แม้พิการแต่ไม่คิดขอทานใคร! เปิดใจ “โต้ง” ชายผู้ประสบอุบัติเหตุจากการทำงานจนพิการเดินไม่ได้ แต่ด้วยหัวใจของลูกกตัญญู ออกตระเวนโยกรถสามล้อเก็บขยะแลกเป็นเงินเลี้ยงปากท้อง เคยท้อจนเกือบคิดสั้น แต่ได้กำลังใจจากแม่ดึงสติไว้ “เราต้องสู้ไปด้วยกัน เป็นอะไรก็ดูแลกันไป”
ชีวิตเปลี่ยนเพราะตัดต้นไม้
“พอหล่นแล้วเจ้าของบ้านก็มาตาม บอกว่าลูกเป็นลม แม่ก็ว่าดีๆ อยู่จะเป็นลมได้ยังไง พอไปถึงเห็นเขานอนผิดรูป แข้งขา ก็ร้องเสียงดัง ‘แม่ ฉันทำงานเลี้ยงแม่ไม่ได้แล้ว ขาไม่รู้สึกเลย’ (เห็นลูกแล้ว) ใจจะขาด สงสาร”
ประเทือง โตยอ หญิงชราวัย 72 ปี กล่าวกับผู้สัมภาษณ์ ถึงวินาทีที่เปลี่ยนชีวิตของเธอและลูกชายไปตลอดกาล เมื่อ “โต้ง - วิรัช โตยอ” อายุ 52 ปี ผู้เป็นลูก ประสบอุบัติเหตุตกต้นไม้ ระหว่างรับจ้างตัดแต่งกิ่งใบ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ลูกชายของประเทืองต้องกลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต
กว่า 3 ปีแล้ว ที่โต้งต้องทนทุกข์ทรมานกับการมีชีวิตในสภาพนี้ เขาไม่สามารถขยับไปไหนมาไหน หรือทำอะไรได้คล่องแคล่วดังเดิม จากชีวิตหนุ่มลูกจ้างโรงสีและทำงานรับจ้างขายแรงงานทั่วไป มีรายได้พออยู่พอกิน ต้องกลายเป็นคนว่างงานในทันที
อีกทั้งผลพวงจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ส่งผลทำให้เขาต้องต่อสู้กับความเจ็บปวด และต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน แม้ในวันนี้ร่างกายของเขาจะพิการ แต่ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวที เขาจึงพยายามต่อสู้กับชะตาชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้ เพื่อดูแลแม่สูงวัยให้ได้อยู่อย่างมีความสุข
“ขึ้นไปตัดต้นไม้ นั่งยองๆ แล้วเสียหลักหงายหลังลงมา คว้าอะไรไม่ได้ ก้นกระแทกพื้นข้างล่างจนสันหลังหักและก้นกบแตก ซี่โครง 1 ซี่ ไหปลาร้าด้วย ขยับเขยื้อนไม่ได้ พวกนี้มันติดกันได้แต่สันหลังต้องผ่าตัด ใส่เหล็กดามไว้ รักษาตัวร่วมครึ่งเดือนได้ 20 กว่าวัน
แขนปกติ นิ้ว มือ สายตายังใช้ได้ นั่งนานๆ สักชั่วโมงก็ไม่ไหว ต้องนอน มีรถวีลแชร์ ให้แม่เขาไสมา แล้วผมหันก้นลงไปถ่ายห้องน้ำ ขับถ่ายก็ไม่ได้ ฉี่ก็ไม่ได้ กินยาระบายตลอด ถ้าไม่กินมันก็จะอืดท้อง กินยาระบายก่อนคืนนี้ ยังช่วยเหลือตัวเองได้ กินข้าวได้ ไปโรงพยาบาลเรื่อยๆ ทุกเดือน ไปเปลี่ยนสายฉี่
ปวดมาตลอด หมอให้ยาแก้ปวดมากินตลอด มันจะปวด เราเคลื่อนไหวไม่ได้ ท่อนบนขึ้นไป แขนมีกำลังหน่อย ใหม่ๆ ไม่มีกำลัง ไปนอนโรงพยาบาล หมอทำกายภาพให้เราใช้กำลังแขนกดพื้น ให้มันลอย สอนเรากายภาพ มีแต่ติดเชื้อบ่อย เพราะภูมิร่างกายไม่มี เป็นภูมิแพ้มาแต่กำเนิดแล้ว ติดเชื้อง่าย”
เมื่อถามผู้เป็นแม่ถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ผ่านมาในระยะเวลา 3 ปี หลังลูกชายประสบอุบัติเหตุ เธอกล่าวว่า ตนเองก็ต้องออกรับจ้างทำงานบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นรายได้อีกทาง
“แม่ก็ไปถูบ้านให้เขา มันก็เรื่อยๆ มา อดมื้อกินมื้อกันไป มีกินก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน คุยกันก็บางทีเขาก็จ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ไปทำ บางครั้งก็พอ บางครั้งก็ไม่พอ อยู่กันไปให้ได้ไปวันๆ”
เปลี่ยนขยะเป็นเงินประทังชีวิต
“ตอนนั้นใหม่ๆ จะคิดแขวนคอตาย ภาระแม่ สงสารแม่ ไม่อยากเป็นภาระเขา คิดอย่างนี้ ตื่นมาแล้วเครียด ใครจะเลี้ยงดู น้องๆ ก็ไม่มี แม่ก็แก่แล้ว”
ชีวิตของโต้งและแม่ ต้องผ่านแต่ละวันไปได้อย่างยากลำบาก จากคนปกติทำงานได้เหมือนคนทั่วไป กลับกลายมาเป็นผู้พิการ โต้งยอมรับว่ามีบางเสี้ยวความคิดที่ยากที่จะยอมรับกับวิบากกรรมที่เกิดขึ้น จนอยากจากโลกนี้ไปเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้เป็นแม่ แต่ยังโชคดีที่เขาไม่ตัดสินใจทำสิ่งนั้นลงไป
แม้ทุกวันนี้โต้งจะอยู่ในสภาพพิการ ขาเดินไม่ได้ แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ ท้อแท้ และสิ้นหวัง ด้วยความรักและห่วงแม่ เขาจึงตัดสินใจใช้รถเข็นที่ได้มา ออกตระเวนเก็บขยะเพื่อเป็นรายได้แก่ครอบครัวนอกเหนือจากเบี้ยยังชีพผู้พิการและผู้สูงอายุที่ได้ในแต่ละเดือน
“ไปขอรถเทศบาลเขา เขาซื้อมาให้ ไม่เครียดแล้วทีนี้ ไปไหนต่อไหนได้ ไปคุยกับคนนู้นคนนี้ เก็บของเก่า ค่อยๆ เก็บ เอาที่คีบมาคีบใส่กระสอบ เจอก็เก็บ ไปทุกวัน ถ้าวันไหนเจ็บมากก็ไม่ไป จะปวดขาหนีบ ตัวโยกรถมันจะกดลงไป จะปวด นั่งนานไม่ได้ ปวดมากเลย
ส่วนมากเก็บไม่ทันเพราะเทศบาลเขาเทไปหมดแล้ว เก็บได้ไม่ถึงครึ่งถุง มันอยู่ลึกข้างในก็เก็บไม่ได้ สกปรกมาก กลัวติดเชื้อ เก็บแต่ที่อยู่ข้างบน ที่เห็นพอเก็บได้ กับที่ร่วงข้างถนน หลายเดือนกว่าจะได้ขาย ร่วม 3-4 เดือน ทีนึงขายได้ 400-500 บาท
แล้วก็รายได้จากบัตรพิการ แล้วก็แม่ได้คนชรา แม่ไปถูบ้านข้างๆ ใกล้ๆ เขาให้เดือนละพัน ค่าเช่าบ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ พอมีซื้อของกินของใช้ บางทีก็ไม่พอ ไม่มีเก็บเลยครับ ก็ได้กินได้ใช้จากแม่ค้าเขาให้ เขาสงสาร”
ทางด้านของ บุญตา เกาะแก้ว แม่ค้าข้าวแกงที่รู้จักกับครอบครัวนี้ กล่าวว่า โต้ง เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นผู้พิการ ทางร้านก็ให้ความช่วยเหลือด้วยการให้เขามารับอาหารที่ร้านไปกิน โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงิน
“แกเป็นคนดีมากเลย ไม่รบกวนใคร เกรงใจ ตั้งแต่รู้จักมาก็อยู่อย่างนี้มาตลอด แต่ก่อนเขาไปซื้อแกงเราไง ตอนเขาดีๆ ช่วงที่แกเดินได้ เราก็ไม่ได้ให้ แต่พอเขาเดินไม่ได้ ก็บอกเลยว่ามาเอาเลยโต้ง ถ้าขายเมื่อไหร่มาเอาได้เลย ถึงเราไม่อยู่ ใครอยู่ตักก็เอาไปเลย ฟรี ไม่ต้องจ่าย เจอบางทีก็ 100-200 ให้ไป ดูแลตลอด
พอโรงสีเขาเลิก ก็ไปรับจ้างข้างนอก ใครจ้างทำอะไรก็ทำ กวาดบ้าน ตัดต้นไม้ เวลามืดๆ หน่อย แกก็จะไปเก็บขวด แกอยากขายหวย แต่ทุนก็ไม่มี เพราะเก็บขยะก็ได้ไม่กี่บาท เก็บบางทีเป็นเดือนๆ ถึงจะได้ ตัวเองก็เหนื่อย โยกมากเข้า ไปหาขยะแต่ละถังมันไม่พอ เวลาแกขี่ผ่านเราก็แอบนึกสงสารในใจ
อยากให้หมอเก่งๆ ช่วยหน่อย อยากให้ช่วยรักษาให้เดินได้ ถ้าเป็นไปได้นะ เพราะแม่แกก็แก่มากแล้ว ถ้าแม่แกไม่อยู่ก็ไม่มีใครยกขาให้ ขึ้นรถโยกไม่ได้ เพราะขาลีบหมดแล้ว ถึงเป็นอย่างนี้ก็เข้มแข็งนะ ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น”
ลำบากแค่ไหนก็ไม่คิดขอทาน…
ชะตากรรมที่เผชิญ นำมาซึ่งความท้อแท้สิ้นหวังให้ แต่วันนี้ความทุกข์เหล่านั้นได้คลายลงบ้าง เพราะเขาได้รับกำลังใจจากแม่ บุคคลที่มีความสำคัญต่อเขา จากร่างกายที่เคยเจ็บป่วย ก็มีอาการดีขึ้น จนเขาสามารถลุกขึ้นมาสู้กับชะตาชีวิตได้อีกครั้ง
“สงสารแก ไม่อยากให้แกเหนื่อย ตอนยังดีๆ อยากกินอะไรก็หาให้แกกินตลอด ตามใจแก เวลาจะเจ็บป่วยก็พาไปหาหมอ ดูแลแกตลอด แกเหมือนพระในบ้าน กำลังใจจากแม่ ห่วงแก รักแก เราเป็นอะไรมา แม่ยังอยู่กับเรา ก็จะดูแลแกให้ดี”
เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่า ไม่มีเงิน ประกอบกับร่างกายที่เป็นแบบนี้ เคยมีความคิดที่จะไปขอทานบ้างหรือไม่ โต้งตอบแทบจะในทันทีว่า ไม่เคยคิด ซึ่งความสุขจากการได้อยู่ร่วมกันระหว่างแม่และโต้ง คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงซึ่งกันและกัน ให้ชีวิตผ่านพ้นในแต่ละวัน
“ไม่อยากคิดในสมองเลยไปขอทานเขากิน ไม่เคยเลย เพราะมีกำลังใจดีอยู่ ยังทำงานได้ คิดจะขายลอตเตอรี่ อยากจะขายมากเลย ก็คิดเหมือนกันถ้าไม่มีใครอยู่ เราช่วยเขาไม่ได้ จะกินอะไรก็ไปหาให้เขากิน ตอนนี้เขาก็มาดูแลผม เวลาผมจะไปขับถ่ายอะไร เอารถมาให้ผม ก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้ เวลาออกไปก็หาไม้สอย ดึงมาก เอาเชือกรถมา มุ้งก็เอาไม้แขวนกางเอง”
ขณะที่ผู้เป็นแม่ก็กล่าวให้กำลังใจทิ้งท้ายว่า “เราต้องสู้ไปด้วยกัน เป็นอะไรก็ดูแลกันไป”
นี่คือเรื่องราวชีวิตของโต้ง ชายที่มีหัวใจเพื่อแม่ แม้ในวันนี้ชีวิตของเขาจะยังไม่เป็นอย่างที่หวังและตั้งใจไว้ คือการทำหน้าที่เป็นลูกกตัญญู ได้ดูแลแม่ยามแก่เฒ่าให้สบาย แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าเขาจะเจออุปสรรคหนักขนาดได้ เขาก็ยังรักและห่วงใยแม่ บุคคลที่เคารพรักที่สุดเสมอ
หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการส่งต่อความช่วยเหลือ สามารถติดต่อไปได้ที่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 4 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี หรือโอนเงินไปได้ที่ธนาคารออมสิน สาขาเดิมบางนางบวช เลขที่บัญชี 020-2-83173-381 ชื่อบัญชี วิรัช โตยอ
สัมภาษณ์ : รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียง : MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **