#โควิดสมุทรสาคร ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด ด้านแพทย์จุฬาฯ เผยไทยอยู่ในภาวะวิกฤต ที่ตรวจเจอเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของพื้นที่เสี่ยง แนะชะลอการรับแรงงานเมียนมากว่า 60,000 คน ออกไปก่อน “เรื่องเศรษฐกิจสำคัญ แต่ตอนนี้ชีวิตคนสำคัญเป็นอันดับ 1”
สุขภาพควรมาก่อนเศรษฐกิจ!
“ตอนนี้การระบาดที่เริ่มจากมหาชัยแล้วไปจังหวัดอื่นๆ สถานการณ์ฟันธงได้ว่าเป็นเรื่องของการระบาดซ้ำ ระบาดระลอก 2 ระบาดอีกครั้ง หรือระบาดใหม่ ใช้คำไหนก็ได้ นี่คือ การระบาดซ้ำแน่นอน ถามว่ามันแย่แค่ไหน บอกได้ว่ามันเป็นภาวะวิกฤต แปลว่ารุนแรงมาก เพราะว่าการตรวจเจอแบบทันทีทันใด และมีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก”
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดใจแก่ทีมข่าว MGR Live ถึงเหตุการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศ กำลังตื่นตระหนกอยู่ในขณะนี้ กับกรณีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ขณะนี้ตัวเลขพุ่งสูงหลายร้อยรายในวันเดียว และยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
[ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ]
“ที่ตรวจเป็นแค่ส่วนเดียวของที่ติดเชื้อจริง ยังมีคนอีกจำนวนมากที่เรายังไม่ได้ตรวจในพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตรวจไปพันกว่าคน ในขณะที่ประชากรในพื้นที่ของ จ.สมุทรสาคร มีอยู่ 500,000 กว่าคน มีแรงงานที่เป็นแรงงานต่างด้าวอีก 200,000 คน ที่เป็นการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ ยังไม่นับคนที่ลักลอบเข้ามา
เพราะฉะนั้นในส่วนที่เราตรวจได้ ถือว่าเป็นจำนวนน้อยนิด เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในพื้นที่เสี่ยง ยังไม่นับเรื่องการกระจาย หรือการเคลื่อนย้าย เช่น มาซื้อของแล้วกลับไปที่จังหวัดตัวเองอีกจำนวนมาก”
สำหรับ จ.สมุทรสาคร นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า มีแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวเมียนมา จนในพื้นที่ ต.มหาชัย ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมียนมาทาวน์”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดำรง พุฒตาล เจ้าของอดีตนิตยสารดังและผู้ก่อตั้งมูลนิธิเมาไม่ขับ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ “คู่สร้างคู่สม (ประเทศไทย) จำกัด” ระบุว่า ได้ข้อมูลนี้จากเพื่อนที่เป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ สร้างความเสียหายให้เขานับ 100 ล้าน ตลอดจนเผยเบื้องหลังขบวนการลักลอบพาแรงงานชาวเมียนมา เข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ตกคนละ 10,000 บาท ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 จะราคาถูกกว่านี้
“เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเป็นอดีตกำนัน ได้สร้างสนามบาสเกตบอลในเขตพื้นที่ของเขา เพื่อให้ลูกบ้านได้มาออกกำลังกายและมีสันทนาการ ปรากฏว่า ทุกเย็นแทบจะไม่มีเด็กไทยไปเล่นบาสเกตบอลในสนามนี้เลย เพราะจะมีแต่คนพม่าเท่านั้นที่เล่นกันเต็มสนามนี่ ก็จะบอกได้ว่า จ.สมุทรสาคร มีคนพม่าอยู่กันมากมายเต็มเมืองขนาดไหน และมีความเป็นไปได้สูงว่าในอนาคต นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร อาจเป็นคนพม่าก็ว่าได้” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า องค์การแรงงานเมียนมา เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเจรจากับรัฐบาลไทย ให้มีการอนุญาตให้รับแรงงานเมียนมาอีกกว่า 60,000 คน เข้าไทยนั้น คุณหมอธีระ ให้ความเห็นว่า อยากให้ชะลอไว้ก่อน ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับแรก
“ตอบตรงไปตรงมา ตอนนี้สถานการณ์มันวิกฤต เพราะฉะนั้นถ้าเกิดข้อเรียกร้องดังกล่าว ที่เอาแรงงานจากเมียนมามา 60,000 ความเสี่ยงมันสูงอยู่แล้ว เนื่องจากว่าเขายังอยู่ในภาวะการระบาดหนัก เขายังคุมไม่ได้ ถ้าผมเป็นรัฐบาล ผมก็จะปฏิเสธ ชะลอไปก่อน
เรื่องเศรษฐกิจสำคัญก็จริง แต่ตอนนี้เรื่องชีวิตคนสำคัญมาเป็นอันดับ 1 ถ้ารับเข้ามา โอกาสที่เจอคนติดเชื้อแม้ว่าจะเข้ามาเป็นทางการก็ตามแต่ มันก็จะเยอะ และมันก็จะเกิดเป็นภาระต่อระบบสาธารณสุข แปลว่า เวลาตรวจแล้วเจอคนติดเชื้อเยอะ ก็ต้องทำการดูแลรักษาเขา ซึ่งตอนนี้จำเป็นต้องทำการเซฟทรัพยากรระบบสาธารณสุขเอาไว้ ใช้ให้น้อยสุดเท่าที่จะน้อยได้ เพราะไม่งั้นถ้าคนในประเทศเกิดการติดเชื้อเยอะๆ ขึ้นมา มันจะรองรับไม่ไหว”
งานรื่นเริงทั้งหลาย งดได้งด!!
อีกประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ คือ การที่ กรุงเทพมหานคร ประกาศขอความร่วมมืองดจัดกิจกรรมปีใหม่ทุกแห่ง แต่หากจะจัดจะต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักอนามัย ตลอดจนมีแผนควบคุมโรค ท่ามกลางคำถามที่ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีคำสั่งที่เด็ดขาดให้งดจัดกิจกรรมไปเสียเลย เพราะจุดนี้อาจเป็นช่วงโหว่ให้เกิดการระบาดมากยิ่งขึ้นอีก ในประเด็นนี้ แพทย์จุฬาฯให้ความเห็นว่า เห็นควรที่จะให้มีการคำสั่งงดจัดทุกกิจกรรมในช่วงนี้ไปก่อน
“ด้วยสถานการณ์วิกฤต ณ ปัจจุบัน จำเป็นครับที่รัฐบาลอาจจะต้องประกาศในเร็วๆ นี้ ว่า ควรจะต้องสั่งการให้ ‘งดกิจกรรม’ เรื่องของการเลี้ยงฉลองงานรื่นเริง รวมทั้งงานแสดงต่างๆ ที่มีคนจำนวนมาก เคานต์ดาวน์ คริสต์มาส จำเป็นต้องงดครับ แต่ว่าอาจจะให้คนไทยสามารถเฉลิมฉลองได้โดยที่จัดงานกันเล็กๆ ในครอบครัวสำหรับปีใหม่ เพื่อให้เราสามารถที่จะจัดการโรคระบาดได้ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา แจ็กพอตเจอคนติดเชื้อ แพร่ไปเยอะเกินกว่าที่จะคาด
ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นวิกฤตของภาวะการระบาดซ้ำ การขยายตัวรุนแรงสูงมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ของต่างประเทศ 75 ประเทศ ที่ระบาดซ้ำ ถ้าเราปล่อย ไม่สามารถคุมได้ ก็จะประสบปัญหาเดียวกับเขา ก็คือ เรื่องการติดเชื้อรายวัน อาจจะสูงไปถึง 940 คน แล้วก็ใช้เวลาในการคุมยาก คุมนานกว่าเดิม 2 เท่า ของเมืองไทยจะประมาณ 88 วัน หรือประมาณเกือบ 3 เดือนครับ”
พร้อมกันนี้ ยังให้คำแนะนำถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้อีกด้วย
“ทุกคนก็พยายามเต็มที่ครับ แต่ถ้าจะให้คำแนะนำ ผมคงจะเรียนท่านนายกรัฐมนตรีว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับไปบริหารจัดการสู้กับโรคระบาดเหมือนกับระลอกแรก คือ 1. ต้องใช้กลไก ศบค. ตอบสนองแบบการระบาดระลอกแรก เป็นการทำงานแบบรวมศูนย์
ทุกหน่วยงานมาอยู่ในโต๊ะเดียวกัน แล้วนายกฯเป็นคนสั่งการเอง เพื่อลดขั้นตอนของการกระจายไปแต่ละหน่วยงาน ศึกครั้งนี้มันต้องอาศัยทุกหน่วยงานมาร่วมด้วยช่วยกัน แล้วทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าเกิดปล่อยให้เป็นการกระจายอำนาจให้ต่างคนต่างทำ มันก็จะทำให้ตอบสนองได้ช้า ไม่ทันเวลาครับ
2. ระดมทรัพยากรเพื่อทำงานตรวจโควิด ในประชากรในพื้นที่เสี่ยง โดยไม่จำเป็นต้องมีอาการ ให้สามารถเข้าถึงการตรวจได้ และ 3. การกำหนดทั้งในเชิงของในกฎหมาย รวมทั้งการรณรงค์ เพื่อให้ทุกคนในประเทศสวมหน้ากากอนามัยเสมอเวลาออกจากบ้าน เป็นแคมเปญสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้องทำ เพื่อป้องกันไม่ให้แต่ละคนติดเชื้อ เป็น 3 ข้อ ที่คิดว่าควรจะทำครับ”
สุดท้าย รศ.นพ.ธีระ ได้ฝากความห่วงใยถึงประชาชนชาวไทยทุกคน ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ให้รักษาสุขภาพของตนเอง และที่สำคัญ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
“ตรงนี้เป็นตัวที่เน้นย้ำที่สุด เน้นย้ำมากๆ ว่า ไม่ได้ติดเชื้อแค่แรงงานต่างด้าว มีคนไทยที่รับเชื้อไปด้วยจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แล้วก็ไปติดกันต่อ เพราะฉะนั้นเวลาใช้ชีวิตนับจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จะเป็นชีวิตที่จะต้องใช้หน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ ไม่รู้ว่าคนที่เราไปเจอในชีวิตประจำวันติดเชื้อมาโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า
การระบาดระลอก 2 เราปล่อยให้เกิดขึ้นเหมือนประเทศอื่นไม่ได้ เพราะว่ามันจะหนักหนาสาหัสมาก ตอนนี้จำนวนคนติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำได้ดีที่สุด อยากขอให้ประชาชนรักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเองอย่าให้ตัวเองติดเชื้อ ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นก็ทำเพื่อตัวเราเอง อย่าให้ติดเชื้อก็พอ เพราะถ้าติดเชื้อแล้ว โอกาสที่ระบบสุขภาพจะดูแลยาก ถ้าภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ อาจจะมีโอกาสเสียชีวิตได้ ก็ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยครับ”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ข่าว : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **