ผู้ปกครองเรียกร้องโรงเรียนปิดเพราะโควิด-19 นานเป็นเดือน ไม่ยุติธรรม ค่าเทอมเกือบแสน เรียนออนไลน์แต่จ่ายเท่าเดิม ความรู้ได้ไม่เต็มที่ เป็นปัญหาต้องหาคนช่วยดูแลเพิ่ม
เรียนออนไลน์ แต่จ่ายเท่าเดิม
เป็นประเด็นที่โลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากกรณีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เผยภาพแชตสนทนากับทางมหาวิทยาลัย หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มหาวิทยาลัยต้องจัดการเรียนแบบออนไลน์
ทำให้ต้องทวงถามว่า จ่ายค่าเทอมครึ่งแสน ทั้งที่เรียนอยู่บ้านได้ค่าเทอมคืนไหม เจอสวนกลับ ทำไมต้องคืนค่าเทอม ในเมื่อยังจัดการเรียนการสอนอยู่
จากบทสนทนาดังกล่าว ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา บ้างก็เห็นด้วยว่าทางมหาวิทยาลัยควรคืนค่าเทอมให้บ้าง จะได้เอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายค่าไฟ และค่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านแทน
ไม่เพียงเท่านี้ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองชื่อดังยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก จี้รัฐออกโครงการ “ลดค่าเทอมคนละครึ่ง” หลังเด็กเรียนออนไลน์หนีโควิด-19 แต่โรงเรียนยังเก็บเท่าเดิม ไม่ลดให้แม้แต่บาทเดียว
โดยอดีตนักการเมืองชื่อดังมองว่า ทุกวันนี้โควิด-19 ทำให้สถานศึกษาทุกที่ ตั้งแต่เด็กอนุบาลไปยันมหาวิทยาลัย ต้องใช้การเรียนการสอนด้วยวิธีออนไลน์กันทั้งหมด สถานศึกษาบางแห่งกลับเก็บค่าเทอม ไม่ว่าค่าบำรุงการศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียนการสอนเท่าเดิม ไม่ลดแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่การเรียนออนไลน์นั้นทำให้สถานศึกษาทุกที่ประหยัดค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบุคลากรบางประเภทลง
เรียกได้ว่ากระทบไปหมด ทั้งมหาวิทยาลัย จนไปถึงโรงเรียนทุกแห่ง หากเป็นเด็กที่โตแล้ว การเรียนออนไลน์คงจะสามารถประคับประคองไปได้ แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กแน่นอนว่าอาจจะกลายเป็นภาระของผู้ปกครอง ต้องเฝ้าดูแลให้เด็กสนใจการเรียนออนไลน์ที่บ้าน
ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยังผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ อย่าง “เกศฎาภรณ์ โกมลศักดิ์” ผู้ปกครองของนักเรียนวัย 3 ขวบ โรงเรียนชื่อดังย่านกาญจนาภิเษก ซึ่งกำลังตกอยู่ในพื้นที่สีแดง เสี่ยงโควิด-19 เปิดใจว่า อยากให้โรงเรียนลดค่าใช้จ่ายลงให้บ้าง
“ปิดถึงสิ้นเดือน ม.ค. ตามที่รัฐบาลประกาศ เพราะว่าเด็กก็อันตราย เขาก็ Control ไม่ได้ ก็เห็นด้วยนะคะที่ให้ปิด แต่ก็จริงๆ แล้วโรงเรียนควรจะลดค่าใช้จ่ายให้ เพราะว่าได้ยินมาว่าบางโรงเรียนเขาก็มีการคืนเงินให้ผู้ปกครองบางส่วน แต่สำหรับโรงเรียนของลูกพี่ ไม่มีการคืนเงินให้
ผลกระทบอย่างแรกก็คือ ลูกต้องอยู่บ้าน ซึ่งต้องมีคนเลี้ยงลูกให้เรา ทั้งๆ ที่เราก็จ่ายค่าเทอมไปแล้ว แต่โรงเรียนให้มีการเรียนออนไลน์ ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย แต่เข้าใจว่า มันก็ไม่ effective เท่ากับการไปเรียนที่โรงเรียน เพราะว่าอันนี้เป็นเด็กอนุบาล จะไม่เหมือนกับเด็กโตที่จะโฟกัสได้มากกว่า
เพราะอย่างพี่เด็กอนุบาล การโฟกัสมันก็จะมีน้อย ถ้าเกิดมาดูทางออนไลน์ ทางทีวี ก็จะดูได้แค่แป๊บเดียว ไม่เหมือนกับดูที่โรงเรียน ซึ่งมีการปฏิสัมพันธ์กับคุณครู กับเพื่อน เพราะเด็กอนุบาลเหมือนกับต้องใช้การพัฒนามากกว่าการเรียนหนังสือ”
นอกจากนี้ คุณแม่รายเดิมยังเปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับตกปีละเกือบ 2 แสนบาท จึงอยากให้ทางโรงเรียนช่วยคืนค่าจ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างเช่น ค่าอาหารกลางวันตลอดระยะเวลาที่มีการเรียนออนไลน์
“จ่ายค่าเทอมเกือบแสนต่อเทอม รวมค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์ ค่าอาหารกลางวัน ค่าเบรก รวมทุกอย่างเลย แต่พวกเสื้อผ้าซื้อเองต่างหากไม่เกี่ยวกัน ทั้งนี้ ยังบอกอีกว่า
ไม่ใช่ลดส่วนของค่าเทอม เป็นการลดส่วนของค่าอาหารที่มันไม่ได้เกิดขึ้น โรงเรียนไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง จากการที่ต้องซื้อของมาให้ลูกเราทาน เพราะฉะนั้นเขาก็ควรลดในส่วนนี้ได้ เป็นส่วนที่ลดได้จริง”
ไม่เพียงแค่คุณแม่ท่านนี้เพียงคนเดียว แต่ยังมีผู้ปกครองทุกท่านที่เห็นด้วยว่าทางโรงเรียนควรลดค่าเทอมให้บ้าง เพราะอย่างการระบาดของโควิด-19 รอบแรก ทางโรงเรียนก็ไม่ได้มีการลดให้แต่อย่างใด
“จริงๆ แล้วมีการคุยกับกลุ่มแม่ๆ ทั้งหลายเหมือนกันว่า โรงเรียนก็ควรจะลดค่าใช้จ่ายให้เรานะ เพราะว่าโรงเรียนก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องไปซื้อของมาให้ลูกเราทาน เบรก หรือมื้อเที่ยง น่าจะลดส่วนนั้นได้
เห็นด้วยหมดทุกคนเลยว่าอยากให้ลด รอบแรกเรายังไม่ได้คิดอะไรมากนะ เพราะคิดว่าคงแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ผ่านไป แต่พอมารอบนี้ ก็รู้สึกว่ามันก็ Impact โรงเรียนน่าจะพิจารณาได้ แต่เราก็คิดว่าเดือนนึงมันไม่น่าจะหายหรอก มันอาจจะต้องต่อไปอีก 2 เดือน พี่คิดว่ามันต้องมีแน่ๆ เพราะว่ารอบนี้มันระบาดเยอะกว่ารอบที่แล้ว เราก็คิดว่าโรงเรียนควรพิจารณาอะไรบางอย่างให้แก่เรา
แม่ๆ หลายคนว่าจะลองโทร.ไปคุยกับทางโรงเรียนอยู่เหมือนกัน ก็คิดว่าถ้าโทร.ไปเยอะๆ เขาก็น่าจะพิจารณา ก็ช่วยๆ กันโทร.ไป”
เป็นปัญหา ต้องหาคนช่วยดูแลเพิ่ม
โดยปกติแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านก็มีภาระหน้าที่ต้องทำงาน การที่มีมาตรการให้เด็กหยุดเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ยิ่งเป็นเด็กเล็ก ผู้ปกครองก็ต้องได้รับผลกระทบอยู่พอสมควร
หลังจากมีการประกาศจากหน่วยงานรัฐว่าให้เรียนออนไลน์ คุณแม่รายเดิมก็เล่าถึงว่า ทางโรงเรียนจะให้มีจัดการเรียนการสอนผ่าน google classroom
“เขาก็มีให้เรียนออนไลน์ เรียนผ่าน google classroom มันก็จะมีคุณครูที่ทำเป็นวิดีโอคลิปมา ซึ่งจริงๆ แล้ววิดีโอก็โอเคค่ะ แต่อย่างที่บอก เนื่องจากว่าลูกเราเล็ก เป็นเด็ก มันก็จะโฟกัสได้ไม่นาน เหมือนกับพวกรุ่นใหญ่ หรือว่าเด็กโต ก็ต้องให้คุณย่า แม่บ้านช่วยดูแล แล้วก็มีน้องสาวช่วยดูแลด้วยค่ะ”
ทางด้านคุณแม่รายเดิมยอมรับว่า เป็นปัญหาที่กระทบในการดำเนินชีวิตพอสมควร แต่โชคดียังมีคนช่วยดูแล ห่วงพ่อแม่ผู้ปกครองรายอื่นมากกว่าที่ต้องหาพี่เลี้ยงชั่วคราวมาดูแลลูกในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้
“จริงๆ ก็เป็นปัญหา แต่สำหรับพี่ไม่เยอะ เพราะมีคนช่วยดูแล แต่สำหรับแม่ๆ บางคนที่เขาไม่มีคนช่วยดู เขาน่าจะลำบาก เพราะเขาต้องหาคนมาเลี้ยง หรือหาที่เลี้ยงชั่วคราว ซึ่งหายากมาก เพราะปัจจุบันก็ไม่มีใครกล้ารับคนพม่าเข้ามาเป็นแม่บ้านถูกต้องไหมคะ เพราะเนื่องจากส่วนใหญ่แล้วแม่บ้านก็จะเป็นคนไทย คนลาว คนพม่า
แต่ก็เห็นด้วยที่ควรจะหยุด เพราะเด็กๆ ไม่สามารถรักษาตัวเองได้เท่ากับผู้ใหญ่ อย่างผู้ใหญ่เองก็ยังควบคุมตัวเองให้ใส่หน้ากากได้ตลอดเวลาถูกต้องไหม ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ แต่เด็กๆ ใส่หน้ากากบางทีก็ปิดแค่ปากไม่ยอมปิดจมูก ซึ่งมันจะไม่ปลอดภัย
แต่ล้างมือคุณครูเขาก็พาล้างอยู่แล้ว แต่คิดว่าช่วงที่ระบาดเยอะๆ แบบนี้ ซึ่งหนักกว่ารอบที่แล้วอีก มันก็ควรจะหยุด พี่คิดว่ามันปลอดภัยกว่า การอยู่บ้านดีที่สุดอยู่แล้ว”
ท้ายนี้ยังย้ำถึงการลดค่าเทอมอีกว่า ทางโรงเรียนควรพิจารณาในส่วนตรงนี้ให้ด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“ก็อยากให้โรงเรียนพิจารณาค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่เกิดขึ้นจริง แล้วก็ลดค่าใช้จ่ายให้แก่บรรดาผู้ปกครอง คือ จริงๆ ผู้ปกครองเข้าใจว่าโรงเรียนก็มีต้นทุนค่าสถานที่ ค่าเงินเดือนคุณครูที่จะต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่มันจะมีในส่วนที่ลดได้จริง คือ ค่าอาหาร ค่าเบรก ที่ปกติเขาจะต้องจ่ายซื้อของให้ลูกเราทาน
แต่ครั้งนี้โรงเรียนไม่ได้จ่ายอยู่แล้ว เพราะว่าเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ควรจะพิจารณาส่วนนี้ให้เรา เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า เขาจะช่วยเหลือผู้ปกครอง เพื่อที่ไปหาคนมาเลี้ยงลูกที่บ้าน ก็เป็นการช่วยกัน ก็จะวินวิน”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **