xs
xsm
sm
md
lg

“อย่ายอมเป็นขยะสังคม” แลกดาว TikTok!! บทเรียนคอนเทนต์พลาด ยอดด่ามากกว่ายอดไลก์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บทเรียนไม่สร้างสรรค์-เรียกยอดไลก์-เน้นยอดวิว อยากเป็นดาวTikTok สังคมรุมประณาม ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ สะท้อนปรากฏการณ์ คอนเทนต์ไม่สร้างสรรค์ อย่ายอมเป็นขยะสังคมเพื่อแลกเงิน

คอนเทนต์ขยะ เอาแค่สะใจ

ล่าสุด เกิดกระแสดรามากับสาวรายหนึ่ง ทัวร์ลงหนัก อยากเป็นดาว TikTok อัดคลิปเต้นในห้องน้ำสาธารณะ เต้นไปดึงทิชชูที่ติดผนังไป ดึงออกมาเล่นจนแทบหมด สุดท้ายได้มาแต่คอมเมนต์ด่าเพียบ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการสิ้นเปลือง และเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้โลกร้อน แถมเป็นคอนเทนต์ที่ไม่สร้างสรรค์

ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้ ก็มีประเด็นดรามาชั่วข้ามคืน กรณี “มายด์” ดาว TikTok ชื่อดัง ได้โพสต์คลิปซึ่งมีหญิงสาวรายหนึ่งไปร่วมงานแต่ง แต่ประจำเดือนกลับเปื้อนกระโปรง โดยที่ไม่รู้ตัว และคนถ่ายก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน มีผู้เข้าชมคลิปดังกล่าวมากกว่า 1.44 แสนครั้ง

อีกประเด็นที่เหล่าทาสแมวให้ความสนใจกันไม่น้อย จากการที่ “เพื่อนกิน Peuan Gin” ได้โพสต์คลิปลง TikTok ขณะที่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่จะมีแมวพุ่งเข้ามาใส่จานอาหารตรงหน้า โดยคลิปดังกล่าวมียอดผู้เข้าชมสูงกว่า 8.1 ล้านครั้ง

ทำให้หลายคนจับโป๊ะ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ที่หลายคนมองว่า เจ้าของคลิปโยนแมวเข้าไปใส่จานเอง เพียงเพราะอยากได้ยอดวิว

อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่กลายเป็นกระแสดัง ทำเอาเหล่าคนรักหมาต่างให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน เป็นคลิปชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งกินหมูกระทะ ซึ่งขณะนั่งกินอยู่นั้น ก็ได้มีสุนัขลอยลงมาบนหม้อหมูกระทะ เป็นอีกคลิปที่ทำให้หลายคนแห่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมอีกเช่นเดียวกัน

เมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นกระแสโด่งดังออกไป แม้จะมีคนเข้ามาตักเตือนให้หยุดทำคอนเทนต์ลักษณะนี้ แต่เจ้าตัวได้ออกมาบอกว่า เลิกทำไม่ได้หรอก เพราะมันคืออาชีพที่ได้เงินง่ายมาก จนในที่สุดต้านแรงดรามาไม่ไหวก็ออกมาขอโทษ


แอปพลิเคชัน TikTok เป็นหนึ่งแอปพลิเคชันยอดฮิตที่คนเล่นเยอะมาก เพราะสามารถสร้างเนื้อหาวิดีโอสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเต้น การเล่นมุกตลกๆ เล่าเรื่องฮาๆ สร้างความบันเทิงให้กับคนที่เข้ามาชม บางคนถึงขั้นกอบโกยรายได้จากแอปพลิเคชันนี้มาแล้วก็มีจำนวนมาก

แต่ในอีกมุม หลายคนที่โด่งดัง กลับกลายเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่ไม่สร้างสรรค์ คนเข้าไปด่ามากกว่าคนชื่นชม เรียกได้ว่า ทำยอดด่าสูงกว่ายอดไลก์กันเลยทีเดียว

หากเข้าไปดูใน แอปพลิเคชัน TikTok ยังมีคอนเทนต์แปลกๆ ที่ไม่สร้างสรรค์อีกมากมาย และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนก็โด่งดังทำให้เป็นที่รู้จักจากการสร้างคอนเทนต์เหล่านี้ แต่อีกหลายคนก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่ต้องเจออย่างหนักในการสร้างคอนเทนต์เอาสนุกเพียงแค่เรียกยอดวิว


เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้เท่าทันสื่อ ผศ.ดร.พรทิพย์ เย็นจะบก อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ช่วยสะท้อนถึงบทเรียนการสร้างคอนเทนต์ไม่สร้างสรรค์ ที่มียอดคนด่ามากกว่ายอดคนไลก์ กับทีมข่าว MGR Live ว่า มองคอนเทนต์ที่ไม่สร้างสรรค์เหล่านั้น ว่า เป็นคอนเทนต์ขยะที่ไม่ควรให้ค่า

“โซเชียลฯ มีพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ถ้าใครจะคิดสร้างสื่ออะไรขึ้นมา ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ต้องนึกถึงใครก็ได้ นึกถึงว่าสักวันหนึ่งสิ่งเลวร้ายมันจะกลับมาจากสิ่งที่คุณสร้างอย่างไม่สร้างสรรค์ ซึ่งตรงนี้มันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็อยากให้คิดให้ดี คิดบวก ถ้าจะจองพื้นที่ในโซเชียลฯขอให้เป็นพื้นที่สะอาดและสวยงามดีกว่า

เขาคิดแค่ตัวเองว่าฉันอยากดัง ฉันทำอะไรได้ ฉันสนองความอยากของตัวเอง อยากมีพื้นที่ในสังคม อยากทำอะไรให้คนพูดถึง เขาอยากมีตัวตนในสังคม เพราะว่าอยู่เฉยๆ เขาไม่มีใครเลย แต่ถ้าวันหนึ่งคุณลงโพสต์นี้ ลงคลิปนี้ ในที่สุดคนพูดถึงคุณเป็นแสนเป็นล้าน ในที่สุดคุณได้ออกสื่อ ตรงนั้นเขาคิดว่ามันเป็นความต้องการที่เขาลืมคำนี้ไปว่ามันทำให้คุณด้อยคุณค่าในตัวเอง มองไม่ออกว่าตัวเองมีคุณค่าอะไรที่จะต้องรักษาบ้าง คิดว่าเป็นแบบนั้นนะ”

[ผศ.ดร.พรทิพย์ เย็นจะบก]
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้เท่าทันสื่อยังมองอีกว่า ทุกวันนี้สังคมเริ่มเลอะเทอะ ต้องใช้สื่อในมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้ TikTok จะเป็นสื่อส่วนบุคคล แต่ต้องมีมาตรฐานการสร้างเนื้อหาให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน

“ปลายทางสุดท้ายต้องใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ สิ่งที่ปรากฏเป็นสื่อได้ ก็คือ เนื้อหาในสื่อกับตัววิธีการ แต่วิธีการปัจจุบันมันมีสื่อออนไลน์ มี TikTok มีทุกอย่าง ซึ่งต่อไปไม่รู้จะมีอะไรอีก แต่คอนเทนต์เวลาที่มันเข้าไปอยู่ในสื่อ เราจะหลีกเลี่ยงของคนผลิตสื่อไม่ได้ เนื้อหามันแสดงถึงความคิด สติของการที่จะมองอะไรอย่างเข้าใจ และมีสติ

การที่คุณคิดว่ามีสื่อในมือจะผลิตเนื้อหาอะไรก็ได้ แต่คุณไม่มีสติพอที่จะคิดว่าสังคมต้องการอะไร สิ่งที่ออกไปสู่สังคมจะทำอะไรให้กับสังคมบ้าง สุดท้ายสิ่งนั้นก็จะย้อนกลับมาว่า มันทำอะไรที่เป็นผลเสียให้กับคุณบ้าง คนที่เป็นผู้ส่งสาร

เขาไม่ได้ต้องการอยากอยู่ในถังขยะ หรือไม่อยู่ในถังขยะ เอาแค่ว่าเขาสะใจตัวเอง คนทำเขาไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี เขาแค่ว่าอยากทำแบบนี้ อยากเขียนแบบนี้ มีความคิดแบบนี้ ถ้าเขาทำได้เขาก็ไม่แคร์ว่าใครจะด่าเขายังไงด้วย เขาไม่ฟัง”


บทเรียนไม่สร้างสรรค์ สังคมรุมประณาม

นอกจากนี้ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้เท่าทันสื่อ อยากให้ประณามไปถึงคนที่ผลิตคอนเทนต์ออกมาอย่างไม่สร้างสรรค์ เพราะเป็นการลงโทษที่ดีที่สุด

“การที่คนในสังคมรุมประณามเขา นั่นคือ การทำโทษเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าเขาโดนทำโทษ คือ เขาไม่แคร์ การที่ทุกคนอยู่ในสังคม หรือการสร้างขยะเนื้อหา การทำตัวเองเป็นขยะสังคมตอนนี้มันก็กลับไปอยู่ที่คำว่าไม่แคร์ไง ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ เด็กทุกวันนี้คิดแค่นั้นจริงๆ ฉันมีสิทธิ์ทำได้ ทุกวันนี้ใครไปบดบังสิทธิ์เขา ใครไปห้ามอะไร เขาก็จะสู้ตาย แล้วเขาก็จะต่อต้าน นี่คือภาพที่ปรากฏในสังคม

ถ้าลงในโซเชียลฯ สิ่งที่จะควบคุม หรือสิ่งที่จะตอบกลับหาเขามันต้องเป็นโซเชียลฯ เท่านั้น เหมือนกับตาต่อตาฟันต่อฟันเหมือนกัน แต่ในแง่บวกนะคะถ้าคุณลงในโซเชียลฯ คนที่จะประณามคุณมันก็เป็นโซเชียลฯ”

ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนถึงปรากฏการณ์การสร้างคอนเทนต์เพื่อเรียกยอดวิว ว่า เป็นเหมือนสงครามน้ำลายในโซเชียลฯ เพราะทุกวันนี้เป็นยุคของโลกไซเบอร์ โลกดิจิทัล ใครช่วงชิงพื้นที่ได้เร็วก่อน ก็เป็นที่พูดถึงเร็วมากเท่านั้น

“อยากให้ประณามและต้องช่วยกันประณาม เพราะการประณาม คือ ปฏิกิริยาที่ตอบกลับสิ่งที่คุณส่งสารมา เราจำเป็นที่จะต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับไปให้ผู้ส่งสารได้รับรู้สิ่งที่ส่งสารไป จริงๆ เราต้องรุมประณาม

เขาจะได้รู้สึกตัวเอง คำพวกนั้นมันเจ็บนะ หลับตายังไงคำพวกนั้นมันก็อยู่ในใจ ปากเขาจะพูดออกมาว่าไม่สนใจ แต่มันไม่หลุดไปจากใจหรอก สักวันหนึ่งเขาก็จะคาดหวังว่าเขาจะกลับตัวจากความคิดของเขาได้

แต่อาจารย์ไม่ชอบความหยาบคาย เราประณามด้วยถ้อยคำ ถ้าเราว่าเขาไม่สร้างสรรค์ คำที่ประณามเขาก็ต้องประณามอย่างสร้างสรรค์ สอนเขา ชี้แนะ ให้บทเรียนว่าทำอย่างนี้ไม่เห็นเหรอว่าคนนั้นเป็นอย่างไร คนนั้นมีจุดยืนในสังคมไหม คุณมีทางออกอะไรบ้าง แล้วก็ประณามกันด้วยข้อมูลที่เท็จจริง ไม่ใช่ไปสร้างขยะต่อสู้มาเป็นสงครามน้ำลาย อันนั้นก็เกิดความเลวร้ายขึ้นอีก เพราะฉะนั้นน่าจะต้องเกิดการประณามเยอะๆ อย่าไปหลงชื่นชอบ”


ท้ายนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรู้เท่าทันสื่อ ยังฝากไว้อีกว่า อย่าลดคุณค่าตัวเอง เพียงเพราะว่าอยากดัง อย่ายอมสร้างคอนเทนต์ขยะเพื่อแลกเงิน พร้อมกับบอกอีกว่าคอนเทนต์ดีๆ ก็สร้างเงินได้เช่นกัน

“คอนเทนต์ดีๆ ก็ได้เงิน คนดีๆ ที่เขาใช้ความคิด สมอง สติปัญญา ใช้ความรู้ ก็หาเงินไปทางไม่ผิด แต่คอนเทนต์ที่มันเลวร้ายมาหาเงินก็คือเขาไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เท่ากับว่า คุณยอมเป็นขยะสังคมเพื่อแลกเงิน ลืมไปหรือเปล่าว่าในอนาคตยังมีประวัติของคุณอยู่ คุณเสิร์ชหาก็เจอ

อาจารย์คิดว่าไม่ใช่เขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เขารู้ว่าเขาทำอะไรได้ จนมันไม่มีขอบเขตหรืออะไรมาบังคับเขาได้ นั่นก็คือ ความอิสระในการสร้างคอนเทนต์

คำว่าสร้างสรรค์มันคือการคิด ประดิษฐ์อะไรที่มันนอกกรอบ มันไม่เคยมีมาก่อน แต่มันต้องมีคำหนึ่งที่ตามมาก็คือต้องดีขึ้น มีการ creative ก่อให้เกิดสิ่งที่ดี ให้เกิดการพัฒนาด้วย

ในที่สุดเขาไม่เห็นคุณค่า ในอนาคตเขาก็ไม่เห็นชีวิตเขาจะไปอยู่ตรงไหน เราต้องทำให้ชีวิตตัวเองใสสะอาดไว้ เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดี ตรงนี้เขาก็ทำร้ายตัวเองอยู่ เพื่อที่จะสร้างเงินอย่างเดียว บางทีขาดการดิ้นรนชีวิต เขาไม่มีทางต่อสู้อื่น เขาก็คิดได้แค่นี้ กับบางทีเขาไม่ขาด แต่เขาทำเพื่อความสะใจตัวเอง สะใจเพื่อนฝูง อยากให้เป็นที่ยอมรับในสังคม

แล้วสื่อออนไลน์ทำให้เขาสามารถเกิดการยอมรับได้ ในแง่ดีและแง่ร้าย ก็ไม่มีใครจะบอกเขาว่า จริงๆ เขาต้องเห็นคุณค่าในตัวเองมากๆ แล้วก็ถ้าเป็นเยาวชนก็น่าจะเห็นแก่อนาคต”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **







กำลังโหลดความคิดเห็น