xs
xsm
sm
md
lg

เจาะใจ “สไปร์ท” แร็ปเปอร์วัย 15 ระดับอินเตอร์!! เจ้าของสถิติ “ศิลปินไทยรายแรกที่ติดชาร์ตเพลงโลก” [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใครด่าว่าเป็นเพลงขยะก็ไม่สน เปิดใจ “สไปร์ท-ศุกลวัฒน์” แร็ปเปอร์น้องใหม่อนาคตไกล วัย 15 ปี ดีกรีผลงานระดับโลก ทั้งความสามารถ และสไตล์ที่เท่อย่างน่าสนใจ จนสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการเพลงไทย ด้วยการติดชาร์ต “Billboard Global” พร้อมเล่าเส้นทางความฝันตั้งแต่เด็ก ที่ต้องแบ่งเบาภาระครอบครัว เรียกว่าเป็นเด็กเก่ง ยอดกตัญญู จนทำให้โดดเด่นในวันนี้



แร็ปเปอร์ไทย ดังไกลระดับโลก!!

“พี่ไม่มี Louis Vuitton มีแต่หนี้ก้อนโต นวลน้องคงน้ำตานอง เพราะต้องช่วยพี่ออกค่าคอนโด อยู่กับพี่น่ะมันลำบากนะ หรือว่าน้องจะทน………น้องไม่ชอบคนทะเล้น เเต่เธอบอกชอบคนเต้นระบำ ๆ ๆ”

ปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับเพลง “ทน” ผลงานเพลงของแร็ปเปอร์น้องใหม่มาแรง ของ “SPRITE x GUYGEEGEE” จากค่ายเพลงน้องใหม่ “HYPE TRAIN” ที่มีเนื้อเพลงติดปาก ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียลฯ เป็นอย่างมาก และยังมีการนำเพลงนี้ไปใช้แอปพลิเคชัน TikTok กว่า 1 ล้านคลิป

ล่าสุดเพลง “ทน” ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการเพลงไทย ด้วยการติดชาร์ต Billboard Global อันดับที่ 89 จากบรรดาเพลงทั่วโลก (ยกเว้นในอเมริกา) ซึ่งเป็นการรวบรวมเพลงฮิตที่มีผู้ฟังจำนวนมาก จากนอกสหรัฐอเมริกามารวมไว้บนชาร์ต เรียกได้ว่าเพลงแรกของไทย เนื้อร้องภาษาไทย ที่ติดชาร์ตเพลง Billboard Global ยอดสตรีมสูงกว่า 20 ล้านครั้งนับตั้งแต่เปิดเพลงมา นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการฮิปฮอปไทย

สุดปังขนาดนี้ ไม่รอช้า ต้องรีบคว้าตัวมาพูดคุยกันทันที สำหรับ สไปร์ท-ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ วัย 15 ปี แร็ปเปอร์น้องใหม่มาแรง ที่น่าจับมอง ทั้งความสามารถ ลูกเล่นแพรวพราว และสไตล์ที่เท่อย่างน่าสนใจ

หลายคนอาจเคยได้เห็นเขาผ่านตามาบ้างจากรายการ ไมค์ทองคำเด็ก, ซูเปอร์เท็น ซีซั่น 2 ทางช่อง Workpoint 23
และที่ทำให้เขากลายเป็นแร็ปเปอร์รุ่นใหม่อนาคตไกลน่าจับตามอง คือ การเข้าร่วมประกวดของเขาในรายการ “Show Me The Money Season 2” สามารถคว้ารองแชมป์ของรายการมาได้สำเร็จ

ฮิตกันต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้ยอดผู้ชมในปัจจุบันมีถึง 90 กว่าล้านครั้ง ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน และมีท่าทีว่ายอดวิวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกลคนนี้ เขาเปิดใจถึงความภาคภูมิใจในครั้งนี้ว่า ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าจะได้ดังไกลขนาดนั้น

“ก็รู้สึกดีใจมากครับ ตอนนั้นผมก็ทำเพลงอยู่ในห้อง แล้วอยู่ดีๆ ก็มีพี่ทักเข้ามาในไลน์บอกว่าได้ขึ้นบิลบอร์ด ตอนแรกผมก็ไม่รู้จักหรอกว่ามันคืออะไร ก็ไปๆ มาๆ พี่ก็อธิบายให้ฟังว่าเป็นเหมือนกับที่ฟังเพลงทั่วโลกอะไรแบบนี้ครับ ก็อ๋อ แต่ก็ยังไม่ได้ดีใจนะครับ เพราะผมไม่รู้จักตอนแรก แต่ตอนนี้ก็อ๋อมันคือนี่เหรอ

เป็นเพลงไทยเพลงแรก ติดอันดับที่ 89 ครับ ก็ดีใจครับเรียกได้ว่าเป็นนักร้องระดับโลกไหม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ (หัวเราะ) ก็แค่มีคนฟังเพลง ก็ไม่ได้ระดับโลกอะไรขนาดนั้น”

นอกจากนี้ เขายังเล่าความเป็นมาของเพลงนี้ ที่สามารถขึ้นชาร์ตเพลงฮิตระดับโลกได้ว่า เพลงนี้สะท้อนชีวิตหลายๆ คน และเป็นภาษาที่คนสามารถเข้าใจง่าย

“ตอนที่ทำผมก็คิดว่ามันก็อาจจะมีคนฟัง เพราะว่ามันก็น่าจะสะท้อนชีวิตใครหลายๆ คน เพราะมันเป็นคำภาษาพื้นบ้านอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าคนจะเข้าถึงง่าย น่าจะมีคนฟัง แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะขึ้นเร็วขนาดนี้ แล้วก็ติดบิลบอร์ดด้วย

วันนั้นก็อยู่ที่สตูครับ ก็ว่างๆ กัน ผมก็ลองทำบีทกัน ก็ฮัมเพลง ลองฟรีสไตล์ก็ได้ฮุกนี้มา หลังจากนั้นพอทำฮุกนี้เสร็จ ก็คิดว่าฮุกนี้มันเหมาะกับพี่กาย เพราะว่าผมก็อยู่กับพี่กาย รู้สไตล์ทำเพลงของพี่กาย ก็เลยคิดว่าพี่กายน่าจะเหมาะกับแนวนี้ ปั่นๆ กวนๆ ก็เลยได้พี่กายมีฟีเจอร์ริ่งด้วย ก็จนทำเพลงจนเสร็จ”


หนุ่มน้อยวัย 15 ปี ยังเล่าอีกว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะมีแฟนเพลงยังคงชอบ และติดตามแนวเพลงของเราอยู่ พร้อมพยายามทำผลงานออกมาให้ชมอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

“พ่อแม่ก็ยินดีมากครับ ก็ทำเพลงมาจนวันหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเพลงผมจะไปติดบิลบอร์ดด้วย ส่วนแฟนคลับก็ยินดีเยอะอยู่ครับ ก็มาคอนเมนต์ในเฟซบุ๊กแบบว่า เก่งมาก

ก็อยากจะขอบคุณน้องๆ  FC พี่ๆ แฟนคลับทุกคนที่คอยฟังเพลง และก็กดติดตาม และคอยแชร์เพลง เอาเพลงของผมไปเต้นใน TikTok เพราะว่าถ้าไม่มีพี่ๆ น้องๆ เหล่านี้ ผมอาจจะไม่มีคนฟังเพลง อาจจะไม่ติดบิลบอร์ดก็ได้ครับ

เพราะส่วนมากก็มาจากคนที่เขาทำเพลงเราเนี่ยแหละครับ จนทำให้ผมมีตอนนี้ได้ เพราะคนฟังเพลง ต้องขอบคุณ”


“เพลงขยะ” เจอคำดูถูกสารพัด

แม้จะเป็นแร็ปเปอร์หน้าใหม่ที่มาแรงในขณะนี้ ก็เคยเจอคำดูถูกมามากมาย เจอคอมเมนต์ด่าว่าเป็น “เพลงขยะ” ก็เคยเจอมาสารพัด แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะคิดว่ายังมีคนที่ชื่นชม และแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจอีกมากมาย

“เมื่อเช้าผมตื่นมาผมเพิ่งเจอ ด่าผมเยอะมากครับ บางอันที่มันมีประโยชน์กับเราที่ผมอ่านแล้ว เอามาใช้ได้ ผมก็จะเก็บไว้นะ แต่ว่าบางอันที่มันไม่ใช่เรื่อง ผมก็ไม่สนใจครับ

มีคนมาคอมเมนต์เพลงแล้วบอกว่า เพลงนี้ดีนะแล้วก็มีรูปขยะมา อะไรว่ะเนี่ย ก็เยอะจนผมชินแล้วก็ปล่อยผ่านครับ เพราะผมคิดว่ายังมีน้องๆ แฟนคลับที่เขายังฟังเพลงผม

ส่วนในวงการแร็ปเปอร์ไม่มีใครดูถูกเลยครับ ถ้าพี่ในวงการเขาจะเทคแคร์เรา น้องทำเพลงเหรอ เขาก็จะดูแลเรา”

พิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้ แม้จะเจอคำด่าก็ไม่เคยท้อแท้ ยิ่งทำให้ฮึดสู้ต่อไป และรู้สึกภูมิใจมากที่มีคนชื่นชมหลายล้านคนขนาดนี้

“ถ้าบางคนเขาแบบว่าเราด้วยความแนะนำเรา ผมว่าเขาอาจจะมองว่าทำได้แล้ว แต่บางคนที่เขาด่า ที่มันไม่ได้มีเหตุผลที่ต้องด่า ผมว่าเราทำอะไรไปเขาก็ไม่สนใจหรอกครับ เขาก็ด่าเหมือนเดิม

รู้สึกภูมิใจที่วันหนึ่งเราทำเพลงแล้วมีคนฟังเพลงเราเยอะขนาดนี้ ตอนนี้อาจจะเป็นก้าวๆ เล็กๆ มั้งครับ มันก็ยังอีกยาวไกล เพราะผมเพิ่งอายุแค่นี้เอง มันอาจจะไม่ได้สำเร็จอะไรขนาดนั้น แต่ก็พอใจในระดับหนึ่งครับ และผมก็คิดว่ามันก็น่าจะไปได้อีกเยอะ”


ทำงานเดินตามความฝันตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังต้องเจอคำดูถูกสารพัด ทำให้เด็กชายวัย 15 ปี คนนี้ได้เรียนรู้รู้โลกกว้าง และเขายอมรับว่า ทำให้ตัวเองเติบโตขึ้น และขใจสังคมมากขึ้น

“ก็รู้สึกว่าโตขึ้นครับ แล้วก็เข้าใจสังคมแบบนี้มากขึ้น ได้เจอพี่ๆ ในวงการ ได้เรียนรู็วิธีการทำเพลงของพี่ศิลปินคนอื่นอีก ก็ได้เจอเยอะแยะเลย เพราะพี่ๆ เขาก็มาอัดเพลงกับพี่นีโน่ที่สตู ก็ได้เจอ ได้รู้ว่าพี่คนนี้เขาทำเพลงแบบนี้ พี่คนนี้ทำแบบนี้ อะไรแบบนี้ครับ

ไม่คิดว่าตัวเองจะแต่งเพลงได้ เมื่อก่อนผมเขียนเพลงไม่เป็นเลย ตอนนี้ก็รู้สึกดีใจที่เขียนได้ด้วยตัวเอง”

แน่นอนว่ายอดวิวมากมายถล่มทลาย รายได้ก็คงมหาศาลเช่นกัน เรียกได้ว่า มีรายได้ตั้งแต่เด็กกันเลยทีเดียว
“ก็เยอะครับ แต่ก็ไมได้มากเท่าไหร่ มันมีค่าเอ็มวีที่ต้องลงทุนไปอีก”


 และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกล ได้ส่งผลงานของตัวเองออกไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลก

ก่อนหน้านี้ ยังเป็นศิลปินไทยที่ได้รับเลือกให้ร่วมขับร้องบทเพลงจากภาพยนตร์อนิเมชันดิสนีย์เรื่อง “Raya and the Last Dragon” ร่วมกับศิลปินเอเชียชื่อดังจากประเทศอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์

“อันนี้ก็เป็นเพลง “Trust Again” ก็แต่งเองหมดเพลครับ เป็นเพลงที่ร่วมร้องกับพี่ๆ อีก 4 ประเทศ ที่มีใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องรายา
ก็รู้สึกดีใจมากครับ เพราะผมก็ดูหนังดิสนีย์มาตั้งแต่เด็ก ดูการ์ตูนตอนเช้า ผมก็ดูจนวันหนึ่งจะได้ทำงานร่วมกัน แล้วก็ทำเพลงให้กับภาพยนตร์หนังของดิสนีย์

อาจจะคิดว่า เป็นเพราะว่าเราพรีเซ็นต์ความเป็นลูกทุ่ง ทำให้เขาอยากใช้ภาษาไทยของเราเข้าไปในนั้น

อันนี้แต่งครึ่งชั่วโมงครับ ตอนที่พี่เขาส่งมาบอก ผมก็ต้องรีบแต่งเลย เพราะผมกลัวเขาตัดสิทธิ์เรา (หัวเราะ) ผมก็เลยรีบๆ ทำ รีบๆ ส่งกลับไปให้เขา”


จุดเริ่มนักร้องลูกทุ่ง สู่แร็ปเปอร์อนาคตไกล

แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกล วัย15 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้น โดยมาจากการชื่นชอบเพลงลูกทุ่ง จนสุดท้ายไม่คิดว่าจะทำให้มีคนฟังเพลงเยอะขนาดนี้

“มันเกิดมาจากการเป็นนักร้องครับ ผมไปฟังเพลงลูกทุ่ง แล้ววันนั้นผมผัดกับข้าว ใครที่เห็นคลิปผมใส่ชุดลูกเสือแล้วก็ผัดกับข้าว แล้วคนก็ถูกใจเยอะมาก จนนานไปก็ได้ไปออกรายการโน่นรายการนี้ จนมาถึงตอนนี้

ก็ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาทำเพลงอะไรแบบนี้ได้ เพราะเมื่อก่อนผมก็ขายของตามงานวัด ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีเพลงที่คนฟังเยอะขนาดนี้ ตอนนั้นร้องเพลงเสรีขอพร ของเสรี รุ่งสว่าง แบบสิบนิ้วพนม..... แล้วก็ผัดๆ ตอนนั้นน่าจะอายุ 12-13 ปี ตอนเด็กเลย เรียนอยู่ ป.6 มั้ง

เริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุ 11-12 ปี อันนั้นเริ่มที่จะร้องเล่นๆ แต่พอมาเขียนเพลงของตัวเองจริงๆ จังๆ น่าจะเป็น 13-14 ปี ช่วงนี้คือมานั่งเขียนเลย”

ยกย่อง ปู่จ๋าน ลองไมค์เป็นไอดอลในการนำเพลงลูกทุ่งมาผสมกับแร็ปเปอร์ได้อย่างลงตัว ทำให้รู้สึกว่าเท่ และไม่เหมือนใคร จนเป็นที่มาให้ผันตัวสู่วงการแร็เปอร์จนถึงทุกวันนี้

“มาจากลูกทุ่งก่อน ตอนที่ฟังเพลงลูกทุ่ง ผมไปเจอพี่ปู่จ๋าน ลองไมค์ ผมฟังแล้วชอบพี่เขามากเลย เพราะว่าเขาเอาลูกทุ่งที่เราชอบฟังอยู่แล้วกับแร็ปมาใส่กัน มันเท่ แล้วมันก็ไม่เหมือนใคร ผมก็เลยชอบ

ตอนนั้นชอบพี่ปู่จ๋าน แค่มองพี่เขาเป็นไอดอลเฉยๆ ครับ แบบว่าเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง ก็ยังอยู่ในไอดอลตลอดมา”


จนในที่สุดทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการเข้าร่วมแข่งขันรายการ Show Me the Money Thailand 2 ในปี 2563 ที่สามารถคว้ารองแชมป์ของรายการมาได้สำเร็จ

“จากคลิปลูกเสือร้องเพลงผัดข้าวที่คนรู้จัก ก็มีรายการซุปเปอร์เท็น ไมค์ทองคำ ก็ติดต่อมาให้ไปออกรายการ เราก็ไปออกมาแล้วครับ พอคนเริ่มมารู้จักก็ไปรายการ Show Me The Money Season 2 แล้วก็จนมาถึงตอนนี้ครับ

ก็มีคิดว่าลองส่งคลิปไปดีกว่า ส่งไปออดิชั่น แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมาก คนเก่งที่เขาแร็ปจริงๆ มันมีเยอะมาก ผมก็เลยลองส่งไป ถ้าเกิดว่าได้ไปก็ทำให้เต็มที่ จนมาถึงรองแชมป์

ผมคิดว่าอาจจะเพราะตรงนั้นด้วยที่ผมไปสมัครโชว์มีแล้วทำเพลงในรายการแล้วเพลงในรายการมันดัง”

ด้วยความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ฉายแววทำให้โปรดิวเซอร์มือทองอย่าง นีโน่-เกริก ชาญกว้าง ชักชวนให้เข้ามาเป็นศิลปินในค่าย

“ก็ตอนนั้นที่ผมผัดกับข้าวลูกเสือ แล้วออกรายการซุปเปอร์ 10 แล้วคุณพ่อกับคุณแม่พี่นีโน่ เขามาเจอผม ก็รับผมมาดูแล เพราะเห็นผมลำบากด้วย แล้วก็ช่วยเหลือครอบครัวผม

จนวันหนึ่งพี่นีโน่ทำค่าย “HYPE TRAIN” ผมก็อยู่กับพ่อแม่พี่นีโน่อยู่แล้ว ก็อยู่กับพี่โน่ด้วย ก็อยู่เหมือนครอบครัวมาตั้งแต่แรก ก็เลยได้เข้าค่าย “HYPE TRAIN” ด้วยครับ

ก็ตัดสินใจมาเลย เพราะมันคือโอกาสเดียวสำหรับผมแล้ว เพราะพี่นีโน่ก็ทำเพลง และมีชื่อเสียงมาก ตอนแรกก็ตกใจครับว่าใครเขามาชวนเรา นึกว่าเขาหลอก แต่ที่ไหนได้ของจริง ก็ดีใจครับที่ได้มาอยู่ที่นี่แต่แรก วันแรก”

ครอบครัวพร้อมซัปพอร์ตเต็มที่ให้ลูกชายเดินตามฝันได้อย่างสำเร็จ จนทำให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกอยู่ตอนนี้

“พ่อแม่ผมก็สนับสนุนเต็มที่ ไม่ได้ห้าม ช่วยด้วยบางที พ่อผมก็มีบอกบ้างว่าต้องแต่งเพลงแบบนี้นะ แต่พ่อผมก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย พ่อผมบอกมั่วๆ แต่ก็มีแนะนำ ผมก็เข้าใจที่พ่อบอกนะ

บ่อยครั้งที่พ่อจะบอกให้แต่งแบบนี้สิ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมาก เห็นผมทำของผมได้ ก็แค่บอกเฉยๆ แต่งแบบนี้สิ”


อายุเป็นเพียงตัวเลขพร้อมพิสูจน์ความสามารถ

“มันไม่เกี่ยวกับอายุหรอก ผมว่าใครๆ ก็ทำได้ แต่อยู่ที่ว่าจะทำไหม หรือบางคนที่อาจจะทำอยู่ แต่ยังไม่มีชื่อเสียง เราต้องขยัน เราต้องดิ้นไปหางานเราต้องกระเสือกกระสนไป

มันก็ต้องมีวินัยในตัวเอง แรกๆ ผมก็ทำไม่ได้หรอก ก็บ่นว่าเหนื่อย แต่เริ่มไปนานๆ ก็เริ่มชิน ว่านี่มันเป็นหน้าที่เรา

ผมก็คิดว่ามันก็เร็วมากนะครับสำหรับผม ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะมีคนฟังเพลงผมเยอะขนาดนี้ เพราะเมื่อก่อนผมก็ทำเพลงนับนั่งวิวได้เลยนะครับ พันสองพันวิวเอง (หัวเราะ) คือตอนนี้คนฟังเยอะมาก ก็รู้สึกดีใจมากครับ”

นอกจากนี้ แร็ปเปอร์วัย 15 ปี ยังเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานในแต่ละครั้งว่า ส่วนใหญ่มาจากตัวเอง และพบเจอในโลกโซเชียลฯ

“แรงบันดาลใจจากตัวผมเองล้วนๆ เลย ส่วนมากก็คิดเอง หรือไม่ก็มาจากการพบเจอ และก็มาจากที่เลื่อนผ่านโซเชียลฯ เห็นเขาเป็นแฟนกัน เราก็เห็นโน่นเห็นนี่เราก็สามารถหยิบไปใช้ได้ ส่วนใหญ่ก็ในชีวิตประจำวัน เพราะส่วนใหญ่ประสบการณ์ผมก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น”

ยอมรับว่า แต่ละเพลงที่มียอดเข้าชมถึงหลายล้านวิว คาดหวังทุกเพลงว่าให้ไปถึงจุดนั้น หากเพลงไหนไม่ตรงตามเป้าหมายก็ยอมรับได้ เพราะอยากนำเสนอตัวตนผ่านเพลง อยากให้คนรู้ความหมายเพลงที่สื่อออกไปมากกว่า

“ส่วนมากที่ปล่อยออกมาก็หวังทุกๆ เพลงเลยครับ เพราะว่าเราก็อยากทำเพลงมา ในเพลงของเรา อยากให้คนเข้าใจเพลงของเรา อยากให้คนรู้ความหมายเพลงของเรา อยากให้คนฟังเราเยอะๆ แค่นั้นครับ

หวังทุกเพลง มันก็มีบางเพลงที่ตรงเป้าหมายที่เราวางไว้ กับอีกอันหนึ่งมันก็อาจจะไม่ตรงอะไรแบบนี้ครับ”


แน่นอนว่า วงการแร็ปเปอร์ทุกวันนี้มีหน้าใหม่มาให้ได้เห็นกันเรื่อยๆ แต่แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกลคนนี้มองว่า ทุกคนมีจุดด่น และแนวเพลงเป็นของตัวเอง และเขามองว่าบางทีเขาเองอาจจะไม่ใช่แร็ปเปอร์ด้วยซ้ำ เป็นเพลงแค่คนทำเพลงแค่นั้นเอง

“ผมคิดว่ามันต้องเป็นตัวของตัวเองครับ แล้วเราต้องมีลายเซ็นของตัวเอง เพราะว่าอย่างผมร้องลูกทุ่งแล้วก็ทำแร็ปด้วย ถึงคนจะว่าอะไร แต่ผมก็ชอบแบบนี้ของผม และผมก็คิดว่ามันก็จะมีหน้าใหม่ขึ้นมาอีก สมมติพอหมดจากผมก็อาจจะมีอีกสไปร์ทหนึ่งมา แต่ไม่ใช่สไปร์ทแบบนี้นะ แล้วก็ทำสไตล์ใหม่

ผมก็ไม่รู้ว่าของผมสไตล์ไหน บางทีผมอาจจะไม่ใช่แร็ปเปอร์ ผมเป็นคนทำเพลงแค่นั้นเอง

ผมคิดว่าเพลงผมมันอาจจะเข้าใจง่าย แล้วมันก็เข้าถึงคนฟังได้ง่าย คนฟังทีเดียวก็อาจจะรู้เรื่องเลย เพราะว่าไม่ได้มีภาษาที่สละสลวยแค่ฟังแล้วเข้าใจ”


การที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ มีบ้างบางทีที่รู้สึกว่าดังแล้วลืมตัว แต่ก็มองว่าหากจะทำนิสัยเช่นนั้น คงอยู่วงการนี้ได้ไม่นาน

“ผมก็มีบ้างในบางครั้งนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ผมก็คิดว่าตัวเองไม่เคยได้ทำนิสัยแบบนั้นกับใครแค่นั้นเอง ว่าผมดังนะ ไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร เพราะว่าถ้าทำแบบนั้นผมก็คิดว่าเราก็อยู่ได้ไม่นาน มันเป็นจริงๆ นะครับพี่ที่คนเขาเคยบอกเราว่า ดังแล้วอย่าลืมตัวนะ มันพลาดได้ ผมก็เชื่อคำนั้นมาตลอด

แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดังอะไรขนาดนั้น เพราะผมมองดูศิลปินคนอื่นเขาดังกว่าเราอีก เขายังไม่ได้พูดอะไรของเขามากเลย แต่เราเพิ่งมาเอง”

เมื่อถามถึงอนาคตอาชีพนี้ แร็ปเปอร์หนุ่มน้อยคนนี้ เขาไม่ได้มองถึงอนาคตที่ไกลตัว เพียงแค่อยากทำเพลง และให้มีคนฟังอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่นั้นก็พอใจแล้ว

“ไม่ได้มองอะไรไว้มากครับ แค่ทำเพลงมา แล้วให้คนฟังอยู่แบบนี้ตลอด เพราะผมคิดว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่คนฟังหมดเลย ถ้าทำเพลงมาไม่มีคนฟังมันก็เท่านั้น

ผมแค่อยากวางแผนว่า ทำเพลงออกมาแล้วให้มีคนฟังแบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้วครับ”


ทำสถิติแต่งเพลงเร็วสุดใน 20 นาที!!

แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกลเล่าว่า แต่งเพลงได้เร็วสุดภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น และส่วนมากจะทำเพลงให้เสร็จภายในวันเดียว เพราะหากทำค้างคาไว้อารมณ์เพลงจะไม่เหมือนเดิม

“ทำเพลง บางทีเพลงนึงถ้าผมรู้สึกอินกับมัน รู้สึกชอบเพลงนี้ มันก็จะเขียนแป๊บเดียวก็จะเสร็จ เพราะผมไม่ชอบทำเพลงค้างๆ พอทำค้างๆ พอไปเขียนอีกรอบหนึ่งมันไม่เหมือนเดิม ส่วนมากก็เลยทำให้เสร็จภายในวันเดียว บางเพลงก็แต่งชั่วโมง สองชั่วโมง เร็วสุดผมเคยทำ 20 นาทีเสร็จ”

แม้จะแต่งเพลงได้เก่งและใช้เวลาไม่นานในการแต่งขนาดนี้ แร็ปเปอร์หนุ่มอนาคตไกลก็ยอมรับว่า ไม่เคยได้เรียนการแต่งเพลงเลย อาศัยประสบการณ์ที่มีทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงให้ออกมาดีที่สุด

“ไม่ได้เรียนแต่งเพลงครับ แต่งด้วยตัวเองหมดเลย เรียนรู้ด้วยตัวเอง ผมว่ามันไม่มีใครสอนเราได้ครับเรื่องเพลง เพราะมันอยู่ที่ความคิดเรา มันอยู่ที่ความเชื่อเราว่าเราเขียนแบบนี้นะ

ส่วนมากเพลงผมแต่งแล้วผมไม่แก้ครับพี่ เพราะว่าถ้าแก้แล้วผมจะรู้สึกไม่ชอบเพลงนั้นครับ มันเสียฟิวส์ไปแล้ว แต่บางเพลงถ้ามันเฟี้ยวจริงๆ ถ้าแก้ ก็ไม่เป็นไร ได้อยู่

ถ้ามันเป็นเพลงของเรานะ ถ้ามันไม่ได้เป็นเพลงที่แบบว่าเขาต้องการแบบนี้ๆ อันนั้นถ้าเขาแก้ ก็แก้ให้เขา แต่ถ้าเป็นเพลงของผมเอง ส่วนมากผมจะไม่แก้”


สำหรับวิธีการจัดการตัวเอง หากมีความเครียด และไม่สามารถแต่งเพลงต่อได้ เขาบอกว่า จะพยายามไม่เครียด จะปล่อยสบาย เพราะหากเครียดมากเกินไป จะทำให้ได้ผลงานเพลงออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร

“คิดไม่ออกก็มี ที่เราแบบไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเป็นเพลงผมเองถ้าผมคิดไม่ออก ผมก็จะเลิกทำเพลงนั้นเลยครับ แต่ถ้าเพลงไหนที่เป็นเพลงของคนอื่นเราก็จะพยายามปรับตัวก่อน พยายามเข้าใจเพลงเขา

จะปล่อยสบายครับ ถ้าเครียดแล้วเพลงมันจะไม่ดี มันจะเป็นเพลงที่เราเครียดแล้วเราเขียนออกมา แต่ถ้าเราชิลๆ เราเขียนอะไรมันก็เรื่องของเรา มันจะชิล

ถ้าเครียดก็ไม่ได้จัดการอะไรเลย ก็ทำแบบนั้นเป็นประจำ จนมันก็ชิน ก็ทำมาตลอดจนถึงตอนนี้ ก็ทำประจำ ทำบ่อยๆ ทำมาตลอด มันก็จะชินไปเอง

ตอนนี้ก็ไม่ได้เครียดอะไรมากในการทำเพลง แต่เมื่อก่อนผมเครียด เพราะผมทำเพลงยังไม่ค่อยเป็นแต่เดี๋ยวนี้ก็ง่ายขึ้น เข้าใจขึ้น เมื่อก่อนผมนับบาร์ยังไม่เป็นเลย ที่เป็นบาร์แร็ป เดี๋ยวนี้ก็แร็ปได้แล้ว”


ทั้งเรียนทั้งทำงาน เพื่อความฝันที่เป็นจริง

นอกจากเป็นแร็ปเปอร์อนาคตไกลแล้ว เขายังเคยได้รับรางวัล เยาวชนต้นแบบ สาขาผู้สร้างแรงบันดาลใจ จากชมรมสร้างสรรค์และพัฒนาเยาวชนแห่งประเทศไทยอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกเยาวชนไทยต้นแบบที่น่าเอาเป็นแบบอย่างกันเลยทีเดียว

ทั้งเรียนทั้งทำงาน มองเป็นเรื่องสนุกที่เพิ่มขึ้น เป็นความท้าทายตัวเองว่าต้องทำตามเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้และต้องรู้จักแบ่งเวลา มีวัยในตัวเอง

“ก็ไม่ได้แบ่งเวลาอะไรมากครับ ก็แค่เวลาว่างก็มาทำเพลง เลิกเรียนก็มาทำเพลงแค่นั้น ถ้าบางทีมันแต่งไม่ได้ก็รอเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องเรียนก่อน

ไปคอนเสิร์ตทางค่ายจะไปคุยกับทางโรงเรียนให้ว่าขอเวลา แล้วก็ไปทัวร์คอนเสิร์ต ก็ต้องเรียนทันเพื่อน ต้องขยันเพิ่มขึ้น
มันก็ยาก แต่ผมคิดว่ามันเพิ่มความสนุกขึ้นมา ต้องทำการบ้านอีก ต้องคูณเข้าไปอีก ต้องทำให้ทันเพื่อนแล้วก็ต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตอีก

ตอนนี้ก็กำลังจะขึ้น ม.4 เรียนอยู่บางปะกง ฉะเชิงเทรา ช่วงนี้ก็ปิดเทอม ก็มาอยู่ที่สตู มาทำเพลงอย่างเดียวเลย”
ทั้งทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แม้จะเหนื่อยมากสำหรับเด็กวัย 15 ปี แต่หนุ่มน้อยคนนี้ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งการเรียน พร้อมทำความคู่ไปกับเส้นทางความฝันที่หวังไว้สำเร็จให้ได้

“ไม่เคยคิดครับ ผมคิดว่ามันเร็วไปสำหรับใครที่จะทิ้งการเรียนแล้วจะมาทำอย่างนี้อย่างเดียว เพราะมันหนึ่งผมอาจจะไม่มีใครทำเพลงก็ได้ ผมก็เลยต้องเรียนเอาความรู้ไว้ด้วยครับ ก็อยากทำควบคู่กันไป แต่บางทีมันก็เหนื่อย พักสักวันสองวันเรียนได้ต่อ”

[รับรางวัลเยาวชนต้นแบบ สาขาผู้สร้างแรงบันดาลใจ]
ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น

นอกจากเรื่องผลงานที่เรียกว่าโดดเด่นมากๆ แล้วชีวิตของน้องนั้นสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทีเดียว ตั้งใจทำงานช่วยเหลือพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีรายได้พอใช้ แต่ไม่ได้พอเก็บ

แร็ปเปอร์สุดฮอต เล่าว่า คุณพ่อทำงานบริษัท ขับรถหัวลากส่งตามศูนย์ ส่วนคุณแม่ทำงานในโรงพยาบาลเป็นพนักงานทั่วไป โดยที่บ้านของเขามักจะใช้เวลาว่างจากทำงานประจำมาขายของตามตลาดนัด ตามงานวัด งานประจำปีของวัดต่างๆ แถวฉะเชิงเทรา ชลบุรี โดยการขายข้าวโพดคั่ว

ซึ่งงานที่ช่วยขายของจะเป็นช่วงกลางคืน ทำให้น้องอดนอน นอนน้อย แต่น้องก็สู้ เรียนไปด้วยและช่วยพ่อแม่ไปด้วย เรียกว่าเป็นเด็กเก่ง ยอดกตัญญูกันเลยทีเดียว

“สมัยก่อนพ่อผมจะขายข้าวโพดคั่วครับ ผมก็ไปขายของตามงานวัด ขายข้าวเกรียบว่าว ก็ทำแบบนั้นมา จนมาวันนึงผมก็มาทำเพลงมีคนฟังเยอะขนาดนี้ ผมก็งงๆ กับตัวเองอยู่ (หัวเราะ)

คุณพ่อคุณแม่ขายของอยู่แล้ว ก็ช่วยขายตั้งแต่ 11-12 ปี ตั้งแต่ตอนนั้นก็ขายมาเรื่อยๆ จนมาพักหลังงานเริ่มมีเข้ามาเยอะแยะ แล้วข้าวโพดคั่วก็ขายไม่ค่อยดี พ่อกับแม่ก็เลยหางานประจำทำครับ

ขายของเป็นงานเสริม แม่ผมทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลครับ พ่อขับรถหัวลากส่งตามศูนย์ครับ ส่วนตอนนี้ของก็ไม่ค่อยได้ออกไปขายครับ งานมันไม่ค่อยมีด้วย”


แม้หลายคนจะมองว่าชีวิตหนุ่มน้อยคนนี้ต้องลำบากมากแค่ไหน แต่เขากลับมองว่า เหมือนชีวิตทุกคนที่ต้องทำงาน แต่ตัวเขาเริ่มทำในวัยยังน้อยแค่นั้นเอง

“ลำบากครับ แต่มันก็ไมได้ขนาดนั้น แบบลำบากที่สุด มันก็แบบ ผมก็ว่ามันก็เหมือนชีวิตคนทุกคนที่ต้องทำงานหาเงิน แต่ก็เข้าใจได้ เพราะมันก็ไม่ได้ลำบากหรือเหนื่อยอะไรขนาดนั้น

ก็มีครับที่เงินไม่พอใช้ ก็ปกติครับเดี๋ยวก็มี เดี๋ยวก็ไม่มี แต่ตอนนี้ก็ดีหมด ดีกว่าเมื่อก่อน ไม่ค่อยขาดเหมือนเมื่อก่อน
ผมขายของผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยอะไรขนาดนั้น แล้วผมก็มาคิดอย่างนี้แทนว่า มันมีคนอื่นที่เหนื่อยกว่าเราอีกเยอะ แค่นี้มันน่าจะสบายสุดสำหรับเราแล้ว อะไรแบบนี้มากกว่าครับ”

แร็ปเปอร์หนุ่มฮอตคนนี้ สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามเดินตามความฝัน เพียงเพื่ออยากแบ่งเบาภาระของครอบครัวจากที่เคยลำบาก ให้มีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้นเท่านั้น

“ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเสาหลักได้ แต่แค่คิดว่าอาจจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้ อาจจะมีของเรามาช่วยพ่อแม่นิดนึง ถ้าว่าเป็นเสาหลักก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น อาจจะแค่แบ่งเบาภาระเฉยๆ ยังไม่ได้ช่วยได้ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ขาดแล้วตอนนี้

ก็ช่วยได้เยอะ พ่อแม่ก็ไม่ต้องคิดมากอะไรแล้วพอมีของผมอยู่ ก็สบายขึ้นจากเดิม ดีกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ไม่ได้ขายของแล้ว แต่ก็มีปู่ผมยังขายอยู่

ผมมีน้องชายคนหนึ่งครับ โรงเรียนน้องผมก็ไมได้มีค่าเทอมอะไรมาก ก็ส่งเป็นค่าข้าวอะไรไป แต่ได้เงินมาให้แม่หมด แล้วก็ไปขอทีหลัง บอกโอนค่าข้าวให้หน่อย”

ครอบครัวมีส่วนสำคัญมาก คอยอบรม สั่งสอนให้เป็นคนดี จนทำให้เป็นแร็ปเปอร์หนุ่มน้อยที่โด่งดังระดับโลกได้มากขนาดนี้

“พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ปลูกฝังอะไรมากขนาดนั้น ก็เลี้ยงเหมือนคนอื่น ก็สอนเป็นคนดี แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นนะ แต่ผมก็ดีในบางครั้ง (หัวเราะ)”


นักร้องขวัญใจวัยเด็ก


ฐานแฟนคลับส่วนมากที่เจอเป็นเด็กน้อยเลยครับ เป็นน้องๆ เด็กๆ เลย ที่ชอบฟังเพลงผม บางทีอายุ 5-6 ขวบ มายืนรอถ่ายรูปกับผม ผมก็งงๆ นะ ผมเปิดติ๊กต็อกดูก็เด็กๆ ที่ร้องเพลงผม เออเป็นไปได้ไงว่ะ

รุ่นผู้ใหญ่ก็มีนะครับ แต่ว่าอาจจะเป็นส่วนน้อย แต่ส่วนมากจะเป็นน้องๆ เด็กๆ 10 ขวบลงมา แต่พี่โตๆ ก็มีครับ ส่วนใหญ่ก็น้องๆ
ตอนทำเพลงผมไม่ได้คิดอะไรมากเลย ผมทำด้วยความชิลๆ ไม่คิดอะไรมาก ถ้าสมมติมันได้อะไรมา แต่ทุกเพลงที่ผมเขียนมันไม่มีคำหยาบ ก็น้องๆ เด็กๆ ก็ฟังได้ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นตรงนั้นที่ทำให้ผมมีน้องๆ เด็กๆ มาฟัง

มีช่องยูทูป ชื่อช่อง “Sprite Official” อันนี้ก็เอาไว้ลง vlog ต่างๆ ลงสนุกสนาน คนติดตามสามแสนกว่าๆ บางคลิปก็มีคนดูเป็นล้านอยู่ครับ เอาไว้ถ่าย vlog ลงชีวิตประจำวันเราเล่นๆ แต่สำหรับช่อง “HYPE TRAIN” ก็ไว้สำหรับปล่อยเพลงแบบจริงจัง
เวลาส่วนมากที่ใช้ไปคือนอน เพราะเวลาไม่ค่อยเหลือ นอนอย่างเดียว แล้วก็มีตื่นมาเย็นๆ ก็มาทำเพลง

สุดท้ายก็ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ FC ทุกคนเลยครับ แฟนเพลงผมตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่เพลงเดียวดาย ปิก้า ปิก้า จนถึงตอนนี้ก็ขอบคุณครับ

ทุกคนอย่าเพิ่งเลิกเบื่อผมนะครับ ฟังต่อไปเรื่อยๆ นะครับ ช่องผมก็จะมีผมปล่อยเพลง หรือมีพี่ๆ ศิลปินในค่ายด้วยกัน ปล่อยเพลงอีกเยอะเลย ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ







ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)



สัมภาษณ์: ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพเคลื่อนไหว: กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ: วชิร สายจำปา
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “Sprite แฟนเพจ”, อินสตาแกรม @spritezakup



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **







กำลังโหลดความคิดเห็น