เปิดใจเจ้าของบริษัททัวร์ กับโปรแกรม “ทัวร์วัคซีน” บินลัดฟ้าไปฉีดวัคซีนนอกประเทศ ราคาเริ่มที่หลักแสนต้นๆ คนแห่จองเพียบ อีกหนึ่งทางเลือกประชาชนอยากฉีดเอง สะท้อนการทำงานภาครัฐ หากจัดการโควิดรวดเร็ว ทัวร์วัคซีนก็ไม่ต้องเกิด!
ไม่ต้องเที่ยวทิพย์ “ทัวร์วัคซีน” ฉีดฟรีที่เซอร์เบีย
“ทัวร์วัคซีนมีจุดเริ่มต้นจากการกระจายวัคซีนในประเทศไทยให้ประชาชนทั่วไปมีความล่าช้า เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งการติดเชื้อในประเทศเยอะขึ้น และมีข่าวคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ บอกว่า ได้ฉีดวัคซีนกันแล้ว รัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่เริ่มฉีดให้ประเทศของตัวเองได้เยอะ ก็ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยว เขาจะนำนโยบายนี้มาฉีดให้นักท่องเที่ยวฟรีในบางประเทศที่มีข่าว ลูกค้าเลยสอบถามเราว่า เราจัดทัวร์ไปฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ได้มั้ย”
[ เนตรนภา แก้วแสงธรรม ]
“หริ่น-เนตรนภา แก้วแสงธรรม” ผู้บริหาร บริษัท ซี ยู อะเกน จำกัด ประเทศไทย กล่าวกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ขณะนี้ สำหรับ “ทัวร์วัคซีน” ที่เป็นการพาคนไทยที่มีความจำเป็น หรือความประสงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 บินลัดฟ้าไปยัง “ประเทศเซอร์เบีย” ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติฉีดวัคซีนฟรี และยังสามารถเลือกชนิดวัคซีนได้ถึง 5 ชนิด ขณะที่ไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้า ตั้งแต่ มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป
“ส่วนตัวเคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่กลางปีก่อนแล้วว่า การที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง ปัจจัยคือวัคซีน ซึ่งจะถูกนำมาเป็นนโยบายในการรับนักท่องเที่ยว ข้อดีของเซอร์เบีย ผู้นำเขามีวิสัยทัศน์ เซอร์เบียเป็นประเทศเล็กๆ แต่กล้าจองวัคซีนแทบทุกประเภทมาเท่าตัวของพลเมืองที่มีแค่ 7 ล้านคน แต่สั่งล่วงหน้าถึง 15 ล้านโดส เขามองว่า ถ้าเขาฉีดให้แต่พลเมืองของเขา แต่ประเทศรอบข้างอย่างบอสเนีย โรมาเนีย ที่ไปมาหาสู่กัน ไม่ได้ฉีดก็ไม่ปลอดภัย เขาจึงจัดให้ Walk-in ฉีดด้วย
และสามารถเลือกวัคซีนได้ทั้ง 5 ตัว สปุตนิก วี, แอสตร้าเซนเนก้า, ไฟเซอร์, ซิโนแวค และ โมเดอร์นา โดยไม่บังคับ นโยบายของรัฐเขาค่อนข้างก้าวหน้ามาก ตอนแรกเริ่มจากพลเมืองก่อน ต่อมานักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ทราบ ก็บินเข้าไปฉีดเยอะมาก ขณะนี้เซอร์เบียจึงทบทวนขอฉีดให้คนในประเทศ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ก่อน เพราะตอนนี้เขาฉีดเป็นอันดับ 7 ของโลกแล้วค่ะ แต่เขาก็ยังเปิดแบบลงทะเบียน ไม่ได้ walk-in นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น”
แม้ขณะนี้ทัวร์วัคซีนไปประเทศเซอร์เบีย ยังเป็นเพียงแนวคิด แต่เบื้องต้นก็ได้มีการวางโปรแกรมทัวร์และลงทะเบียนรับวัคซีนกับทางการเซอร์เบียไว้แล้ว โดย 1 ทริป จะใช้เวลาราว 45 วัน และมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 200,000 บาท
“มันเป็นทัวร์สุขภาพ ไม่ใช่การไปเที่ยว สิ่งสำคัญคือ เราต้องมีที่ปรึกษาทางการแพทย์ทั้งฝั่งนู้นฝั่งนี้ เซอร์เบียดีตรงที่มีวัคซีนให้เลือก 5 ชนิด ขั้นตอนของการไปเซอร์เบียค่อนข้างง่ายตรงที่ว่าไปถึงไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีผลการตรวจโควิดแบบแบบ PCR ก่อนเข้าประเทศ ถ้าเราไม่ติด เราก็เข้าได้ เมื่อเข้าได้แล้วไปรอฉีดเข็มที่ 1 ตามสถานที่ และประเภทวัคซีนที่เราเลือกไว้ เพราะฉะนั้นถ้าได้รับการลงทะเบียนมันจะง่ายมาก
หลังจากนั้น จะพาพักผ่อนในโรงแรมสปา เป็นเวลา 3 สัปดาห์ แล้วรอฉีดเข็มที่ 2 เมื่อฉีดแล้วก็ให้ไปตรวจ PCR ที่เซอร์เบีย ที่เราประสานไว้ แล้วก็เดินทางกลับไทย โชว์ผล PCR และเข้ากักตัวอีก 14 วัน เท่ากับทั้งหมดลูกค้าต้องมีเวลา 45 วัน บางคนก็บอกว่านาน บางคนก็บอกว่ารอให้ไม่กักตัวก่อนค่อยเข้า มันไม่น่าจะมีวันที่ไม่ต้องกักตัว เพราะเชื้อกลายพันธุ์ตลอด หริ่น มองว่า ถ้าคนมีความจำเป็นและมีความพร้อมเท่านั้นถึงไป และทำทุกอย่างให้ถูกต้องรัดกุมดีกว่า
ค่าใช้จ่ายเคาะออกมาแล้วรวมทุกอย่าง 200,000 บาทต่อคน สำหรับเดือนครึ่ง ซึ่งค่าครองชีพไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป ระบบสาธารณสุขรักษาฉุกเฉินฟรี แม้จะเป็นชาวต่างชาติ ดังนั้น หริ่น มองว่า คนที่จะไปต้องไปด้วยความจำเป็นจริงๆ และไปโดยที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว ตอนนี้ยังลงทะเบียนได้อยู่ ก็ต้องรอให้ทางการเซอร์เบียตอบกลับมา ถ้าลงทะเบียนสำเร็จตามคิวนัดหมาย ก็หมายถึงได้ฉีดแน่ๆ ค่ะ”
รัฐต้องเร่งรัด หากอยากสกัดทัวร์วัคซีน!
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของทีมข่าว ทำให้ทราบว่า ยังมีบริษัททัวร์หลายแห่งที่เปิดแพกเกจฉีดวัคซีนในลักษณะนี้ โดยแห่งแรกกับโปรแกรม “USA ชิม ชอป ฉีด” มีจุดหมายปลายทาง คือ สหรัฐอเมริกา ในทริปจะมีกำหนดทั้งหมด 10 วัน 7 คืน เริ่มต้นที่ 1.75 แสนบาทต่อคน ซึ่งผู้ที่จะเดินทางไปได้จะต้องมีวีซ่าสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว โดยจะได้ฉีดวัคซีนยี่ห้อ “จอห์นสัน&จอห์นสัน” เพียงเข็มเดียว
ส่วนอีกบริษัทหนึ่ง เสนอคอนเซปต์ “เที่ยวไป...ฉีดไป” สนนราคาเริ่มต้นยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน อยู่ที่ 67,000 บาท โดยมีปลายทางให้เลือก คือ อเมริกา จะได้ฉีดวัคซีนยี่ห้อ “จอห์นสัน&จอห์นสัน” ส่วน เซอร์เบีย เลือกวัคซีนได้ทั้ง 5 ตัว สปุตนิก วี, แอสตร้าเซนเนก้า, ไฟเซอร์, ซิโนแวค และ โมเดอร์นา
หริ่นได้ให้ความเห็นถึงประเด็นที่ประเทศอื่นฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยว ว่า “อเมริกาตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวฉีดได้แค่ในบางรัฐ ปัญหาคือ รัฐที่เปิดให้ฉีดค่อนข้างเดินทางไกลและค่าใช้จ่ายสูง และในบางรัฐไม่ได้ฉีดให้นักท่องเที่ยว แต่เป็นลักษณะของการที่เขาฉีดให้พลเมืองปกติแล้วเราเข้าไปแจม ซึ่งไม่มีความแน่นอนในการได้ฉีด และตัวที่ฉีด คือ J&J ซึ่งเมืองไทยอนุมัติแล้วและอาจจะได้เร็วๆ นี้ และถ้าเกิดผลข้างเคียงขึ้นที่อเมริกา ค่าใช่จ่ายของการเข้าโรงพยาบาลนั้นสูงมาก
ส่วน มัลดีฟส์ ดูไบ หรือประเทศอื่นๆ ในยุโรป ประเทศเหล่านี้ค่าใช้จ่ายไม่ได้ถูก ถ้าจะไปฉีดไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา ต้องอยู่ 21-28 วัน ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่า มัลดีฟส์ ค่อนข้างแพงอยู่แล้ว คนก็มองว่า มาตรฐานในการฉีดและการเข้าโรงพยาบาล หากได้รับผลกระทบมันจะดีมั้ย ดูไบก็ไม่ได้ถูกนะคะ แต่ข้อดีคือ บินใกล้แค่ 6 ชั่วโมง วีซ่าของ่าย ซึ่งดูไบก็ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยว ส่วนประเทศอื่นๆ ในยุโรปค่าครองชีพสูง
ตัวหริ่นเองไม่ได้มองว่าเป็นช่องทางทำธุรกิจ ตอบจริงๆ ว่า มันไม่ได้กำไร เพราะทัวร์ตั้ง 30 วัน นานมาก เท่ากับเราทำทัวร์ 5 กรุ๊ปในกรุ๊ปเดียว ความเสี่ยงทางธุรกิจก็เยอะ แน่นอนลูกค้าเซ็นใบยินยอมว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเกิดลูกค้าแพ้หรือว่าลูกค้าติดเชื้อระหว่างการเดินทาง เราก็ต้องดูแลถึงที่สุด ตรงนี้เราพร้อมมั้ย”
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของทัวร์ฉีดวัคซีนที่เซอร์เบียในขณะนี้นั้น เหลือเพียงแค่รอการตอบรับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนของนักท่องเที่ยวที่ทางบริษัทได้ลงทะเบียนไปแล้ว หากการดำเนินการในส่วนนี้สำเร็จ ก็สามารถเดินทางไปได้
“เราลงทะเบียนคิวไปแล้วค่ะ รอเขาตอบกลับมาเพื่อแสดงว่าเขายังเปิดคิวให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่พลเมือง อาทิตย์นี้น่าจะได้รับคำตอบว่าได้หรือไม่ได้ ข้อดีคือ เขาได้เปิดแผนกของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาฉีดวัคซีน เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวง เราก็ได้ส่งคำร้องเข้าไปจุดนั้นแล้ว ว่า เราจะมีกรุ๊ปเข้าไป สามารถไปได้เลยสำหรับคนที่วีซ่าพร้อม ตรวจ PCR ไม่เป็นบวก ทางการไทยได้บอกแล้วว่าไม่ติดเงื่อนไขอะไร ไปก็ดูแลกันดีๆ ขอให้กลับมากักตัว 14 วัน วางแนวทางไว้เท่านี้ค่ะ
มันไม่ใช่เวลาทำรายได้ แต่เป็นสิ่งที่เป็นหน้าเป็นตาเล็กๆ ให้กับวงการทัวร์ ว่า เราสามารถพาคนที่จำเป็นทางการแพทย์ไปฉีดได้นะ และเราต้องกลับมาตามกระบวนการรัฐวางไว้ให้ถูกต้อง อดีตที่ผ่านมาเรียกว่าตายสนิท เพราะไม่มีรายได้เลยมาปีครึ่ง ตั้งแต่มกราคมปีก่อน แต่ของหริ่นสายป่านยาวหน่อย ก็นำเงินเก็บมาใช้จ่าย”
สุดท้าย ผู้บริหาร บริษัท ซี ยู อะเกน ยังได้ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงเรื่องของการฉีดวัคซีนในประเทศไทย เพราะหากมีมาตรการที่รวดเร็วและชัดเจน “ทัวร์วัคซีน” ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
“โควิดเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงมาก จะเห็นได้ว่า เราเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับอินเดีย เพียงแต่สเกลของประเทศเราน้อยกว่า เราไประบาดช่วงเทศกาลประจำปี ซึ่งรัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจล็อกดาวน์ เพราะกลัวเศรษฐกิจทรุดอีก มันตัดสินใจยาก ถือว่าเป็นความผิดพลาดตรงจุดนั้นที่มันทำให้เกิดตรงนี้ คิดว่า ทัวร์วัคซีนก็เป็นตัวสะท้อน เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็กระตุ้นให้รัฐออกมารันอะไรได้เร็วหลายๆ อย่าง
แต่ตอนนี้เรายังแก้ไขทันโดยที่ 1. การขึ้นทะเบียนโมเดอร์นา รอโควตาจากภาคเอกชน ซึ่งให้สั่งเข้ามาแล้วรัฐบาลจะสั่งให้ในนามรัฐ ตรงนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด ทันพอที่จะสกัดทัวร์ออกไปฉีดที่ต่างประเทศ และต้องควบคุมราคาไม่ให้แพง 2. ประชาชนต้องเลือกประเภทของวัคซีนได้เอง กลุ่มที่น่าเห็นใจมาก คือ แพทย์ อย่าบังคับเขา ให้เขาเลือกเองได้มั้ย และ 3. การกระจายวัคซีนให้เป็นภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศเพื่อหยุดวงจร ต้องเร็วขึ้น ต้องฉีดได้ง่ายขึ้นและลงทะเบียนได้เร็วขึ้น
ส่วนที่กระทบกับทัวร์โดยตรง รัฐต้องวางแนวทางเรื่องกลับมากักตัว เราไม่กล้าออกถ้ารัฐไม่วางแนวทางให้ และทัวร์ลักษณะนี้ที่ควรมีการลงทะเบียนกับรัฐก่อน เพื่อควบคุมผู้ที่ออกไปค่ะ อย่างน้อยให้เราลงทะเบียน มีหมอชนะ ทัวร์ของเรา ทัวร์ไปชนะ ถ้าวัคซีนอนุมัติเร็ว ราคาไม่สูง ประชาชนไทยเลือกได้ ก็จะเป็นการสกัดทัวร์ไม่ต้องไหลออกไป เงินไม่ต้องออกนอกประเทศ และไม่ต้องไปรับความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์กลับประเทศค่ะ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **