แพทย์คลายข้อสงสัยสามารถกินอาหารทะเลได้ตามปกติ เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ติดทางอาหาร หลัง “ลาว” ถึงขั้นแบนอาหารทะเลจากไทย กระทบหนักถึงผู้ประกอบการอาหารทะเล เสียหายหนัก ทั้งที่ช่วงสิ้นปี เป็นช่วงกอบโกย แต่ต้องมาเจอวิกฤต
คนแพนิก!! ไม่กินอาหารทะเล
พ่นพิษอีกครั้งสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดระลอกใหม่ใน จ.สมุทรสาคร ที่เหมือนระเบิดลูกใหญ่ ไม่ใช่กระทบแค่การท่องเที่ยว แต่ลามไปถึงเศรษฐกิจการส่งออก
ทำเอาภาคธุรกิจทะเลสดและแช่เข็งเสียหายหลักหมื่นล้าน กระทบหนักถึงผู้ประกอบการอาหารทะเล ทั้งที่ช่วงสิ้นปีเป็นช่วงกอบโกย แต่ต้องมาเจอวิกฤต
ล่าสุด มีรายงานจากสำนักข่าว “laotiantimes” ของ สปป.ลาว รายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว มีประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลทั้งแบบสดและแบบแช่แข็งจากประเทศไทยชั่วคราว หลังจากประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่จากแพกุ้ง จ.สมุทรสาคร
มาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราว และจะมีผลบังคับใช้จนกว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก สปป.ลาว และไทยจะสามารถหารือมาตรการร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยของอาหารทะเลที่นำเข้าจากไทยให้ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
เพื่อให้คลายข้อสงสัยว่าอาหารทะเลสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อได้หรือไม่ ทีมข่าว MGR Live ได้ต่อสายตรงไปยัง นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ย้ำว่า คนไทยสามารถกินอาหารทะเลได้ตามปกติ เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ติดทางอาหาร
“อาหารทะเลกินได้ ไม่มีปัญหา อย่าไปตื่นตระหนกตกใจเกินไป มันเป็นแค่คนปรุงเท่านั้นเองที่จะต้องล้างมือ ไม่ใช่ว่าเลิกกินอาหารทะเลเลย เชื้อมันออกจากตัวคนที่ทำงานกับอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นแกะกุ้ง บรรจุของ ถ้าเขาป่วย เขาไอ มือเขาเปื้อนเสมหะแล้วก็จับอาหารทะเล เชื้อมันก็มาอยู่ที่อาหารทะเล แต่ว่ามันอยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะมันไม่ใช่เชื้อที่มีชีวิตด้วยตัวเอง เป็นเชื้อที่มีไขมันล้อมรอบ พอออกมาไม่นานมันก็ตาย
เราไม่ต้องทำอะไรมันเลย เดี๋ยวมันก็ตาย ก็ใช้เวลาสักพักหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าถ้าอุณหภูมิเย็นมาก ความชื้นสูงมากก็อาจจะอยู่ได้นานหน่อย แต่เชื่อว่ามันอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงหรอก มันก็ตายไปเอง
หมายถึงว่าเราไปสัมผัสอาหารทะเล ในระยะแรกๆ หลังจากที่เขาเพิ่งจะปนเปื้อน ไอลงไปในกุ้งแล้วมือไปจับ มือเราจะเป็นตัวนำเชื้อเข้าร่างกายเรา มันไม่ใช่อาหาร ถ้าเอากุ้งไปกินไม่เป็นไร ไม่ได้ติดทางการกิน มันอยู่ว่าเราไปจับ ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ล้างมือ
แล้วมือเรามาขยี้ตา มาแคะจมูก อันนั้นเป็นตัวนำเชื้อเข้าเรา เมื่อไหร่เราสัมผัสกับอาหารทะเลเราก็ล้างมือ แต่คนที่เข้ากินอาหารไม่เป็นไร เพราะเชื้อมันไม่สามารถลอยจากอาหารทะเลขึ้นมาในอากาศแล้วก็สูดดมเข้าไป มันไม่ทำอย่างนั้น คนเอาเชื้อไปปนเปื้อนบนผิวอาหารทะเล แล้วเราไปจับบนผิวอาหารทะเล แล้วเอามือมาสัมผัสกับจมูกกับตาเรา เราก็จะรับเชื้อ แต่ว่าการกินอาหารไม่เป็นไร”
นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า เชื้อที่อยู่ในอาหารจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะเชื้อไม่สามารถลอยจากอาหารทะเลขึ้นมาในอากาศแล้วก็สูดดมเข้าไป ใช้เวลาสักพักเดี๋ยวก็ตายไปเอง
“คือ เชื้อจะอยู่ไม่กี่ชั่วโมงหรอก อย่างในการทดลองเขาทดลองในห้องปฏิบัติการ มันทำให้คนตื่นเต้นมาก เขาก็เอาเชื้อที่มันอยู่ในอาหาร ซึ่งในอาหารมันมีเชื้อเยอะแยะเลยเป็นแสนตัว ไปวางบนพื้นผิวต่างๆ มาอีก 2-3 วันก็มาเพาะเชื้อก็ยังเจอตัวอยู่ แต่จำนวนมันลดลงเยอะเลย
แต่ในชีวิตจริงเชื้อที่ออกมามันไม่ได้ปริมาณเยอะขนาดนั้น พอมันไม่นานมันก็จะลดลงไป บางตัวก็หายไปเลย อย่างที่เขาบอกว่าใช้เวลา 3 วัน เขาก็ใช้ปริมาณเยอะมาก แล้วก็เอาเชื้อที่อยู่ในอาหารเลี้ยงไปวางไว้ แต่ว่าเวลาเราไอจามไม่ได้มีอาหารเลี้ยง มีเศษคราบน้ำมูก มันไม่ได้มีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้น ทำให้คนเรากลัวเกินไป”
ในฐานะนักรบด่านหน้าเอง ยังมองถึงความรุนแรงการระบาดครั้งนี้ โดยเฉพาะความเสียหายด้านเศรษฐกิจด้านอาหารทะเล
“ตอนแรกเขาบอกว่า เศรษฐกิจเราจะติดลบ 7-8 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ถ้าเป็นอย่างนี้มันจะเป็น 10-12 เปอร์เซ็นต์ มันจะมากเกินไป เราจะอยู่กันไม่ไหว เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่ามันไม่จริง กินได้ ขอให้คนที่ปรุงต้องระมัดระวัง แต่อาหารมาอยู่บนจาน เราไม่เป็นไรแล้วครับ ทุกอย่างมันตายหมดแล้ว
ใส่อาหารเข้าไปในปากมีเชื้อก็ไม่เป็นไร เชื้อมันน้อยมากๆ แล้ว กว่าจะเดินทางมาถึงเราเข้าปากมันเป็นวันแล้ว เชื้อมันก็ตายหมดแล้ว คนที่ปรุงต้องระวัง ล้างมือ อย่าเอามือไปจับหน้า จับตา จับจมูก คนที่กินไม่เป็น แม่ครัวคือคนที่ต้องระวัง แต่คนทั่วไปกินอาหารทะเลได้”
อย่าตื่นตระหนก กินอาหารทะเลแล้วไม่ติดโควิด-19
“ผมว่ามันไม่ถูกต้อง มันตื่นตระหนกเกินไป อย่างที่บอกว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อทางการหายใจ ไม่ใช่โรคติดต่อทางอาหาร ไม่เกี่ยวข้องกันเลย อย่างญี่ปุ่น คนก็แห่ตื่นเต้นกันไม่กินซูชิกัน คือมันไม่จริงเลย มันไม่เป็นอย่างนั้นเลย ขนาดปลาดิบๆ ก็ยังไม่มีใครเป็นเลย ไม่มีรายรายว่าคนที่กินปลาดิบแล้วป่วยเป็นโควิด-19 ไม่มี”
นอกจากนี้ นักรบชุดขาวยังบอกอีกว่า ไม่มีรายงานว่ากินอาหารทะเลแล้วป่วยเป็นโควิด-19 จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกมากเกินไป เพราะนอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว เรื่องเศรษฐกิจก็สำคัญ
ไม่มีรายงานเลย แต่คนกลัวไปเอง เพราะมันเกิดขึ้นในตลาดกุ้ง ตลาดอาหารทะเลก็เลยไปโบ้ยเลยว่าเป็นจากอาหารทะเล ไม่ใช่มันเกิดจากคน คนเราอย่าไปตื่นตระหนกเกินไป เราต้องคิดถึงว่ามันไม่ใช่เรื่องสุขภาพอย่างเดียว มันพูดถึงเศรษฐกิจด้วย คนจะตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ไม่มีอะไรกิน เราต้องช่วยกัน คนไทยต้องช่วยคนไทยด้วยกัน
ส่วนมาตรการเร่งด่วนในขณะนี้ต้องมองไปที่แรงงานต่างชาติชาวพม่า และคนไทยที่ติดเชื้อเชื่อมโยงกับตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร ใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี เว้นระยะห่างกันต่อไป
“ตอนนี้มันแพร่กระจายไปกี่จังหวัดแล้วก็ไม่รู้แหล่งใหญ่เรายังควบคุมไม่ได้ แหล่งใหญ่ก็คือมาจากแรงงานพม่า เพราะว่าถ้าเราไม่สามารถจะควบคุมแหล่งนั้นได้เขาก็จะปล่อยออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด สมมติไปจังหวัดอื่นเราก็ควบคุมได้ คนที่เป็นก็แยกตัวเขา ไม่ให้อยู่ในบ้าน ให้อยู่ในสถานที่ห่างไกลคนอื่น กักตัวเขาไว้ครบ 14 วัน เขาก็ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น
แต่ว่าแหล่งใหญ่คือแรงงานต่างด้าว ผมเชื่อว่าจะยังระบาดต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้เรามีพันกว่าคน ตัวเลขจริงๆ อาจจะเป็นหลายพัน หลักหมื่นได้ แล้วพวกนี้ถ้าเขาออกมา เชื้อมันก็จะออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเราจะควบคุมยากมาก ผมเห็นใจรัฐบาลว่าใครจะควบคุมแรงงานมันไม่ใช่เรื่องหมูๆ เลย มันต้องใช้เงิน ใช้ทั้งเจ้าหน้าที่ ใช้ทั้งกฎหมายบังคับ ซึ่งมันยากมากๆ
มันจะซบเซาหนักเลยถ้าตัวเลขเราขึ้น ตอนนี้ก็ขึ้นมาห้าพันกว่าคนแล้ว อีกไม่นานก็เป็นหลักหมื่น ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้หนักกว่า คุมยากกว่า ครั้งที่แล้วเราคุมง่าย เพราะมาจากต่างชาติใช่ไหม เดินทางมาแล้วก็คุม อันนี้มันอยู่ในประเทศไทยแล้ว แล้วจะคุมกันยังไง”
ท้ายนี้ยังย้ำถึงความเคร่งครัดที่ทุกคนควรปฏิบัติตามมาตรการ พร้อมแสดงความเป็นห่วงถึงคนไทยทุกคน อยากให้อดทน และร่วมมือกันอีกต่อไป แม้ครั้งนี้จะหนักกว่าครั้งที่ผ่านมา เชื่ออีกว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้เช่นเดิม
“ทำให้เคร่งครัดยิ่งขึ้น เรารู้วิธีการอยู่แล้ว ไม่ใช่ของใหม่แล้ว ใส่หน้ากากทุกคน ใส่ให้ถูกวิธี เรารู้วิธีการแล้ว ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ช่วงปีใหม่เราก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น จะมีการสวดมนต์ก็อยู่ห่างๆ กันหน่อย ใส่หน้ากากไว้ มีการร้องเพลงปีใหม่ก็อยู่ห่างๆ ใส่หน้ากากไว้ ขอให้ใส่หน้ากาก
ถ้าทุกคนใส่หน้ากาก ความเสี่ยงที่จะรับเชื้อมันจะน้อยลง ป่วยก็ละป่วยน้อย ไม่ป่วยหนัก วัคซีนป้องกัน 95 เปอร์เซ็นต์ หน้ากากก็ไม่ได้ป้องกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ก็จะป้องกันได้ 95 เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน แต่ต้องใส่ทุกคน
เพราะครั้งนี้มันจะหนักกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน มันยังพุ่งต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะว่าเรายังไม่ได้ไปตรวจเพิ่ม โดยเฉพาะในแรงงานต่างด้าว ถ้าตรวจเพิ่มเมื่อไหร่ก็จะเจอมากขึ้น เพราะว่าคนที่เราตรวจพบเชื้อเราไม่ได้แยกเขาออก ระหว่างนั้นก็กลับไปอยู่บ้าน ก็ออกไปข้างนอก เขาอยู่บ้านเขาก็อยู่กับคนอีก 10 คน เดี๋ยวอีก 10 คนก็เป็น เพราะบ้านเขามันแออัด การถ่ายเทอากาศก็ไม่ดี มันยากมากๆ
ยากกว่ามาก ต้องใช้เงิน ใช้เวลา ใช้ความอดทน ใช้ความร่วมมือของคนไทยด้วยกัน นี่เป็นการพิสูจน์เลยว่าคนไทยจะทำยังไง ต้องช่วยกัน พยายามอย่าไป state at home อย่างเดียว ออกมาใช้เงินใช้ทอง ให้คนอื่นเขาได้มีเงินมีทอง จะได้มีรายได้ มีอาหารกิน อย่าไปกักตัวเองไว้ กลัวตัวเองมากเกินไป
ก็เป็นห่วง เราก็เรียนรู้แล้วจากบทเรียนระบาดรอบแรก แล้วก็เรียนรู้จากประเทศสิงคโปร์เขาทำยังไง เราก็ต้องทำตามเขา เราเชื่อว่าเราจะผ่านพ้นไปเหมือนกัน”
ข่าว : MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **