญชี @meturr ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.4 ล้านคน ก็ทำเอาคุณพ่อผู้นี้โด่งดังเป็นพลุแตกไม่แพ้ผู้เป็นลูก จนอาจกล่าวได้ว่า เขาคือคุณพ่อที่แซ่บที่สุดใน พ.ศ.นี้!!
คุณพ่อดาว Tiktok ย้อนเล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้ตนเองกลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้ ให้แก่ทีมข่าว MGR Live ได้ฟังว่า เดิมทีทั้งคู่เป็นพ่อลูกที่สนิทกันมากอยู่แล้ว เมื่อตนเองต้อง Work from Home และลูกสาวต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์
ประกอบกับลูกสาวเล่น Tiktok อยู่ก่อนแล้ว มีเวลาว่างตรงกันจึงชวนผู้เป็นพ่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์ ปรากฏว่า ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด
“จุดเริ่มต้นมาจากที่ลูกสาวพี่เขาเรียนออนไลน์ อยู่บ้าน ก็มีเวลาที่จะเล่นกับพี่มากขึ้น ปกติก็สนิทกันมากอยู่แล้วเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว พี่ก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวและมีความสนิทสนมกับลูกสาวแทบทุกเรื่อง
ช่วงนั้นงานที่ออฟฟิศไม่มีประชุม ไม่ได้เข้าออฟฟิศมาหลายเดือนแล้ว เราใช้ประชุมออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แล้วลูกสาวเขาเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน พี่ก็เลยมีเวลาอยู่บ้าน เล่นกับลูกมากขึ้น
พี่ไม่เคยรู้จัก Tiktok มาก่อน เพิ่งมารู้จักตอนที่เขามาเล่น การที่เขาไปทำช่อง Tiktok วัยรุ่นสมัยนี้เขาอยากได้ผู้ติดตามเยอะๆ เวลาที่เอาพ่อไปถ่ายด้วย ดันขายออก เขาก็เลยเรียกใช้ใหญ่เลยเดี๋ยวทำอย่างนี้นะ เดี๋ยวพ่อเล่นอย่างนี้นะ เขาเป็นทั้งผู้กำกับ ทั้งตัดต่อ ทั้งสร้างคอนเทนท์ ทำอะไรเอง
แต่โดยส่วนตัว เมื่อก่อนเวลาเราไปทานข้าว ขับรถ ตอนเราทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น เขาก็ชอบถ่ายรูปพี่เอาไปลงโซเชียลฯ บ้าง ถ่ายเป็นคลิปไปลงไอจีบ้างเนื่องจากว่าเรา 2 คนเป็นพ่อลูกที่สนิทกันมาก เขาไม่มีแม่ มีพี่เป็นทั้งเพื่อน เราก็เล่นกับเขาไปด้วย”
การเล่น TikTok นั้น นอกจากจะเป็นการได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูกสาวแล้ว ยังถือเป็นเปิดโลกให้คุณพ่อผู้นี้ให้กว้างไกลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“จากที่เราทำงานอยู่ในมุมของเรา อยู่ในวงการของเราคืออสังหาริมทรัพย์ บริษัท Realty One Estate (Thailand) ตัวพี่เองก็เป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงเฉพาะในวงการอสังหาฯเท่านั้น เราทำงานด้านนี้ เวลาไปสัมมนาเราก็มีกิจกรรม เต้นๆ กระโดดๆ อะไรพวกนี้อยู่
พี่ว่าเป็นผลดีนะเรามีคนรู้จักมากขึ้น ตอนนี้ก็เปิดโลกทัศน์ ไปเข้าวงการที่เป็นสื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะเราทำงานด้านที่จะต้องมีคอนเนกชัน แล้วก็มีการปฏิสัมพันธ์ ก็สนุกดีเพราะว่ามีเวลาว่าง แล้วก็ได้ทำกิจกรรมกับเขาด้วย แต่ถ้าเปิดเทอมคงน้อยลง เพราะเขาต้องกลับไปเรียนเหมือนเดิม”
หลังจากแจ้งเกิดในวงการ Tiktok เป็นที่เรียบร้อย ชาวเน็ตทั้งหลายก็ได้มอบฉายา “แดดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ” ให้เขา ในฐานะที่เป็นคุณพ่อสุดฮอตนั่นเอง
“ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้หรอก แด๊ดดี้ในความหมายของเขาคืออะไร ตอนแรกก็เข้าใจว่าคือแค่พ่อ แต่ว่า Daddy หรือ Sugar daddy ก็เพิ่งมารู้ตอนที่เข้าวงการ มันแปลว่า …(นิ่งคิด) ถ้าภาษาไทยอาจจะเรียกว่า “ป๋า” ป๋าที่มีน้องๆ เด็กๆ น่ารักๆ อะไรแบบนี้ แล้วคำว่า “ทิพย์” พี่ก็เพิ่งมารู้ ทิพย์คือจินตนาการไม่ใช่ของจริง อะไรประมาณนี้ ได้ศัพท์ใหม่มาเยอะ
พี่ก็มองดูตัวเอง ไม่คิดว่าใครจะเรียกว่าพี่ อาจจะเรียกว่าคุณพ่อก็ได้ บางคนเรียกเราว่าลุงนะ แต่เป็นลุงที่ยังมี six pack อยู่ จะโอเคมั้ย ลุงก็ได้ แล้วแต่จะเรียก แต่เราเป็นคนที่ดูแลสุขภาพ”
“พ่อ-เพื่อน-พี่” เป็นทุกอย่างให้(มี)เธอแล้ว
นอกจากนี้ แดดดี้ตูน ยังได้เปิดเผยที่มาของชื่อลูกสาวที่ตนเองเป็นผู้ตั้ง ให้แก่ผู้สัมภาษณ์ได้ทราบ ซึ่งชื่อ “มีเธอ” ฟังดูเรียบง่าย ทว่าน่ารักสะดุดหู และมีความหมายชัดเจนในตัวเอง
“หลายคนถามมากเลยว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่ามีเธอ เราก็ตั้งตามความรู้สึกเรา ไม่ได้ตั้งชื่อด้วยความคิด เป็นลูกของเรา เป็นเลือดเนื้อของเราที่เกิดจากเรา
เพราะมีความสามารถทำให้คนคนนึงเกิดขึ้นมาได้ มันจึงเป็นที่มาของชื่อลูกสาว “มีเธอ” พี่มีเขา เขาเลยชื่อมีเธอ พอมีลูกแล้ว ชีวิตก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ มาจากการมีเธอขึ้นมา ความรับผิดชอบเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น คุณพ่อผู้นี้มีสถานะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ในขณะที่น้องมีเธออายุได้เพียง 5 ขวบ จึงทำให้เขาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและเพื่อนของลูกสาวตั้งแต่นั้นมา
“คนภายนอกถ้าไม่รู้ก็คิดว่าเราเจ้าชู้จนผู้หญิงเลิก ไม่ใช่ เป็นเพราะเราดูแลเขาไม่ดีพอ ดังนั้น ไม่ใช่ความผิดของแม่เลยที่แม่เขาเลิกไป เขาก็ต้องการมีอนาคตที่ดีของเขา และขณะนั้นเราไม่สามารถซัปพอร์ตและให้เขาได้
พี่โชคดีอย่างหนึ่ง ที่เขาเห็นเหตุการณ์ที่แม่เขาเลิกไป เขาจะได้ไม่โทษแม่ เพราะเขาเห็นเหตุการณ์มาตลอด เป็นความผิดของเราที่ผู้ชายต้องดูแลผู้หญิงให้ดี แต่เราดูแลไม่ดีพอ ซึ่งพี่ก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าเราไม่สามารถประคับประคองให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
และอีกเรื่องก็คือ พ่อแม่พี่ก็แยกทางกัน ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับลูกของเรา แต่ในที่สุดเราก็ไม่สามารถทำได้ ก็เป็นความผิดของเราที่เราต้องรับผิดชอบ ดังนั้นพี่ก็จะต้องเป็นให้ได้ทุกอย่าง ในความเป็นพ่อแม่ด้วย และเป็นเพื่อนของเขาด้วย”
สาวน้อยเติบโตมาจากการเลี้ยงดูของคุณพ่อ จึงทำให้เธอมีบุคลิกที่ห้าวๆ ลุยๆ ติดตัวมา แต่ขณะเดียวกัน แม้จะสนิทสนมกับคุณพ่อมากเพียงใด แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นคือเรื่องของผู้หญิงๆ ที่น้องมีเธอต้องอาศัยคำปรึกษาจากคุณแม่แทน
“เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว การเลี้ยงลูกมันก็จะไม่นิ่มนวลอ่อนหวานเหมือนกับแม่เลี้ยง เพราะคุณแม่เขาเลิกกับพี่ไปตั้งแต่อายุ ร่วม 5 ขวบ พี่ก็เลี้ยงตั้งแต่นั้นมา ตอนเด็กๆ มีพี่เลี้ยง มีช่วงนึงเขาจะพูดภาษาใต้ได้ พี่เลี้ยงเป็นคนใต้ พูดภาษาพม่าบางคำ เพราะช่วงนั้นพี่เลี้ยงเป็นพม่า และพี่เลี้ยงที่เขารักมากที่สุด เป็นคนลาว เขาก็จะกินส้มตำเป็น กินเผ็ดๆ ได้
เขาเลี้ยงไม่ยาก ตอนนี้ก็ 20 แล้ว เขาเป็นคนแข็งๆ บุคลิกลักษณะ รวมถึงท่าเดิน เขาจะเดินแบบผู้ชาย เคยให้เขาดูเวลาที่ถ่ายคลิป “เนี่ยหนูเป็นผู้หญิง เดินแบบนี้ไม่ได้” อันนี้ยกตัวอย่าง อยู่ที่การที่เราเอาใจใส่เขา พี่ก็จะพยายามมีส่วนร่วม พยายามให้ดีที่สุด
พี่ให้คำปรึกษาเขาได้ทุกเรื่อง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ชาย เป็นทั้งคุณพ่อ ก็จะได้ข้อดีในเรื่องของความใกล้ชิด เพียงแต่เราเป็นคุณแม่ให้ไม่ได้ในมุมที่ให้คำปรึกษาเรื่องผู้หญิง ซึ่งตรงนี้เราก็บอกให้ไปปรึกษาแม่ เพราะยังติดต่อกับแม่อยู่
พี่ก็บอกเขาว่า เรื่องการเรียนในมหาลัย ทางด้านวิชาการ เฉพาะด้านนั้นๆ หนูเรียนได้หมด แต่ด้านการใช้ชีวิตในโลกภายนอก หนูไม่สามารถหาที่ไหนได้ ทำให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของผู้หญิง”
ในเมื่อมีลูกสาวสวยขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบเป็นธรรมดา ซึ่งคนเป็นพ่อเอง ก็มีคำแนะนำถึงเรื่องนี้แก่ลูก โดยให้ดูตัวอย่างจากตนเอง ทั้งในเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ควรทำ
“เขาจะรู้เห็นเหตุการณ์มาตลอดว่า พี่ประพฤติไม่ดีเรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับผู้หญิง ยกตัวอย่างไว้ว่า หนูเองก็เห็นแล้วว่าไม่ดี ผู้ชายชอบอะไร หวังอะไรจากผู้หญิง เวลามีผู้ชายเข้ามาติดต่อกับหนู มาจีบหนู หรือผู้ชายเขาหวังอะไรจากหนู หนูก็รู้ ดูจากพ่อเป็นตัวอย่างในสิ่งที่ไม่ดี เพราะพี่ไม่ใช่ว่าดีซะทุกอย่าง ในบางเรื่องเขาก็จะรู้เอง
อย่างเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องผู้ชาย พี่ก็ไม่ปิดกั้นแต่เราก็ดูห่างๆ เราก็คุยกับเขา แล้วเขาก็ปรึกษาพี่ตลอด ถ้าเราสนิทและใกล้ชิด มีอะไรเขาจะปรึกษาได้ทุกเรื่อง รวมไปถึงลักษณะสเปกของผู้ชายด้วย เขาไม่ใช่คนหมวย ไม่ได้ชอบผู้ชายตี๋ เขาชอบผู้ชายที่มีสเปกลักษณะเดียวกับพี่ คือชอบผู้ชายดูเข้มๆ คมๆ อายุไล่เลี่ยกัน
