xs
xsm
sm
md
lg

ไม่อยากหนุนปัญหา อย่าเพิกเฉย!! เตือนครู รร.ดัง ไร้บทลงโทษที่เป็นธรรม กลุ่มถ่ายใต้กระโปรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใส่ชุดไหนก็ถูกคุกคาม! #upfact แฮชแท็กร้อน แฉพฤติกรรมกลุ่มลับ นร.ชาย โรงเรียนดัง ส่งภาพแอบถ่ายใต้กระโปรง นร.หญิง แถมพูดจาเชิงคุกคามทางเพศ หนำซ้ำครูมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ด้านตัวแทนมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผย หากไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา อย่าเพิกเฉย!

เปิดโปง! แชตลับแอบถ่ายใต้กระโปรง

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกทวิตเตอร์ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี พบว่า มีนักเรียนตั้งกรุ๊ปแชตไว้เพื่อส่งภาพของนักเรียนหญิง อีกทั้งยังมีการพูดคุยกันในลักษณะคุกคามทางเพศคนที่อยู่ในภาพอีกด้วย!

เรื่องราวสุดช็อกนี้ ถูกเปิดเผยผ่านแฮชแท็ก #upfact ซึ่งใจความสำคัญของเหตุการณ์นี้ พบว่า มีกรุ๊ปแชตที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มภาษาไทย” ที่มีนักเรียนชายจำนวนหนึ่งเป็นสมาชิก




ทว่า… เนื้อหาภายในนั้นกลับไม่ใช่เนื้อหาวิชาการตามชื่อกลุ่มแต่อย่างใด เพราะกลุ่มนี้มีการส่งภาพแอบถ่ายใต้กระโปรงของนักเรียนหญิง รวมถึงภาพปกติทั่วไปที่ไม่ได้มีลักษณะล่อแหลม ในบางช่วงบางตอนมีลงลึกถึงรายละเอียดที่ว่า นักเรียนหญิงคนนั้นเรียนอยู่ห้องไหน และหัวข้อบทสนทนาส่วนใหญ่ในกลุ่ม มีการใช้พูดจาลวนลาม วิพากษ์วิจารณ์รูปร่าง คล้ายจะเป็นการคุกคามนักเรียนหญิงที่อยู่ในภาพอีกด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่เรื่องแดงขึ้นมาจนถึงหูคุณครูในโรงเรียน แต่ครูกลับมีท่าทีที่มองว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะตอบกลับมาว่า “แค่นี้เอง” ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

จนนำมาสู่การเรียกร้องให้โรงเรียนเร่งจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า กลุ่มนักเรียนผู้กระทำผิด ถูกลงโทษด้วยการหักคะแนน 30 คะแนน


แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการคุกคามทางเพศภายในรั้วโรงเรียน ทีมข่าว MGR Live ได้พูดคุยกับ อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ให้ช่วยสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอให้ความเห็นว่า ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครื่องมือสื่อสาร ก็ยิ่งทำให้เกิดการคุกคามทางเพศได้ง่ายยิ่งขึ้น และการที่บุคลากรในโรงเรียนเพิกเฉย ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้


[ อังคณา อินทสา ]

“ประเด็นพฤติกรรมเรื่องการคุกคามทางเพศ มันมีมานานแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะเจอเด็กนักเรียนชาย เอากระจกไว้ในรองเท้าแล้วส่องกระโปรงนักเรียนหญิง แต่ปัจจุบันเราเห็นพัฒนาการของมือถือ มันทำให้ถูกใช้มือถือเป็นเครื่องมือในการคุกคามทางเพศอีกฝั่งหนึ่งได้ง่ายขึ้น อย่างการใช้คำพูดที่แฝงไปด้วยนัยยะ มันก็เลยทำให้บางคนก็ไม่ชอบ อึดอัด ไม่ปลอดภัย มันก็เข้าเรื่องของการคุกคามทางเพศ หรือ Sexual Harassment ได้เหมือนกันค่ะ

แน่นอนว่า การที่ครูเพิกเฉยก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหามันเป็นวิธีระบบอำนาจที่มีอยู่หรือระบบอุปถัมภ์ ที่มีในระบบสังคมไทยมานานอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคนที่กระทำเป็นคนมีอำนาจที่เหนือกว่า เวลาเด็กมาบอกว่าถูกกระทำแบบนี้ ก็จะไม่เชื่อ มองว่า เขาหยอกล้อมากกว่ามั้ย แล้วในกรณีเด็กนักเรียนกับเด็กนักเรียนกระทำต่อกัน ก็จะมองเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความรุนแรงมากนัก ก็เลยทำให้หลายคนที่เป็นครู ไม่ได้ลุกมาจัดการ”

แนะเพิ่มเรื่องสิทธิ ในหลักสูตรเพศศึกษา

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ เหมือนยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ประเด็นที่ว่า โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทางหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ก็กล่าวว่า โรงเรียนนอกจากจะต้องเป็นที่พึ่งพิงให้แก่เด็กแล้ว ควรจะต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะวิชาเพศศึกษา

“เรื่องเพศศึกษาที่มันไม่ใช่เรื่องของการแค่รู้แค่สรีระร่างกายอย่างเดียว มูลนิธิฯพยายามเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ว่า  โรงเรียนก็ต้องมีระบบหรือพัฒนาหลักสูตรให้นักเรียนได้รู้เรื่องเพศศึกษา เรื่อง Gender เรื่องสิทธิเนื้อตัวร่างกาย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องทำให้เขาเข้าใจเรื่องเนื้อตัวร่างกาย รวมไปถึงการไม่ละเมิดสิทธิคนอื่นด้วยเช่นกัน คือ ต้องสอนเรื่องทักษะอื่นๆ เข้าไปด้วยนอกจากเพศศึกษาอย่างเดียว



รวมไปถึงมีมาตรการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจน พอเกิดเรื่องแล้วไม่ควรปล่อยทิ้ง หรือแค่ตัดคะแนนเด็กนักเรียนเท่านั้น ต้องเอาผู้ปกครองมาพูดคุย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา เพราะว่าถ้าผู้ปกครองได้รู้ถึงพฤติกรรมก็จะได้มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาในเรื่องแบบนี้คู่กับโรงเรียนได้ อันนี้มันน่าจะทำให้ปัญหานี้แก้ได้มากขึ้น

ในส่วนของโรงเรียนเอง ต้องมีระบบการศึกษาที่มีความเข้าใจ โดยเฉพาะครูที่เป็นสื่อกลางในการสอน เรื่องแบบนี้ต้องมี Mindset ที่ดีด้วยเหมือนกัน ทางมูลนิธิฯเอง ก็พยายามเสนอว่า โรงเรียนต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัย หรือเป็นพื้นที่ที่เด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย หรือเด็กที่มีความหลากหลายทางเพศ ถ้าเขาถูกคุกคาม ครูต้องมีพื้นที่ที่จะให้เด็กเหล่านี้ไปขอความช่วยเหลือ เพื่อจะทำให้เรื่องเหล่านี้สามารถสื่อสารและบอกกล่าวได้ด้วยความสบายใจ”

สุดท้าย ในฐานะตัวแทนจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เธอได้ฝากคำแนะนำไปยังใครก็ตามที่เจอกับการกระทำในลักษณะนี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องดำเนินการเก็บหลักฐานอย่างมีสติ เพราะหากโต้กลับบนโลกออนไลน์ไปด้วยความรุนแรง ก็อาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน



“ข้อกฎหมายเองมันก็มีช่องว่าง เพราะว่าในประเด็นแบบนี้ ในส่วนของกฎหมายอาญา มันไม่ได้มีกฎหมายที่ชัดเจนกับการแก้ปัญหา นอกจากเรื่องของอนาจาร หรือหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง ซึ่งมันก็เป็นฐานความผิดที่ไม่ได้มากนักกับการดำเนินการทางกฎหมาย พอโพสต์รูปหรือกระทำแบบเด็กเหล่านี้ มันจะเข้าความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่นำเข้าภาพ มีการพูดคุกคาม จะเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการเอาผิดได้

ถ้าน้องผู้หญิง น้องผู้ชาย หรือกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ เจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่อยากให้โต้กลับด้วยความรุนแรง เคยเจอว่าหลายคนโพสต์ประจานคนที่มาคุกคามเราผ่านอินเทอร์เน็ตที่เป็นสาธารณะ มันก็นำไปสู่การถูกฟ้องกลับด้วยเหมือนกัน

ดังนั้น ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ให้รวบรวมข้อมูลแล้วปรึกษาผู้ใหญ่ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการที่มากขึ้น ทั้งในเรื่องกฎหมายและการอยู่ในโรงเรียน มันน่าจะเกิดการแก้ปัญหาที่มากขึ้นได้ค่ะ”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **






กำลังโหลดความคิดเห็น