xs
xsm
sm
md
lg

เจาะวิถี “สรยุทธ-กรรมกรข่าว” จากโด่งดัง กลับดิ่งเหว สู่เส้นทางอภัยโทษ ที่คอข่าวรอคอย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไขข้อสงสัย มหากาพย์คดีเงินค่าโฆษณา “คดีไร่ส้ม” ของนักเล่าข่าวเบอร์ 1 ของประเทศ ได้พักโทษ-ถูกปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว สังคมจับตามองว่า เพราะคนดังมีอภิสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่นหรือไม่!!?




ย้อนมหากาพย์ “คดีไร่ส้ม”


กลายเป็นที่กังขาของสังคม เมื่อ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวชื่อดัง จะออกจากเรือนจำในวันที่ 14 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกเขามากกว่า 6 ปี

“เมื่อมันชดใช้สิ่งที่เห็นว่าผิดไปแล้วไม่ได้ ผมก็ยอมรับวันนี้ผมคงติดคุกตามคำพิพากษาของศาลสูงสุด ความยากลำบากเดียว คือ ทำใจ ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ที่จะทำความคุ้นเคยกับมัน แต่ที่สุดผมก็ต้องยอมรับให้ได้”

โดยในมุมมองนักเล่าข่าวชื่อดังได้อธิบายว่า บริษัท ไร่ส้ม ได้โฆษณาเกินจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะทุจริต ที่ผ่านมา ไม่เคยมีการปกปิดใดๆ และเงินที่จ่ายให้ “พิชชาภา เอี่ยมสะอาด” เจ้าหน้าที่ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการจ้างให้ช่วยโกงเงินรัฐแต่อย่างใด และเมื่อเขาทราบว่า บริษัท ไร่ส้ม ติดหนี้ อสมท อยู่ 138 ล้านบาท ก็รีบชำระคืนทันทีตั้งแต่ยังไม่เป็นคดีทันที


อย่างไรก็ดี ยังพบว่า สรยุทธ ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 รวม 6 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 7 แสนบาท เพื่อตอบแทนที่ พิชชาภา ไม่ได้รายงานการโฆษณาเกินเวลา

สำหรับคดีที่กินเวลายืดเยื้อนานมากว่า 10 ปีนี้ เมื่อย้อนกลับไป ตรวจสอบพบว่าเป็นคดีระหว่าง “บริษัท ไร่ส้ม จำกัด”กับข้อพิพาทเรื่องค่าโฆษณาเกินเวลา โดยมีคู่ความคือ “อสมท”

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 48 อสมท ได้ทำสัญญาร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” กับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ซึ่งมี สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นเจ้าของบริษัท และผู้ดำเนินรายการ โดยสัญญาระบุว่า ฝ่าย อสมท เป็นผู้ลงทุนเวลาออกอากาศ ส่วนบริษัท ไร่ส้ม ลงทุนผลิตรายการ

โดยแบ่งเวลานาทีโฆษณา ต่างคนต่างไปขายหารายได้ โดย อสมท มีข้อกำหนดว่า กรณีขายโฆษณาเกินเวลา ไร่ส้มต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท ตามราคาโฆษณาที่กำหนด และ อสมท ให้ส่วนลด 30%


กระทั่งปี 49 ตรวจสอบพบว่า บริษัท ไร่ส้ม ค้างรายได้จากค่าโฆษณาเกินเวลาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท โดย พิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม และเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บเงินจากบริษัท ไร่ส้ม

จากนั้นได้สารภาพต่อหน้าผู้บริหาร อสมท ว่า ทางบริษัทโฆษณาเกิน และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง โดยใช้ น้ำยาลบคำผิด” ลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท เพื่อปกปิดความผิดตามคำแนะนำของ สรยุทธ และ มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัท ก่อนจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้


แน่นอนว่า ถึงจะมีการจ่ายเงินคืนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องการเอาผิด บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โทษฐานสนับสนุนพนักงานในหน่วยงานรัฐกระทำความผิด ในฐานะที่เขาเป็นผู้ถือหุ้น 99.99%

ส่วนในคดีนี้นอกจากเขาแล้ว อีกคนที่โดนรัฐเอาผิดด้วยเช่นกัน คือ มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัท ไร่ส้ม โดยในกรณีเรื่องเงินในลักษณะนี้ ถ้าหากเป็นบริษัทเอกชน การจ่ายเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย อาจทำให้เรื่องยุติได้ แต่ อสมท เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทำให้ทางกฎหมายกลายเป็นมีความผิดอาญาข้อหา “สนับสนุนพนักงานรัฐกระทำความผิด”


โดยวันที่ 29 ก.พ. 59 ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไร่ส้น สั่งจำคุกพิชชาภา 20 ปี ส่วน สรยุทธ และ มณฑา จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่ทั้งหมดขออุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งหลังจากมีคำตัดสิน ส่งให้เขาประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับช่อง

ต่อมาวันที่ 29 ส.ค. 60 ศาลอุทธรณ์ประกาศยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยไม่รอลงอาญา แต่สรยุทธกลับขอสู้ต่อที่ศาลสุดท้าย คือ ศาลฎีกา จนกระทั่ง 21 ม.ค. 63 วันชี้ชะตาของเขาก็มาถึง เมื่อศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา และยังคงยืนยันว่า จำเลยทั้งหมดมีความผิดจริง โดย พิชชาภา ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ โดนจำคุก 12 ปี, บริษัท ไร่ส้ม โดนปรับเงิน 72,000 บาท

ขณะที่ สรยุทธ และ มณฑา รับโทษจำคุก 6 ปี 24 เดือน โดยศาลฎีกาอธิบายไว้ว่า สรยุทธเป็นสื่อมวลชนอาวุโส แต่กลับกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งๆ ที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับวงการสื่อมวลชน จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ และจำเลยทั้งหมดจะเข้าสู่เรือนจำทันที หลังจากสิ้นสุดคำพิพากษา





ได้พักโทษพิเศษ เพราะเป็นคนดัง?


เมื่อเกิดการถกเถียง และข้อสงสัยถึงการพักโทษของนักเล่าขาวคนดัง ทางทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายชื่อดัง ประธานเครือรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอความรู้ทางข้อกฎหมาย สำหรับประเด็นดังกล่าว

“คือ ถ้าถามผมมันเป็นกติกาที่มันอยู่ในกฎหมาย จังหวะที่ คุณสรยุทธ เข้าไปมันมีการอภัยโทษพร้อมกัน 2 รอบเท่านั้นเอง คุณสรยุทธ เลยออกไว คือ ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่ากฎหมายบ้านเรา การลดโทษ หรือการอภัยโทษ มันสำคัญสำหรับนักโทษมาก


บางคนเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วจังหวะนั้นไม่มีอภัยโทษ ก็ต้องติดคุกตามที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้าเกิดมีอภัยโทษบ่อยๆ เขาก็จะลดโทษลงเรื่อยๆ และสามารถที่จะใช้สิทธิทางกฎหมายตัวใหม่ ออกมาพักโทษข้างนอกเรือนจำได้ ถ้าถามว่าไวหรือช้าต้องบอกอย่างหนึ่งว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยของการอภัยโทษด้วย”

โดยสะท้อนถึงการพักโทษคดีไร้ส้มที่รวดเร็วเกินไปไว้ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกที่ลดโทษออกมาไว เป็นเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย


“คือไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเพียงแต่ว่า ศาลลงโทษไปถ้าผมจำไม่ผิด คุณสรยุทธ โดน 6 ปี และติดอยู่ปีเศษๆ ได้พักโทษ ตรงนี้ ผมว่าอาจจะต้องมาคุยกัน ในแง่ขบวนการลงโทษว่ามันน้อยไปไหม มันเป็นจังหวะ ไม่ใช่เป็นเรื่องพิเศษเฉพาะคน แต่พอมันมาเป็นจังหวะแบบนี้ ในความรู้สึกของคนบางกลุ่มที่เขามองว่าทำไมออกมาไวจังแค่นั้นเอง”


อีกทั้งทิ้งท้ายสำหรับประเด็นที่ถูกมองว่า เพราะเป็นบุคคลมีชื่อเสียง จนทำให้มีอภิสิทธิ์ลดโทษไวกว่าผู้อื่น ว่า ถ้าหากมีการทำผิดเงื่อนไขใดๆ ก็ต้องกลับเข้าไปเหมือนเดิม มองเป็นคนมีชื่อเสียง สังคมจึงจับตามอง


“คุณสรยุทธ คงไม่มีความสามารถ หรือคนในรัฐบาลคงไม่มีความสามารถบอกได้หรอกว่า ปีไหนเป็นการอภัยโทษ มันคงไม่มีใครตอบได้ว่ามันจะมีเมื่อไหร่ด้วย บางครั้งก็หลายปีกว่าจะมีสักครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับผม มันเป็นแค่จังหวะที่อยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

ถ้าเพิ่มเติม คือ อยากเห็นเคสอื่นๆ ที่เขาได้รับการพักโทษแบบคุณสรยุทธ ออกมาเปรียบเทียบบ้าง อยากให้กรมราชทัณฑ์ช่วยอธิบายตรงนี้เพิ่มหน่อยเท่านั้นเอง เพื่อให้ความความกระจ่างกับสังคมที่มีคนสงสัยอยู่”

[ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์]
เช่นเดียวกับ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีที่เกิดขึ้น โดยมองว่า ไม่ใช่เพียงสรยุทธคนเดียว ที่ได้พักโทษ แต่มีการพิจารณานักโทษทั้งประเทศที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ




“อิสรภาพของสรยุทธ เมื่อมีข่าวว่า คุณสรยุทธจะได้ออกจากคุกเดือน มี.ค.นี้ ก็มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมออกเร็ว?” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงออกมาชี้แจงว่า คุณสรยุทธได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่อย่างไร?

ผมขอเพิ่มเติมในฐานะศิษย์เก่าผ่านคุกผ่านตะรางมาหลายรอบแล้ว ตอนคุณสรยุทธเข้าเรือนจำใหม่ๆ มีเรื่องโควิดพอดี มีทั้งการแหกคุกอ้างว่ากลัวโควิดระบาด เพราะไม่ได้ให้มีการเยี่ยมตามปกติ ส่วนนักโทษใหม่ยังต้องกักตัว 14 วันด้วย


คุณสรยุทธ จึงได้ช่วยงานให้ความรู้นักโทษ จัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” การจัดรายการทำให้สถานการณ์ในเรือนจำที่โกลาหลอยู่ เริ่มดีขึ้นด้วยงานข่าวประชาสัมพันธ์ของคุณสรยุทธ จนได้ปรับชั้นเป็นชั้นเยี่ยมตามปกติ ส่วนนักโทษใหม่ยังต้องกักตัว 14 วันด้วย การจัดรายการทำให้สถานการณ์ในเรือนจำที่โกลาหลอยู่ เริ่มดีขึ้น งานข่าวประชาสัมพันธ์ของคุณสรยุทธ จนได้ปรับชั้นเป็นชั้นเยี่ยม…”



ล่าสุด อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมาเปิดเผยถึงกรณีข่าวการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ ว่า เป็นการพิจารณาคดีตามเกณฑ์คุณสมบัติ และประโยชน์ที่นักโทษพึงได้รับ ซึ่งวันครบกำหนด พักโทษในเดือนมีนาคม ยังต้องติดกำไลอีเอ็ม




ข่าวโดยทีมข่าว : MGR Live


** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น