ผู้ชายก็เหมือนนกยูง เวลาจะจีบผู้หญิงต้องโชว์ เรื่องโปรโมชัน นกยูงมันชอบรำแพนหางแล้วก็โชว์หางให้ตัวเมียได้เห็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการหาคู่ อย่างพี่ก็เหมือนกัน มีรถสปอร์ตหรูๆ ในส่วนนึงจะบอกว่าเป็นความชอบ แต่ส่วนหนึ่งก็เหมือนนกยูง
เพราะฉะนั้นหนูก็ต้องดูและวิเคราะห์ให้ดี หนูไม่จำเป็นต้องเลือกคนรวยมาตั้งแต่ต้น เพราะความรวยมันสามารถสร้างได้ เพราะพ่อก็ไม่ได้รวยมาก่อน แต่ควรเป็นผู้ชายที่มีอนาคต”
โชคดีที่มี “มีเธอ”
คุณพ่อภาสวีร์ กล่าวต่อว่า การเกิดมาของน้องมีเธอ เปรียบได้กับของขวัญอันแสนวิเศษ เพราะเธอคือแรงผลักดันให้ผู้ชายคนหนึ่ง หันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น
“ถามว่าตอนนั้นตกใจมั้ยที่จะมีลูก ตกใจนะ อีกใจก็อยากมี แต่อีกใจก็รู้สึกว่า ความสนุกสนานของเรามันจะหมดไปรึเปล่า พอมีลูกแล้วชีวิตความเป็นหนุ่มต้องจบแน่ๆ
ดังนั้นพอมีแล้ว มันก็ทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก จากตอนนั้นที่ทำงานมาเท่าไหร่เที่ยวอย่างเดียว ทำงานมาเพื่อเที่ยว เพื่อสนุกสนานเฮฮา เพื่อสังสรรค์ เพื่อปาร์ตี้ สูบบุหรี่ ดื่ม เที่ยว กิน ดื่มสังสรรค์ก็เลิกเลย เลิกบุหรี่เพราะมีผลกับลูกเรา
อย่างในเรื่องของความรับผิดชอบ การทำมาหากิน เป้าหมายในอนาคต ความมุ่งมั่นในการทำงาน การทำงานก็ดีขึ้น Mindset ในการตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือความรู้สึกที่เราจะสร้างชีวิตก็เปลี่ยนไป หลังจากที่มีเธอแล้ว ถือว่าเขาเป็นของขวัญที่สร้างมาให้ชีวิตเราเปลี่ยน”
ด้วยความที่ต้องเลี้ยงเพียงคนเดียว จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้พ่อคนนี้หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลลูกสาว ตลอดจนไม่ให้เป็นภาระของลูกในอนาคต
“การที่เราหันมาดูแลสุขภาพ เพราะว่ามีกันแค่ 2 คนแล้วตอนที่ดูแลสุขภาพ เขายังเรียนไม่จบ พี่เองก็ขอให้อย่าเพิ่งตาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ แบบนักฟุตบอลวิ่งอยู่กลางสนามแล้วตายเลย จะทำยังไง เราต้องออกกำลังกาย ไม่มีไขมัน เส้นเลือดอุดตัน ศึกษาเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพ
ตอนนี้เขายังไม่มีครอบครัว ยังไม่สามารถทำงานหรือว่าสามารถดูแลตัวเองได้ ก็ต้องเป็นเราเท่านั้น เพราะแม่เขามีแฟนใหม่แล้ว มีลูกใหม่แล้ว ถึงแม้จะมีการติดต่อกันบ้าง เพราะว่าแม่ลูกกัน แต่ว่าแม่เขาก็ต้องไปดูแลสามี ไปดูแลลูกเขา ไปดูแลครอบครัว ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไปตอนนี้ ใครจะดูแลเขา อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราหันมาดูแลสุขภาพตนเอง
ส่วนหนึ่งดูแลสุขภาพไว้เพื่อไม่ให้เป็นภาระเขา เพราะถ้าเกิดว่าในอนาคตเขามีครอบครัวแล้ว มีลูกต้องดูแล นอกจากเรามีเขาคนเดียว เขาก็มีเราคนเดียวเหมือนกันที่เป็นญาติจริงๆ ที่เป็นพ่อจริงๆ
ถ้าเขามีครอบครัวแล้ว แล้วเราไม่ดูแลสุขภาพ ป่วย แล้วเขาจะไม่มาดูแลได้มั้ย พี่ว่าคงไม่ เขาคงแบ่งเวลาตรงนั้นมาดูแลเราอีก เป็นภาระเขาอีก”
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ก็ทำให้คุณพ่อผู้นี้หันลุกขึ้นมาปฏิวัติตนเอง โดยเริ่มจากการเข้าฟิตเนส แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ขึ้น ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายตามฟิตเนสดังเดิมไม่ได้ เขาจึงซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ในบ้าน
“ประมาณ 3 ปีที่ดูแลอย่างจริงจังช่วงนั้นก็มีเพื่อนสนิทคนนึง เขาออกกำลังกาย ไปเข้าฟิตเนส เข้าไปไม่ค่อยได้เล่น มันชวนไปคุยมากกว่า ไป 2 ชั่วโมง เล่นซักประมาณ 15 นาที นอกนั้นคุย ตอนนั้นก็ออกกำลังกายบ้างแล้ว
ตอนนี้ฟิตเนสปิด พี่ก็ถือว่าลงทุนไปแล้ว ยกไปแล้ว กลับมาอยู่บ้านก็เลย เอาไงดีวะ ก็เลยซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ที่บ้าน ทีนี้มีเครื่องออกกำลังกายไว้ที่บ้าน เราต้องเล่นต่อ ไม่ได้มาทำงาน อยู่แต่กับบ้าน ก็เลยออกกำลังกายที่บ้าน
เกือบทุกวัน”
และยิ่งต้องมาเป็นส่วนหนึ่งในคลิปวีดิโอของลูกสาวแบบนี้ ก็ยิ่งต้องให้คุณพ่อสุดฮอต ต้องฟิตหุ่นให้ดูดีอยู่เสมอ
“โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเอาพี่ไปเล่น Tiktok แล้วต้องถอดเสื้อ ตอนนั้น (กล้ามเนื้อ) ยังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ ตอนหลังเขาบอกว่า พ่อต้องพัฒนาสินค้าให้มากขึ้นนะ ทำให้มียอดวิวเพิ่มขึ้นนะ พัฒนาสินค้าเพราะพ่อขายออก
คือไม่ได้บอกว่าพ่อต้องไปออกกำลังกาย ไม่ได้ชี้นิ้วสั่ง แต่จะแกล้งๆ ถาม วันนี้พ่อไม่เล่นเวทเหรอ ไม่ออกกำลังกายเหรอ ก็จะรู้แล้วว่าเขากระตุ้นให้ไปเล่น เล่นเสร็จแล้วเดี๋ยวมาถ่ายกับหนูนะ พ่อต้องถอดเสื้อด้วยสิ ก็ถามต้องถอดด้วยเหรอ คนดูไม่เบื่อเหรอ เขาให้ถอดเสื้อ เพราะที่เป็นไวรัลเยอะๆ ก็ถอดเสื้อ
ดังนั้นอยู่ออกกำลังกายเพื่อดูแลเขา แล้วก็ถ้าเราแก่ตัวไปมากๆ สมมติพี่อายุยืนหน่อย 70-80-90 เป็นอนาคตที่เราไม่รู้ แล้วเราป่วย เราไม่มีใคร เขาก็ต้องเสียเวลาเป็นภาระเขาอีก ไม่ต้องเป็นภาระของเขาจะดีที่สุด”
ขอแก่อย่างมีคุณภาพ
การมีสุขภาพที่แข็งแรงและรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม ในวัยใกล้แตะเลข 6 ของแด๊ดดี้สุดฮอต นอกจากจะเป็นผลดีต่อตนเองแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรอบตัวให้กันมาดูแลสุขภาพเช่นกันอีกด้วย
“ช่วงนี้พี่มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น ถ้าไม่ออกกำลังกายพี่ก็จะเฉาๆ ซึมๆ ไม่สดใส ไม่สดชื่น มันเป็นที่มาของคำว่าแก่เร็วเราต้องแก่อย่างมีคุณภาพ ในอนาคตเรื่องของอายุ มันจะไม่เหมือนคนรุ่นก่อน เพราะว่าคนหันมาใส่ใจดูแลเรื่องของสุขภาพมากขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความภูมิใจของพี่ก็คือ ตัวพี่อาจจะทำให้อีกหลายๆ คน หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น อย่างวิ่งในหมู่บ้านเมื่อก่อนรุ่นๆ เดี๋ยวนี้พอเห็นพี่เป็นแบบนี้ เริ่มมีเฮียออกมาวิ่งในหมู่บ้านมากขึ้น ดีเหมือนกัน”
สำหรับเคล็ดลับการดูแลตนเองให้ดูอ่อนกว่าวัยของคุณพ่อวัยใกล้เกษียณผู้นี้ นอกจากการออกกำลังกายกับเครื่องออกกำลังกายแล้ว เขายังใช้การ cardio เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ที่นอกจากจะช่วยเรื่องของสุขภาพแล้ว ยังส่งให้บุคลิกภาพกระฉับกระเฉง ลดอายุลงได้หลายสิบปี
“ไลฟ์สไตล์ของพี่คือ ชอบ cardio ชอบวิ่ง ชอบเล่นกีฬา แต่ว่าไม่ได้มีกล้าม แล้วเราก็ไม่ได้อยากจะเล่นให้มันใหญ่เหมือนนักกล้าม อยากเล่นให้ดูดี พอดูสวยงามเท่านั้นเอง ก็เพื่อสุขภาพด้วย เพราะยังไงเรื่องของสุขภาพมันสำคัญมาก
การย้อนวัยมันทำได้ มันต้องเริ่มต้นตั้งแต่บุคลิกภาพ บุคลิกคนแก่กับบุคลิกภาพคนหนุ่มสาว คนแก่จะมีบุคลิกภาพอีกอย่าง
วิธีเริ่มต้นง่ายๆ ของการเปลี่ยนหรือย้อนวัย ทำได้เริ่มตั้งแต่บุคลิกภาพเลย ง่ายๆ เลยวิธีการออกกำลังกาย คือการทำ cardio จะทำให้เรารู้สึกสดใสมากขึ้น พอเรารู้สึกสดใสมากขึ้น กระฉับกระเฉง คล่องแคล่วว่องไว
แต่ถ้าสัปดาห์ไหนที่เราไม่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะคนสูงอายุ แล้ว จะซึม จะเฉา พอเฉาก็จะดูเหมือนแก่ ดังนั้นการ cardio มันก็จะทำให้เรากระชุ่มกระชวย บุคลิกภาพมันก็จะเปลี่ยน”
อีกทั้งเรื่องอาหารการกินก็เป็นปัจจัยสำคัญ ยิ่งคนวัยนี้ที่ระบบเผาผลาญดีไม่เท่าคนหนุ่มสาว คุณพ่อเลือกใช้วิธี IF เพื่อกำหนดช่วงเวลารับประทานอาหาร
“ศึกษาเรื่องการคุมอาหารมากขึ้น แล้วก็ทำ IF กินเป็นช่วงเวลา ควบคุมระยะเวลาการกินอาหาร โดยพื้นฐานแล้วพี่เป็นคนชอบกินของหวาน ชอบกินขนม IF มันก็ช่วยได้เยอะ
แต่ก็ยังมีชีทเดย์ วันไหนที่อยากจะกินก็กิน ฮันนี่โทสต์ ขนมหวาน ไอศกรีม ของโปรดพี่ โดยเฉพาะช่วงวัยนี้มันต้องดูแลเป็นพิเศษ จะเผาผลาญได้น้อยลง
แล้วก็เรื่องของกล้ามเนื้อถ้าจะสร้างหุ่นนะ มันต้องเข้มข้นในการดูแลตัวเองมากขึ้น การเล่นเวทกล้ามเนื้อ อาจจะขึ้นไม่ง่ายเหมือนกับเด็กวัยรุ่น เพราะว่ากล้ามเนื้อของผู้ใหญ่ในวัยนี้จะขึ้นช้าแล้วก็สลายไว ก็ต้องดูแลทุกส่วน”
และในขณะนี้ ประเทศไทยและทั่วโลก กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะร่างกายที่แข็งแรงของประชาชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาประเทศชาติ
“ในต่างประเทศ เรื่องสาธารณสุข ในหลายๆ ประเทศเขาให้ความสนใจเรื่องนี้ การที่มีคนออกกำลังกายมันทำให้เกิด Productivity มากขึ้นในเรื่องของการทำงานต่างๆ สังเกตดูได้ถ้าเราออกกำลังกายแล้วจะเฟรช มันก็จะสดใสมากขึ้น มีแรงในการทำงาน ทำให้การทำงานของเราดีขึ้น
ไม่ได้พูดเวอร์ มันเป็นเรื่องจริง หลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาให้ความใส่ใจประชาชน โดยเฉพาะตอนนี้เป็น Aging society ดังนั้นต้องมาดูแลประชาชนทั่วไป หรือมีนโยบายภาครัฐมาให้ความใส่ใจ เพราะมันมีผลเกี่ยวเนื่องเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ
และที่สำคัญที่สุด การออกกำลังกาย ไม่เจ็บป่วย แก่อย่างมีคุณภาพ คำว่าคุณภาพคือไม่เป็นภาระของใคร ไม่เป็นภาระต่อครอบครัว ไม่เป็นภาระต่อสังคม ไม่เป็นภาระของสาธารณสุขประเทศ ที่จะต้องเอางบประมาณมาดูแลตรงนี้มากขึ้น แทนที่จะเอาไปดูแลในส่วนอื่นๆ”
แดดดี้ภาสวีร์ ยังฝากถึงคนที่ยังไม่หันมาดูแลตัวเอง อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะหากให้ความสำคัญกับสุขภาพ ยังไงก็ต้องจัดสรรเวลามาออกกำลังกายได้แน่นอน
“ถ้าไม่ออกกำลังกาย มันจะมีภาวะพวกนั้น (วัยทอง) มากขึ้น และคนสูงวัยจะมีเรื่องของการพักผ่อน การนอนหลับ ออกกำลังกายทำให้นอนหลับสบาย ถ้าไม่ได้ออกจริงๆ หลายๆ วัน ทั้งบุคลิกภาพ ทั้งความคิด ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งอนุมูลอิสระอะไรต่างๆ ไม่เป็นผลดีเลย
อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ไม่มีหรอก เป็นข้ออ้างมากกว่า บอกว่าไม่มีเวลาแสดงว่าเราไม่ให้ความสำคัญกับมัน เวลามันสร้างได้ ถ้ามันมีความสำคัญ
แล้วก็เรื่องของการออกกำลังกาย มันมีผลเกี่ยวเนื่องกับงานนะ มีผลเกี่ยวเนื่องกับวิชาชีพหรือการใช้ชีวิต พื้นฐานของคนที่จะทำธุรกิจ ต้องมีไอเดียหรือความคิดดีๆ เกิดจากสมอง มันสร้างได้จากวิธีคิดที่ดี จิตใจที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงทั้งนั้น ถ้าป่วยไปจะทำยังไง ต้องดูแลสุขภาพ”
อีก 1 บทบาท “เจ้าของธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์”
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะอยากทราบว่าคุณพ่อสุดฮอตผู้นี้ประกอบอาชีพอะไร ซึ่งความจริงนั้น ชื่อของ ภาสวีร์ ลพอุทัยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะโด่งดังจากคลิป Tiktok ของลูกสาวมานานแล้ว
“พี่ทำอาชีพเกี่ยวกับ Real estate มา 20 ปีแล้ว บริษัท Realty One Estate (Thailand)ทำเกี่ยวกับเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ด้านการลงทุน ด้านการซื้อทรัพย์ ซื้อมาขายไป รับซื้อ จดทะเบียนกับบริษัทร่วมทุนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น มี mini developers เป็นโครงการจัดสรร
อีกส่วนนึงเป็นเรื่องของการอบรมการทำการตลาดด้านการขาย หรือพูดง่ายๆ ว่านายหน้า agent เพื่อที่จะขายทรัพย์ของเราที่มี รับฝากขายบ้านมือสอง อบรมด้านการตลาด การขาย
โดยเฉพาะด้านการตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวกับ real estate agent ในการวิเคราะห์ทรัพย์ วิเคราะห์ด้านสินเชื่อต่างๆ ซึ่งเป็นวงจรในการทำการตลาดแล้วก็การขายทรัพย์ทั้งหมด ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง บ้านที่รับซื้อมาและขายไป
ตรงนี้บริษัทเราที่ทำถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านทรัพย์ เป็นฟันเฟืองตัวนึง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นฟันเฟืองตัวใหญ่ แต่ก็มีความสำคัญในการขับเคลื่อนในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ซึ่งต่างประเทศเขาก็ให้ความสำคัญในด้านนี้”
นักธุรกิจหนุ่มใหญ่กล่าวต่อไปว่า ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูกมาก็มาก แต่ก็ได้แรงใจสำคัญก็คือ “น้องมีเธอ”จึงทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาได้ และตอนนี้คุณพ่อก็พร้อมให้การสนับสนุนในเส้นทางที่ลูกสาวเลือกเดินเช่นกัน
“สมัยก่อนที่มีเขาใหม่ๆ เริ่มจากเราเป็นพนักงานขายตัวเล็กๆ คนนึง แล้วก็มีความรู้มากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น เราก็เอาประสบการณ์ของเรามาหลอมรวมเป็นธุรกิจ ในแบบที่เรารู้ข้อดีและข้อเสีย จะรู้วิธีการขาย วิธีการทางการตลาดต่างๆ ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็เหมือนจะเปิดร้านอาหาร ต้องรู้ตั้งแต่พนักงานเสิร์ฟในครัว หลังบ้านจนถึงหน้าร้าน
รวมถึงเราจะต้องรู้ถึงความต้องการของนายหน้า หรือแม้กระทั่งการขายว่าจริงๆ แล้วต้องการอะไร เพราะพี่ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วเปิดกิจการเลย เราทำเป็นทุกอย่าง เรารู้เทคนิคทุกแง่มุมของธุรกิจนี้มาก่อน จึงสามารถทำธุรกิจนี้เติบโตมาได้ ก็เป็นตัวผลักดันมาจนถึงปัจจุบัน มีเธอ สร้างแรงบันดาลใจให้เราเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้
ดังนั้น Tiktok ก็เหมือนเป็นธุรกิจเขาเลยนะ มีรีวิวอะไรต่างๆ เข้ามา พี่ก็ให้การสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขารัก ในสิ่งที่เขาชอบ ณ ตอนนี้ เขาอยากทำก็ให้การสนับสนุนเต็มที่”
สุดท้าย แดดดี้ภาสวีร์ ได้ฝากขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม ตลอดจนทุกกำลังใจที่ส่งให้กัน และหลังจากนี้ก็อาจมีโอกาสได้พ่อลูกสุดฮอตคู่นี้เห็นในช่องทางอื่นนอกจาก Tiktok เพราะล่าสุด มีแมวมองเชิญชวนทั้งคู่เข้าสู่วงการบันเทิงแล้วอีกด้วย
“เขาแค่ติดต่อเข้ามาว่าสนใจไปแคสต์มั้ย มีงานโฆษณา แล้วก็ละคร แดดดี้สนใจมั้ย ก็บอกไปว่าเราไม่มีความรู้ด้านนี้เลย เราประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ Real estate แต่ถามว่าให้ไปทำ ทำได้นะ เพราะขนาดลูกให้แต่งเป็นผู้หญิงพี่ยังทำได้เลย ให้ไปเล่นพี่ก็ทำได้แหละ แต่ว่ายังก่อน ของพี่แค่สอบถามมาเฉยๆ แต่ตอนนี้ลูกสาวพี่เขาเซ็นสัญญากับทางแกรมมี่แล้ว
ก็ฝากขอบคุณ คอมเมนต์แต่ละคอมเมนต์เข้ามา ชอบอ่าน เพลินแล้วก็มีความสุขดี แล้วก็คอนเทนต์หยอดๆ แหย่ๆ เล่นๆ ก็อ่านหมด ทุกคนน่ารักมากเลย
ฝากติดตามฝากติดตามช่องของลูกสาว ช่องของมีเธอ เพราะเขาก็ตั้งใจมาก เขามีความสุขกับการทำตรงนี้ในช่วงวัยนี้ เราก็ส่งเสริมเขาได้ตลอด คุณพ่อก็จะเป็นส่วนหนึ่งในคลิปของน้องตลอด ถ้ายังสามารถเอนเตอร์เทนได้และมีเวลา ก็จะพยายามมาทำให้เต็มที่ครับ”
สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพ : อินสตาแกรม @meturr และเฟซบุ๊ก “ภาสวีร์ ลพอุทัย”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **