แชร์สนั่น! หนุ่มเวียดนามซื้อต้นมอนสเตอร่าใบด่างจากคนขายชาวไทย 1 ต้น โอนเหนาะๆ 1 ล้านกว่าบาท ด้านนักวิชาการไม้ประดับ เผย ยิ่งด่าง-ยิ่งหายาก-ยิ่งแพง กระแสแพร่ทั่วโลกไม่ต่างเล่นหุ้น แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน!!
มอนสเตอร่าต้นละล้าน ยิ่งด่างยิ่งแพง!
กลายเป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งโลกโซเชียลฯ เมื่อเฟซบุ๊ก Định Hàn ของชายชาวเวียดนาม ได้โพสต์ภาพของต้นมอนสเตอร่า ไม้ประดับในร่มยอดฮิต ที่ผลิใบด่างเป็นสีเขียวและสีขาว สวยงามแปลกตาอย่างที่ไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป แต่สิ่งที่สร้างความฮือฮายิ่งกว่าภาพมอนสเตอร่าด่างนั้น ก็คือ ภาพของสลิปหรือหลักฐานการโอนเงิน จำนวน 1 ล้านกว่าบาท ไปยังบัญชีคนไทย โดยเจ้าของเฟซบุ๊กระบุข้อความใจความว่า “เล่นใหญ่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่”
ทันทีที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็นำมาซึ่งความสนใจของชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่า ต้องมาพร้อมกับคำถามมากมาย ว่า ทำไมต้นไม้เพียงต้นเดียว ถึงได้มีมูลค่ามหาศาลถึงเพียงนี้?!
[ ต้นมอนสเตอร่าราคาหลักล้านที่ชายชาวเวียดนามครอบครอง ]
อีกทั้งก่อนหน้านี้ กระแสการปลูกต้นไม้ในบ้านของคนในวงการบันเทิงหลายท่าน ทั้ง ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์, ณเดชน์ คูกิมิยะ, เบลล่า-ราณี แคมเปน, เคน ภูภูมิ และอีกมากมาย ก็ยิ่งทำให้ต้นไม้เหล่านี้กลายเป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
เพื่อเป็นการรู้จักต้นไม้ล้ำค่าชนิดนี้มากขึ้น ทีมข่าวจึงได้ขอความรู้จาก รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ อาจารย์คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอดีตนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย เขากล่าวว่า มอนสเตอร่านั้น ยิ่งด่างยิ่งราคาแพง เพราะโอกาสที่จะเกิดมาด่างนั้นน้อยมาก
[ รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ ]
“ต้นที่ว่ามันชื่อ มอนสเตอร่า (Monstera deliciosa) ประการแรกคือ ของหายากครับ ถ้าใบด่างก็จะแพงกว่าใบธรรมดา จะเป็นต้นขนาดใหญ่ ในรูปประมาณ 5 ใบ เห็นลบเลขหลังหลักล้านไป 2 เลข อาจจะล้านกว่า ต้นที่มีสีแบบต้นราคาล้านบาทนั้นหายาก ซึ่งหากจะขยายพันธุ์ให้มีลักษณะเดิมก็เป็นไปได้ยากมาก เป็นปกติของเศรษฐีเวียดนามที่ยอมจ่ายไม่อั้น เพื่อของหายากและอลังการ
ไม้ปกติมันจะไม่ด่างครับ มันกลายพันธุ์ขึ้นมา มันจะมี 2 แบบ คือ กลายพันธุ์แบบถาวร ด่างพันธุกรรม ขยายแล้วเหมือนเดิมทุกอย่าง ตอนนี้ที่อเมริกาขายต้นละ 600 เหรียญได้ ขนาดนั้นยังแพง และด่างจากการกลายพันธุ์บางส่วน มีเป็นพันต้นอาจจะได้ด่างมาต้นนึง พอได้ด่างมาแล้วเขาก็สามารถขยายได้ ด่างบางอย่างขยายแล้วไม่เหมือนเดิม พอมันด่างแล้วเอาไปขยายพันธุ์ยังมีด่างลายใหม่ได้อีก
[ ญาญ่า หนึ่งในผู้นำเทรนด์การปลูกต้นไม้ช่วง WFH]
พวกที่ขยายแล้วไม่เหมือนเดิมจะยิ่งแพง อย่างต้นในรูปจะเห็นว่ามันจะด่างครึ่งใบ ยิ่งไม่ค่อยคงที่ เขาเรียกกลายพันธุ์บางส่วน จะให้สวย เหมือนกันหลายๆ ใบจะยิ่งหายาก แน่นอนความแพงมันอยู่ที่ความหายาก”
อีกทั้งความนิยมในการปลูก และซื้อ-ขายไม้ประดับบ้านในราคาที่สูงลิ่วนี้ ก็มีคนให้ความสนใจ และแพร่หลายไปทั่วโลก ชนิดที่ว่า ราคาขึ้นไปถึงร้อยเท่าพันเท่า!
“ถามว่าทำไมแพง ผมไม่เรียกกระแสนะ เพราะมันถาโถมมากกว่าปกติ ในวงการต้นไม้ประดับมันจะมีกระแสอยู่แล้ว ราคามันก็จะขึ้นมาซัก 5-10 เท่าของปกติ แต่คราวนี้มันขึ้นทีเป็นร้อยเป็นพันเท่า ผมก็เลยเรียกว่าสึนามิ มันเหมือนหุ้นปั่นขนาดหนัก ตอนนี้ผมว่าทั้ง Monstera deliciosa และ Philodendron กำลังเป็นไม้สึนามิที่นิยมทั่วโลก
[ ณเดชน์และ Philodendron]
ตอนนี้คนไม่มีงานทำก็หาอะไรมาทำที่มันจะได้เงิน หุ้นยังไม่หวือหวาเท่านี้เลย ในหนังสือพิมพ์ของเมืองนอกลงว่า เล่นต้นไม้ราคาดีกว่าเล่นหุ้น แต่เขาไม่ได้พูดถึงความเสี่ยงนะมันไม่ได้ Base on คุณค่าในการใช้ประโยชน์ แล้วมันก็เหมือนคล้ายๆ ลูกโซ่ สมมติเล่นกันอยู่ซัก 100 คน ราคาขึ้น คนอยู่ข้างนอกเห็นก็โดดเข้ามาอีก
เอาไปใช้ประดับสวยงามมั้ย มันก็สวย ซึ่งการเล่นไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย ต่างประเทศเขาก็เล่นแบบนี้ ราคาเวอร์วังอลังการแบบนี้ อเมริกาก็มี ยุโรปก็มีครับ ลักษณะการแพงโดด ขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันเท่า มีทั่วโลกตอนนี้”
ทำความเข้าใจใหม่ ไม่ใช่ต้นไม้ฟอกอากาศ!
นอกจากนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปลูกไม้ในร่มเป็นที่นิยมนั้น เนื่องมาจากสรรพคุณที่โฆษณากันว่า สามารถช่วยฟอกอากาศในบ้านได้ แต่ทางด้านของนักวิชาการด้านไม้ประดับ ได้เผยข้อมูลว่า ความจริงแล้ว ต้นไม้ในร่มเหล่านี้ ไม่สามารถฟอกอากาศได้?!
“เขาเป็นไม้ประดับภายในบ้านอยู่แล้ว ในรายงานวิจัยในต่างประเทศนานมากแล้ว มีรายงานออกมาว่าต้นไม้ฟอกอากาศ แต่ตอนหลังมีคนมาศึกษาจริงๆ ไม่ใช่ต้นไม้เป็นตัวฟอก จุลินทรีย์ที่อยู่ในวัสดุปลูก พูดง่ายๆ ดินปลูกของต้นไม้เป็นตัวฟอก มันก็จะมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ในดิน อยู่กับรากต้นไม้ จุลินทรีย์ตรงนั้นต่างหากที่เป็นตัวหลักในการฟอกอากาศ”
[ มุมสีเขียวในบ้าน เคน ภูภูมิ ]
และเมื่อถามว่า กระแสความนิยมนี้จะอยู่ไปอีกนานเพียงใด อ.สุรวิช ก็กล่าวว่า เมื่อใดก็ตามทีวิกฤตโควิด-19 บรรเทาเบาบางลงเมื่อไร ราคาต้นไม้ก็จะลดลงตามเมื่อนั้น
“มากับโควิดมันก็จะไปกับโควิดครับมันมีซัปพลายเพิ่มขึ้น เพราะมีคนพยายามขยายพันธุ์ด้วยเทคนิคที่ขยายพันธุ์ได้เร็วขึ้นในบ้านเรา ถ้าเป็นต้นไม้กระแสโดยทั่วไปมันก็จะอยู่ราวๆ 20 ปี ก็จะย้อนกลับมาอีกครั้งเหมือนแฟชั่น แต่สึนามิมันไม่มาแล้ว ถ้ามันลงเมื่อไหร่คือลงเลย
เพราะฉะนั้นคนที่เล่นผมก็จะเตือนอยู่เสมอว่า ถ้าเก็งกำไรต้นไม้แบบนี้ ราคามันลงเมื่อไหร่ ขาดทุนได้ทันที มันไม่เหมือนหุ้นที่ถือแล้วมันจะกลับ ความเสี่ยงสูงมาก ถ้ามันลงแล้วโดดออกไม่ทัน มันติดมือแบบสะบัดไม่ได้เลยนะ ต้นละล้านเหลือต้นละพันอย่างนี้ ถึงวันนั้นไหวมั้ย มันจะไม่กลับมาแล้ว”
สุดท้าย อดีตนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย ก็ได้ฝากถึงคนที่สนใจจะเลี้ยงต้นไม้ในบ้าน ว่า เป็นอีกตัวเลือกที่ดี เนื่องจากเป็นไม้ที่ดูแลง่าย และฝากคำเตือนที่ใครก็ตามที่ต้องการซื้อต้นไม้ราคาแพงเพื่อการลงทุน ให้ศึกษาถึงความเสี่ยงที่จะตามมาให้มาก
“ต้นไม้ที่ปลูกในบ้านดูแลง่าย ไม่ยากครับอาจจะไปซื้อปุ๋ยละลายช้ามาโรยในกระถางไว้ แล้วก็รดน้ำ ถ้าไม่อยากรดน้ำบ่อยก็ไปซื้อจานรองกระถางมา แล้วใส่น้ำในจานรอง มันก็ดูดขึ้นไปกินเอง ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ต้องการการเอาใจใส่ต่ำ มองดูแล้วก็ชื่นใจ ส่วนใหญ่บ้านเราก็ชอบสีขาวๆ บ้านดูสว่าง ไม้ด่างมันก็เลยมา
ถ้าคุณอยากจะปลูกต้นไม้เพราะรักต้นไม้ เลี้ยงไม้ประดับในบ้าน ช่วงนี้ก็อย่าไปเสียตังค์ซื้อไม้ที่เขาเล่นแล้วกัน เลี้ยงไม้ที่เราชอบ มันก็มีไม้ที่ไม่ใช่ราคาขึ้นมาแบบนี้ให้เราซื้อหาได้ที่สวนจตุจักร แต่ไม้ที่แพงๆ ถ้าเกิดว่าเราชอบ ก็อย่างที่เรียนไป รอให้วิกฤตโควิดมันหมดไป ราคามันก็จะลงมาในระดับทั่วไปนี่แหละครับ ไม่เป็นล้านแบบนี้
แต่ถ้าเป็น Investor นักลงทุน คุณก็โดดเข้าไป ก็มีคำเตือนอยู่ตรงนี้ ซื้อตอนนี้มา พอราคามันลงคุณจะหาความชื่นใจไม่ได้เลย ต้นละล้านแล้วลงมาร้อยเท่า อย่างเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่อินโดนีเซีย ไม่ได้เป็นสึนามิแบบนี้ คนขายบ้านขายรถ เพื่อไปซื้อหน้าวัวใบ ตอนนั้นเป็นกระแสที่ประเทศเขา แล้วก็หมดรถหมดบ้าน เวลามันลงมันลงกระแทก มันไม่เหลืออะไรเลย เพราะฉะนั้นคนที่เอาเงินไปลงทุนต้องทราบตรงนั้นด้วย”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Định Hàn”, อินสตาแกรม @urassayas ,@kugimiyas @ken_phupoom @bellacampen
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
