ใส่หน้ากาก-ล้างมือ-เว้นระยะห่าง-ล็อกดาวน์ มันช่วยไม่ได้แล้ว!! หมอมนูญเปิดใจเกาะป้องกันที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือการฉีดวัคซีนสู้ เตือนวิกฤตประเทศหากคนไทยไม่ฉีดวัคซีนป้องกัน เสี่ยงตาย!! ชี้ ถึงแม้เร่งฉีดจนครบในสิ้นปีนี้ได้แต่ถ้ามีเชื้อกลายพันธุ์ วัคซีนก็เอาไม่อยู่!?
เอาไม่อยู่ เชื้อกลายพันธุ์ “อินเดีย-บราซิล-แอฟริกาใต้” สุดอันตราย!?
“มีโอกาสแน่นอน ตราบใดที่มีการแพร่ระบาด ไม่ว่าในประเทศไหน โรคก็ยังอยู่ในความเสี่ยง เราไม่สามารถที่จะปิดกั้นพรมแดนเราได้เลย เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมตัวไว้”
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนักและโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และ ประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย เปิดเผยแก่ ทีมข่าว MGR Live รู้สึกกังวลถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ระลอกที่ 3 ในขณะนี้ ที่ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมีเชื้อกลายพันธุ์
รวมทั้งมีโอกาสที่เชื้อสายพันธุ์อินเดีย แอฟริกาใต้ บราซิล และเชื้อสายพันธุ์ใหม่ อาจระบาดมาถึงประเทศไทย จากพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านได้ ซึ่งเชื้อที่เกิดการกลายพันธุ์ มีลักษณะดื้อวัคซีน ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง
“ถ้าเราฉีดวัคซีนซึ่งเรามี 2 ยี่ห้อในขณะนี้ คือ ซิโนแวค กับ แอสตร้าเซนเนก้า ทั้ง ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า มันครอบคลุมสายพันธุ์อู่ฮั่น
แล้วก็สามารถจะครอบคลุมสายพันธุ์อังกฤษได้ในขณะนี้ ซึ่งอันนี้เป็นสายพันธุ์ที่เราต้องกังวลที่สุด เพราะมันกำลังระบาดในขณะนี้ ถ้าเราสามารถที่จะให้วัคซีนครอบคลุมคนในประเทศเรา เราก็สามารถจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดรอบนี้ ซึ่งรอบนี้มันหนักหนา สาหัส
คนป่วยมากขึ้น คนเสียชีวิตมากขึ้นอย่างเห็นชัดเลย แต่ว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์อินเดีย มันยังไม่เข้าประเทศไทย เรายังไม่เห็นในเอเชียรอบๆ บ้านเรา
แต่ครั้งนี้มันก็มาจากเพื่อนบ้านเราทั้งนั้น ถ้าเมื่อไหร่มา วัคซีนที่เรามีอยู่ มันไม่ครอบคลุม คือ เชื้อสายพันธุ์เหล่านี้ แอฟริกาใต้ บราซิล อินเดีย มันจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนที่เราฉีดปัจจุบัน”
ล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงการณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ไว้ว่า พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย B 1617.1 คนแรกในประเทศไทย โดยผู้ป่วยเป็นหญิงชาวไทย ที่ตั้งครรภ์มาจากปากีสถาน พร้อมลูกชาย 3 คน ในขณะนี้ทุกรายอยู่ในสถานกักตัว
อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงการใช้วัคซีนอันจะเป็นความหวังในการผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ กล่าวว่า ถึงแม้ประชาชนจะมองว่า จะมีวัคซีนออกมาในอนาคต ก็ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าจะเอาชนะโรคนี้ได้
อีกทั้งเกิดการตั้งคำถามว่า หากไทยสามารถนำวัคซีนของไฟเซอร์เข้ามา สามารถพิชิตเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้นั้น ไม่เป็นความจริง คิดว่าในปัจจุบันเราต้องพิชิตสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยให้ได้ก่อน
“อยู่ในระหว่างกำลังผลิตอยู่ แต่เชื่อว่าผลิตง่าย ไม่ยาก แล้วเวลาผลิตในครั้งนี้ มันไม่ต้องไปทดสอบ ระยะที่ 1, ระยะที่ 2, ระยะที่ 3 ผลิตแล้วเอามาใช้ได้เลยเหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทุกปีเราก็เปลี่ยนทุกปี และเราเปลี่ยน เราไม่เคยมาทดสอบใหม่
คือ วัคซีนของไฟเซอร์ปัจจุบัน ก็ป้องกันสายพันธุ์แอฟริกาใต้ บราซิลไม่ได้ เขากำลังผลิตเข็มที่ 3 ขึ้นมาของเขาเอง เพื่อจะให้ฉีดปีหน้า
การผลิตง่ายมาก มันแค่ปรับพันธุกรรมนิดเดียว มันก็สามารถผลิตวัคซีนรุ่นใหม่ได้ มันไม่ยากเลย การผลิตวัคซีนรุ่นใหม่ แต่ปัจจุบันเราต้องจัดการสายพันธุ์ ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทยให้ได้”
ขณะที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ถึงประเทศอิสราเอล ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั้งประเทศ ยังติดโควิดสายพันธุ์อินเดียได้รวดเดียว 4 ราย
“ดูเหมือนความดีใจจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพราะเมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2564) กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) จำนวน 41 ราย เป็นคนต่างชาติ 21 ราย คนอิสราเอลที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 3 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด มีเด็กมากถึง 5 ราย แต่ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลอิสราเอลมาก ก็คือ ในรายที่ติด
เชื้อสายพันธุ์อินเดียดังกล่าว มีอยู่ถึง 4 รายด้วยกัน ที่ได้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์แล้ว ประเด็นดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะทางการอิสราเอลคาดหวังว่า เมื่อฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ครบสองเข็ม จนได้ภูมิต้านทานหมู่แล้ว
น่าจะสามารถดำเนินการทุกอย่างได้ดีตามปกติ ทั้งการทำมาหากิน การผ่อนคลายวิถีชีวิต และการท่องเที่ยว การนำเข้าส่งออก
แต่แล้วก็มาพบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดีย ซึ่งถ้าทำให้ติดเชื้อเฉพาะคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าสามารถฝ่าด่านคนที่ฉีดวัคซีนมาแล้ว ทำให้ติดเชื้อได้ ก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว”
ยิ่งอันตราย! ถ้าไม่ฉีดวัคซีนป้องกัน
ทางด้าน หมอมนูญ ได้ให้ความรู้ถึงเชื้อสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาได้อย่างไร ทั้งที่มีการบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) อย่างสายพันธุ์อังกฤษ ที่แพร่เชื้อได้รวดเร็ว กว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ในประเทศไทย ซึ่งเราไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสนี้ เมื่อไหร่จะกระจายเข้ามาในประเทศ
“จะเข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบที่ว่า คนที่เคยฉีดวัคซีนป่วย เราก็ตรวจสอบสายพันธุ์ที่คนป่วย เอามาพิสูจน์ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน เราก็จะรู้ว่าสายพันธุ์นี้เข้าประเทศเราแล้ว
เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะมา ดังนั้น 1. มันป้องกันไม่ได้ด้วยวัคซีนที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน 2. ติดกันง่าย แต่ความรุนแรงเราไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ไม่เหมือนกับสายพันธุ์อังกฤษมันรุนแรง”
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่โรคร้ายชนิดนี้อุบัติขึ้น จนกระทั่งระบาดไปทุกทวีปของโลก นำไปสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจ และสังคม เพราะไม่ว่าโรคติดต่อชนิดนี้เข้าไปยังประเทศไหน ก็ล้วนสร้างหายนะ ต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง และทิ้งรอยแผลลึกไปอีกนาน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ในบ้านเรา อัตราการติดเชื้อเพิ่มจำนวนมาก หนึ่งในสาเหตุ คือ ประชาชนไร้ความเชื่อมั่น เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะมีข้อมูลผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนที่ทางรัฐบาลจัดให้
โดยทางผู้เชี่ยวชาญให้คำตอบไว้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ จะต้องได้รับวัคซีน หมู่มากให้เร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียทางด้านสุขภาพ ร่างกาย เศรษฐกิจและสังคม ให้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคนในประเทศ
“ยิ่งอันตราย การที่ไม่กล้าฉีด จะทำให้เราไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ จะมีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถจะกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้ คนก็จะตกงาน คนก็จะอดตาย จากการไม่มีอาหารกิน ทุกคนต้องรีบมาฉีด เราต้องการภูมิคุ้มกันหมู่ การฉีด 90% ขึ้นไป
คือ การฉีดวัคซีนมีประโยชน์ที่สุดในขณะนี้ ป้องกันไม่ให้เราป่วยหนัก ป้องกันไม่ให้เราตาย เราติดเชื้ออาจจะป่วยนิดหน่อย แต่ไม่ป่วยหนัก ไม่ตาย
ถ้าเรารอ ไม่ฉีด ตัวเราติดเชื้อเมื่อไหร่ เราอาจจะป่วยหนัก และตายด้วย ตายแบบน่าสงสาร ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย เวลาจะเผาก็ไม่มีใครมางานศพเลย เพราะฉะนั้นอย่าเป็นอย่างนั้นเลย เราต้องการที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม
กลับไปทำงาน กลับไปกินอาหารนอกบ้านโดยที่ไม่ต้องใส่หน้ากาก เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้เลย ถ้าเราไม่ได้ฉีดวัคซีนทุกคน โอกาสที่จะเสี่ยงจากผลข้างเคียงจากวัคซีน มันน้อยมากๆ ซึ่งเป็น 1 ในแสน 1 ใน ล้าน แต่ว่าถ้าติดเชื้อแล้วเราป่วย โอกาสเสียชีวิต 2% ครับ”
สุดท้าย เขาทิ้งท้าย ถึงสถานการณ์โควิดที่ต้องกลับมาระวังกันอีกครั้ง และย้ำให้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้จะมีผู้ที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก หากไร้วัคซีนป้องกัน ไม่ฉะนั้นจุดจบคือการเสียชีวิต
“คิดว่าคงเพิ่มต่อไปไม่หยุดนะครับ ตราบใดที่เรายังไม่มีเกาะป้องกัน คือ วัคซีน ถ้าเราใช้เกาะธรรมดา ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง มันไม่พอแล้ว การจะล็อกดาวน์ ปิดกั้น มันช่วยไม่ได้แล้ว เราต้องรอเกาะอันใหม่ คือ วัคซีนครับ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **