ไม่ให้เลือกบริษัทขนส่ง-ค่าส่งแพงขึ้นดรามาสนั่นจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ กระทบหนักขาชอปออนไลน์และเหล่าพ่อค้าแม่ค้า ถึงขั้นกุมขมับ ส่งสินค้าล่าช้า ค่าส่งแพงกว่าสินค้า พัสดุเสียหาย ยอดขายลดลง นักคุ้มครองผู้บริโภคสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรม มีหลายแบนรด์ให้เลือกอีกเยอะ
ผู้บริโภคเลือกไม่ได้ “ไม่ยุติธรรม”
ดรามาสนั่นทวิตเตอร์ เมื่อ “Shopee” ปรับรูปแบบการขนส่งแบบใหม่ ร้านค้าหลายร้านจะเริ่มมีคำว่า Standard Delivery (Normal) ขึ้นในการขนส่ง โดย Shopee จะเลือกผู้ขนส่งให้แก่ผู้ซื้อเอง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ใช้บริการ จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 เกิดเป็นแฮชแท็ก #Shopeeไม่ต้องสาระแน
ทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าส่งก็แพงขึ้นอีกด้วย พร้อมตั้งคำถามว่า ทราบได้อย่างไรว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเหมาะสมกับขนส่งที่เลือกมาให้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าจ่ายเงินไปแล้ว แต่ได้บริษัทขนส่งที่ไม่ได้ตามต้องการ ส่งสินค้าล่าช้า พัสดุเสียดาย
ไม่ได้กระทบแค่นักชอปเท่านั้น ยังมีเสียงสะท้อนจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายอีกว่า ไม่สามารถเลือกขนส่งเองได้ เพราะทางระบบเลือกมาให้ บางทีก็ถูกลูกค้าด่าทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร
เรียกได้ว่ากำลังเจอปัญหาหนักหลังมีการเปลี่ยนระบบขนส่ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นบริษัทไหนที่ Shopee เลือกมาให้ ทำให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าขนส่งแพงจนลูกค้าหายหมด มีที่ไหนซื้อของ 200 บาท ค่าส่ง 426 บาท ซึ่งผู้ซื้อเองมองว่าเป็นเรื่องที่เกินไป
บางรายยังบอกอีกว่า ของบางอย่างที่ร้านขายประจำ น้ำหนัก 7 กิโลกรัม ค่าส่ง 68 บาท แต่พอเป็นระบบสุ่ม ค่าส่งพุ่งเป็น 174 บาท ลูกค้าก็ไปหาซื้อที่อื่น ทำให้ตอนนี้ยอดขายลดลง
นอกจากนี้ หากต้องการจะเปลี่ยนระบบขนส่งที่สุ่มมาให้กลับมาเป็นแบบเดิม ต้องกรอกแบบฟอร์มแล้วรอ 7-14 วัน ถึงจะรู้ผลว่าได้หรือไม่ได้ แต่ปรากฏว่าบางเจ้าก็ไม่ผ่านเพราะ Shopee ไม่อนุมัติ
ขณะเดียวกัน “Shopee Thailand” ก็ได้ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ว่า ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นนะคะ เนื่องจาก Shopee มีการปรับรูปแบบขนส่งใหม่เพื่อเป็นมาตรฐาน โดยทาง Shopee จะเป็นผู้กำหนดบริษัทขนส่งที่เหมาะสมกับร้านค้าให้โดยอัตโนมัติ จะพิจารณาจากพื้นที่ที่ให้บริการของบริษัทขนส่งที่เหมาะสมกับที่อยู่ในการจัดส่งของร้านค้า ประกอบกับลักษณะของสินค้าที่ร้านค้าขาย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เรียกได้ว่าส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขายเป็นอย่างมาก ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง นฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านต่างๆ โดยเธอมองว่า ทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมต่อผู้บริโภค ควรจะเปิดช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเองได้ตามต้องการ
“มองว่ามันไม่มีโอกาสเลือกเองในแง่ของการส่งสินค้า แต่ก่อนเราอาจจะบอกว่าบางรายมันถูกนะ 20 กว่าบาทก็ส่งได้ แต่บางรายสูงถึง 40 บาท แต่ Shopee ไปเลือกที่สูงสุด 40 บาทมาให้เขาหรือเปล่า ทุกอย่างผู้บริโภคแบกรับภาระ พอแบกรับภาระทุกอย่าง ตัวเองก็มีสิทธิที่จะเลือก แต่ Shopee ไม่ให้เลือก ซึ่งก็ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคเท่าไหร่
ควรจะเปิดช่องทางให้ผู้บริโภคเลือกเอง เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เขารับผิดชอบอยู่แล้ว จะเห็นว่ามันจะมีโค้ดส่งฟรี หรืออะไรต่างๆ แต่ประเด็นหลักๆ สิ่งที่ Shopee เลือกให้มันไม่ใช่โค้ดส่งฟรีนะ มันคิดค่าส่งอยู่ แต่ว่าค่าส่งนั้นเขาไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าเขาจะขอส่งกับเจ้าไหน ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องรับผิดชอบค่าส่ง
จึงคิดว่าเรื่องนี้มันจึงไม่ค่อยเป็นธรรมกับผู้บริโภคเท่าไหร่ในเรื่องการที่เลือกไม่ได้ ทั้งที่ผู้บริโภคเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบค่าส่งสินค้าเหมือนกัน ดังนั้น เขาควรจะมีโอกาสเลือก”
นอกจากนี้ ในฐานะนักสิทธิคุ้มครองผู้บริโภค หรือในฐานะที่เป็นผู้บริโภคเองก็มองอีกว่า การปรับเปลี่ยนเช่นนี้ ความล่าช้าในการขนส่งอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่างเช่นที่เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคที่สะท้อนกลับมายังผู้ประกอบการ
“เรื่องของกระบวนการที่ล่าช้า เพราะว่ามันเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยน แล้วก็ไม่มีทางเลือก เพราะเมื่อมีผู้ประกอบการรายเดียว ช่องทางในการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคเร็วขึ้นมันก็ยาก เพราะว่ามันต้องรอคิว สมมติกระจายงานกันไป แล้วมีผู้ส่งรายเดียว แต่ก่อนส่งเจ้านี้ไม่ได้ อาจจะส่งอีกเจ้าแทน ความล้าช้ามันเกิดแน่ๆ
ผู้บริโภคที่คิดว่าไม่เป็นธรรม หรือมีปัญหา จริงๆ เรื่องสินค้าและบริการมันก็มีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบและดูแลอยู่แล้ว อันนี้มันต้องหารือกันระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานที่จะไปกำกับดูแลว่าเรื่องพวกนี้มันมีเหตุอะไรทำไมมันต้องเลือกผู้ประกอบการในการขนส่งสนค้าให้แก่ลูกค้า”
กระทุ้งด้วยการไม่อุดหนุนสินค้า
“ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรมเราก็ไม่ซื้อ Shopee เราก็ไปซื้อกับคนอื่น ตอนนี้คิดว่าช่องทางมันเยอะแยะมากมายนะกับผู้ประกอบการที่เป็นแพลตฟอร์มแบบนี้ มองว่าการที่ไม่สนับสนุนเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับหนึ่ง การที่เราจะไปบังคับให้ Shopee ดำเนินการโน่นนี่นั่น คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการเขาใช้สิทธิของตัวเอง เหมือนกับเขาตั้งกติกาขึ้นมาแบบนี้ แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วย เราก็มีช่องทางอื่นเลือกซื้อได้ เราก็ไม่สนับสนุน”
นักคุ้มครองผู้บริโภคยังแนะอีกว่า สังคมต้องลุกขึ้นมาช่วยกันในเรื่องความเป็นธรรมให้มากขึ้น เพราะหากจะรอหน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ไขให้อาจจะล่าช้าไปบ้าง กว่าขั้นตอนหรือกระบวนการต่างๆ จะผ่านไปถึง
“สิ่งที่เป็นธรรมสำหรับลูกค้าคือความพึงพอใจสำหรับลูกค้า แล้วลูกค้าคิดว่าตรงนี้โอเคสำหรับเขา แต่ถ้าเราไปบังคับบอก Shopee คุณต้องลดราคา คุณต้องให้ผู้บริโภคเลือกได้ คิดว่า Shopee มีนโยบายแบบนี้ แค่ผู้บริโภคไม่ซื้อเขา ก็คิดว่าเขาก็ได้รับผลกระทบมากพอสมควร
เราต้องลุกขึ้นมาช่วยกันแบบนี้ สังคมไทยมันต้องแบบนี้ เพราะว่ารอหน่วยงานรัฐมันก็อาจจะล่าช้า กว่าขั้นตอนกระบวนการไปถึงเขา เพราฉะนั้นถูกคิดค่าส่งแล้วเลือกไม่ได้ อันนี้ไม่เป็นธรรมแน่นอน
แต่สิ่งที่ถ้า Shopee ไม่จัดการปัญหาเรื่องนี้ เราก็อย่าไปซื้อ Shopee เราไปซื้ออีกยี่ห้อหนึ่งก็ได้ เพราะอีกยี่ห้อหนึ่งเขาให้เลือก คือมันเป็นกระบวนการแข่งขันทางการค้าที่บริษัท หรือผู้ประกอบธุรกิจเขาต้องใส่ใจในเรื่องนี้ โดยที่เราเองจะเป็นผู้กำกับผู้ประกอบธุรกิจเอง
ในมุมของเราคิดว่าการกำหนดราคาเป็นภารกิจของลูกค้าเหมือนกัน ถ้าเราไม่พอใจเราไม่ต้องซื้อเขา เราซื้อเจ้าอื่น เพราะเราเห็นว่าแต่ละแบรนด์ก็อยู่ในแพลตฟอร์มหลายยี่ห้ออยู่เหมือนกัน
แค่ว่าคุณไม่มีโอกาสให้เขาเลือกก็ไม่เป็นธรรมแล้ว เพียงแต่ว่าความไม่เป็นธรรมแบบนี้มีใครที่จะไปกะเกณฑ์ให้ Shopee ยกเลิกกติกานี้ นอกจากผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าเขา ในเมื่อคิดว่าเขาให้บริการที่ไม่เป็นธรรมคุณก็ซื้อเจ้าอื่น เพื่อให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้ได้ อันนี้คือการบีบทางตรงเลยของผู้บริโภค คือการที่ลุกขึ้นมาไม่ซื้อสินค้าของเขา
แต่การจะไปบอกว่าให้เขาลดค่าขนส่งลงมา เขาบอกเขาทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณไม่ซื้อสินค้าเขา เขาจะทำได้ทันที เพราะว่า Shopee ขายเป็นหลักพันล้านต่อวันนะคะ ถ้าผู้บริโภคลุกขึ้นมาไม่ซื้อเขาสักวันหนึ่งเขาก็สะเทือนแล้วค่ะ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **